Group Blog
นิยาย 'เสน่หาเล่ห์วารี' บทที่ 2




เวลาผ่านไป... มัดมุกได้คลอดลูกชายหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู และเป็นศูนย์รวมความรักของทุกคนในคฤหาสน์รัตนะกิจจาวัฒน์ จนกระทั่ง ‘น้องเพชร’ หรือเด็กชายเพชรธารา มีอายุครบสองเดือน ย่าทวดจันทร์หอมจึงมีโอกาสเดินทางมาหาเหลนชายด้วยตัวเอง ซึ่งมีชลบดินทร์ขับรถมาให้
ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังใหญ่ นอกจากจะมีมัดมุกกับลูกชายตัวน้อยแล้ว ยังมีคุณมนตรี คุณแพรพรรณบิดา มารดาของหญิงสาว ที่ให้การต้อนรับผู้เป็นย่าของธาราดล และชลบดินทร์ ส่วนธาราดลกับรินวารีกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับมาจากที่ทำงาน
ซึ่งรินวารี น้องสาวคนเล็กของตระกูล ‘กมลภิรมณ์’ นั้นได้มาอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เพื่อช่วยธาราดล พี่ชายดูแลบริหารงานบริษัทเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเขาได้ซื้อต่อจากครอบครัวของมัดมุก ตอนที่เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันคราวนั้น
“มะมา... ขออุ้มหน่อยซิ พ่อเพชรของย่าทวด” หญิงชราพูดพลางรับเอาเด็กชายตัวน้อยมาจากมัดมุก รอยยิ้มดีใจประดับบนใบหน้าเหี่ยวย่น ในดวงตาเปล่งประกายความสุขและความรักเปี่ยมล้น “หน้าตาน่าชังกว่าในรูปอีกนะเจ้าดินทร์ แกว่าไหม” เด็กน้อยดิ้นยุกยิก แต่ยังอารมณ์ดีไม่มีงอแง
“ไหนครับย่า ให้ผมอุ้มบ้างสิครับ ย่าเล่นอุ้มอยู่คนเดียว เดี๋ยวเหลนรักก็ตกใจร้องไห้จ้าหรอก” ชลบดินทร์หยอกเย้าย่า พลางยื่นมือมาหมายจะอุ้มหลาน แต่โดนย่าตีมือเข้าให้
“ไม่ต้องเลย ย่าไม่ไว้ใจแก อุ้มเป็นหรือเปล่าไม่รู้ ไว้แกมีปัญญามีของตัวเองก่อนเถอะค่อยอุ้ม” ย่าจันทร์หอมแกล้งว่า หลานชายทำท่าโอดโอยจนน่าหมั่นไส้ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็อมยิ้มกับสองย่าหลานไปตามๆ กัน จนกระทั่งเสียงรถดังมาจอดหน้าบ้าน
“สงสัยพ่อดลจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ” คุณแพรพรรณเอ่ยขึ้น
และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ธาราดลกับรินวารีที่พึ่งเลิกงานก็ก้าวเข้ามาสมทบกับทุกคนในห้องรับแขก ทั้งคู่ต่างยกมือไหว้ผู้เป็นย่าพร้อมกัน ก่อนที่รินวารีจะสวัสดีบิดา มารดา ของมัดมุกต่อ
“อุ้มเหลนสุดหล่อไม่ยอมปล่อยเลยนะคะย่า” หญิงสาวกระเซ้า พลางนั่งลงข้างย่า ก่อนจะหยอกเย้าหลานชายที่ยิ้มอารมณ์ดีต้อนรับแขก
“จริงสิคะ ดิฉันว่าคุณย่ากับทุกคนน่าจะพักกันที่นี่นะคะ จะได้ไม่ต้องนั่งรถไปมา” คุณแพรพรรณเอ่ยขึ้น แม้ตระกูลกมลภิรมณ์จะมีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ก็อยู่ไกลจากคฤหาสน์หลังนี้พอสมควร
“นั่นสิครับ ห้องหับก็เยอะแยะ พักเสียที่นี่เถอะครับไม่ต้องเกรงใจยังไงเราก็ไม่ใช่คนอื่นไกล” คุณมนตรีเห็นดีด้วยจึงรีบเสริม
“ก็ดีนะครับย่า ยัยรินก็มาค้างกับย่าด้วยสิ” ธาราดลว่า ตอนท้ายหันไปทางน้องสาว ซึ่งปกติจะพักอยู่ที่บ้านของตระกูล ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาทำงานกับพี่ชายเมื่อหลายเดือนก่อน
“เอาอย่างนั้นเหรอ ว่ายังไงล่ะเจ้าดินทร์” ย่าจันทร์หอมมองชลบดินทร์เหมือนขอคำปรึกษา ซึ่งชายหนุ่มก็รับคำ ก่อนเสียงรถอีกคันจะดังมาจอดหน้าบ้าน
“คุณท่านคะ คุณชายอังกูรมาเยี่ยมคุณหนูเพชรค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ข้างนอกค่ะ” สักครู่คนรับใช้ก็เข้ามารายงาน
“อ้าว... รีบเชิญเข้ามาเลย วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ราวกับนัดกันไว้เลย” คุณมนตรีรีบพูดขึ้นด้วยความยินดี คนอื่นที่อยู่ตรงนั้นก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน มีเพียงเจ้าของร่างอรชรเท่านั้นที่รู้สึกแตกต่างไปจากเพื่อน
