Group Blog
 
All Blogs
 
พ่อค้าหมูใจถึง

เสี้ยวสามก๊ก

พ่อค้าหมูใจถึง

เล่าเซี่ยงชุน

ในเมืองตุ้นก้วนมีพ่อค้าหมูคนหนึ่ง เป็นคนร่างสันทัดสูงประมาณห้าศอก เขาชื่อเตียวหุยหรือเอ๊กเต๊ก เป็นคนรวยมีทรัพย์สินไร่นาเป็นอันมาก วันหนึ่งขณะยืนอ่านประกาศติดอยู่ที่ประตูเมือง รับสมัครผู้กล้าหาญ ที่จะอาสาไปช่วยทหารหลวง ปราบโจรโพกผ้าเหลือง ก็ได้พบเพื่อนที่มีความคิดเดียวกันสองคน คนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบห้าปี เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นเกงเต้ แต่ขณะนั้นยากจนต้องทอเสื่อขายเลี้ยงมารดา อยู่ที่หมู่บ้านเล่าชองฉุน ชื่อเล่าปี่หรือเหี้ยนเต๊ก และอีกคนหนึ่งเป็นชาวเมือง ฮอตั๋งไกเหลียง เดินทางหนีคดีฆ่าคนพาลสันดานหยาบ จะมาสมัครไปรบกับพวกโจร ชายผู้นี้ชื่อกวนอูหรือหุนเตี๋ยง

เตียวหุยจึงชวนเพื่อนใหม่ทั้งสองคนว่า

“……..เราทั้งสามคิดการต้องกัน เชิญท่านทั้งสองไปบ้านเรา ที่หลังบ้านเรามีสวนดอกไม้แล้วเป็นที่สงัด ดอกยี่โถก็บานอยู่เป็นอันมาก จะได้บูชาพระแลเทพดา แล้วจะได้ให้สัตย์ต่อกันทั้งสามให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะได้คิดการใหญ่สืบไป……”

เล่าปี่กับกวนอูก็ยินดี ชวนกันไปบ้านเตียวหุย รุ่งขึ้นเตียวหุยจึงจัดม้าขาวกระบือดำ แลธูปเทียนสิ่งของทั้งปวง แล้วชวนกันออกมายังสวนดอกไม้ จุดธูปเทียนไหว้พระแลบูชาเทพดา แล้วจึงตั้งสัตย์สาบานต่อกันว่า

ข้าพเจ้าเล่าปี่กวนอูเตียวหุย ทั้งสามคนนี้ อยู่ต่างเมืองวันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกัน สืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวง จงเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหารผลาญชีวิต ให้ประจักษ์แก่ตาโลก

แล้วทั้งสามก็ให้เล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องกลาง เตียวหุยเป็นน้องสุดท้อง ต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้าม้าสองคน ให้ม้าห้าสิบม้า เงินห้าร้อยตำลึง เหล็กร้อยหาบ เป็นกำลังเบื้องต้น เล่าปี่จึงให้ช่างทำกระบี่สองเล่มเป็นอาวุธคู่มือ อวนอูให้ช่างตีง้าวเล่มหนึ่ง ยาวสิบเอ็ดศอกหนักแปดสิบสองชั่ง เตียวหุยทำทวนเล่มหนึ่ง ยาวสิบศอกหนักแปดสิบห้าชั่ง แล้วทั้งสามพี่น้องก็นำชาวบ้านห้าร้อยคน ไปเป็นอาสาสมัครปราบโจรกับเจ้าเมือง และได้เข้าร่วมรบกับกองทหารหลวง หลายครั้งหลายหน หลายสมรภูมิ จนมีความชอบได้เป็นเจ้าเมืองอันห้อก้วน ซึ่งเป็นเมืองชั้นจัตวา

เล่าปี่ปกครองเมืองบ้านด้วยความเรียบร้อย อยู่มาได้ประมาณเดือนหนึ่ง ก็มีขุนนางชื่อต๊กอิ้วมาตรวจราชการ จะเรียกเอาส่วยจากเจ้าเมืองที่ได้ตำแหน่งใหม่ เล่าปี่ไม่มีจะให้ต๊กอิ้วก็จับเอาปลัดเมืองมาขู่เข็ญโบยตี จะให้กล่าวหาว่าเล่าปี่ฉ้อโกงราษฎร แต่ปลัดก็ไม่เอาด้วย ชาวบ้านหลายสิบคนก็สงสารปลัด ที่ถูกเฆี่ยนโดยไม่มีความผิด

