Group Blog
นิยาย 'เสน่หาเล่ห์วารี' บทที่ 1



ณ. วังจิรัฐิติกาล ที่กว้างใหญ่ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมทางยุโรปผสมผสานไทยประยุกต์อย่างลงตัว ดูงดงาม ประณีตและน่าเกรงขามในคราเดียวกัน ในห้องพักผ่อนอันโอ่โถง ร่างของหญิงวัย 60 กว่าปี นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาแบรนด์ดัง มือถือยาดมจ่อใต้จมูก โดยมีคนรับใช้คอยบีบนวดขาให้ทั้งสองข้าง นั่นคือ หม่อมอังกาบ จิรัฐิติกาล ผู้เป็นประมุขของวังแห่งนี้นั่นเอง
ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังรินน้ำใส่แก้ววางไว้ให้มารดานั้นคือ ม.ร.ว.อังศณา ลูกสาวคนโตวัย 40 กว่าปีต้นๆ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ สร้างความหวาดหวั่นขวัญเสียให้กับสองแม่ลูกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งคู่ยังคงเล่าให้คนรับใช้ในวังฟังอย่างออกรสออกชาติ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หม่อมแม่ พี่หญิง เป็นยังไงกันบ้างครับ” พร้อมกับร่างสูงสง่าของชายหนุ่มคนหนึ่ง รีบสาวเท้าเข้ามาในห้องรับแขกด้วยท่าทางร้อนใจ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกังวล
“อ้าว! ชายเล็ก มาแล้วเหรอลูก นั่งก่อนสิ” หม่อมอังกาบทักทายลูกชายคนเล็ก
เจ้าของร่างสูงนั้นอยู่ในชุดสูทสำหรับไปงาน ดูเรียบหรู สง่างาม สมกับเป็นหนึ่งในคุณชายแห่งวังจิรัฐิติกาล คุณชายเล็ก หรือ หม่อมราชวงศ์อังกูร จิรัฐิติกาล นั่งลงข้างมารดา ที่มาตอนนี้ได้ไล่บรรดาคนรับใช้ให้ออกไปจากห้อง ด้วยอยากคุยกับลูกๆ ตามลำพัง
“แม่ยังไม่ได้แต่งตัวเลย ชายเล็กรอแม่กับพี่หญิงใหญ่แป๊บหนึ่งได้ไหมล่ะลูก” เพราะทั้งสามแม่ลูกนัดกันไปงานแต่งงานในเย็นวันนี้ แต่พอดีมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน จึงทำให้หม่อมอังกาบ กับม.ร.ว.อังศนาที่พึ่งกลับมาถึงวัง ต้องพักผ่อนให้ความเหนื่อยและอกสั่นขวัญแขวนคลายลงไปในตอนนี้
“หม่อมแม่กับพี่หญิงใหญ่ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ผมไปคนเดียวได้ แล้วนี่เป็นยังไงกันบ้างครับ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทำไมไม่โทร.บอกผม” ตอนท้ายชายหนุ่มถามขึ้น พลางจับแขนมารดาสำรวจด้วยความเป็นห่วงล้นพ้น หม่อมอังกาบถึงกับยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ ก่อนเอ่ย
“แม่ไม่อยากให้ชายเล็กเป็นห่วงน่ะ อีกอย่างตอนนี้แม่กับพี่หญิงก็ปลอดภัยดี ไม่ได้เป็นอะไรมาก ข้าวของก็ไม่ได้เสียหาย แค่ต้องไปให้ปากคำตำรวจก่อนกลับเท่านั้นเอง ก็เลยกลับมาช้าหน่อยน่ะลูก”
“ใช่จ้ะ โชคดีที่มีคนมาช่วยเราไว้ได้ทันน่ะจ้ะ ไม่อย่างนั้นเครื่องเพชรที่ไปเอามาจากธนาคารคงถูกเจ้าโจรนั่นเอาไปขายเรียบร้อยแน่ๆ ” ม.ร.ว.อังศนาเสริม
“เพราะต้องไปงานแต่งน้องมุกเป็นเพื่อนผมแท้ๆ เลยทำให้หม่อมแม่กับพี่หญิงใหญ่ต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างนี้” อังกูรอดโทษตัวเองไม่ได้
ด้วยความเป็นห่วงสภาพจิตใจชายหนุ่ม ซึ่งอกหักจาก มัดมุก หญิงสาวที่เขาพยายามปลูกต้นรักมาระยะหนึ่ง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์พลิกผัน สร้างความผิดหวังเจ็บปวดให้อังกูรอย่างมากมาย และสุดท้ายมัดมุกก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในวันนี้นี่เอง มารดากับพี่สาวของม.ร.ว.หนุ่มจึงต้องการไปงานนี้เป็นเพื่อนเขา