รินวารีรู้สึกตกใจในคราแรก ก่อนจะแปรเป็นความกระวนกระวายเมื่อรู้ว่าใครกำลังมา ‘ตายแน่! ทำไมต้องมาวันนี้ด้วยนะอีตาคุณชายนี่ อะไรจะโลกกลมขนาดนี้ ถ้าเกิดเขามาแล้วทักเราล่ะ แล้วย่ากับพี่ดล พี่ดินทร์รู้เข้าต้องถามถึงต้นสายปลายเหตุแน่’ หญิงสาวเริ่มสติแตกอย่างห้ามไม่ได้
ร่างสูงสง่าก้าวเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกล่องของขวัญขนาดใหญ่ เขายกมือไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ก่อน แล้วจึงทักทายมัดมุก ธาราดล และชลบดินทร์ แต่พอมองเห็นรินวารีเขาก็ชะงักค้างไป
“อ๋อ... จริงสิครับ คงยังไม่รู้จักกัน คุณชายครับนี่รินวารี น้องสาวคนเล็กของผม ยัยรินนี่คุณชายอังกูร ตอนนี้ยัยรินมาช่วยผมทำงานที่บริษัทครับคุณชาย” ธาราดลแนะนำ
ด้วยเข้าใจว่าทั้งคู่คงยังไม่รู้จักกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพราะตอนนั้นแม้รินวารีจะเป็นหนึ่งในเพชรธารากรุ๊ป แต่ก็ไม่ได้มีหน้าที่ติดต่อเกี่ยวข้องโดยตรงกับม.ร.ว.อังกูร เหมือนชลบดินทร์ แต่ก็คงพอจะรู้เรื่องราวและผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง
ซึ่งม.ร.ว.ผู้หล่อเหลาและสง่างามคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีความรักให้กับมัดมุกภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อทุกอย่างลงเอยที่ธาราดลแต่งงานกับมัดมุก ม.ร.ว.อังกูรก็แสดงถึงน้ำใจและความเป็นลูกผู้ชายได้อย่างน่าชื่นชม ธาราดลกับอังกูรจึงไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกัน นอกจากมิตรภาพ ที่ม.ร.ว.หนุ่มเคยมีต่อครอบครัวของมัดมุก ซึ่งมาตอนนี้มีธาราดลเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณชาย” หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนจะหลบสายตา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณรินวารี ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับว่าทายาทของเพชรธารากรุ๊ปมีผู้หญิงด้วย เออ... จริงสิครับ พูดเรื่องผู้หญิงขึ้นมาก็พึ่งนึกได้ ตอนอยู่ที่โน่นผมเห็นผู้หญิงติ๊งต๊องคนหนึ่งที่ชอบมาป้วนเปี้ยนกับผมอยู่เรื่อย” จึ้ก! เหมือนมีหอกแหลมๆ แทงเข้าไปในใจดำ รินวารีสำลักน้ำลายแค่กๆ ทันที แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะต่างกำลังครุ่นคิดจริงจังกับคำพูดของม.ร.ว.หนุ่ม
“จริงเหรอครับ คงเป็นยัยนั่นแน่ๆ เลยที่ชอบเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับแขกที่แพอาหารบ่อยๆ ใช่ครับคุณชาย ยัยคนนั้นเป็นคนบ้า ติ๊งต๊องจริงๆ แหล่ะครับ บางทีก็ชอบมาอยู่แถวท่าเรือบ้าง ตลาดแพบ้าง คอยตามตื๊อขอตังส์ ขอของกินนักท่องเที่ยว อย่าได้ถือสามันเลยนะครับ ’โทษทีนะครับที่ปล่อยให้คนบ้ามาทำให้รำคาญใจ” ชลบดินทร์เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงจึงพาซื่อพูดเป็นตุเป็นตะ
เพราะมีคนแบบนั้นมาผลุบๆ โผล่ๆ ที่แพอาหาร และแถวท่าเรือบ่อยๆ อีกทั้งไม่เข้าใจความนัยที่ชายหนุ่มอยากส่งไปถึงน้องสาวของตัวเองแต่อย่างใด รินวารีแม้อยากจะแว้ดใส่พี่ชายแค่ไหนแต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ ปิดปากให้สนิทที่สุด
“อ๋อ... ไม่เป็นไรหรอกครับคุณดินทร์ ผมไม่ถือสาหรอกครับ ก็อย่างที่คุณว่าก็แค่ คนบ้า” ชายหนุ่มเน้นย้ำคำสุดท้ายพร้อมปรายตามาทางเจ้าของร่างอรชรที่รูดซิบปากสนิท ทั้งที่คันยุบยิบเต็มที “ เออ... จริงสิครับนี่เป็นของขวัญสำหรับหลานชายครับคุณดล น้องมุก” ก่อนจะหันมาส่งของขวัญให้ธาราดล
“เชิญนั่งก่อนเลยครับคุณชาย ขอบคุณมากครับ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ธาราดลรับของขวัญพลางถามไถ่
“พอดีผมไปเมืองนอกหลายเดือนเลยน่ะครับ พึ่งกลับมาอาทิตย์ก่อนนี่เอง รู้จากหม่อมแม่ว่าน้องมุกคลอดแล้ว” อังกูรพูด ขณะย่าจันทร์หอมส่งเหลนตัวน้อยให้คุณแม่มือใหม่ มัดมุกก็ส่งลูกต่อให้สามีเพื่อให้เขาอุ้มไปให้อังกูรชื่นชมบ้าง
