Bloggang.com : weblog for you and your gang
Get more detail for your trip
ภูผาวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [
?
]
Since Aug 2009
Group Blog
Pooh's Trip ฮ่องกง-มาเก๊า
Pooh's Trip ตะวันออก
แผนที่ท่องเที่ยว ตะวันออก
Pooh's Trip ภาคกลาง
แผนที่ท่องเที่ยว ภาคกลาง
Pooh's Trip อีสาน
แผนที่ท่องเที่ยว อีสาน
Pooh's Trip ภาคใต้
Pooh's Trip ภาคเหนือ
ร้านอาหาร ซีฟู้ด
ร้านอาหาร สเต็ก พาสต้า ไส้กรอก
ร้านอาหาร ไทย อีสาน เหนือ
ร้านอาหารจีน บะหมี่ เป็ดย่าง หมูกรอบ
ร้านอาหาร ก๋วยเตี๋ยว ผัดไท ขนมจีน
ร้านอาหาร ตามสั่ง ข้าวต้ม
ร้านอาหาร ของหวาน
เกณฑ์การให้คะแนนความอร่อย
All Blogs
รีิวิวเที่ยวสวนผึ้ง ถ้ำเขาบิน บ้านไร่ริมธาร Scenery ทัวร์เขากระโจม ปี 2009
รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยว แผนที่การเดินทางและพิกัด GPS อย่างละเอียด Part2
รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยว แผนที่การเดินทางและพิกัด GPS อย่างละเอียด Part1
รีวิวเลี้ยงแกะสามฟาร์มสามสไตล์ที่ Banyan Leaf,Bellissimo และ Scenery สวนผึ้ง พร้อมข้อมูลอย่างละเอียด
รีวิวบ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท แบบ Deluxe Garden สวนผึ้ง พร้อมข้อมูลอย่างละเอียด
รีวิว The CAMP Boutigue Resort บ้านชมจันทร์ สวนผึ้ง พร้อมข้อมูลอย่างละเอียด
อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน สปาปลาหมอ ริเวอร์แคววิลเลจ กาญจนบุรี
ดูหิงห้อย ธารีตารีสอร์ท ตลาดน้ำท่าคา อัมพวา เพลินวาน หัวหิน
ตลาดน้ำคลองสระบัว อยุธยา
ล่อแพ หมู่บ้านมอญ รีโซเทล ไทรโยค กองถ่ายพระนเรศวร กาญจนบุรี
โบสถ์โพธิ์ปก ค่ายบางกุ้ง โบสถ์คริสต์ วิหารแม่พระบังเกิด ตลาดน้ำอัมพวา
Friends' blogs
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
masterpeace
สาวไกด์ใจซื่อ
ขึ้นเป้
ilove-design
มาเรีย ณ ไกลบ้าน
daynight
vijitra
Webmaster - BlogGang
[Add ภูผาวารี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
รีวิวเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน: พร้อมข้อมูลกินเที่ยว แผนที่การเดินทางและพิกัด GPS อย่างละเอียด Part2
รีวิวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน Part1 บ้านหอมเทียน Swiss Valley และ Panoza@พนาลี รีสอร์ท
รีวิวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน Part2 แล่นฉิว Landchill, ธารน้ำร้อนบ่อคลึง, La Toscana, อามันเต้ Amante, LAmour
รีวิวเลี้ยงแกะสามฟาร์มสามสไตล์ที่ Banyan Leaf, Bellissimo และ Scenery Farm สวนผึ้ง
รีวิวสวนผึ้ง ถ้ำเขาบิน บ้านไร่ริมธาร Scenery resort ทัวร์เขากระโจม
รีวิวบ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท แบบ Deluxe Garden สวนผึ้ง
รีวิว The CAMP Boutigue Resort บ้านชมจันทร์ สวนผึ้ง
รีวิวครัวม่อนไข่ สวนผึ้ง (4/5)
รีวิวร้านไส้กรอกเยอรมัน สวนผึ้ง (4/5)
รีวิวก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม ราชบุรี (4/5)
