Get more detail for your trip

ภูผาวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




Since Aug 2009
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ภูผาวารี's blog to your web]
Links
 

 
รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยว แผนที่การเดินทางและพิกัด GPS อย่างละเอียด Part2

เวลาจริงที่ใ้ช้ในการท่องเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน
Fri 26 Aug 2011
10:00 – 11:17 เดินทางจากนนทบุรีถึงราชบุรี
11:17 - 11:52 แวะทานอาหารกลางวันที่ ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม
11:52 - 13:13 เดินทางไป The CAMP Boutigue Resortซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ แวะซื้อของที่ Tesco Lotus Express ชัฎป่าหวาย (13 นาที)
13:13 - 16:00 Check-in รอแม่บ้านทำความสะอาด (10 นาที) ทำงาน พักผ่อน ไม่ได้ออกไปไหนเนื่องจากฝนตก
16:00 - 17:18 เดินทาง (20 นาที) ไปร้านอาหารเวียดนามทานอาหารเย็น
17:18 - 19:10 ขับรถแบบหลงๆ (48 นาที) ไป The Banyan Leaf Resortเพื่อไปให้อาหารและเล่นกับแกะ
19:10 - 19:50 กลับที่พัก

Sat 27 Aug 2011
9:00 - 10:00 อาหารเช้าที่ The CAMP Boutigue Resort
10:00 - 11:10 เดินทาง (13 นาที) ไปเลี้ยงแกะที่ Bellissimo Cafe & Resort
11:10 - 12:20 ถ่ายรูป ซื้อเทียนที่บ้านหอมเทียน
12:20 - 13:05 ตั้งใจจะทานข้าวที่ร้านครัวกระเหรี่ยงแต่โต๊ะเต็มเพราะทัวร์ลง จึงไปทานกลางวันที่ ก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย
13:05 - 14:10 เดินทาง (15 นาที) ไป บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ทซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนที่สอง พักผ่อน
14:10 - 14:47 เดินทาง (23 นาที) แวะถ่ายรูปหน้ารีสอร์ท Swiss Valley Hip Resort
14:47 - 17:07 Scenery Farm
17:07 - 18:15 เดินทาง (7 นาที) ไปเที่ยว Panoza ร้านกาแฟ ถ่ายรูป ท่องเที่ยว แห่งใหม่ของพนาลีรีสอร์ท
18:15 - 19:46 ไปธารน้ำร้อนบ่อคลึง แต่ปิดให้บริการแล้ว (8:00 - 17:00) จึงขับรถ (37 นาที) ไปทานข้าวเย็นที่ ครัวม่อนไข่
19:46 - 20:45 นั่งทำงานศิลป์อยู่ที่แล่นฉิว Landchillแล้วจึงกลับที่พัก

Sun 28 Aug 2011
8:40 - 9:30 อาหารเช้าที่ บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท
9:30 - 11:17 เดินเล่น ถ่ายรูป ภายในรีสอร์ท เก็บข้าวของกลับบ้าน
11:17 - 12:20 ขับรถ (28 นาที) ไปธารน้ำร้อนบ่อคลึงเดินไปดูตาน้ำและแช่เท้า
12:20 - 13:13 ขับรถทานอาหารกลางวันที่ร้านไส้กรอกเยอรมันระหว่างทางแวะซื้อของที่เพิงตรงข้าม Swiss Valley Hip Resort
13:13 - 14:10 ทานอาหารกลางท่ามกลางวิวขุนเขาที่ร้านไส้กรอกเยอรมัน
14:10 - 14:54 เดินเล่น ถ่ายรูป ที่ La Toscana
14:54 - 15:25 แวะจิบกาแฟที่อามันเต้ทำบุญให้อาหารกระต่าย และ LAmourก่อนเดินทางกลับบ้าน

หลังจากนั่งชิลที่ Panoza ร้านค้าร้านกาแฟของพนาลีรีสอร์ทได้ชั่วโมงเศษ พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังธารน้ำร้อนบ่อคลึงซึ่งปิดให้บริการไปตั้งแต่ห้าโมงเย็น เราจึงวกรถกลับมาทานอาหารเย็น มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ร้านดังของสวนผึ้ง ครัวม่อนไข่ ถือเป็นหนึ่งในแรงดึงดูดของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนผึ้ง ถึงขนาดต้องโทรไปถามที่ร้านก่อนจะไปว่ามีโต๊ะว่างไหม