และด้วยความเป็นผู้หญิง จึงต้องมีการแต่งเนื้อแต่งตัวกันแบบ จัดเต็ม เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งคู่จึงไปเอาเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงาน ซึ่งฝากไว้กับธนาคารออกมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ จนกระทั่งเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่งผลให้อกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน
“ไม่ใช่หรอกน่าลูก มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง คงเป็นคราวเคราะห์ของแม่กับพี่หญิงน่ะ อย่าคิดมากเลย” หม่อมอังกาบพูดปลอบ เพราะดูท่าแล้วก็คงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ โจรนั่นก็คงมาดักรอเหยื่อแถวลานจอดรถ พอดีสองแม่ลูกออกมาก็เลยกลายเป็นเหยื่อไปเท่านั้นเอง
“ไม่ได้แล้วนะครับ ต่อไปต้องให้คนของเราติดตามไปด้วยตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน และพี่หญิงใหญ่ก็เลิกขับรถเองเถอะครับ เรามีคนขับรถ มีบอดี้การ์ด แต่ทำไมชอบไปไหนมาไหนเองก็ไม่รู้ เป็นผู้หญิงเวลาเกิดเรื่องขึ้นมามันลำบากนะครับ” ชายหนุ่มยังไม่เลิกกังวล พลางหันมาทางพี่สาวคนโตซึ่งมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างในวังจิรัฐิติกาลและมารดา
“ปกติแม่กับพี่หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ไปไหนกันเองหรอกน่าชายเล็ก แต่พอดีวันนี้แม่มีงานที่มูลนิธิให้พวกนั้นมันช่วยทำ ก็เลยออกไปกันเอง และไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ด้วย” หม่อมอังกาบรีบพูดขึ้น
ตระกูลจิรัฐิติกาลมีมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำงานด้านการกุศลและสังคมมานาน ตั้งแต่ท่านพ่อของชายหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ คนที่อยู่ในวังแห่งนี้จึงต้องทำงานช่วยมูลนิธิด้วย แม้แต่คนขับรถ คนรับใช้ คนติดตามก็ไม่เว้น
“พี่เองก็เข็ดแล้วเหมือนกันชายเล็ก ต่อไปจะไม่พาหม่อมแม่ไปไหนเองแบบนี้อีกแล้วล่ะ เออ... ว่าแต่ชายเล็กแน่ใจนะว่าจะไปงานน้องมุกคนเดียว” ม.ร.ว.อังศนาถามน้องชายด้วยแววตากังวลเล็กๆ แต่มากกว่านั้นคือความเป็นห่วงที่อังกูรสัมผัสได้
“นั่นสิลูก แม่ว่าให้พี่หญิงใหญ่ไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหม” ผู้เป็นมารดาก็ยังไม่คลายความห่วงกังวลเช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองดีกว่า พี่หญิงใหญ่อยู่ดูแลหม่อมแม่เถอะครับ เผื่อจะมีอาการอะไรภายหลัง ผมไม่เป็นไรแล้ว สบายใจเถอะครับ” ม.ร.ว.อังกูรปฏิเสธ
พร้อมทั้งยืนยันถึงสภาพจิตใจของตัวเอง เพื่อให้มารดากับพี่สาวคลายความห่วงกังวล ใบหน้าแสดงถึงความเข้มแข็ง และ ‘ไม่เป็นไร’ แม้ข้างในใจจะรู้สึกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากมายเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ม.ร.ว.หนุ่มเองก็รู้ตัวดีว่าเขาเข้มแข็งขึ้นมาก มากพอที่จะเผชิญกับความจริงในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มใจ
“แม่ดีใจนะที่ลูกเข้มแข็งได้เร็วอย่างนี้ ลูกของแม่จะต้องได้เจอคนที่ดี เหมาะสมกับลูก คนที่สามารถทำให้ลูกมีความสุขได้จริงๆ ” หม่อมอังกาบยกมือขึ้นลูบผมที่ถูกจัดแต่งทรงมาอย่างดีของลูกชายคนเล็กอย่างอ่อนโยน