รีวิวร้านอาหารเวียดนาม สวนผึ้ง (3/5)
รีวิวก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย สวนผึ้ง (2/5)
เวลาจริงที่ใ้ช้ในการท่องเที่ยวสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืน
Fri 26 Aug 2011
10:00 – 11:17 เดินทางจากนนทบุรีถึงราชบุรี
11:17 - 11:52 แวะทานอาหารกลางวันที่
ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม
11:52 - 13:13 เดินทางไป
The CAMP Boutigue Resort
ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ แวะซื้อของที่ Tesco Lotus Express ชัฎป่าหวาย (13 นาที)
13:13 - 16:00 Check-in รอแม่บ้านทำความสะอาด (10 นาที) ทำงาน พักผ่อน ไม่ได้ออกไปไหนเนื่องจากฝนตก
16:00 - 17:18 เดินทาง (20 นาที) ไป
ร้านอาหารเวียดนาม
ทานอาหารเย็น
17:18 - 19:10 ขับรถแบบหลงๆ (48 นาที) ไป
The Banyan Leaf Resort
เพื่อไปให้อาหารและเล่นกับแกะ
19:10 - 19:50 กลับที่พัก
Sat 27 Aug 2011
9:00 - 10:00
อาหารเช้าที่ The CAMP Boutigue Resort
10:00 - 11:10 เดินทาง (13 นาที) ไป
เลี้ยงแกะที่ Bellissimo Cafe & Resort
11:10 - 12:20 ถ่ายรูป ซื้อเทียนที่
บ้านหอมเทียน
12:20 - 13:05 ตั้งใจจะทานข้าวที่ร้านครัวกระเหรี่ยงแต่โต๊ะเต็มเพราะทัวร์ลง จึงไปทานกลางวันที่
ก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย
13:05 - 14:10 เดินทาง (15 นาที) ไป
บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท
ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนที่สอง พักผ่อน
14:10 - 14:47 เดินทาง (23 นาที) แวะถ่ายรูปหน้ารีสอร์ท
Swiss Valley Hip Resort
14:47 - 17:07
Scenery Farm
17:07 - 18:15 เดินทาง (7 นาที) ไปเที่ยว
Panoza
ร้านกาแฟ ถ่ายรูป ท่องเที่ยว แห่งใหม่ของพนาลีรีสอร์ท
18:15 - 19:46 ไปธารน้ำร้อนบ่อคลึง แต่ปิดให้บริการแล้ว (8:00 - 17:00) จึงขับรถ (37 นาที) ไปทานข้าวเย็นที่
ครัวม่อนไข่
19:46 - 20:45 นั่งทำงานศิลป์อยู่ที่
แล่นฉิว Landchill
แล้วจึงกลับที่พัก
Sun 28 Aug 2011
8:40 - 9:30
อาหารเช้าที่ บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท
9:30 - 11:17 เดินเล่น ถ่ายรูป ภายในรีสอร์ท เก็บข้าวของกลับบ้าน
11:17 - 12:20 ขับรถ (28 นาที) ไป
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
เดินไปดูตาน้ำและแช่เท้า
12:20 - 13:13 ขับรถทานอาหารกลางวันที่
ร้านไส้กรอกเยอรมัน
ระหว่างทางแวะซื้อของที่เพิงตรงข้าม Swiss Valley Hip Resort
13:13 - 14:10 ทานอาหารกลางท่ามกลางวิวขุนเขาที่
ร้านไส้กรอกเยอรมัน
14:10 - 14:54 เดินเล่น ถ่ายรูป ที่
La Toscana
14:54 - 15:25 แวะจิบกาแฟที่
อามันเต้
ทำบุญให้อาหารกระต่าย และ
LAmour
ก่อนเดินทางกลับบ้าน
หลังจากนั่งชิลที่
Panoza
ร้านค้าร้านกาแฟของพนาลีรีสอร์ทได้ชั่วโมงเศษ พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังธารน้ำร้อนบ่อคลึงซึ่งปิดให้บริการไปตั้งแต่ห้าโมงเย็น เราจึงวกรถกลับมาทานอาหารเย็น มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ร้านดังของสวนผึ้ง