อาหารรสชาติอร่อยสมชื่อครับ ผมชอบยำผักกูดและเห็ดโคนญี่ปุ่นผัดน้ำมันหอยเป็นที่สุด ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ ถือเป็นร้านหนึ่งในดวงใจผมเลย ถ้าไปสวนผึ้งอีกก็คงไม่พลาดร้านนี้แน่นอน
  • ดูรีวิว เมนูแนะนำ ข้อมูลเดินทาง แผนที่ GPS ของครัวม่อนไข่อย่างละเอียด คลิ๊กที่นี่ครับ




  • ช่วงกลางคืนอย่างนี้สวนผึ้งช่างเงียบสงบเสียเหลือเกิน ไม่มีถนนคนเดิน ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ เห็นรถประจำทางคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ ครัวม่อนไข่ เปิดไฟสว่างไสว เลยแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนซักหน่อย



    รถประจำทางคันนี้มีชื่อว่าแล่นฉิว หรือถ้าเรียกศัพท์ฝรั่งก็ Landchill แค่ชื่อร้านก็โดนใจแล้ว มีความหมายโดดเด่นในตัวทั้งสองชื่อ



    รถประจำทางคันนี้มีเจ้าตัวนี้เป็นพนักงานขับรถ... ชาตินี้ก็คงไม่ได้ขับไปไหนแน่ๆ



    ภายในร้านมีสินค้าทำมือสวยๆ มากมาย เจ้าของอัธยาศัยดีมาก ให้ถ่ายรูปได้เต็มที่ ไม่กลัวลอกเลียนแบบ



    ที่ใส่ปากกา และแม่เหล็กติดตู้เย็นฝีมือภาพถ่ายของเจ้าของร้านและเพื่อนพ้อง



    โปสต์การ์ดก็เช่นกัน บ้างก็เป็นภาพวาด บ้างก็เป็นภาพถ่าย



    บรรยากาศโดยรวมบนรถเมล์อาร์ตๆ คันนี้ เสื้อผ้าทำมือก็มีเช่นกัน



    ได้ปลอกกุญแจรถยนต์สัญลักษณ์ของสวนผึ้งกลับบ้าน 3 อัน 100 บาท ถึงแม้ว่าสินค้าในร้านจะราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่ด้วยการพูดคุยที่สนุกสนานของเจ้าของร้าน ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะซื้อของติดไม้ติดมือ



    และโปสต์การ์ดที่แสดงข้อความโดนๆ อีก 6 ใบ 100 บาท ซื้อเสร็จมีโปสต์การ์ดแถมมาให้อีกด้วย



    พร้อมกับตราประทับประจำร้าน



    ทางร้านมีอุปกรณ์เขียนโปสต์การ์ดต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นปากกาเมจิกหลากสี หมึกพิมพ์ตัวอักษรและรูปต่างๆ นั่งเล่นไปก็พลางคุยกับเจ้าของร้านไป เธอคุยสนุกและอัธยาศัยดีจริงๆ ใช้เวลาในร้านนี้ชั่วโมงกว่า จึงกลับที่พัก



    วันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ หลังจากทานอาหารเช้าที่บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ทเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปยังธารน้ำร้อนบ่อคลึง โดยใช้เส้นทางที่จะไป Scenery Farm หรือน้ำตกเก้าชั้น พิกัด GPS ของธารน้ำร้อนบ่อคลึง N13 31.202 E99 14.776





    ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 8:00 - 17:00 ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 5 บาท รายละเอียดการให้บริการสามารถดูได้ด้านล่างครับ



    ซ้ายมือของทางเข้ามีบึงขนาดใหญ่ วิวสวยเชียว



    ที่นี่มีสระน้ำร้อนให้บริการ 2 สระคือสระดินตามรูปด้านล่าง ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 38 - 45 องศาเซลเซียส สามารถใส่เสื้อผ้าลงไปแช่ตัวได้เลย ค่าบริการ 30 บาท อีกสระเป็นสระกระเบื้องซึ่งผมไมไ่ด้เข้าไปดูด้านใน นอกจากสองสระที่ว่ามาแล้วยังมีอ่างเล็กๆ ไว้แช่เท้าฟรีอีกด้วย แช่แล้วรู้สึกเท้าเบาขึ้นมากเลยทีเดียว