“ขอบคุณคุณชายมากนะคะที่อุตส่าห์มาเยี่ยม แล้วจะกลับไปทำงานอีกเมื่อไหร่ล่ะคะ” มัดมุกถามขึ้น
“คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกครับน้องมุก พี่กะจะอยู่บ้านเราไปเรื่อยๆ น่ะครับ” ชายหนุ่มตอบ พอธาราดลอุ้มลูกชายตัวน้อยมาให้ดู อังกูรก็เปิดรอยยิ้มกว้าง “โอ้โห... เหมือนคุณดลยังกับแกะเลยนะครับเนี่ย ลูกพ่อจริงๆ ”
“ลองอุ้มดูหน่อยไหมคะ” มัดมุกเสนอด้วยรอยยิ้มขำกับท่าทางตื่นเต้นของชายหนุ่ม
“อ่า... ลองดูนะครับ” ม.ร.ว.หนุ่มพูดกับธาราดล ที่ก็รีบส่งลูกน้อยให้พลางบอกวิธีอุ้ม แต่ก็ดูเก้ๆ กังๆ เต็มทีตามประสาคนไม่เคย
“เดี๋ยวอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะจ๊ะ นานๆ จะได้มาเจอกันเสียที” คุณแพรพรรณเอ่ยชวนชายหนุ่ม ก่อนจะขอตัวไปดูอาหาร
“เดี๋ยวรินขอตัวไปช่วยคุณป้าด้วยล่ะกันนะคะ” และคนที่รอจังหวะนี้มานานก็รีบขันอาสาขึ้นมาทันที
แล้วจากนั้นไม่นานเสียงดัง เพล้ง! ก็ดังมาจากห้องครัว เหมือนอะไรสักอย่างตกกระทบพื้นแตกกระจาย แล้วตามมาด้วยเสียงเคร้งคร้างที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตระกูลกมลภิรมณ์หันมามองหน้ากันอย่างเข้าใจในความหมาย ชลบดินทร์ทำปากขมุบขมิบกับย่า และคุณมนตรีมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนขยับตัวหมายจะไปยังที่มาของเสียง
“เอ่อ... ไม่ต้องตกใจนะคะทุกคน ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คงแค่จานหรือไม่ก็แก้วแตกน่ะค่ะ” ย่าจันทร์หอมรีบโพล่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะครับ เด็กๆ นี่ไม่ระมัดระวังกันบ้างเลย ตกใจกันหมด” คุณมนตรีว่าพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
“ไม่ใช่เด็กบ้านคุณหรอกค่ะ แต่เป็นเด็กบ้านดิฉันเองต่างหาก ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ย่าจันทร์หอมอธิบายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มขอลุแก่โทษ ทุกคนได้แต่อมยิ้มด้วยความเข้าใจ แม้แต่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เช่นกัน
*-*-*-*-*-*
หลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จ มัดมุกจึงพาเจ้าตัวน้อยขึ้นไปนอน ธาราดลจะขึ้นไปช่วยภรรยาตามปกติ แต่รินวารีรับอาสาไปเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ และบอกให้พี่ชายอยู่คุยกับแขก ซึ่งก็ไม่มีใครสงสัยหรือสนใจกับปฏิกิริยาของหญิงสาวสักนิด เพราะปกติถ้าเธอมาบ้านนี้ก็มักขลุกอยู่กับหลานชายและพี่สะใภ้อยู่แล้ว นั่นทำให้รินวารีโล่งใจ ที่สำคัญสามารถหลบหน้าม.ร.ว.อังกูรได้นั่นทำให้เธอโล่งใจยิ่งกว่า
หลังจากช่วยหยิบจับของเล็กๆ น้อยๆ ให้มัดมุกเสร็จ พี่สะใภ้ก็เริ่มกล่อมหลานชายตัวน้อยนอน รินวารีจึงลงมาชั้นล่าง แต่ไม่ได้กลับเข้าไปยังห้องพักผ่อนที่ทุกคนยังรวมตัวกันอยู่แต่อย่างใด แต่เธอกลับเดินออกมายังสนามหญ้าข้างบ้านที่มีทางเดินเล็กๆ ทอดไปสู่สวนหย่อม และศาลาไม้ทรงไทยซึ่งใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบ้าน
ตั้งแต่ธาราดลแต่งงานกับมัดมุก และเธอก็มาช่วยพี่ชายคนโตทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ รินวารีก็มักจะเข้านอกออกในบ้านนี้จนจะกลายเป็นสมาชิกของบ้านอีกคนหนึ่งรอมร่อ หญิงสาวจึงรู้จักทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์หลังงามนี้ดี ร่างอรชรทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวในศาลา ทอดสายตามองแปลงดอกไม้รอบข้าง แต่หูยังไม่วายจะตั้งใจฟังเสียงรถของคนที่เธอไม่อยากพบหน้าออกจากบ้านไป แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ยินแต่อย่างใด รินวารีได้แต่ทอดถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ก็สุดจะนับ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ทายาทของเพชรธารากรุ๊ปอีกคนอย่างเป็นทางการนะครับคุณรินวารี อ้อ... หรือจะให้เรียกว่าคุณรินเฉยๆ ดี” เสียงที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปมองในทันที ดวงตาคู่กลมโตเบิกกว้าง มองเจ้าของร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามายังศาลาไม้ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ รินวารีรีบลุกขึ้น