ครัวม่อนไข่
ถือเป็นหนึ่งในแรงดึงดูดของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนผึ้ง ถึงขนาดต้องโทรไปถามที่ร้านก่อนจะไปว่ามีโต๊ะว่างไหม
อาหารรสชาติอร่อยสมชื่อครับ ผมชอบ
ยำผักกูดและเห็ดโคนญี่ปุ่นผัดน้ำมันหอย
เป็นที่สุด ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ
ถือเป็นร้านหนึ่งในดวงใจผมเลย
ถ้าไปสวนผึ้งอีกก็คงไม่พลาดร้านนี้แน่นอน
ดูรีวิว เมนูแนะนำ ข้อมูลเดินทาง แผนที่ GPS ของครัวม่อนไข่อย่างละเอียด คลิ๊กที่นี่ครับ
ช่วงกลางคืนอย่างนี้สวนผึ้งช่างเงียบสงบเสียเหลือเกิน ไม่มีถนนคนเดิน ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ เห็น
รถประจำทางคันหนึ่ง
จอดอยู่ข้างๆ
ครัวม่อนไข่
เปิดไฟสว่างไสว เลยแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนซักหน่อย
รถประจำทางคันนี้มีชื่อว่า
แล่นฉิว
หรือถ้าเรียกศัพท์ฝรั่งก็
Landchill
แค่ชื่อร้านก็โดนใจแล้ว มีความหมายโดดเด่นในตัวทั้งสองชื่อ
รถประจำทางคันนี้มี
เจ้าตัวนี้เป็นพนักงานขับรถ
... ชาตินี้ก็คงไม่ได้ขับไปไหนแน่ๆ
ภายในร้านมี
สินค้าทำมือสวยๆ มากมาย
เจ้าของอัธยาศัยดีมาก ให้ถ่ายรูปได้เต็มที่ ไม่กลัวลอกเลียนแบบ
ที่ใส่ปากกา และแม่เหล็กติดตู้เย็น
ฝีมือภาพถ่ายของเจ้าของร้านและเพื่อนพ้อง
โปสต์การ์ด
ก็เช่นกัน บ้างก็เป็นภาพวาด บ้างก็เป็นภาพถ่าย
บรรยากาศโดยรวมบนรถเมล์อาร์ตๆ คันนี้
เสื้อผ้าทำมือ
ก็มีเช่นกัน
ได้
ปลอกกุญแจรถยนต์
สัญลักษณ์ของสวนผึ้งกลับบ้าน 3 อัน 100 บาท ถึงแม้ว่าสินค้าในร้านจะราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่ด้วยการ
พูดคุยที่สนุกสนานของเจ้าของร้าน ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะซื้อของติดไม้ติดมือ
และ
โปสต์การ์ดที่แสดงข้อความโดนๆ
อีก 6 ใบ 100 บาท ซื้อเสร็จมีโปสต์การ์ดแถมมาให้อีกด้วย
พร้อมกับตราประทับประจำร้าน
ทางร้านมี
อุปกรณ์เขียนโปสต์การ์ดต่างๆนานา
ไม่ว่าจะเป็นปากกาเมจิกหลากสี หมึกพิมพ์ตัวอักษรและรูปต่างๆ นั่งเล่นไปก็พลางคุยกับเจ้าของร้านไป เธอคุยสนุกและอัธยาศัยดีจริงๆ ใช้เวลาในร้านนี้ชั่วโมงกว่า จึงกลับที่พัก
วันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ หลังจาก
ทานอาหารเช้าที่บ้านห้วยน้ำริน รีสอร์ท
เสร็จเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปยัง
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
โดยใช้เส้นทางที่จะไป
Scenery Farm
หรือน้ำตกเก้าชั้น พิกัด GPS ของธารน้ำร้อนบ่อคลึง N13 31.202 E99 14.776
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 8:00 - 17:00 ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 5 บาท
รายละเอียดการให้บริการสามารถดูได้ด้านล่างครับ
ซ้ายมือของทางเข้ามี
บึงขนาดใหญ่
วิวสวยเชียว
ที่นี่มีสระน้ำร้อนให้บริการ 2 สระคือ
สระดิน