    อยากรู้จริงๆ เลยว่าต้นน้ำของธารน้ำร้อน หน้าตามันเป็นอย่างไร เลยตัดสินใจเดินไปดูกันซักหน่อย



    ก็เหมือนกับตาน้ำทั่วไป ที่แตกต่างคือตะไคร่น้ำสีเขียวเต็มไปหมด เนื่องจากไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเลยเพราะมันร้อนมาก เอานิ้วจุ่มไปนิดเดียว นิ้วแทบสุก



    น้องๆ ถ้าก้าวพลาดนี่ ไข่สุกเลยนะ



    เดินตามธารน้ำลงมาเรื่อยๆ น้ำใสมาก



    ถ้าเป็นน้ำตกปกติ คงมีกระโจนใส่แล้ว น่าเล่นเสียจริง



    ใสสะอาด เห็นพื้นใต้น้ำเลย



    ในที่สุดมันก็ไหลมารวมกันที่บึงแห่งนี้ก่อนถูกส่งผ่านท่อไปบริการผู้คนด้านล่าง ต้นน้ำก็เป็นน้ำใสธรรมดา แต่ทำไมพอถึงบึงนี้มันกลายเป็นสีเขียวไปได้ เพราะตะไคร่น้ำเหรอ?



    และน้ำจากบึงก็ไหลลงมาสู่สระดินด้านล่าง ก็ยังเป็นสีเขียวอ่อนๆ อยู่ดี สีเขียวมาจากไหน?



    หลังจากแช่เท้าในน้ำร้อนพร้อมกับเก็บความสงสัยเรื่องสีเขียวในน้ำไว้ในใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้ยอมลงทุึนขับรถอ้อมไปทาง La Toscana เพื่อไปทานข้าวที่ร้านไส้กรอกเยอรมัน ตามคำบอกเล่าเชิงเชื้อชวนของเจ้าของร้านแล่นชิวซึ่งคุยกันถูกคอตั้งแต่เมื่อคืน



    นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้วไส้กรอกเยอรมัน ยังมีจุดชมวิวทิวภูเขาที่สวยงามสบายตาอีกด้วย



    ถึงแม้ว่าราคาอาหารจะแพงไปนิด แต่ก็อร่อยสมราคาโดยเฉพาะเยอรมันโรลและไส้กรอกสไตล์เยอรมันแท้ๆ ซึ่งผมโปรดปรานเป็นพิเศษ
  • ดูรีวิว เมนูแนะนำ ข้อมูลเดินทาง แผนที่ GPS ของร้านไส้กรอกเยอรมันอย่างละเอียด คลิ๊กที่นี่ครับ




  • ขากลับจากร้านไส้กรอกเยอรมันก็แวะถ่ายรูปกันที่ La Toscana รีสอร์ทที่ซ่อนตัวอยู่ในเนินเขากันซักหน่อย ถ้าขับรถมาจากตัวอำเภอสวนผึ้ง ก็ขับเลยจากร้านครัวม่อนไข่ รถเมล์แล่นฉิว หรือร้านกาแฟอามันเต้ มาได้ซัก 500 เมตร ก็จะเจอกับสามแยกโรงเรียนสินแร่ ให้เลี้ยวขวาก็จะเจอ La Toscana อยู่ทางขวามือ พิกัด GPS N13 35.103 E99 13.668





    ภูมิประเทศที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาแบบนี้คล้ายกับหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในอิตาลีที่ชื่อว่า Tuscany และเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ท



    ที่ Lobby มีร้านกาแฟ ร้านขายน้ำหอมอโรม่า และร้านอาหาร Cucina ไว้บริการ



    บรรยากาศร้านอาหาร Cucina บริเวณชั้นสองของ Lobby ทานอาหารไปพลาง ชมวิวรีสอร์ทไปพลาง