“คุ...คุณชาย นี่คุณชายยังไม่กลับอีกเหรอคะ” และถามขึ้นทันที
“กำลังจะกลับอยู่พอดี แต่... เอ๊ะ! คุณรู้จักผมแล้วนี่ ถ้าอย่างนี้วันนั้นผมคงไม่ได้จำคนผิดแล้วสินะ” คำพูดพร้อมรอยยิ้มเป็นต่อนั่นทำให้คนฟังอยากจะเบิ๊ดกะโหลกตัวเอง
“เปล่าค่ะ ฉันก็รู้จักคุณชายตอนที่พี่ชายฉันแนะนำเมื่อกี้นั่นแหล่ะค่ะ” แต่ก็พยายามเอาตัวรอดไปจนได้ “ขอตัวนะคะ” และทำท่าจะผละออกมาจากตรงนั้น แต่ต้องชะงักเมื่อร่างสูงสง่าก้าวเข้ามายืนขวางเอาไว้
“เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหนเราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ในฐานะคนเคยคบกัน เราน่าจะคุยอะไรกันสักหน่อยนะครับผมว่า อาจจะรำลึกถึงความหลังอะไรประมาณนั้น” เขาพูดด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจคำปฏิเสธของเธอเมื่อครู่
“อย่าพูดแบบนี้นะคะ ฉันไม่ได้คบกับคุณชายซะหน่อย แล้วตอนนั้นคุณชายก็ไม่ได้คบกับฉันด้วย” หญิงสาวรีบแก้ แต่พอเห็นรอยยิ้มพรายของอีกฝ่าย จึงรู้ตัวว่าหลงกลเขาเข้าให้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าคุณเป็นฝ่ายตามจีบผม” คนหน้าตาดีลอยหน้าลอยตาถามอย่างเป็นต่อ
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” แม้จะไม่ยอมรับแต่น้ำเสียงก็อ่อนอ่อย แถมยังหลบสายตาคมที่มองมาอย่างคาดคั้นพัลวัน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันดันเป็นความจริงนี่สิที่ทำให้เธอปฏิเสธได้ไม่เต็มเสียง แล้วยิ่งคิดไปถึงเหตุผลที่ทำ ก็ยิ่งพูดไม่ออกไปใหญ่
“แล้วไอ้มุกเสี่ยวๆ ของคุณหายไปไหนหมดล่ะ งัดมันออกมาสิ ผมอยากได้ยิน อะไรนะ... น้องรักพี่... ไม่มีวันหยุด...อุ้ย! ระวังสะดุด เท้าตัวเองนะคะ” อังกูรตั้งหน้าตั้งตาท่อง มุกเสี่ยว ที่เธอเคยใช้จีบเขาตอนนั้น มันดูปัญญาอ่อน ติ๊งต๊อง แถมยังไม่เข้ากับใบหน้าหล่อๆ ของเขาอย่างแรง แต่ทว่าน่าแปลกที่ชายหนุ่มกลับจำได้ดีไม่มีลืม
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย ระวังสะดุด ความรักนะคะ ต่างหาก” หญิงสาวรีบแก้ให้ถูกต้องด้วยความอดรนทนไม่ได้ แต่ก็ต้องยกมือปิดปากในทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหัวเราะชอบใจที่แกล้งให้เธอเผลอพูดออกมาจนได้ รินวารีได้แต่โมโหตัวเองเพราะยิ่งพูดยิ่งเสวนาก็ยิ่งเข้าตัว
“นั่นสิ... ตอนนั้นผมอาจจะไม่สนใจมุกของคุณ แต่ตอนนี้ผมชักอยากสะดุดความรักของคุณแล้วสิครับ คุณรินวารี” ชายหนุ่มพูดสีหน้าระบายยิ้มพราว พลางก้าวเข้ามาใกล้ รินวารีผงะถอยไปก้าวหนึ่งแต่ติดม้านั่งด้านหลังจนเธอต้องทรุดตัวลงนั่งโดยอัตโนมัติ หัวใจสาวเต้นแรงเมื่อใบหน้าของเขายังโน้มลงมาใกล้เรื่อยๆ
“คุ...คุณชาย คุณชายกำลังจะทำอะไรคะ อย่าแกล้งฉันนะคะ” เสียงของเธอสั่นพลิ้วด้วยความหวาดหวั่น
“ใครจะแกล้งคุณรินวารีผู้แสนสวยและน่ารักได้ลงคอเล่า ผมกำลังจะทวงตำแหน่งที่คุณเคยให้ผมตอนนั้นต่างหาก” เขายังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นและรอยยิ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจคนมองแทบละลาย แต่รินวารีพยายามนับหนึ่งถึงสิบ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมา
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ ฉันไม่เคยให้ตำแหน่งอะไรคุณชายเลยนะคะ อย่ามาตู่ดีกว่า” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น