ตามรูปด้านล่าง ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 38 - 45 องศาเซลเซียส สามารถใส่เสื้อผ้าลงไปแช่ตัวได้เลย ค่าบริการ 30 บาท อีกสระเป็นสระกระเบื้องซึ่งผมไมไ่ด้เข้าไปดูด้านใน นอกจากสองสระที่ว่ามาแล้วยังมี
อ่างเล็กๆ ไว้แช่เท้าฟรี
อีกด้วย แช่แล้วรู้สึกเท้าเบาขึ้นมากเลยทีเดียว
อยากรู้จริงๆ เลยว่า
ต้นน้ำของธารน้ำร้อน
หน้าตามันเป็นอย่างไร เลยตัดสินใจเดินไปดูกันซักหน่อย
ก็เหมือนกับตาน้ำทั่วไป ที่แตกต่างคือตะไคร่น้ำสีเขียวเต็มไปหมด เนื่องจากไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเลยเพราะมันร้อนมาก เอานิ้วจุ่มไปนิดเดียว นิ้วแทบสุก
น้องๆ ถ้าก้าวพลาดนี่ ไข่สุกเลยนะ
เดินตามธารน้ำลงมาเรื่อยๆ
น้ำใสมาก
ถ้าเป็นน้ำตกปกติ คงมีกระโจนใส่แล้ว น่าเล่นเสียจริง
ใสสะอาด เห็นพื้นใต้น้ำเลย
ในที่สุดมันก็ไหลมารวมกันที่บึงแห่งนี้ก่อนถูกส่งผ่านท่อไปบริการผู้คนด้านล่าง
ต้นน้ำก็เป็นน้ำใสธรรมดา แต่ทำไมพอถึงบึงนี้มันกลายเป็นสีเขียว
ไปได้ เพราะตะไคร่น้ำเหรอ?
และน้ำจากบึงก็ไหลลงมาสู่สระดินด้านล่าง ก็ยังเป็นสีเขียวอ่อนๆ อยู่ดี สีเขียวมาจากไหน?
หลังจากแช่เท้าในน้ำร้อนพร้อมกับเก็บความสงสัยเรื่องสีเขียวในน้ำไว้ในใจแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้ยอมลงทุึนขับรถอ้อมไปทาง La Toscana เพื่อไปทานข้าวที่
ร้านไส้กรอกเยอรมัน
ตามคำบอกเล่าเชิงเชื้อชวนของเจ้าของร้านแล่นชิวซึ่งคุยกันถูกคอตั้งแต่เมื่อคืน
นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว
ไส้กรอกเยอรมัน
ยังมี
จุดชมวิวทิวภูเขาที่สวยงามสบายตา
อีกด้วย
ถึงแม้ว่าราคาอาหารจะแพงไปนิด แต่ก็อร่อยสมราคาโดยเฉพาะ
เยอรมันโรลและไส้กรอกสไตล์เยอรมันแท้ๆ
ซึ่งผมโปรดปรานเป็นพิเศษ
ดูรีวิว เมนูแนะนำ ข้อมูลเดินทาง แผนที่ GPS ของร้านไส้กรอกเยอรมันอย่างละเอียด คลิ๊กที่นี่ครับ
ขากลับจากร้าน
ไส้กรอกเยอรมัน
ก็แวะถ่ายรูปกันที่
La Toscana
รีสอร์ทที่ซ่อนตัวอยู่ในเนินเขากันซักหน่อย ถ้าขับรถมาจากตัวอำเภอสวนผึ้ง ก็ขับเลยจากร้าน
ครัวม่อนไข่
รถเมล์แล่นฉิว หรือร้านกาแฟอามันเต้ มาได้ซัก 500 เมตร ก็จะเจอกับสามแยกโรงเรียนสินแร่ ให้เลี้ยวขวาก็จะเจอ
La Toscana
อยู่ทางขวามือ พิกัด GPS N13 35.103 E99 13.668
ภูมิประเทศที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาแบบนี้คล้ายกับหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในอิตาลีที่ชื่อว่า
Tuscany
และเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ท
ที่ Lobby มี
ร้านกาแฟ ร้านขายน้ำหอมอโรม่า และร้านอาหาร Cucina
ไว้บริการ
บรรยากาศ
ร้านอาหาร Cucina
บริเวณชั้นสองของ Lobby ทานอาหารไปพลาง ชมวิวรีสอร์ทไปพลาง
ลักษณะรีสอร์ทจะมีเอกลักษณ์โดยจับเอาลักษณะเด่นของ Tucany ที่น่าสนใจมาออกแบบใหม่
ได้กลิ่นอายของความเป็นยุโรปชนบทสไตล์ Tuscan
อ่านจากเวปไซต์
www.latoscana-resort.com
ได้ความว่าบ้านทุกหลังของรีสอร์ทแห่งนี้สร้างด้วยอิฐทำมือ งานก่อสร้าง การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นเกิดจากฝีมือและพรสวรรค์ของคนในชุมชนของหมูบ้านผาปกย่านนั้น ผมลอง
