|
|
| | 1 |
| 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
| 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
| 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
| 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
| 30 | 31 | |
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
สาเหตุที่ทำให้ผลการรักษาโรคไบโพล่าร์ไม่ดีขึ้น
มีคำถามว่า ทานยาที่หมอปรับให้ก็แล้ว แต่ทำไมไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
.
ขอเล่าจากประสบการณ์ของผมก็แล้วกันนะครับ
การกินยาและหาหมอตามนัดอย่างสมำ่เสมอเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้อาการดีขึ้นครับ
.
แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรจะเป็น
.
1.สาเหตุแรก คือ สิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยครับ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยต้องทำงานหนัก เครียดจนไม่มีเวลาพักผ่อน อยู่ในที่ที่มีแต่ความเครียด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเพื่อนร่วมงานบ้าง การแข่งขันสูง หรือที่ที่มีความกดดันมาก รวมถึงการไม่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ได้ออกกำลังการให้พอเหมาะ ย่อมทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นได้ยากครับ เพราะพอหาหมอออกมาทีกินยาทีก็ดีขึ้น แต่กลับมาเจอสิ่งแวดล้อมที่แย่ ก็ทำให้อาการไม่ดีขึ้นตามที่ผู้ป่วยต้องการ
.
2.อีกสาเหตุหนึ่ง คือผู้ป่วยอาจมีโรคอื่นเรื้อรังอยู่กับตัวครับ ความทรมานจากโรคเรื้อรังก็ทำให้สุขภาพจิตไม่ดีได้
.
3.อีกสาเหตุหนึ่งคือ เหล้า บุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิด หากป่วยแล้วยังข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้ จะทำให้รักษาอาการป่วยได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น แม้แต่การดื่ม ชา หรือกาแฟมากเกินไปก็มีผลนะครับ เพราะจะไปรบกวนการนอนหลับพักผ่อน ผู้ป่วยบางคนอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ดื่มเหล้า หากไม่เลิก หรือปลีกตัวออกมา หรือจิตใจไม่เข้มแข็งพอสุดท้ายก็ต้องตกเป็นเหยื่อของสุราอีก
.
4.ปมปัญหาภายในจิตใจของผู้ป่วยเอง เช่น อกหัก ผิดหวัง ครอบครัวแตกแยก หรือได้เจอเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง หากปัญหายังมีอยู่ หรือฝังรากลึกลงในจิตใจแล้วและคลี่คลายไม่ได้ ย่อมทำให้การรักษาด้วยยามีประสิทธิภาพน้อยลงครับ
.
เบื้องต้นสรุปได้เท่านี้ครับ ดังนั้น ถ้าอยากให้การรักษามีประสิทธิภาพ และได้ผลเร็ว สิ่งที่ผู้ป่วย และผู้ดูแลควรพิจารณาคือ
.
1. พยายามให้ผู้ป่วยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งก็ยากพอสมควรเพราะเราไม่อาจเปลี่ยนสังคมได้ แนะนำว่า ให้หาพื้นที่เล็กๆ ที่เราสร้างสิ่งแวดล้อมเองได้เพื่อเข้าไปพัก หรือเข้าไปอยู่ในพื้นที่ๆ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และอย่าไปสถานที่อโคจรครับ หรือถ้าอยู่ในที่อโคจร ก็หาทางปลีกตัวออกมาได้ก็ดีครับ
.
2.รักษาสุขภาพกายและใจให้สมดุล กินอาหาร พักผ่อน ออกกำลังกายให้พอเหมาะ และเป็นเวลา ทำให้ร่างกายแข็งแรงไว้จะได้ต่อสู้กับปัญหาได้ เสริมสร้างกำลังใจ และสร้างภูมิต้านทานทางจิตใจด้วยหลักของความเชื่อ และศาสนา หรือปรัชญาที่ท่านเคารพและนับถือ
.
3.อย่าข้องแวะกับยาเสพติด สิ่งเสพติด เพราะมีแต่ผลเสียกับเสียมาก ๆ
.
4.เมื่อประสบปัญหา การมีมิตรสหายที่ดีช่วยได้มากครับ อย่างน้อยเขาก็จะคอยรับฟัง และอยู่เคียงข้างเรา แอดมินมีเพื่อนหลายคน ที่แม้รู้ว่าเราป่วยก็ยังคบกันอยู่ แม้เขาช่วยเราโดยตรงไม่ได้ อย่างน้อยก็ช่วยฟังผมบ่นด้วยความเข้าใจ
.
สุดท้ายนี้ ถ้าใครยังไม่ป่วย ก็ควรสร้างภูมิต้านทานโรคของตัวเองให้ดีนะครับ ผมไม่อยากให้ใครต้องป่วยด้วยโรคนี้เลย
.
สุดท้ายของสุดท้าย ผมไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ที่เล่ามาทั้งหมด ก็คือประสบการณ์จากตัวเองและผู้ป่วยคนอื่น ๆ
| Create Date : 09 สิงหาคม 2558 |
| Last Update : 13 สิงหาคม 2558 14:06:53 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 1981 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: peepoobakub  วันที่: 13 มีนาคม 2560 เวลา:18:30:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