“ผมยังไม่อยากคิดเรื่องนี้หรอกครับหม่อมแม่ อีกอย่างที่ผมเข้มแข็งขึ้นมาได้ก็เพราะหม่อมแม่และพี่หญิงใหญ่ พี่ชายรองที่อยู่เคียงข้างให้กำลังใจผมยังไงล่ะครับ ผมจำได้เสมอที่หม่อมแม่บอกว่าอะไรที่มันไม่ใช่ของเราต่อให้พยายามแทบตายก็ไม่มีวันใช่ ผมกับน้องมุกไม่ใช่สำหรับกันและกัน ผมก็ต้องทำใจยอมรับไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหนก็ตาม” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มพลางสบตามารดา ซึ่งก็ยิ้มให้ด้วยความดีใจเช่นกัน
“ลูกคิดได้มากขนาดนี้แม่ก็วางใจ ถ้าคนที่ใช่ของชายเล็กเหมือนกับแม่หนูคนนั้นก็คงจะดีนะหญิงใหญ่นะ” ตอนท้ายหันไปทางลูกสาว ที่ยิ้มรับในทันที เมื่อคิดไปถึงคนที่มารดาเอ่ยถึง
“จริงด้วยสิคะหม่อมแม่ แม่หนูคนนั้นทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมเก่งอีกต่างหาก แหม... น่าเสียดายนะคะที่เราไม่ทันถามชื่อแซ่ก็รีบไปกันเสียก่อน เลยไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน”
“ใครเหรอครับพี่หญิงใหญ่ หม่อมแม่” ท่าทางเสียดมเสียดายของพี่สาวทำให้คนฟังที่ไม่รู้เรื่องราวต้องถามขึ้นด้วยความสนใจ
“ก็แม่หนูที่ช่วยจับโจรด้วยรองเท้าส้นสูงเพียงข้างเดียวน่ะสิ” หม่อมอังกาบพูดพลางหัวเราะ
แล้วทั้งสองจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชายเล็กแห่งวังจิรัฐิติกาลฟังอย่างออกรสเช่นเดิม แต่ก็ทำท่าเสียดมเสียดายไม่หายกับเรื่องที่ไม่ได้ถามชื่อแซ่ ไม่รู้ว่าคนทั้งสามที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือตนเป็นใครมาจากไหน
“คนที่ช่วยคนอื่นได้โดยไม่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างนั้น ในสังคมสมัยนี้หาได้ยากนะคะหม่อมแม่ แถมยังเป็นสาวเป็นแส้ แสดงว่าถูกเลี้ยงมาดี” ม.ร.ว.อังศนาแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึก ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นคนอื่นจะมีใครช่วยเธอกับมารดาอย่างนี้หรือเปล่าหนอ
“ก็ดูคุณย่ากับเพื่อนของแม่หนูคนนั้นสิ สงสัยจิตใจดีกันทั้งบ้านแน่ ดูพวกเขามีความสุขกันดีด้วยนะ” หม่อมอังกาบเห็นด้วย
เพราะหลังจากช่วยพวกเธอแล้ว ยังไม่รับสินน้ำใจที่มอบให้อีกด้วย หนำซ้ำกลับไม่มีท่าทีโกรธเคืองเมื่อน้ำใจถูกตีค่าเป็นเงินทอง ทั้งที่เป็นบางคนที่รักศักดิ์ศรีมากคงโมโหหาว่าดูถูกไปโน่น แต่หญิงสาวคนนั้นกับย่ากลับยิ้มและอธิบายด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
“ผมชักอยากเจอฮีโร่สาวกับครอบครัวของเธอแล้วสิ” ชายหนุ่มเปรยอย่างหยอกเย้าเมื่อเห็นมารดาและพี่สาวต่างก็ชื่นชมหญิงสาวนิรนามกับครอบครัวของเธอไม่ขาดปาก
“แม่ก็อยากให้ชายเล็กเจอ แต่คงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ แต่แม่ก็อยากบอกนะว่าถ้าลูกจะรักใครอีกสักคน ขอให้ได้ครึ่งของแม่หนูคนนี้ก็พอ ไม่ว่าเรื่องน้ำใจหรือการเป็นคนมีความสุข ลูกรู้ไหมเวลาเราอยู่ใกล้คนมีความสุขน่ะ เราเองก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย แม่อยากให้ชายเล็กมีความสุขนะลูก” หม่อมอังกาบพูดขึ้น ดวงตาที่มองมาทางลูกชายเต็มไปด้วยความรักและห่วงใยไม่คลาย ในขณะที่คนฟังได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว จู่ๆ ภาพของผู้หญิงร่างบอบบางอรชร หน้าตาสวยน่ารักคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิด
“เอ่อ... ถ้าเกิดผู้หญิงที่ทำให้ผมมีความสุขเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา อยู่ตามต่างจังหวัดทำไร่ไถนาล่ะครับ หม่อมแม่จะว่ายังไงครับ” อะไรบางอย่างทำให้เขาถามออกไปอย่างนั้น แต่ก็ด้วยน้ำเสียงและท่าทีเย้าแหย่มากกว่า