บังเอิญเตียวหุยเสพสุราแล้วขี่ม้าผ่านมาทางหน้าบ้านต๊กอิ้ว เห็นชาวบ้านยืนร้องไห้อยู่ ก็ถามเรื่องราวได้ความแล้วก็โกรธ โจนลงจากม้าวิ่งฝ่านายประตูเข้าไปในบ้าน เห็นต๊กอิ้วนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง ปลัดเมืองถูกมัดมือมัดเท้ากลิ้งอยู่ข้างหน้า เตียวหุยก็เข้าจิกผมต๊กอิ้วกระชากตกลงมา แล้วเอาผมกระหมวดมือลากมาจนถึงศาลากลาง เอาผมต๊กอิ้วผูกกับหลักผูกม้า และหักเอากิ่งสนมาตีจนต๊กอิ้วเจ็บปวดสาหัส

เล่าปี่รู้ความก็ตกใจรีบวิ่งมาถามเตียวหุย ว่าเอาข้าหลวงมาตีด้วยเหตุใด เตียวหุยก็ว่า

“….อ้ายนี่มันขี้ฉ้อใหญ่ แล้วเป็นคนหยาบคายช้ามันไว้มิได้ ชอบตีเสียให้ตาย…”

ต๊กอิ้วเห็นหน้าเล่าปี่ก็ขอร้องให้ช่วย เล่าปี่จึงห้ามเตียวหุยให้หยุด พอกวนอูออกมาเห็นเข้าจึงบอกเล่าปี่ว่า

“…..เราทำความชอบอาสาแผ่นดินมาเป็นหลายครั้ง ก็ได้เป็นแต่เพียงนี้ แต่ต๊กอิ้วถือรับสั่งมา แล้วว่าหยาบช้านอกรับสั่งให้ได้อัปยศดังนี้ อันเราพี่น้องสามคนอุปมาประดุจหงส์ ซึ่งจะอาศัยในป่านี้ไม่สมควร เราจะฆ่าต๊กอิ้วเสีย แล้วชวนกันไปอยู่บ้านเมืองที่อาศัยแห่งเราดีกว่า ภายหลังจึงค่อยคิดการใหญ่สืบไป……”

เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงกลับเข้าไปเอาตราประจำตำแหน่งเจ้าเมือง มาผูกคอต๊กอิ้วไว้แล้วว่า

“……ตัวเอ็งเป็นข้าหลวงมาทำขี้ฉ้อดังนี้ ควรแต่เราตัดศีรษะเสีย นี่เราให้ชีวิตตัวไว้ บัดนี้เราไม่พอใจอยู่ทำราชการแล้ว เอ็งจงเอาตรานี้กลับไปเมืองด้วยเถิด……”

แล้วสามพี่น้องก็พาพรรคพวกยี่สิบคน ออกจากเมืองอันห้อก้วน ไปแอบหลบซ่อนอยู่กับญาติ ที่เมืองเต๊งจิ๋ว

จนกระทั่งโจโฉหนีออกจากเมืองหลวง มารวบรวมผู้คนจากสิบหกหัวเมือง จัดเป็นกองทัพยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง สามพี่น้องจึงเข้าร่วมขบวนการด้วย ในกองทหารของกองซุนจ้าน เจ้าเมืองปักเป๋ง ในการรบครั้งนี้แม้ว่าทางฝ่ายหัวเมืองไม่ได้รับชัยชนะ ต้องยกกลับบ้านเมืองของตน แต่กวนอูก็ได้แสดงฝีมือให้เป็นที่เลื่องลือกันมาก

เตียวหุยก็ติดตามพี่ทั้งสองคนไปเป็นกำลัง ในการสู้รบกับก๊กอื่นหลายครั้งหลายครา เคยรบกับลิโป้ที่เมืองชีจิ๋ว ต่อมารบกับทหารเอกของโจโฉ ที่สะพานเตียงปันเกี้ยวแดนเมือง ซงหยง เพื่อช่วยจูล่ง ทหารคนสนิทของเล่าปี่ ให้พาอาเต๊าบุตรคนแรกของเล่าปี่ไปหาบิดา และรบกับม้าเฉียวที่เมืองเสฉวน จนเล่าปี่ได้ครองเมืองเสฉวน

แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อซุนกวนหลอกเล่าปี่ให้ไปแต่งงาน กับนางซุนหยินน้องสาวเพื่อจะจับตัวฆ่าเสีย แต่ขงเบ้งซ้อนกลให้เล่าปี่พานางซุนฮูหยินกลับมา อยู่ด้วยกันที่เมืองเกงจิ๋วได้สำเร็จ พอเล่าปี่ยกทัพไปตีเมืองเสฉวน ซุนกวนก็ให้จิวเสี้ยนไปรับนางซุนฮูหยินกลับ บอกว่ามารดาป่วยหนัก นางซุนฮูหยินหลงเชื่อจึงยอมกลับ และเอาอาเต๊าไปด้วย

จูล่งพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ ต้องติดอยู่บนเรือของนางซุนฮูหยิน ซึ่งแล่นกลับไปเมืองกังตั๋ง ขณะนั้นเตียวหุยไปลาดตระเวนทางเรือ รู้ความก็รีบกลับมาเอาเรือขวางหน้าไว้ แล้วคว้าทวนคู่เมือโดดลงเรือนางซุนฮูหยิน จิวเสี้ยนก็ชักกระบี่ออกต่อสู้กับเตียวหุย จึงถูกเตียวหุยแทงล้มลง แล้วเอากระบี่ตัดศีรษะโดยไปให้นางซุนฮูหยิน นางก็ตกใจร้องว่าเหตุใดเตียวหุยจึงมาทำหยาบช้าดังนี้ เตียวหุยตอบว่า

“……ท่านเป็นพี่สะใภ้ เมื่อมิได้รักพี่เราโดยสุจริตจะทิ้งเสีย หนีไปเมืองมิได้ยำเกรงถึงเพียงนี้ เราว่าชอบกลับว่าทำหยาบช้าต่อท่านอีกเล่า……”

นางซุนฮูหยินก็ว่า

“…….บัดนี้มารดาเราป่วยหนักจึงรีบไป ครั้นจะบอกพี่ท่านก่อนก็จะช้าอยู่มิทันไปเห็นใจ ท่านทั้งสองจะขัดขวางไว้มิให้เราไป เราก็จะโจนน้ำตายเสีย…….”

เตียวหุยจึงปรึกษาจูล่งว่า ถ้าจะขัดขวางไว้ก็เหมือนแกล้งให้นางซุนฮูหยินตาย ด้วยมารดานั้นป่วยหนัก เป็นประเพณีแม่กับลูกย่อมตัดกันไม่ได้ ควรเราจะเอาแต่อาเต๊าไว้ ซึ่งตัวนางซุนฮูหยินจะไปก็ตามอัชฌาสัยเถิด แล้วเตียวหุยจึงบอกว่า

“……..อันเล่าปี่พี่เราก็เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งท่านได้มาอยู่กับพี่เรา พี่เราก็กรุณาเอ็นดูมิสู้ได้ความอายนัก ถึงมาตรว่าตัวท่านจะไป ก็จงคิดถึงความอาลัยแต่หนหลัง ซึ่งได้เป็นภรรยาสามีกัน ตามประเพณีโลกทั้งปวง แล้วเร่งกลับมา……..”

ว่าแล้วก็อุ้มอาเต๊าพาจูล่ง ลงเรือของตนกลับเข้าฝั่ง ปล่อยนางซุนฮูหยินกลับไปเมืองกังตั๋งแต่ผู้เดียว

และครั้งสุดท้ายเมื่อเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองเสฉวนแล้ว กวนอูไปเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ถูกซุนกวนกับโจโฉร่วมมือกัน ยกทัพมาตีเมืองเกงจิ๋ว จับตัวกวนอูได้เอาไปประหารชีวิตนั้น เตียวหุย อยู่ที่เมืองลองจิ๋ว เมื่อรู้ความแล้วก็ร้องไห้ทั้งกลางวันกลางคืน จนน้ำตาเป็นเลือดไหลออกมา ขุนนางทั้งปวงก็ตกใจกลัวเตียวหุยจะตาย จึงเข้ามาปลอบเล้าโลมเอาใจ ชวนให้เตียวหุยเสพสุราหวังจะให้คลายความโศก ครั้นเตียวหุยเมาสุราแล้วก็บ่ายหน้าไปทางเมืองกังตั๋ง ตั้งท่าจะทิ่มแทงแล้วก็ขบฟันร้องไห้คิดถึงพี่ชาย ด้วยความโกรธแค้นเป็นกำลังจะใคร่แก้แค้นซุนกวน ก็โลดเต้นไปมาด้วยกำลังเมา เตะต่อยถูกทหารศีรษะแตกก็มี ลางคนแขนหักขาหัก ลางคนก็ตาย