เดินเข้าไปถ่ายรูปในบริเวณรีสอร์ท
ก็ไม่มีใครว่าอะไร แถมยังบริการผมราวกับว่าเป็นแขกเข้าพักของที่นี่อีกด้วย พนักงานขับรถกอร์ฟผ่านก็ถามผมว่า "ต้องการใช้บริการรถรับส่งหรือเปล่าครับ" พนักงานทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสดีจัง
บ้านแต่ละหลังก็มีชื่อและการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในแบบ Italian Country Style ซึ่งเน้นพื้นที่ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
บ้านหลังที่ใกล้ Lobby ที่สุด ซึ่งมีชายหนุ่มหุ่นดีมาเป็นนายแบบยืนอยู่บนดาดฟ้าของบ้านนี้มีชื่อว่า
Artista
เป็น Jacuzzi Suite
ส่วนด้านหลังบ่อน้ำนี้มีชื่อว่า
Veggie
เป็น Party Suite โดยมีทั้งหมด 3 หลังติดกัน
เยื้องกับ Veggie ก็มี
Spa Suite
4 ห้องอยู่ชั้นล่างและ
Penthouse Suite
2 ห้องอยู่ชั้นบน
เดินต่อมาจาก Veggie อีกนิดจะเห็น
Ceramica
ซึ่งเป็น Party Suite มี 3 หลังติดกันเช่นกัน
หลังนี้ติดกับสระน้ำของรีสอร์ทชื่อ
Fiore
เป็น Honeymoon Suite หลังโด่ดเพื่อความเป็นส่วนตัว
บริเวณสระน้ำครับ ซึ่งสามารถขึ้นไปชั้นสอง
ชมวิวมุมสูงของ La Toscana
ได้
เดินกลับมาที่ Lobby ก็ผ่าน
Citrus
ซึ่งเป็น Party Suite มี 3 หลังติดกันเหมือน Veggie และ Ceramica
ที่นี่ยังมีบริการถ่ายรูปแต่งงานอีกด้วย ซึ่งวันที่ผมไปนั้นก็มีคู่บ่าวสาวมาใช้บริการอยู่เช่นกัน ก็เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่โด่นเด่นสำหรับ
La Toscana
ซึ่งทางรีสอร์ทได้มาออกบู๊ทงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ผ่านมาพร้อมกับเสนอขาย
"Voucher วัดดวง"
(ผมตั้งชื่อให้เอง) ราคาเพียง 2900 บาท สามารถเลือกพักห้องไหนก็ได้ เลือกห้องที่แพงที่สุดอย่าง Jacuzzi Suite ซึ่งราคาปกติคืนละ 7000 บาทก็ได้ แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ จองล่วงหน้าได้แค่ 3 วัน ห้ามจองก่อนหน้านั้น ซึ่งผมก็ร่วมวัดดวงครั้งนี้ด้วย และถ้าผมดวงดีคงมีโอกาสมารีวิวเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้ครับ
ก่อนจะกลับบ้านแวะร้านกาแฟชื่อดังของสวนผึ้ง
อามันเต้
Amante Coffee & Rabbit Camp ร้านนี้อยู่ตรงข้ามครัวม่อนไข่พอดี พิกัด GPS N13 34.972 E99 13.988
ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็น
ครัวม่อนไข่
และ
รถเมล์แล่นฉิว
ผมเคยมาเยือนสมัยที่
อามันเต้
เปิดใหม่ๆ ยังเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่รสชาติกาแฟไม่เล็กตามขนาดของร้าน นอกจากร้านกาแฟยังมีธุรกิจพื้นที่ให้เช่ากางเต็นท์อยู่ด้านหลังร้าน มาวันนี้กลายเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารใหญ่โต
กิจการเต็นท์ก็เลิกไป แต่มีกิจกรรมการกุศลเกิดขึ้นมาแทน
มี
แก้วกาแฟใบยักษ์
ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
และมุมถ่ายรูปอื่นๆ อีกมากมาย จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของสวนผึ้ง
ที่ว่า