    ลักษณะรีสอร์ทจะมีเอกลักษณ์โดยจับเอาลักษณะเด่นของ Tucany ที่น่าสนใจมาออกแบบใหม่



    ได้กลิ่นอายของความเป็นยุโรปชนบทสไตล์ Tuscan



    อ่านจากเวปไซต์www.latoscana-resort.comได้ความว่าบ้านทุกหลังของรีสอร์ทแห่งนี้สร้างด้วยอิฐทำมือ งานก่อสร้าง การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นเกิดจากฝีมือและพรสวรรค์ของคนในชุมชนของหมูบ้านผาปกย่านนั้น ผมลองเดินเข้าไปถ่ายรูปในบริเวณรีสอร์ทก็ไม่มีใครว่าอะไร แถมยังบริการผมราวกับว่าเป็นแขกเข้าพักของที่นี่อีกด้วย พนักงานขับรถกอร์ฟผ่านก็ถามผมว่า "ต้องการใช้บริการรถรับส่งหรือเปล่าครับ" พนักงานทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสดีจัง



    บ้านแต่ละหลังก็มีชื่อและการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในแบบ Italian Country Style ซึ่งเน้นพื้นที่ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่



    บ้านหลังที่ใกล้ Lobby ที่สุด ซึ่งมีชายหนุ่มหุ่นดีมาเป็นนายแบบยืนอยู่บนดาดฟ้าของบ้านนี้มีชื่อว่า Artista เป็น Jacuzzi Suite



    ส่วนด้านหลังบ่อน้ำนี้มีชื่อว่า Veggie เป็น Party Suite โดยมีทั้งหมด 3 หลังติดกัน



    เยื้องกับ Veggie ก็มี Spa Suite 4 ห้องอยู่ชั้นล่างและ Penthouse Suite 2 ห้องอยู่ชั้นบน



    เดินต่อมาจาก Veggie อีกนิดจะเห็น Ceramica ซึ่งเป็น Party Suite มี 3 หลังติดกันเช่นกัน



    หลังนี้ติดกับสระน้ำของรีสอร์ทชื่อ Fiore เป็น Honeymoon Suite หลังโด่ดเพื่อความเป็นส่วนตัว



    บริเวณสระน้ำครับ ซึ่งสามารถขึ้นไปชั้นสองชมวิวมุมสูงของ La Toscana ได้



    เดินกลับมาที่ Lobby ก็ผ่าน Citrus ซึ่งเป็น Party Suite มี 3 หลังติดกันเหมือน Veggie และ Ceramica



    ที่นี่ยังมีบริการถ่ายรูปแต่งงานอีกด้วย ซึ่งวันที่ผมไปนั้นก็มีคู่บ่าวสาวมาใช้บริการอยู่เช่นกัน ก็เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่โด่นเด่นสำหรับ La Toscana ซึ่งทางรีสอร์ทได้มาออกบู๊ทงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ผ่านมาพร้อมกับเสนอขาย "Voucher วัดดวง" (ผมตั้งชื่อให้เอง) ราคาเพียง 2900 บาท สามารถเลือกพักห้องไหนก็ได้ เลือกห้องที่แพงที่สุดอย่าง Jacuzzi Suite ซึ่งราคาปกติคืนละ 7000 บาทก็ได้ แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ จองล่วงหน้าได้แค่ 3 วัน ห้ามจองก่อนหน้านั้น ซึ่งผมก็ร่วมวัดดวงครั้งนี้ด้วย และถ้าผมดวงดีคงมีโอกาสมารีวิวเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้ครับ



    ก่อนจะกลับบ้านแวะร้านกาแฟชื่อดังของสวนผึ้ง อามันเต้ Amante Coffee & Rabbit Camp ร้านนี้อยู่ตรงข้ามครัวม่อนไข่พอดี พิกัด GPS N13 34.972 E99 13.988



    ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็นครัวม่อนไข่และรถเมล์แล่นฉิว



    ผมเคยมาเยือนสมัยที่อามันเต้เปิดใหม่ๆ ยังเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่รสชาติกาแฟไม่เล็กตามขนาดของร้าน นอกจากร้านกาแฟยังมีธุรกิจพื้นที่ให้เช่ากางเต็นท์อยู่ด้านหลังร้าน มาวันนี้กลายเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารใหญ่โต กิจการเต็นท์ก็เลิกไป แต่มีกิจกรรมการกุศลเกิดขึ้นมาแทน



    มีแก้วกาแฟใบยักษ์ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก



    และมุมถ่ายรูปอื่นๆ อีกมากมาย จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของสวนผึ้ง