พอดีมีข้าหลวงจากเมืองเสฉวน ถือตรามาแต่งตั้งให้เตียวหุยเป็นเจ้าเมือง เตียวหุย จึงเชิญข้าหลวงมาเลี้ยงโต๊ะ แล้วถามว่า

“……..ซุนกวนฆ่าพี่เราเสีย ความแค้นอันนี้ลึกกว้างใหญ่กว่าท้องทะเลอีก ขุนนางผู้ใหญ่ที่ปรึกษาอยู่เมืองเสฉวน ผู้ใดยังทูลให้ยกทัพไปตีซุนกวนแก้แค้นหรือหามิได้…….”

ข้าหลวงผู้นั้นก็บอกว่า

“…….ขุนนางทั้งปวงปรึกษาจะให้ยกไปตีโจผีก่อน แล้วจึงจะให้ไปตีซุนกวน…..”

เตียวหุยก็โกรธจึงว่า

“…….ปรึกษาอะไรอย่างนี้ เราพี่น้องสามคนได้ให้ความสัตย์กันไว้แต่ก่อนว่า จะเป็นตายด้วยกัน บัดนี้กวนอูพี่เรายังมิถึงกำหนดอายุ มาตายเสียแล้ว ยังแต่เราจะเป็นเจ้าเมืองเอาความสบายหาควรไม่ จะเสียความสัตย์ไป เราจะไปเฝ้าพระเจ้าเล่าปี่ จะขออาสาเป็นทัพหน้า จะแต่งกองทัพให้นุ่งขาวห่มขาว ถือธงขาวขี่ม้าขาว ไปจับอ้ายศัตรูมาฆ่าเสีย เซ่นกวนอูแล้วจึงจะหายแค้น……..”

แล้วเตียวหุยก็ตามข้าหลวงผู้ถือหนังสือ ไปเมืองเสฉวนด้วย เตียวหุยเข้าไปถึงที่ว่าราชการของพระเจ้าเล่าปี่ ท่ามกลางขุนนางน้อยใหญ่ รวมทั้งขงเบ้งมหาอุปราชด้วย ก็เข้าไปกราบลงเอาสองมือกอดพระบาทไว้ แล้วก็ร้องไห้ พระเจ้าเล่าปี่ก็ทรงกันแสงไปด้วย เตียวหุยจึงทูลถามว่า

“……..พระองค์ได้เสวยราชสมบัติแล้ว ลืมความสัตย์ซึ่งให้กันไว้แต่ก่อนเสียแล้วหรือ พระองค์จึงไม่คิดแก้แค้นแทนกวนอูเลย……”

พระเจ้าเล่าปี่จึงว่า

“…….เราคิดนักว่าจะยกทัพไปแก้แค้น แต่ว่าขุนนางทั้งปวงเข้าห้ามไว้ เราจึงงดอยู่……”

เตียวหุยก็ว่า

“…….คนทั้งปวงเขาหาได้ให้ความสัตย์ไว้ในกวนอู เหมือนพระองค์กับข้าพเจ้าไม่ ถ้าพระองค์ไม่ยกไปแล้ว ข้าพเจ้านี้หาคิดชีวิตไม่เลย จะขอยกกองทัพไปแก้แค้น ถ้าแก้แค้นมิได้ก็ตายเสีย ดีกว่ากลับมาเห็นหน้าพระองค์…….”

พระเจ้าเล่าปี่จึงตัดสินพระทัยว่า

“…….ถ้ากระนั้นเราจะยกไปด้วยกัน ท่านจงกลับไปเมืองลองจิ๋ว จัดแจงกองทัพยกไปเมืองเกงจิ๋ว เราก็จะยกกองทัพไปบรรจบพร้อมกันที่นั่น…….”

