Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๒๓ บ้านเมืองสิ้นศึก

พลิกพงศาวดาร

ครั้งนั้นบ้านเมืองสิ้นศึก
พ.สมานคุรุกรรม

กรุงศรีอยุธยาราชธานีของไทยนั้น ได้ตั้งมั่นลงเมื่อ พ.ศ.๑๘๙๓ โดยมี สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ แห่งราชวงศ์อู่ทอง เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก และได้สืบราชวงศ์ต่อมาอีก สิบเจ็ดรัชกาลจนถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งทรงนำพาประเทศชาติให้พ้นจากการยึดครองของพม่า และครองราชสมบัติอยู่สิบห้าปี ตามพระราชพงศาวดารฉบับ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฯ นั้น สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าเสด็จสวรรคต เมื่อวันจันทร์ ขึ้นแปดค่ำ เดือนหก เพลาชายแล้วสองบาท พระชนมายุได้ห้าสิบพรรษา ศักราช ๙๕๕ ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๓๖

ส่วนประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖ ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ บันทึกว่า สมเด็จพระนเรศวรประชวรเป็นระลอกขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดพิษ สวรรคตเมื่อ วันจันทร์ เดือนหก ขึ้นแปดค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ.๒๑๔๘ ต่างกัน ๑๒ ปีพอดี และได้ขยายความต่อไปอีกว่า

สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงทำสงครามกับพม่ามาแต่พระชันษาได้ ๒๐ ปี การสงครามในชั้นต้น เป็นการกู้สยามประเทศให้พ้นจากอำนาจพม่า พยายามรบพุ่งมา ๙ ปี เมืองไทยจึงได้เป็นอิสระภาพสมดังพระราชประสงค์ เมื่อคราวชนช้างชนะพระมหาอุปราชา

การสงครามต่อมาใน ตอนกลาง เป็นการรวบรวมเขตแดนของสยามประเทศ ที่ได้เสียไป กลับมาเป็นของไทยหมดภายในระยะเวลา ๒ ปี การสงครามข้างตอนหลัง ในระยะเวลา ๔ ปี เป็นการแผ่พระราชอาณาจักรให้กว้างขวางออกไป

รวมเวลาซึ่งสมเด็จพระนเรศวรทรงทำสงครามมา ๑๖ ปี ด้วยสามารถ พระปรีชากล้าหาญ อันพึงเห็นได้ในเรื่องสงครามทุกคราวมา สยามราชอาณาจักรจึงรุ่งเรืองเดชานุภาพ มีอาณาเขตแผ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่งในกาลครั้ง ๑ เพราะเหตุนี้คนทั้งหลายจึงยกย่องพระเกียรติยศ สมเด็จพระนเรศวรว่าวิเศษทั้งที่เป็นนักรบ และที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน นับเป็นมหาราชพระองค์หนึ่ง ซึ่งเคยปรากฎมาในโลกนี้ การที่ยกย่องนี้จะได้เป็นแต่ในหมู่ไทยเท่านั้นหามิได้ ถึงในหนังสือพงศาวดารของชาติอื่นเช่น พม่า มอญ เขมร ลานช้างและเชียงใหม่ แม้ที่สุดจนในจดหมายเหตุของจีนและฝรั่ง บรรดาที่กล่าวถึงเรื่องพงศาวดารประเทศทางตะวันออกในสมัยนั้น ก็ย่อมยกย่องสมเด็จพระนเรศวร ว่าเป็น วีรมหาราช อย่างเดียวกัน พระเกียรติยศจึงยังปรากฏอยู่ จนตราบเท่าทุกวันนี้

ในพงศาวดารฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ได้ดำเนินความต่อไปว่า พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จกรีธาพลพยุหยกทัพหลวงจากเมืองห้างหลวงคืนมาโดยชลมารควิถี ตั้งแต่ วันพฤหัสบดี ขึ้นสิบสองค่ำ เดือนหก แลเสด็จถึงกรุงมหานครศรีอยุธยา ในวันพฤหัสบดี ขึ้นสิบค่ำ เดือนสิบสอง ปีมะเส็ง เบญจศกนั้น พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถ ก็เสด็จปราบดาภิเษกเสวยราชสมบัติ ในกรุงมหานคร ศรีอยุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ ทรงพระนามพระศรีสรรเพชญ์ สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสรินทรบรมมหาจักรพรรดิ์

พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชโองการตรัสสั่งแก่ท้าวพระยาเสนาบดีมุขมนตรีทั้งปวง ให้แต่งการพระบรมศพพระพุทธเจ้าหลวงแลแต่งเมรุมาศสูงเส้นสิบเจ็ดวา ประดับด้วยเมรุทิศ เมรุราย ราชวัติฉัตรนาคฉัตรเบญจรงค์ เสร็จแล้วก็อัญเชิญพระบรมศพ เสด็จเหนือกฤษฎาธาร อันประดับด้วยอภิรุมกลิ้งกลดรจนา แลท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายทั้งปวง มาประดับแห่ห้อมล้อมมหากฤษฎาธาร อัญเชิญพระบรมศพเสด็จลิลาโดยรัถยาราชวัตร ไปยังเมรุมาศด้วยบริวาร แลเครื่องสักการะบูชาหนักหนา พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จไปถวายพระเพลิง พระบรมศพพระพุทธเจ้าหลวง ให้นิมนต์พระสงฆ์ สบสังวาสหมื่นหนึ่ง ถวายพระราชทานเครื่องอัฐบริขาร ทักษิณาบูชาพระสงฆ์ทั้งปวงเป็นมโหฬาร

พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงทศพิธราชธรรม แลสถิตใน พุทธัตถจรรยา เสด็จเสวยไอสุรียาธิปไตยบุรีรัตน สมบูรณ์มั่งคั่งด้วยช้างม้ารี้พลแสนยากร สมณ พราหมณาจารย์จัตุรพรรค ประชาชนคณะสบสมัยประเทศนานา พรรคนิกรสโมสรบรมสุขเกษมเปรมประชาราษฎร เลิศล้นพ้นกว่าโบราณราชประเพณี มีพระราชหฤทัยไกลกรุณาปราณีสัตว โลกากรทั้งหลาย หมายให้นฤทุกข์ปลุกใจราษฎรให้ศานติ เกษมสุขโดยยุติธรรมอันบวรขจร พระเกียรติปรากฏพระยศเซ็งซ่านทั่วทิศานุทิศ

แลท้าวพระยามหากษัตราธิราชเจ้าทั้งหลาย ก็แต่งเครื่องบรรณาการ ให้ทูตานุทูตมาถวายบังคมพระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวมิได้ขาด พระยาตองอู แลพระยาล้านช้าง ก็แต่งราชทูต อุปทูต ตรีทูต ถือพระราชสาส์นคุมช้างม้าเครื่องราชบรรณาการ มาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานครศรีอยุธยา ขอพึ่งพระราชสมภารต่อไป ทรงพระกรุณาให้เบิกทูตานุทูตมาถวายบังคมในพระที่นั่งมังคลาภิเษก ตรัสพระราชปฏิสันฐานตามธรรมเนียมแล้วตรัสให้เลี้ยงดูแขกเมือง แลพระราชทานรางวัลโดยขนาด

ในปีนั้นข้าหลวงผู้รั้งเมืองเมาะลำเลิ่ง ได้พระยาพะโร่ แลมอญกบฎทั้งปวงอันอยู่ริมฝั่งสะโตงนั้นมาถวาย แลเมงมอญอันอยู่ในเมืองเมาะลำเลิ่ง เมาะตะมะนั้น ก็ราบคาบไปจนถึงเมือง ตองอู

ปีถัดมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชโองการ ตรัสแก่พระยารัตนบาลให้รจนาพรพุทธปฏิมากรสมาธิ เป็นพระพุทธรูปสนองพระองค์ถึงห้าองค์ องค์หนึ่งบุทองนพคุณ ทรงเครื่องมงกุฎกุณฑลพาหุรัดย่อม ประดับเนาวรัตน์ แลบัลลังก์นั้นบุทองจำหลักประดับเพชรัตน องค์หนึ่งบุทองนพคุณ บัลลังก์นั้นบุทองจำหลัก องค์หนึ่งนั้นเป็นพระพุทธปฏิมานาคาสน์ พระพุทธรูปองค์นั้นรจนาด้วยนาคสวาด แลเครื่องทรงทองจำหลักประดับเนาวรัตน์ แลบัลลังก์นั้นรจนาด้วยนาคสวาด พระพุทธปฏิมากรบุเงินสององค์ ฐานเงินจำหลักสรรพางค์

ถึงเดือนอ้ายขึ้น สิบสามค่ำ เพลารุ่งแล้วสองนาฬิกา ก็มีพระราชโองการให้เจ้าพระยาจักรี ไปรับพระพุทธปฏิมาอันให้สถาปนานั้น แห่โดยขบวนเรือพระที่นั่งอันมโหฬาดิเรกด้วยเรือต้นทั้งปวงไปทางชลมารค แล้วอัญเชิญพระพุทธปฏิมากรเสด็จทรงพระคชาธาร แห่ไปประดิษฐานไว้ ณ วัดพระศรีสรรเพชญดาราม แล้วให้ตั้งการสมโภชเล่นมหรสพเจ็ดวัน เป็นมโหฬารยิ่งนัก

ปีรุ่งขึ้น ทรงพระกรุณาตั้งพระราชกำหนดกฎหมายพระอัยการ แลส่วนสมพัตสรอากรขนอนตลาด แลพระกัลปนาถวายเป็นนิจภัต แก่พระสงฆ์ราชาคณะคามวาสี อรัญวาสีบริบูรณ์

สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชบุตรสองพระองค์ องค์หนึ่งทรงพระนาม เจ้าฟ้าสุทัศน์ พระอนุชาทรงพระนาม เจ้าฟ้าศรีเสาวภาค ประชวรพระยอดเสียพระเนตรข้างหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึ่งยกพระราชบุตรผู้พี่ ขึ้นเป็นมหาอุปราชอยู่มาสี่เดือนเศษ พระมหาอุปราชกราบทูลพระกรุณาว่า จะขอพิจารณาคนออก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าจักเป็นกบฏหรือ พระมหาอุปราชมีความกลัวสมเด็จพระราชบิดาเป็นกำลัง ออกจากที่เฝ้าเสด็จมาพระราชวังบวรสถานมงคล เพลาค่ำก็เสวยยาพิษถึงสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโทมนัสโสกาดูรถึงพระราชโอรสเป็นอันมาก แล้วให้แต่งการพระราชทานเพลิงพระศพตามอย่างมหาอุปราช

พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระทัยบำเพ็ญทานการกุศลเป็นเอนกนุปการ อันพระเกียรติยศแผ่ไพศาล ไปทุกนานาประเทศธานีน้อยใหญ่ทั้งปวง เกรงพระเดชเดชานุภาพเป็นอันมาก กรุงเทพพระนครศรีอยุธยาครั้งนั้น เกษมสุขสมบูรณ์ยิ่งนัก

ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อปีมะเส็ง ในเวลานั้นกรุงศรีอยุธยากำลังมีอำนาจเต็มเปี่ยม อาณาเขตก็กว้างขวางกว่าครั้งใด ๆ ที่ล่วงแล้วมา และเป็นที่เกรงขามของต่างประเทศ ที่ใกล้เคียงโดยรอบ ถึงว่าสมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคต ความยำเกรงของคนทั้งหลายก็ยังมีต่อมา ถึงสมเด็จพระเอกาทศรถ ด้วยพระเกียรติยศปรากฎว่าพระองค์ก็เป็นนักรบ ได้ทำสงคราม เป็นคู่พระราชหฤทัยสมเด็จพระนเรศวรมาแต่ต้นจนปลาย เพราะฉะนั้นเมื่อสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จขึ้นผ่านพิภพ จึงไม่มีศึกเสี้ยนศัตรูกำเริบทั้งภายในภายนอก

พิเคราะห์ดูในเวลานั้นเมืองพม่าก็กำลังยับเยิน และแตกกันเป็นหลายก๊กหลายเหล่า ถ้าหากว่าสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงทำสงครามอย่างครั้งสมเด็จพระนเรศวรต่อไป ก็เห็นจะตีเอาเมืองพม่าได้ไม่ยากนัก เพราะหัวเมืองมอญ และหัวเมืองไทยใหญ่ก็ได้มาเป็นของไทยมากแล้ว ยังเหลือแต่เขตพม่าเท่านั้น ที่สมเด็จพระเอกาทศรถ ไม่ทรงพยายามตีเมืองพม่าต่อไป ก็คงเป็นด้วยทรงพิจารณาเห็นเหตุว่า ไทยได้ทำสงครามมาช้านาน ถึงชนะผู้คนก็เปลืองไปมาก ถ้ายังทำสงครามต่อไป ไพร่บ้านพลเมืองก็จะร่อยหรอล้มตายหนักลงไป ความมุ่งหมายที่ทำสงครามก็สำเร็จหมดแล้ว ควรจะหยุดพักการทัพศึก ทำนุบำรุงบ้านเมืองเสียสักที

อีกประการหนึ่งคงจะทรงพระราชดำริเห็นว่า พระราชอาณาเขตก็แผ่ไพศาลมากอยู่แล้ว ถ้ายังจะขยายต่อออกไปการที่จะปกครองเอาไว้ในอำนาจ ก็จะยิ่งยากขึ้นทุกที เพราะเป็นบ้านเมืองของคนต่างชาติต่างภาษา คงจะไม่ราบคาบอยู่ได้เสมอ ก็จะต้องยกกองทัพไปเที่ยวปราบปรามไม่มีที่สุด ที่ไหนจะได้ผ่อนพักทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เป็นสันติสุข คงทรงพระราชดำริเห็นดังนี้ จึงไม่คิดตีเมืองพม่าต่อไป

แม้ว่าพงศาวดารทั้งสองฉบับ จะบันทึกศักราชแตกต่างกันไปถึงหนึ่งรอบนักษัตร แต่ก็ระบุตรงกันว่า พระมหานครศรีอยุธยาในแผ่นดินนี้ บ้านเมืองจึงได้ร่มเย็นเป็นสุขสมบูรณ์อยู่นานหลายปี โดยไม่มีเหตุเพทภัยใดใดเลย.

##########


Create Date : 05 กรกฎาคม 2558
Last Update : 5 กรกฎาคม 2558 9:47:37 น. 0 comments
Counter : 2279 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.