“อ้าว... ทีตอนนั้นผมไม่สนใจคุณก็มาตามตื้อตามจีบ แล้วยังคอยกันเพื่อนไม่ให้มายุ่งกับผมซึ่งเป็นแฟนของคุณเสียอีก แล้วไหงตอนนี้มาปฏิเสธง่ายดายล่ะครับคุณรินวารี” ใบหน้าหล่อเหลาชวนใจละลายยังลอยอยู่ตรงหน้า แต่หญิงสาวก็ส่ายหน้า แล้วตั้งท่าจะอธิบายความจริง
“นั่นฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ฉันก็แค่... ” แล้วก็ชะงักไปในตอนท้าย
เธอจะพูดออกไปได้อย่างไรกัน ว่ามันเกี่ยวข้องกับพี่ชายและพี่สะใภ้ แม้เรื่องทุกอย่างของธาราดลกับมัดมุกจะลงเอยด้วยดีแล้วในตอนนี้ และผู้ชายคนนี้ก็ดูไม่เจ็บปวดทุกข์ร้อนแล้ว แต่รินวารีก็ไม่กล้าบอกความจริงกับเขา เพราะลึกๆ เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ บางทีถ้าเขารู้อาจจะโกรธแค้นแล้วทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาก็ได้ ที่สำคัญหญิงสาวอยากให้มันจบ ไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองและย่าของเธอรู้
“ก็แค่อะไร? ” ม.ร.ว.หนุ่มถามพร้อมหรี่ตา จ้องดวงตากลมโตอย่างรอคอยคำตอบ
“เอ่อ... คือ... ไม่มีอะไรค่ะ ตอนนั้นฉันก็แค่เหงา” รินวารีตัดสินใจพูดปดออกไปอีกครั้ง หวังเพียงจะให้ทุกอย่างจบ แต่ทว่าสายคาคมกริบของเขาที่จ้องเธออยู่วาววับขึ้นมาทันทีที่ได้ยินถ้อยคำนั้น
“แล้วตอนนี้คุณหายเหงาแล้ว งั้นสิ? ” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูอ่อนโยนเป็นนิจ มาตอนนี้กลับเจือไปด้วยอารมณ์มาคุอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวผู้ชายคนนี้ เป็นเหตุให้เจ้าของร่างอรชรใจสั่น แอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น แต่ก็ทำใจแข็งตอบออกไปจนได้
“เอ่อ... ก็...ก็ประมาณนั้น ว้าย!! ” รินวารีร้องขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เมื่อร่างของเธอถูกรั้งเข้าหาแผงอกกว้าง
“คะ...คุณชาย... จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ ปละ...ปล่อย... ” คำพูดต่อมาถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เพราะริมฝีปากหยักของชายหนุ่มบดเบียดลงมาบนปากบางด้วยความรวดเร็ว
กลีบปากสาวถูกดูดกลืน หนักหน่วง รินวารีพยายามสะบัดหน้าหนีเม้มริมฝีปากแน่น แต่คนตัวโตไม่ยอมแพ้ เขาทั้งดุนดัน บดขยี้ ขบเม้มครั้งแล้วครั้งเล่า จนหญิงสาวต้องเผยอริมฝีปากออกจากกันด้วยความเจ็บแปลบ ทำให้เรียวลิ้นร้อนแทรกลึกเข้าไปในโพรงปากแสนหวาน
รุกเร้าเข้าไปเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นเล็ก จาบจ้วง รุนแรง มือบางผลักไสแผ่นอกกว้าง แต่กลับถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่ของอีกฝ่ายเพียงข้างเดียว ยิ่งเธอดิ้นรนขัดขืน สัมผัสของเขาก็ยิ่งหนักหน่วง ดุดัน จนริมฝีปากบางร้าวระบมไปหมด แต่ทว่ารสสัมผัสจากชายหนุ่มกลับสร้างความวาบหวามแปลกๆ ขึ้นภายในกายสาวเจ้าได้อย่างอัศจรรย์
ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ สมองเริ่มมึนงง เรี่ยวแรงเหมือนถูกเขาสูบไปหมดสิ้น แต่ขณะที่เจ้าของร่างอรชรบอบบางกำลังสูญเสียการควบคุมตัวเอง ร่างสูงสง่าก็ผละจากอย่างรวดเร็ว
“นี่คือบทลงโทษที่คุณกล้าหยามผม และมันจะไม่จบเพียงแค่นี้ คุณจะต้องได้รับผลที่คุณทำไว้อย่างสาสม จำเอาไว้นะรินวารี” พูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไป ทิ้งให้อีกคนนิ่งตะลึง ตัวสั่นระริกกับสัมผัสของเขา พร้อมกับความหวาดหวั่นตรงเข้ามาเกาะกุมในหัวใจดวงน้อย
มือบางยกขึ้นกุมริมฝีปากที่บวมเจ่อ รสจุมพิตนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงอย่างที่เธอไม่เคยเห็นในตัวเขามาก่อน เพราะความโกรธสินะ ถ้าเป็นเธอก็คงโกรธเหมือนกัน แม้จะไม่มากขนาดนี้ก็ตาม รินวารีไม่เคยเห็นหน้าตาของคุณชายผู้งามสง่าอยู่ในอารมณ์ยักษ์มารมาก่อน ตั้งแต่รู้จักเขามา แม้ตอนนั้นเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของมัดมุก แต่อังกูรก็ไม่เคยหลุดจากลุคคุณชายผู้สุภาพ อ่อนโยน และเต็มไปด้วยมาดผู้ดีเลยสักครั้ง
