Group Blog
 
All Blogs
 
ความเอยความหลัง

ฉากชีวิต

ความเอยความหลัง

“ เพทาย “

ผมวางนิตยสารขนาดพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ฉบับที่ลงพิมพ์เรื่องสั้น ชื่อ อันความกรุณาปราณี ซึ่งได้หยิบมาอ่านซ้ำหลายครั้ง จนแทบจะจำข้อความได้ทุกวรรคนั้น ลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ เรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์ของพยาบาลคนหนึ่ง เมื่อหยิบมาอ่านทุกครั้ง ทำนองเพลงประจำสถาบันแห่งนั้น ก็มักจะแว่วเข้ามาในโสตประสาทของผม

อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเอง เหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน……

ผมปล่อยความคิดคำนึงให้ล่องลอยไปยังอดีตที่ไม่ไกลนัก ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นสาวน้อยอายุเพียงยี่สิบเศษ ๆ เธอเป็นคนชอบอ่านและใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียน

เรื่องสั้นนี้เป็นเรื่องแรกของเธอ ถูกส่งมาให้ผมแก้ไขตรวจทาน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นบรรณาธิการหรือผู้ช่วยบรรณาธิการ นิตยสารฉบับใดทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นนักเขียนเล็ก ๆ ที่เพิ่งประสบความสำเร็จ ได้พิมพ์หนังสือเล่มแรกออกวางตลาดเมื่อไม่นานมานี้เอง

ความศรัทธาของเธอจึงเป็นความภูมิใจของผมเป็นอย่างมหาศาล

ผมพยายามนึกถึงใบหน้าของเธอ แต่ก็นึกไม่ออก จำได้แต่เพียงว่าเธอมีจมูกโด่งคมสัน ราวกับดาราลูกครึ่งในละครโทรทัศน์

เราพบกันหรือที่ถูกเธอพบผมเป็นครั้งแรก ที่บ้านญาติของเพื่อนผม ในงานอะไรก็จำไม่ได้ ที่มีผู้คนมากมายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ผมได้ทราบว่าเธอเป็นหลานของใครคนหนึ่งที่มาในงานนั้น โดยที่เราไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว

ต่อมาจึงได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง ในงานวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่งของเพื่อนผม คราวนี้บังเอิญได้นั่งโต๊ะเดียวกัน

เธอฟังผมคุยถึงเรื่องความสำเร็จในงานเขียนของผม และสนใจในหนังสือที่ผมจัดทำขึ้น เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแก่เพื่อนคนนั้น

เราจึงได้คุยกันเป็นครั้งแรก และเธอออกปากอยากจะได้หนังสือเล่มนั้นไปอ่านบ้าง เพื่อศึกษาการเขียนเรื่องสั้นแบบที่ผมถนัด ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องในหนังสือที่ระลึกวันเกิดนั้น

ผมจึงส่งไปให้เธอทางไปรษณีย์ ถึงที่ทำงานของเธอในวันหลัง
ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร

เมื่อเธออ่านแล้วก็มีจดหมายตอบขอบคุณ และแสดงความชื่นชมในเรื่องต่าง ๆ ที่ผมเขียน กับขอคำแนะนำในการเขียนเรื่องสั้นแบบนั้นบ้าง

ผมจึงได้แนะให้นำเอาประสบการณ์ในการทำงาน หรือพฤติกรรมที่ได้พบเห็น จากคนไข้ พยาบาล หรือแพทย์ ซึ่งน่าจะมีมากมายหลายแบบ ทั้งสุข เศร้า รันทด น่าเวทนา หรือแม้แต่ขำขัน มาเป็นข้อมูลในการเขียน

ซึ่งเธอก็ได้ทดลองเขียนมาให้ผมตรวจแก้ แล้วผมก็บอกชื่อนิตยสารที่สมควรจะส่งไปให้พิจารณา เพราะเป็นนิตยสารที่เปิดกว้างสำหรับเรื่องของนักเขียนมือใหม่

เพียงแต่ว่ามีผู้ส่งไปมากมายจนต้องรอนานเป็นเวลาหลายเดือน หรือร่วมปี กว่าจะได้รับการพิจารณาลงพิมพ์ หรือทิ้งตะกร้า

ผมเตือนให้เธอใช้ความมานะพากเพียรพยายามในการเขียน และความอดทนในการรอคอยให้มาก

ผมคาดหมายว่าวันหนึ่งเธอจะพบความสำเร็จสมหวังตั้งใจ
แม้ว่าผมจะไม่มีโอกาสได้แสดงความยินดีกับเธอด้วยตนเองก็ตาม

เพราะผมไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย ตั้งแต่ส่งต้นฉบับเรื่อง อันความกรุณาปราณี คืนไปให้เธอแล้ว

เธออาจจะน้อยอกน้อยใจหรือเสียใจ ที่ผมหายเงียบไปไม่ตอบจดหมายของเธอตามประสาคนช่างคิดช่างฝัน