กิจกรรมการกุศลก็คือเจ้ากระต่ายน้อยเหล่านี้
แหละครับ
ทำบุญ 1 ได้กันถึง 3
ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากระต่ายน้อย เด็กนักเรียน และ น้องหมา
พื้นที่ด้านหลังร้านปรับเปลี่ยนจากลานกางเต็นท์กลายเป็นสวนกระต่ายน้อย
ร่มรื่น ร่มเย็นและชื่นใจ
เจ้ากระต่ายน้อยน่ารักไหมครับ
เป็นอีกกิจกรรมดีๆ ที่
อยากชวนเพื่อนๆ มาร่วมทำบุญร่วมกัน
ได้ประโยชน์กันหมดทั้งกระต่าย ทั้งเด็กนักเรียน และสุนัขจรจัด
และได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย ลดความเห็นแก่ตัว จิตใจก็เบาสบาย
หลังจากทำบุญสบายใจแล้ว มาลิ้มลอง
กาแฟอามันเต้
กันบ้างดีกว่าว่ายังอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า
ภายในร้านกาแฟห้องแอร์มีที่นั่งไม่มากนัก ที่นั่งส่วนใหญ่จะอยู่ด้านนอก พนักงานให้บริการเป็นกันเอง ราคากาแฟก็พอๆ กับร้านในกรุงเทพ
ผมชิมสองแก้วคือกาแฟปั่นน้ำผึ้งซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านหอมอร่อยได้รสน้ำผึ้งแท้ๆ แก้วนี้คะแนนเต็ม 5/5 เลยครับ อีกแก้วหนึ่งเป็นลาเต้ปั่นผสมไซรัปกลิ่นไวท์ชอค เป็นอีกแก้วที่เป็นสูตรเฉพาะของ Amante รสชาติคล้าย กาแฟใส่ฮาเซลนัทของ Coffee World แต่ได้ความกลมกล่อมมากกว่า แก้วนี้ปกติ 70 บาท เป็นลูกค้า AIS หรือเอาแก้วมาเอง ลดให้ 5 บาทด้วยครับ สำหรับแก้วนี้ คะแนนเต็มเช่นกัน 5/5
ก่อนกลับกรุงเทพ ขับรถผ่านร้านกาแฟเล็กๆ แถวชัฎป่าหวาย เลยแวะเข้าไปลิ้มลองซักหน่อย ร้านนี้มีชื่อว่า LAmour (อ่านว่าละเมอรึเปล่า?)
มีหลักกิโลเมตรเป็นของตัวเองด้วย
กาแฟสดหอมกรุ่นรสชาติดี หน้าตาสวย
ตกแต่งร้านได้สวยงาม
ราคาก็พอๆ กับร้าน Amazon ซึ่งถูกกว่ากาแฟหลายเจ้าในสวนผึ้ง
มีมิวสิควีดีโอของเกาหลีให้ดูไปพลางๆ ด้วย
มีโต๊ะจัดเตรียมให้แค่เพียง 2 ถึง 3 โต๊ะเท่านั้น แต่บรรยากาศน่ารักน่านั่งมากเลย คุยกับเจ้าของได้ความว่าด้านหลังของร้านกาแฟยังเปิดเป็นรีสอร์ทราคาหลักร้อยอีกด้วย น่าสนใจจริงๆ
จบทริปสวนผึ้ง 3 วัน 2 คืนแต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าข้อมูลใน Blog คงเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย ไว้เจอกันอีกที่สวนผึ้งเร็วๆ นี้ครับ
Create Date : 12 ตุลาคม 2554
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 20:44:01 น.
4 comments
Counter : 31105 Pageviews.
Share
Tweet
โดย:
Kavanich96
วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:9:19:22 น.
สวยจังค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: ampere_hua (
ampere_hua
) วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:20:58:51 น.
La mour แปลว่าความรักค่ะ
โดย: chompu IP: 124.120.121.180 วันที่: 4 สิงหาคม 2555 เวลา:22:58:53 น.
คุณเจ้าของ Blog เขียนได้ดีมากเลยค่ะ ชอบมากๆ อ่านแล้วอยากไปสวนผึ้งมากๆค่ะ
โดย: jnid IP: 58.8.140.51 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:54:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.