ตอนนั้นแม้เขาแทบทรงตัวไม่อยู่ด้วยความมึนเมา แต่เขาก็ไม่เคยมีดวงตาวาวโรจน์ หรือโมโหกับใครแม้แต่ตัวน่ารำคาญสองตัวอย่างเธอกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ สุนิสา แต่ตอนนี้เขาคงโกรธเธอมาก แถมถ้อยคำคาดโทษนั้นก็ทำให้รินวารีหวาดหวั่นอยู่ในใจ นี่เธอจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ‘ซวยแล้วรินวารีเอ๋ย! ’ หญิงสาวบ่นกับตัวเอง
*-*-*-*-*-*
ทางด้านคนโมโหเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ จนหลุดจากโหมดคุณชายผู้สุภาพอ่อนโยน และแสนดีอย่างไม่น่าให้อภัย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่นะ แน่นอนว่าในชีวิตมันต้องมีเรื่องให้เขาโกรธ โมโหกันบ้าง
แต่ม.ร.ว.อังกูรก็ถูกอบรมสั่งสอนมาให้เก็บงำไว้ภายใต้ท่าทีสุขุมเยือกเย็น สุภาพ แล้วความกรุ่นโกรธต่างๆ ก็จะหายไปเองโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มไม่เคยต้องเหวี่ยงหรือฮึ่มฮั่มใส่ใครแบบนี้มาก่อนเลย ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองไปได้ยังไงกัน ให้ตายเถอะ!
ใช่... เขาโกรธที่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาคราวก่อน พอจับได้ไล่ทันเธอกลับบอกปัดปฏิเสธ แถมยังมีหน้ามาบอกว่าที่ตามเกี้ยว ตามจีบเขาเมื่อก่อนนี้ก็แค่เหงา มันช่างเป็นการดูถูกกันอย่างร้ายกาจ จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงกัน แม้ตอนนั้นอังกูรจะหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของมัดมุกที่หายตัวไปจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีผู้หญิงสองคนพยายามเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขา
มันเริ่มมาจากวันหนึ่ง... ม.ร.ว.หนุ่มไปทานอาหาร พร้อมดื่มดับกลุ้มที่แพอาหารจันทร์หอม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของเพชรธารากรุ๊ปซึ่งเขามีสิทธิ์ใช้บริการฟรี เพราะหนึ่งในเจ้าของบริษัทอย่างชลบดินทร์ต้องการแสดงความรับผิดชอบเรื่องที่มัดมุกหายตัวไปจากเรือสำราญเพชรธารา ที่ชลบดินทร์ดูแลอยู่
ในตอนนั้นอังกูรนั่งคนเดียวอยู่ตรงโต๊ะนอกชายคา ดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำ ในหัวครุ่นคิดแต่เรื่องมัดมุก เพราะชายหนุ่มเฝ้ารอฟังข่าวคราวของเธออยู่ที่นั่นกินเวลาเป็นเดือนๆ แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรอย่างที่หวัง ระหว่างนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งตรงเข้ามาที่โต๊ะ
‘สวัสดีค่ะ คุณชายอังกูร’ เสียงทักทายจากผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
‘สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ... ’ อังกูรมั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน
‘ดิฉันชื่อสุนิสาค่ะ เป็นคนที่นี่ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ’ เธอรีบแนะนำตัวพลางยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนหวาน
‘เชิญครับ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า’ ม.ร.ว.หนุ่มผายมือเชื้อเชิญตามมารยาท ก่อนถามในตอนท้าย สุนิสานั่งลง เธอมีท่าทางอึกอักเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกมา
‘ก็ไม่เชิงนักหรอกค่ะ เพียงแต่ดิฉันมีเรื่องจะ... ’
‘ต๊าย! นิสา เธอมาได้ยังไงเนี่ย น่าจะโทร.มาบอกก่อนนะ จะได้มาด้วยกันเมื่อกี้’ เสียงหวานใสติดแปร๋นนั้นดังขัดขึ้น พร้อมกับเจ้าของเสียงซึ่งมีหน้าตาสวยน่ารัก ไว้ผมม้าและมัดจุกกลางหัว มายืนอยู่หน้าโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