แต่นั่นก็ถือได้ว่าเป็นบทเรียนบทแรก ในการรอคอยแล้วก็พบกับความผิดหวัง ที่นักเขียนมือใหม่แทบทุกคนจะต้องได้พบ

บางคนต้องพบอยู่เป็นประจำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะประสบความสำเร็จ หรือบางคนก็ท้อแท้เลิกราวางมือไปเลย

ถึงอย่างไรผมก็ได้ช่วยต่อเติมความใฝ่ฝันของเธอ ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่าง ราง ๆ แล้ว

ถ้าเธอมีความมานะอดทนต่อไป ก็คงจะเป็นภาพที่สมบูรณ์ได้ในวันหนึ่ง โดยไม่ต้องมีคำแนะนำจากผมก็ได้

ผมยังระลึกถึงเธออยู่เสมอ และภาวนาให้เธอประสบความสำเร็จตั้งแต่เรื่องแรก ทั้งที่ขาดการติดต่อกับเธอมาหลายเดือน จนนึกใบหน้าของเธอไม่ออกแล้วก็ตาม

และเชื่อว่าอีกไม่ช้า เธอก็คงลืมเลือนเค้าหน้าของผมเหมือนกัน

แต่เรื่องไม่ได้ยุติลงเพียงแค่นั้น เรื่องสั้นของเธอที่ส่งไปให้นิตยสารชื่อดัง ตามที่ผมแนะนำนั้น ได้ลงพิมพ์ห่างจากวันที่เธอส่งไป เพียงเดือนเดียว

ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ผมซึ่งเขียนส่งไปเป็นประจำ ยังได้ลงบ้างหายเงียบบ้าง
และเรื่องที่ได้ลงก็มักจะห่างจากวันที่ส่งเป็นเวลาหลาย ๆ เดือน

เธอรีบเขียนมาขอบคุณผมอย่างมากมาย ซึ่งผมก็ได้แสดงความยินดีด้วย จากใจจริง แล้วก็ให้กำลังใจแก่เธอ ที่จะทำงานที่เธอรักนี้ต่อไปได้ดีขึ้น

จากนั้นเธอก็ยังคงเขียนจดหมายมาคุยอีกหลายครั้ง เธอเล่าถึงความเพ้อฝันในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งความว้าเหว่ ความเศร้า ความรัก และความผิดหวังของเธอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบไปเลย

เธอจึงต่อว่าที่ผมเงียบหายไปเฉย ๆ และอยากจะได้พบผมอีกสักครั้ง แต่ผมก็ต้องทำเฉยเสีย ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อผมนั้น ยังความชุ่มชื่นให้แก่จิตใจของผม อย่างที่ไม่เคยได้เป็นเช่นนั้นมานานหนักหนาแล้ว

เธอคงจะเอือมระอากับความนิ่งเงียบ ของผมเต็มที จดหมายของเธอจึงห่างลงและในที่สุดก็หายไป

รวมทั้งไม่มีต้นฉบับเรื่องสั้นของเธอ มาให้ผมช่วยตรวจแก้อีกเลย

จนเวลาได้ล่วงเลยไปกว่าครึ่งปี ผมจึงได้รับการติดต่อจากเธออีกครั้ง เมื่อบ่ายวันหนึ่ง

ผมไม่จำเป็นต้องเดา หรือตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน เพราะภายในซอง สีนวลและมีกลิ่นหอมนั้น

ก็คือบัตรเชิญเพื่อเป็นเกียรติในงานแต่งงาน ระหว่างเธอ กับนายทหาร สังกัดหน่วยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันนั้นเอง

และจากวันนั้น จนถึงวันที่ผมระลึกถึงเธอนี้ เวลาก็ผ่านไปสิบปีพอดี

เธอจะเขียนเรื่องสั้นได้สักกี่เรื่องแล้ว

หรือมีมีลูกกี่คนแล้วหนอ.


###########





Create Date : 26 เมษายน 2558
Last Update : 26 เมษายน 2558 7:47:09 น. 4 comments
Counter : 615 Pageviews.

 
เขียนดีครับ ขอชื่นชมครับ ผมอ่านทุกตัวอักษร


โดย: หนุ่มร้อยปี วันที่: 26 เมษายน 2558 เวลา:8:39:20 น.  

 
อ่านถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว ย้อยกลับไปอ่านตอนต้นใหม่อีกครั้ง ทิ้งปมปัญหาให้ผู้อ่านกลับไปขบคิดถึงการตัดสินใจที่ชายหนุ่มไม่ยอมตอบจดหมายกลับหญิงสาวครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 26 เมษายน 2558 เวลา:10:52:36 น.  

 
ขอบคุณครับ

ที่ไม่ตอบจดหมายนั้น ก็เพราะวัยต่างกันมากครับ
และฝ่ายชายมีครอบครัวมานานแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 26 เมษายน 2558 เวลา:14:08:15 น.  

 
ขอบคุณ ท่าน หนุ่มร้อยปี ที่กรุณาเข้ามาอ่าน

ยังสบายดีหรือครับ ผมยังอยู่ที่ ไร้สังกัด ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 26 เมษายน 2558 เวลา:14:11:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.