    ที่ว่ากิจกรรมการกุศลก็คือเจ้ากระต่ายน้อยเหล่านี้แหละครับ



    ทำบุญ 1 ได้กันถึง 3 ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากระต่ายน้อย เด็กนักเรียน และ น้องหมา



    พื้นที่ด้านหลังร้านปรับเปลี่ยนจากลานกางเต็นท์กลายเป็นสวนกระต่ายน้อย ร่มรื่น ร่มเย็นและชื่นใจ



    เจ้ากระต่ายน้อยน่ารักไหมครับ



    เป็นอีกกิจกรรมดีๆ ที่อยากชวนเพื่อนๆ มาร่วมทำบุญร่วมกัน ได้ประโยชน์กันหมดทั้งกระต่าย ทั้งเด็กนักเรียน และสุนัขจรจัด



    และได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย ลดความเห็นแก่ตัว จิตใจก็เบาสบาย



    หลังจากทำบุญสบายใจแล้ว มาลิ้มลองกาแฟอามันเต้ กันบ้างดีกว่าว่ายังอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า



    ภายในร้านกาแฟห้องแอร์มีที่นั่งไม่มากนัก ที่นั่งส่วนใหญ่จะอยู่ด้านนอก พนักงานให้บริการเป็นกันเอง ราคากาแฟก็พอๆ กับร้านในกรุงเทพ



    ผมชิมสองแก้วคือกาแฟปั่นน้ำผึ้งซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านหอมอร่อยได้รสน้ำผึ้งแท้ๆ แก้วนี้คะแนนเต็ม 5/5 เลยครับ อีกแก้วหนึ่งเป็นลาเต้ปั่นผสมไซรัปกลิ่นไวท์ชอค เป็นอีกแก้วที่เป็นสูตรเฉพาะของ Amante รสชาติคล้าย กาแฟใส่ฮาเซลนัทของ Coffee World แต่ได้ความกลมกล่อมมากกว่า แก้วนี้ปกติ 70 บาท เป็นลูกค้า AIS หรือเอาแก้วมาเอง ลดให้ 5 บาทด้วยครับ สำหรับแก้วนี้ คะแนนเต็มเช่นกัน 5/5



    ก่อนกลับกรุงเทพ ขับรถผ่านร้านกาแฟเล็กๆ แถวชัฎป่าหวาย เลยแวะเข้าไปลิ้มลองซักหน่อย ร้านนี้มีชื่อว่า LAmour (อ่านว่าละเมอรึเปล่า?)



    มีหลักกิโลเมตรเป็นของตัวเองด้วย



    กาแฟสดหอมกรุ่นรสชาติดี หน้าตาสวย



    ตกแต่งร้านได้สวยงาม



    ราคาก็พอๆ กับร้าน Amazon ซึ่งถูกกว่ากาแฟหลายเจ้าในสวนผึ้ง



    มีมิวสิควีดีโอของเกาหลีให้ดูไปพลางๆ ด้วย



    มีโต๊ะจัดเตรียมให้แค่เพียง 2 ถึง 3 โต๊ะเท่านั้น แต่บรรยากาศน่ารักน่านั่งมากเลย คุยกับเจ้าของได้ความว่าด้านหลังของร้านกาแฟยังเปิดเป็นรีสอร์ทราคาหลักร้อยอีกด้วย น่าสนใจจริงๆ



    จบทริปสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืนแต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าข้อมูลใน Blog คงเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย ไว้เจอกันอีกที่สวนผึ้งเร็วๆ นี้ครับ


    Create Date : 12 ตุลาคม 2554
    Last Update : 18 ตุลาคม 2554 20:44:01 น. 4 comments
    Counter : 31105 Pageviews.

     




    โดย: Kavanich96 วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:9:19:22 น.  

     
    สวยจังค่ะ ขอบคุณค่ะ


    โดย: ampere_hua (ampere_hua ) วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:20:58:51 น.  

     
    La mour แปลว่าความรักค่ะ


    โดย: chompu IP: 124.120.121.180 วันที่: 4 สิงหาคม 2555 เวลา:22:58:53 น.  

     
    คุณเจ้าของ Blog เขียนได้ดีมากเลยค่ะ ชอบมากๆ อ่านแล้วอยากไปสวนผึ้งมากๆค่ะ


    โดย: jnid IP: 58.8.140.51 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:54:20 น.  

    ชื่อ :
    Comment :
      *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
     
     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.