“แม่ไม่ว่าหรอกลูก ขอเพียงลูกรักคนๆ นั้น และเค้าก็รักลูก ทำให้ลูกของแม่มีความสุข แม่รับได้เสมอ” หม่อมอังกาบตอบลูกชายจากความรู้สึกที่แท้จริง
ที่ผ่านมาหม่อมอังกาบไม่ปฏิเสธว่าเป็นปลื้มมัดมุกมาก และยินดีจะได้มาเป็นสะใภ้คนเล็กของวังจิรัฐิติกาล เพราะตัวหญิงสาวเองนิสัยดี ที่สำคัญคือฐานะทางสังคม ครอบครัวที่เท่าเทียมกัน แต่พอบทสรุปออกมาว่าไม่ใช่ คนที่เจ็บปวดเจียนตายก็คือลูกชายของตัวเอง หม่อมอังกาบจึงได้คิดพร้อมทั้งปล่อยวางเรื่องฐานะทางครอบครัวและสังคมของว่าที่สะใภ้ลงได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ขอเพียงใครสักคนที่ดีๆ ทำให้ลูกชายมีความสุข และรักลูกชายของตัวเองอย่างแท้จริงเท่านั้นก็พอ
“ถ้าคนที่ทำให้ผมมีความสุขเป็นผู้ชายล่ะครับหม่อมแม่” คราวนี้ม.ร.ว.หนุ่มแกล้งกระเซ้ามารดาด้วยรอยยิ้มสนุก ส่งผลให้หม่อมอังกาบตาโต ยกมือขึ้นทาบอก
“ว้าย! ตายจริงลูกคนนี้อย่ามาแกล้งแม่เล่นอย่างนี้นะ ไปเลยไป งานเค้าเริ่มแล้วมั้งเนี่ย” ตอนท้ายออกปากไล่ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา ม.ร.ว.อังกูรรับคำก่อนจะออกไปจากห้องพักผ่อน ปล่อยให้มารดากับพี่สาวมองตาม ความเป็นห่วงยังคงฉายอยู่ในดวงตาของทั้งคนคู่
*-*-*-*-*-*
ณ.คฤหาสน์ รัตนะกิจจาวัฒน์ หลังใหญ่ ประดับ ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีขาวและชมพูไปทั่วทั้งงาน อีกทั้งบริเวณโดยรอบที่เป็นสวนหย่อม สนามหน้าบ้านก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานมงคลสมรสของลูกสาวคนเล็กของบ้าน กับหนุ่มนักธุรกิจจากทางเหนือ
แม้จะเป็นที่รู้กันว่าเจ้าสาวตั้งครรภ์เกือบห้าเดือนแล้ว แต่ความสนุกสนาน ชื่นมื่นก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยิ่งสนุกสนานกันไปใหญ่ กับการหยอกเย้าและแซวเจ้าบ่าวเจ้าสาวของแขกคนสนิท บรรยากาศแห่งความสุขอันแสนหวานกำลังอบอวลไปทั่วทั้งงาน
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทเรียบหรู อีกทั้งเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่าง ม.ร.ว.อังกูร จิรัฐิติกาล เองก็สัมผัสได้ถึงกระไอแห่งความหวานชื่นสุขสมนั้นเช่นกัน เขาได้แต่พยายามรักษาความเข้มแข็งไว้อย่างเต็มที่ และทักทายใครต่อใครด้วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนปกติ
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยู่ลึกๆ ข้างใน เมื่อเห็นหญิงสาวที่เคยหมายปองอย่างจริงจังทุ่มเทที่สุดในชีวิต แต่งงานไปกับชายอื่นเช่นนี้ แว่บหนึ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเจ้าบ่าวอย่าง ธาราดล ขึ้นมานิดๆ ที่ได้ยืนเคียงข้าง เกาะกุมมือเจ้าสาวผู้งดงามอย่างมัดมุก
ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นชายหนุ่มผู้โชคดี ที่ยืนเคียงข้างเธอในงานวิวาห์เช่นนี้ แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น เมื่อมัดมุกปฏิเสธความรักของเขาตอนที่กำลังพากันไปล่องเรือสำราญยังแม่น้ำปิง อีกทั้งมีเรื่องราวยุ่งเหยิงเกิดขึ้นพอดี ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างเจ้าสาวและเจ้าบ่าวในวันนี้
เมื่อมัดมุกถูกธาราดล ที่ตอนนั้นเป็นหนึ่งในเจ้าของเรือสำราญเพชรธารา และบริษัทเพชรธารากรุ๊ป ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการเจ้าใหญ่ในลุ่มน้ำปิง ลักพาตัวไปด้วยความเข้าใจผิดบางอย่าง ตอนนั้นม.ร.ว.อังกูรที่ยังคงรักมัดมุกก็ได้ปักหลักติดตามข่าวคราว พร้อมออกค้นหาเธอเป็นเดือนๆ