เตียวหุยก็รีบกลับมาเมืองลองจิ๋ว แล้วสั่งทหารให้ตระเตรียมเครื่องศัสตราวุธ แลม้าขาวธงขาวเครื่องแต่งกายขาว ให้พร้อมในสามวัน จะได้ยกกองทัพไปให้ทันทัพหลวงที่เมือง เกงจิ๋ว นายทหารสองคนคือฮอมเกียงกับเตียวตัด ก็บอกว่าท่านสั่งให้พร้อมในสามวันนั้นเร็วนัก เห็นจะหาไม่ทัน ขอให้เนิ่นออกไปหน่อยเถิด เตียวหุยก็โกรธจึงว่า

“……..กูจะเร่งยกทัพไปเป็นการเร็วให้ทันกำหนด แต่การเท่านี้สิว่าไม่ทันเล่า ….”

แล้วเตียวหุยก็สั่งเอาตัวนายทหารทั้งสองนายผูกเข้ากับต้นไม้ เฆี่ยนเสียคนละห้าสิบที ทั้งสองก็เจ็บปวดเป็นอันมาก โลหิตไหลออกปากจมูก แล้วเตียวหุยก็คาดโทษว่า

“……ถ้าการของกูมิทันกำหนดในพรุ่งนี้ กูจะให้ฆ่าเสียทั้งสองคน…….”

เมื่อทั้งสองนายกลับมาถึงที่พักแล้วก็ปรึกษากันว่า ก่อนที่เราจะตายในพรุ่งนี้ เราควรจะฆ่ามันเสียก่อน ถ้าฆ่ามันได้แล้ว เอาศีรษะไปถวายพระเจ้าซุนกวน ก็จะมีความชอบเป็นอันมาก และคงจะชุบเลี้ยงเรา เตียวตัดก็เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมว่า

“……ถ้าบุญของเราจะไม่ตายเพราะมัน มันก็จะกินเหล้าเมาออกมานอนอยู่ที่ว่าราชการ เหมือนแต่ก่อน เราก็จะฆ่ามันเสียให้ตาย ถ้ากรรมของเราจะถึงที่ตายแล้ว มันก็ไม่เมาเหล้า เราก็มิรู้ที่จะทำประการใด……”

แต่กรรมเป็นของเตียวหุย จึงให้ร้อนอกร้อนใจนอนไม่หลับ ให้ทหารเอาสุรามากิน จนเมาเหลือกำลัง ลงนอนตาค้างอยู่ในหมู่ทหารที่ร่วมวงนั้น เมื่อฮอมเกียงกับเตียวตัดซ่อนกระบี่เข้าไปใกล้แล้ว ก็ไม่กล้าลงมือ จนได้ยินเสียงกรนจึงเชื่อว่าหลับสนิทแน่ คนหนึ่งเอากระบี่แทงเข้าที่ซอกคอ อีกคนหนึ่งแทงเข้าที่ท้อง เตียวหุยสะดุ้งขึ้นร้องได้คำเดียวก็ขาดใจตาย

ชีวิตของพ่อค้าขายหมูแห่งเมืองตุ้นก้วน ที่ฝ่าฟันการศึกสงครามมากับเพื่อนร่วมน้ำสาบาน เป็นเวลากว่าสามสิบปี แม้ว่าจะมีหน้าตาดุร้าย กิริยากระด้างมุทะลุดุดัน แต่ก็มีน้ำใจมั่นคงต่อมิตร และมาถึงที่สุดแห่งชีวิต ด้วยความซื่อถือสัตย์ต่อคำสาบาน ที่ให้แก่กันไว้ที่สวนหลังบ้านของตน นั้นเอง.

#########



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 7:19:44 น. 2 comments
Counter : 976 Pageviews.

 
หมายความว่า จะยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ต้องแล้วแต่สถานการณ์เหรอคะ

วัดราชนัดดา สงสัยจะต้องไปอีกรอบค่ะคุณลุง เก็บภาพได้ไม่หมดค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:18:34:36 น.  

 
ในที่นี้หมายถึงการยึดุถือคำสัตย์สาบานที่ให้ไว้ต่อกัน

ตามธรรมเนียมคนจีนสมัยโบราณครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:16:55:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.