‘ยัยริน’ สุนิสาเรียกพลางจ้องมองตัวขัดจังหวะอย่างตกใจระคนไม่พอใจ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันดีทีเดียว
‘ก็ฉันน่ะสิ ทานอะไรกันดี เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง’ ผู้หญิงคนที่มาใหม่ถือวิสาสะนั่งลงข้างเพื่อนสาวด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะหันมาทางอังกูรซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม ‘อ้อ... คุณด้วยนะคะ คุณชายอังกูร ฉันชื่อรินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ’ เธอยื่นมือมาให้ชายหนุ่มจับพร้อมส่งยิ้มสดใสมาให้ ม.ร.ว.หนุ่มจับมือบางอย่างงงๆ เล็กน้อย แล้วหญิงสาวก็บีบมือเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังพยายามส่งสายตาปริบๆ ให้ชายหนุ่มอีกต่างหาก
‘เอ่อ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ ทานอะไรกันดีครับผมเลี้ยงเอง’ อังกูรพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างสุภาพที่สุด
‘ถ้าอย่างนั้นรินไม่เกรงใจแล้วนะคะ ว่าไงนิสาเธอจะเอาอะไรดี จะ
ว่าไปคุณชายนี่ทั้งหล่อ ใจดี สุภาพสมกับเป็นหม่อมราชวงศ์เลย เธอว่าไหมนิสา’ หญิงสาวหันไปทางเพื่อนสาวที่ทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ในตอนท้าย
‘เอ่อ... ก็... ใช่ แต่ฉันไม่ค่อยหิว ขอแค่น้ำส้มละกัน’ สุนิสาตอบ
ท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
‘แปลกนะ เธอไม่หิวแต่ก็มาร้านอาหาร ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะ ว่าแต่เมื่อกี้กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอนิสาท่าทางน่าสนุก’ หญิงสาวชื่อรินถาม สายตายังจ้องมองเพื่อนเขม็งราวกับคาดคั้น ผิดกับท่าทางหน้าตาที่ดูร่าเริงลั้ลลาเต็มที่
‘ปละ เปล่า ไม่ได้คุยอะไร’ สุนิสาปฏิเสธพลางขยับตัวอย่างอึดอัด
‘ว้า... งั้นฉันก็เข้าใจผิดน่ะสิ แต่ก็ช่างเถอะ’
จากนั้นหญิงสาวหน้าสวยน่ารัก ก็เกาะติดม.ร.ว.อังกูรกับเพื่อนสาวตลอดเวลาที่ทานอาหารกันอยู่ ตอนนั้นแม้จะรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางของสองสาวที่แผ่รังสีบางอย่างใส่กัน แต่ก็ไม่ได้สนใจมาก เพราะชายหนุ่มมีเรื่องของหญิงสาวที่เขารักซึ่งกำลังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยให้ครุ่นคิดและให้ความสำคัญ
ตั้งแต่นั้นมา หากอังกูรพบหญิงสาวชื่อสุนิสาเมื่อไหร่ ก็เป็นอันต้องพบผู้หญิงชื่อรินทุกครั้ง จนกลายเป็นความเคยชินของเขาเอง ม.ร.ว.หนุ่มเข้าใจว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอื่นนอกจากอยากสานสัมพันธ์กับเขา และกำลังแย่งกันเข้าใกล้เขาเพื่อทำคะแนนอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะคนชื่อรินที่เปิดตัวแรงเหลือเกิน จนเพื่อนของเธอเทียบไม่ติดเลยทีเดียว
จริงอยู่ว่าตอนนั้นชายหนุ่มอาจไม่มีใจจะสนใจใคร แต่ก็อดอมยิ้มไปกับท่าทางของรินไม่ได้ เพราะเธอแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าสนใจในตัวเขา เรียกง่ายๆ ก็คือเธอออกตัวจีบเขาอย่างเต็มที่นั่นแหล่ะ แต่ก็จีบในแบบของเธอ ที่อังกูรมักคิดอยู่ในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างติ๊งต๊อง เพี้ยน เพราะเธอมักเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยท่าทางการแสดงออกแบบขี้เล่น และมุกเสี่ยวๆ อยู่เสมอ
‘คุณชายขา...ลองไปยืนหน้ากระจกสิคะ แล้วฝากบอกคนข้างในกระจกด้วยนะคะ ว่ารินรักเค้ามาก ฮ่า...ฮิ้ว’ เล่นเองตบเองอีกต่างหาก หรือ ‘เดินระวังๆ หน่อยนะคะคุณชาย ระวังตกหลุม... รักริน’ ‘อุ้ย รินใจหายหมดเลย หายไปอยู่ในใจของคุณชาย กิ้วๆ ’
หรือบางวันที่เจอกันเธอก็จะถือวิสาสะเข้ามาเกาะแกะ กระแซะติดเขา ขณะที่เพื่อนชื่อสุนิสาอยู่อีกด้าน แล้วก็ทำหน้าตาจริงจังถามชายหนุ่มว่า