เพื่อจะพบว่าช่วงเวลาระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของธาราดลกับมัดมุกพัฒนาไปไกล จนกลายเป็นคนรักกันในที่สุด และหลังจากนั้นอังกูรเองก็พอรู้เรื่องราวความรักของคนทั้งคู่มาจากบิดาของมัดมุก ซึ่งสนิทสนมกับเขาเป็นอย่างดี มันทำให้เขาตระหนักดีว่า กว่าทั้งคู่จะมีวันนี้ได้ก็ต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามาก
ไม่มีอะไรง่ายเลยสำหรับความรักของมัดมุกกับธาราดล แต่ทั้งสองก็ฟันฝ่ามันมาได้จนถึงจุดนี้ ซึ่งมาคิดอีกทีก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างแท้จริง ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองให้ยอมรับความจริง โชคดีที่ความเจ็บปวดต่างๆ ที่เคยมีมามันเจือจางลงมากแล้ว เขาจึงสามารถยิ้มให้คนทั้งคู่ได้อย่างเต็มหัวใจและความรู้สึก
“ขอให้คุณดลกับน้องมุกมีความสุขมากๆ นะครับ” ม.ร.ว.หนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแต้มริมฝีปาก ขณะส่งของขวัญกล่องเล็กให้คู่บ่าวสาว
“ขอบคุณมากนะคะคุณชาย ขอบคุณที่มาอวยพรมุกกับคุณดลค่ะ” มัดมุกกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะครับคุณชายที่มาร่วมงานในวันนี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก” ธาราดลเองก็ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับเขาพลางเอื้อมมือมารับของขวัญ
“งานแต่งของน้องสาวทั้งที ผมก็ต้องมาร่วมแสดงความยินดีสิครับ” ม.ร.ว.อังกูรพูดต่อเหมือนเป็นการบอกเจ้าบ่าวกรายๆ ว่าตอนนี้เขาบริสุทธิ์ใจในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาเองกับมัดมุก ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ้มรับด้วยความเข้าใจ
“อ้าว... คุณชาย สวัสดีครับ” เสียงที่ดังแทรกขึ้นจากด้านหลังทำให้อังกูรและคู่บ่าวสาวต้องหันมามองต้นเสียงพร้อมกัน ชลบดินทร์ น้องชายของเจ้าบ่าวที่เขาเคยรู้จักตอนอยู่เชียงใหม่นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณดินทร์ ดีใจที่เจอกัน สบายดีนะครับ” อังกูรเองรีบทักทายคนที่ก้าวเข้ามาด้วยความยินดี
“ผมสบายดีมากเลยครับคุณชาย ผมมองหาคนรู้จักไม่ยักเห็นใครเลย” ตอนท้ายชลบดินทร์บ่นกรายๆ ทำให้ธาราดลฉุกคิดขึ้นมาได้
“นั่นสิ งานก็เริ่มมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทำไมย่ายังไม่มาอีกนะ” ธาราดลเปรยขึ้นกับน้องชาย
“อ๋อ...เกิดเอ็กซิเดนท์นิดหน่อยพี่ดล สามสาวต่างวัยเลยต้องกลับไปแต่งตัว ทำผมใหม่ ผมโทร.หาเมื่อกี้บอกพึ่งออกจากร้านเสริมสวย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดี๋ยวก็มา” ชลบดินทร์บอกพี่ชายอย่างเห็นเป็นเรื่องสบายๆ มากกว่าจะมาวิตกกังวล ธาราดลฟังก็เข้าใจได้ในทันที
“เรื่องเอ็กซิเดนท์คงหนีไม่พ้น เจ้าเป๋อน้อย ของเราอีกแล้วใช่ไหม” ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมหัวเราะน้อยๆ
“คงงั้นแหล่ะพี่ เรื่องซุ่มซ่าม บ้าบอขอให้บอกเป๋อน้อยมันเหอะ” ชลบดินทร์รับคำพร้อมกัดบุคคลที่มีฉายาว่า เป๋อน้อย อย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดู แต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวอย่างม.ร.ว.อังกูรกับมัดมุกได้แต่มองสองพี่น้องอย่างสงสัย “เอ่อ... ขอโทษที เราคุยกันเรื่องคนที่บ้านน่ะครับ ไม่มีอะไรมากหรอกครับคุณชาย เราออกไปคุยกันด้านโน้นดีกว่าไหมครับ” ชลบดินทร์รีบพูดขึ้นเมื่อหันมาเจอสายตาของม.ร.ว.หนุ่ม ก่อนจะชวนอังกูรออกมาคุยกันต่อด้านนอก
