คนติดสุข
บางทีเราก็พูดถึงความสุขในแง่ของนามธรรม คือ ความรู้สึกยินดี พอใจ แจ่มใส และเบิกบาน ในทางการแพทย์ได้อธิบายความสุขในรูปของสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมอง เซโรโทนิน (Serotonin) : เป็นสารเคมีที่ทำให้คนเราอารมณ์ดีและคิดว่าตนเองมีคุณค่า ทำให้นอนหลับง่าย ถ้าร่างกายขาดเซโรโทนินจะเกิดความเครียด คิดวิตกกังวล โกรธเกรี้ยว ซึมเศร้า นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย การทำให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน คือ ออกกำลังกาย รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เมลาโทนิน (Melatonin) : เป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุขและทำหน้าที่เป็นฮอร์โมน ต้านความชรา เอ็นโดรฟิน (Endorphin) : เป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุข เป็นสารเคมีด้านบวกที่ไว้สู้กับความเครียด ถ้าขาดสารเคมีนี้จะทำให้รู้สึกขาดความสุข ไร้อารมณ์รัก โดปามิน (Dopamine) : เป็นสารเคมีที่ช่วยระบบความจำ สร้างสมาธิ ทำให้รู้สึกสนุก และควบคุมการหลั่งน้ำย่อยให้เป็นปกติ โดปามินทำงานสัมพันธ์กับเอ็นโดรฟิน คือ เมื่อโดปามินลดเอ็นโดรฟินจะลดด้วย เมื่อโดปามินเพิ่มจะกระตุ้น อ็อกซิโทซิน (Oxytocin) ทำให้มีความรู้สึกทางเพศ เกิดความรู้สึกต้องการสัมผัสใกล้ชิด ข้อมูลข้างบน ใช้กูเกิ้ลหามา ใช้คำสำคัญคือ สารเคมีแห่งความสุข ผมยังไม่รู้หรอกว่า ความสุขทำให้สมองหลั่งสาร หรือเพราะสารทำให้เรามีความสุข อย่างไหนเป็นเหตุ หรือเป็นผล แต่ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากตัวเรามากกว่าปัจจัยภายนอก สังเกตได้จากคนที่เป็นโรคซึมเศร้าต่อให้มีเรื่องน่าเป็นสุขขนาดไหน พวกเขาก็ยังซึมเศร้า จะพูดไปถ้าเราไม่มีร่างกาย สารเหล่านี้ก็จะไม่มี ที่มีคงเพราะเรามีสังขารมีรูปกายขึ้นมา และความรู้สึกอาจเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายในตัวเราซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว เมื่อได้รับการเสริมแรงจากภายนอกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็จะเปลี่ยนไป คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เปลี่ยนไปก็จะส่งผลต่อการทำงานของสมอง ซึ่งทำให้สมองหลั่งสารเคมีชนิดต่างๆออกมา ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกดี เมื่อได้รับคลื่นดีๆเข้ามา เหมือนตอนที่เรารู้สึกดี เวลาได้ฟังเพลงที่ชอบนั่นเอง ถ้าจะพูดไปก็คือ เราเสพติดสารเคมีในสมองของเราเอง ไม่ได้ติดยาเสพติดโดยตรงแต่อย่างใด หากคุณลองนึกภาพของตัวเองในขณะที่ขาดสารเหล่านี้ ร่างกายคุณก็จะไม่มีความรู้สึกดี แล้วถ้าสารเคมีแห่งความสุขมีเยอะเกินไปคุณก็จะรู้สึกดีมากๆ ธรรมชาติมีกลไกควบคุมความสุขความทุกข์ของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมที่มีผลต่อนิสัยและบุคลิกภาพของเรา หรือจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกเปลี่ยนแปลงไป เช่น เวลากลางวันหรือกลางคืน สาเหตุที่ทำให้สารเคมีในสมองเราผิดปกติ อาจเป็นเพราะ เราฝืนธรรมชาติมากเกินไป แล้วอะไรที่ทำให้เราต้องฝืนธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้เป็นผู้บริโภค เป็นผู้ทำลาย เราจึงมีความสุขอยู่บนพื้นฐานการทำลายสิ่งต่างๆ โดยสัญชาตญาณ แต่กลับกัน ธรรมชาติให้สัญชาตญาณในการอยู่รอดของมนุษย์มากกว่าสัญชาตญาณในการทำลายล้าง จึงมีมนุษย์บางส่วนผันตัวไปเป็นผู้ผลิตกลายๆ คือ มีความสามารถทำการเพาะปลูกเองได้ แต่แม้มนุษย์สามารถเพาะปลูกได้ ก็ยังเป็นผู้บริโภคอยู่ดี การกระทำอะไรก็ตามที่มนุษย์รู้สึกต้องฝืนกระทำจะทำให้คลื่นสมองเปลี่ยนไป ซึ่งการฝืนกระทำของมนุษย์เองทำให้เกิดความเครียด และความเครียดนี้เองทำให้คลื่นสมองเปลี่ยน การที่คลื่นสมองเปลี่ยนหมายความว่ากระแสไฟฟ้าในตัวมนุษย์ก็เปลี่ยนด้วย การเปลี่ยนของกระแสไฟฟ้าในตัวเราส่งผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองและระบบประสาท ทั้งนี้ ธรรมชาติมีระบบควบคุมของมันเองไว้ระดับหนึ่ง ความขยัน ย่อมมีความเหนื่อยล้าคอยคานเอาไว้เสมอ สมองคนอาจเหมือนแบตเตอรี่ ที่ชาร์จได้ตลอดเวลาแม้แต่อยู่ระหว่างการใช้งาน หากเราลองสังเกต ถ้าเราใช้งานด้วยชาร์จไปด้วยแบตเตอรี่ก็จะร้อนและอาจเกิดการระเบิดได้ ผมคิดว่าไม่ต่างอะไรกับสมอง หากเราใช้งานมันหนักเกินไป ไม่หยุดพัก ให้นานพอ สมองก็จะเสียหาย ดังเช่นที่แบตเตอรี่เสียหาย หากเราขยันเกินกว่าความเหนื่อยล้าจะทานไหว คานมันก็จะหัก สมองและร่างกายจะเสียสมดุล เสียกลไกทางธรรมชาติที่มี คนที่นิยมมีความสุข ความสำเร็จมากๆ ก็เรียกว่าคนติดสุข ความสุขอาจเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง ยิ่งเสพยิ่งกระหาย และโหยหา มนุษย์จึงดั้นด้นหาความสุขด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นธรรมชาติ และฝืนธรรมชาติ ดังนั้น การฝืนธรรมชาติมากไปแทนที่จะทำให้เกิดสุขมากกลับจะพลิกเป็นทุกข์เสมอ ดังนั้น ความสุขที่แท้จริงคือการปรับสมดุลของตัวเองให้อยู่กับธรรมชาติได้ เป็นทั้งผู้ทำลาย และสร้างอย่างสมดุล ดังเช่นทางสายกลางของพระพุทธ
Create Date : 13 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2557 14:31:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1138 Pageviews. |
|
|