“ผมต้องขอโทษคุณชายด้วยนะครับเรื่องพี่ดลกับคุณมุก ที่ผมทำเหมือนหลอกลวงคุณชาย ทั้งที่รู้เรื่องดีมาตลอด เป็นความผิดของผมเองครับ” ชลบดินทร์เอ่ยขึ้นตอนหนึ่งที่พูดคุยดื่มกินกัน ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากตอนที่ธาราดลจับตัวมัดมุกไปครั้งนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแต่เขาจำต้องปิดบังอังกูรเพียงเพราะอยากปกป้องพี่ชายจากความผิด เขาจึงพยายามทดแทนด้วยการดูแล ให้ความสะดวกกับม.ร.ว.หนุ่มตลอดเวลาที่อยู่เชียงใหม่ เขารู้ว่ามันคงทดแทนกันไม่ได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ชลบดินทร์ทำได้ดีที่สุดแล้ว ณ. เวลานั้น
“อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยครับคุณดินทร์ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างผมเองก็ไม่คิดโทษใครในเรื่องนี้ ผมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นดีครับ ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า อะไรที่มันไม่ใช่ต่อให้พยายามมากเท่าไหร่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะพูดถึงมันอีก อย่าคิดมากเลยครับ” อังกูรบอกชลบดินทร์ด้วยรอยยิ้ม
หากจะพูดไปถ้าไม่นับเรื่องมัดมุกกับธาราดลแล้ว เขากับชลบดินทร์ก็ไม่มีสิ่งใดบาดหมางใจต่อกัน ตรงกันข้ามหนึ่งในทายาทและเจ้าของบริษัทเพชรธารากรุ๊ปคนนี้กลับเป็นคนดี มีน้ำใจมากทีเดียว ทั้งที่ตอนนั้นหากเป็นคนเลวร้ายโดยสันดาน ด้วยอำนาจและทุกสิ่งที่มีอยู่ในมือ ชลบดินทร์สามารถทำอะไรเขาก็ได้
แต่กลับเลือกที่จะต้อนรับขับสู้ พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกด้านอย่างจริงใจ มาตอนนี้อังกูรจึงไม่ได้โกรธหรือรู้สึกไม่ดีกับชายหนุ่มตรงหน้าแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนิทใจที่จะพูดคุยด้วยมากกว่า จากนั้นทั้งคู่ต่างก็พูดคุยเรื่องงาน เรื่องสัพเพเหระกันต่อ ก่อนม.ร.ว.หนุ่มจะขอตัวเข้าห้องน้ำไป
*-*-*-*-*-*
พอมาถึงงานแต่งงานที่เริ่มไปพอสมควรแล้ว รินวารีกับแสนดีก็พากันไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่ย่าจันทร์หอมแยกตัวไปด้านในกับญาติผู้ใหญ่ของเจ้าสาว หลังเกิดเรื่องที่ลานจอดรถห้างดัง สองสาวมีสภาพไม่น่าออกงานเป็นอย่างยิ่ง จึงได้พากันรีบกลับไปแต่งตัว แต่งหน้า ทำผมใหม่ แม้จะไม่เลิศหรูอลังการเหมือนครั้งแรกเพราะความฉุกละหุก แต่ก็นับว่าลงตัวดีทั้งเสื้อผ้าหน้าผม
หญิงสาวเปลี่ยนมาใส่ชุดแซ็กเกาะอกสั้นสีชมพูอ่อน กระโปรงพลิ้ว ดูสวยหวานไปอีกแบบ อีกทั้งผมก็ถูกถักเก็บรอบศีรษะแทนทรงแรกที่หลุดลุ่ย ดวงหน้ารูปไข่นวลเนียนยังแต่งแต้มสีสันได้สวยงามเหมือนเดิม ส่วนแสนดีเปลี่ยนมาเป็นชุดสูทสีทึม อาจไม่ถูกใจเจ้าตัวสักเท่าไหร่
แต่ทั้งร้านเขาใส่ได้แค่ชุดนี้ชุดเดียว ก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคดีที่ยังมีเข็มกลัดรูปนกยูงประดับอัญมณีแพรวพราวที่ช่วยให้เขาเป็นตัวของตัวเองได้เหมือนเดิม ทั้งสองแยกย้ายกันเข้าห้องน้ำ รินวารีเสร็จก่อนจึงรีบออกมารอแสนดี สักครู่เธอก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำชาย
หญิงสาวตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ขณะเจ้าของร่างสูงสง่าเองก็จ้องสบตาเธออย่างตะลึงงันเช่นกัน ดวงหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน อีกทั้งท่าทางสง่างามสมกับเป็นหม่อมราชวงศ์ของเขายังเหมือนเดิม และที่สำคัญเขาทำท่าเหมือนจำเธอได้เสียด้วย เพราะดวงตาคู่คมที่จ้องมาทางรินวารีมีประกายตื่นเต้น ริมฝีปากหยักได้รูปของชายหนุ่มยกยิ้มให้เธอนิดหนึ่ง แต่ทว่าคนที่ตะลึงกลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ในหัวสมองกำลังเค้นความคิดอย่างหนัก เพื่อตัดสินใจว่าควรจะยิ้มและทักทายไปแบบคนคุ้นเคย หรือว่าสะบัดบ๊อบใส่ดี เพราะไอ้ครั้นเธอจะยอมรับว่ารู้จักเขาก็กลัวความจะแตกเอา เดี๋ยวทั้งย่าและพี่ชายของเธอต้องเฉ่งเอาแน่ โดยเฉพาะย่า ถ้ารู้ว่าเธอกับผู้ชายคนนี้รู้จักกันแบบไม่ธรรมดา รู้ว่าไข่ในหินอย่างเธอเป็นฝ่ายไปวิ่งตามจีบเขาลับหลังคงได้เป็นลมล้มพับ แม้เธอจะทำเพื่อพี่ชายอย่างธาราดลก็เหอะ ‘อา...ไม่ได้การ ยังไงก็ให้ย่ากับพี่ๆ รู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นเผ่นก่อนล่ะ! ’ รินวารีตัดสินใจในที่สุด
“เดี๋ยวสิคุณ...คุณ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า เดี๋ยว... ” เสียงร้องตามไม่ได้ทำให้หญิงสาวผ่อนฝีเท้าลงแต่อย่างใด
เจ้าของร่างอรชรยังคงจ้ำอ้าวอย่างสุดกำลังไปในทิศทางปลอดคน หวังจะให้รอดพ้นจากโจทย์เมื่อชาติที่แล้ว เออ... ไม่สิ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง แต่ทว่าจะด้วยรองเท้าส้นสูงราคาแพง หรือความซุ่มซ่ามประจำตัวก็ไม่ทราบได้ ทำให้รินวารีก้าวพลาด หัวคะมำไปข้างหน้า
“ว้าย!! ” หญิงสาวหวีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด
“คุณ!! ” เสียงร้องด้วยความตกใจไม่แพ้กันดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างอรชรล้มลงไปกองกับพื้นหญ้า “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับมือหนาเอื้อมมาฉุดดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้น พอตั้งตัวได้เธอรีบปัดเสื้อผ้าพัลวัน
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” ดวงตาของรินวารีเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อเพ่งมองคนที่ฉุดเธอลุกขึ้นถนัดตา
คิ้วสีเข้ม ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน และปากหยักบางได้รูปสวยจนน่าอิจฉา ผมที่ตัดสั้นรับใบหน้าเข้มหล่อเหลา ดูสะอาดเกลี้ยงเกลาในแบบที่เธอคุ้นตา ส่งผลให้เจ้าของร่างอรชรรู้สึกเหมือนใจจะละลาย
“แล้วใครบอกคุณให้วิ่งหนีผมล่ะครับ คุณริน” คนพูดจ้องเข้ามาในดวงตาคู่กลมโตด้วยรอยยิ้มกริ่มแกมขบขัน เสียงเรียกชื่อแบบคุ้นเคยนั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะปั้นหน้าแปลกใจอย่างสุดชีวิต
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ฉันว่าคุณคงจำคนผิดแล้วมั้งคะ” แล้วเอ่ยออกมาในที่สุด หวังจะให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว
“อะไรนะครับ? ” ชายหนุ่มร้องถามด้วยความแปลกใจ เพราะดูอังกูรมั่นใจเหลือเกินว่าเธอคือคนที่เขารู้จัก แต่รินวารีแสยะยิ้มก่อนเอ่ยเสียงเย็น
“ถึงคุณจะหล่อมาก แต่ฉันก็จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณมาก่อน” มาตอนนี้คน หล่อมาก ตรงหน้าถึงกับมองเธอตาค้าง
“คุ...คุณ... ” ปากหยักยกขึ้นเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก
รินวารีกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ‘เป็นไงล่ะ? เจอไม้นี้เข้าหวังว่าคงไปผุดไปเกิดเสียทีนะ เพราะไม่อย่างนั้นฉันนี่แหล่ะจะโดนคนในครอบครัวสั่งให้ไปเกิดใหม่แทน’ หญิงสาวคิด
“ฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณที่ช่วยค่ะ” ว่าแล้วก็เดินนวยนาดจากไปอย่างมั่นใจเต็มที่ ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเธอหายเข้าไปในกลุ่มคนด้านใน ม.ร.ว.หนุ่มจึงได้รู้สึกตัว
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกฟาดด้วยของแข็งที่หัว มันทำให้เขามึนงงอย่างหนัก ในชีวิตของม.ร.ว.อังกูร จิรัฐิติกาล หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ ไฮโซฯ ทั้งหลาย นอกจากมัดมุกแล้วไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขา โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นฝ่ายเดินหน้าเข้ามาจีบเขาเอง มีแต่พยายามสานต่อความสัมพันธ์กับเขาจนไปถึงไหนต่อไหน และมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายปฏิเสธด้วยกลัวความยุ่งยากที่จะตามมา
แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ถึงกล้าปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาในวันที่เขาไม่มีกะจิตกะใจจะอะไรกับใครด้วยซ้ำ จะว่าเขาจำคนผิดก็คงไม่ใช่ ชายหนุ่มจำได้แม่นยำ ผิวขาวนวลเนียนบ่งบอกความเป็นสาวเหนือ หน้าตาสวย น่ารัก ตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อยแบบนี้
แม้จะต่างกันที่ทรงผม ซึ่งปกติ ‘ริน’ ที่เขารู้จักมักจะไว้ผมม้า และชอบมัดจุกไว้กลางหัวแบบที่สาวๆ นิยมกัน แต่มาตอนนี้ผมยาวถูกถักรอบศีรษะ เปิดหน้าผากมน เผยให้เห็นดวงหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มสีสันไว้อย่างสวยงามลงตัว แต่ที่ทำให้อังกูรมั่นใจก็คือความซุ่มซ่ามได้ใจแบบนี้ ไม่ผิดคอนเซปต์ ผู้หญิงชื่อ ‘ริน’ ที่เขาเคยรู้จักแน่

** ‘เสน่หาเล่ห์วารี’ มีรูปแบบ E-Book แล้วนะคะ สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้ค่ะที่
Ookbee
//www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=47a1875c-7d8e-4d87-85a7-28802e3b9ff3&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
Meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjUxNDAiO30

//www.ebooks.in.th/ebook/33847/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88
%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5
%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0
%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5/
//banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1109
//www.hytexts.com/ebook/book/B004573








Create Date : 30 มิถุนายน 2558
Last Update : 30 มิถุนายน 2558 20:51:31 น.
Counter : 575 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cream soda-kanplu
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




พิริตา/อเมทริน

ยินดีต้อนรับทุกท่าน ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือนค่ะ




*ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามดัดแปลง คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน ผู้ใดพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งเจ้าของบล็อคจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง*


พิริตา อเมทริน นักเขียน

Create Your Badge
New Comments