‘คุณชายทานอะไรดีคะ’ เขายังไม่ทันตอบเธอก็ถามต่อทันที ‘ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหมคะ เอางี้ โยนหัวก้อยกัน ถ้าออกหัว คุณชายมาเป็นแฟนริน ถ้าออกก้อย รินจะยอมเป็นแฟนคุณชาย’ แล้วเจ้าตัวก็ฮ่าฮิ้วกับท่าทางเอ๋อๆ ของเขาต่อ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง สุนิสาชวนอังกูรไปเที่ยวคาราโอเกะซึ่งเป็นเพิงข้างถนนในอำเภอเล็กๆ แห่งนั้น ชายหนุ่มอยากเปลี่ยนบรรยากาศการดื่มจึงตกลง แต่แล้วรินก็รีบตามมาจนได้ มาถึงเธอก็นั่งกระแซะเขาและปล่อยมุกเสี่ยวของเธอไปอย่างสนุกสนาน จากนั้นเธอก็ชวนเขาร้องเพลง
‘ผมร้องเพลงไม่เป็นครับ’ ม.ร.ว.หนุ่มรีบปฏิเสธ
‘โอ้โห... รินว่าจะร้องเพลงคู่กับคุณชายซะหน่อย งั้นไม่เป็นไร รินร้องเองก็ได้’ หญิงสาวทำท่าเสียดมเสียดาย ก่อนจะตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นเต็มที่
‘เธอแน่ใจเหรอริน’ สุนิสาซึ่งนั่งอีกฟากถามอย่างหวาดหวั่น พลางมองแขกโต๊ะอื่นที่มีอยู่ประปราย
‘เหอะน่านิสา อย่านะ อย่าได้คิดสกัดดาวรุ่งอย่างฉัน เอาไมค์มาน้อง’
แล้วจากนั้นเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานก็ดังขึ้น พร้อมเสียงร้องงองแง้งบวกกับแหลมเล็กบีบหัวใจอย่างที่สุดก็ดังก้องร้านคาราโอเกะ แถมด้วยท่าเต้นแสนเร้าใจพร้อมเกาะแกะเขาตามระเบียบ
*ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ ยังโสดโสด อยากเอารักมาโหลดโหลด
เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรด ฟ้ามาโปรด
ยังโสดโสด อยู่ทางโน้น ก็โสดโสด ถ้าเธอพร้อมก็โดดโดด
เข้ามารักกัน ฉันไม่โหด ฉันไม่โหด
น้องใจดีถ้าพี่ไม่เจ้าชู้ พี่ดูดูแล้วท่าทางโอเค
น้องยินดีถ้าพี่ไม่โลเล พี่เกเรน้องก็คงเซย์โน
‘เอ่อ... ผมว่าคุณนั่งลงทานอะไรก่อนดีกว่านะ ท่าทางจะเหนื่อย’ อังกูรรีบแทรกขึ้นหลังจากเพลงแรกจบลงไปด้วยความอึดอัด และทรมานหัวใจ แต่เจ้าของร่างอรชรกลับตีปีกพั่บๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ
‘ว้าย! คุณชายเป็นห่วงรินเหรอคะ ว้าว! น่ารักที่สุด เป็นแฟนกันต้องอย่างนี้สิคะ น่ารักแบบนี้ต้องจัดให้อีกเพลง’อังกูรกับสุนิสาลอบสบตา
กันด้วยความขนพองสยองเกล้า แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ เพราะนักร้องคนเก่งกำลังวาดลวดลายตามจังหวะของบทเพลงราวกับศิลปินระดับโลกก็ไม่ปาน
‘พอก่อนเถอะรินฉันว่า กี่ปีกี่ปีเธอก็ยังไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเรื่องร้องเพลงนี่’ สุนิสาอดรนทนไม่ไหวโพล่งออกมา เมื่อเพลงที่สองจบลง
‘ที่ไม่เปลี่ยนนี่ เธอหมายถึงเสียงยังดีเหมือนเดิมใช่ป่ะ นิสา’ เจ้าของดวงหน้าสวย ยิ้มแก้มปริกับความเข้าใจของตัวเอง สุนิสาทำหน้าอิหลักอิเหลื่อก่อนตอบ
‘เออ... เสียงก็ดีหรอก แต่ไม่ร้องยังจะดีกว่านะฉันว่า เธอดูแขกโต๊ะอื่นสิ’
ด้วยความที่ต้นทุนความเป็นเขาเพรียกพร้อม สมบูรณ์แบบในสายตาคนทั่วไป จึงทำให้มีผู้หญิงมากมายพยายามเข้ามาในชีวิตของม.ร.ว.อังกูร แต่ละคนถ้าไม่มาในมาดนิ่ม เรียบร้อย ดูดี ก็จะเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง ใช้เสน่ห์ความเป็นผู้หญิงที่มีหว่านใส่เขาอย่างมีชั้นเชิง แนบเนียน แต่ไม่มีใครใช้วิธีที่ทั้งติ๊งต๊อง เฮี้ยน เพี้ยนได้ขนาดนี้เป็นแน่ นอกจากความติ๊งต๊องแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ยังซุ่มซ่ามได้ใจอีกต่างหาก เพราะมีหลายครั้งที่เธอเผลอทำนั่น นี่แตกหัก สะดุดนั่นนี่ และแน่นอนว่าชายหนุ่มก็เจอลูกหลงไปตามระเบียบ
ความจริงแล้วอังกูรคิดว่าอารมณ์นั้น เขาน่าจะโกรธ โมโห รำคาญ แต่กลับกันช่วงเวลาที่พบผู้หญิงคนนี้กลับเป็นรอยยิ้มเดียวที่เขามีอยู่ตอนนั้น โดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ทันรู้ตัว จนกระทั่งวันที่มารดาของเขาเอ่ยถึงเรื่องความคาดหวังอยากจะให้เขาเจอคนที่ทำให้มีความสุขนั่นแหล่ะ ภาพของผู้หญิงคนนี้ถึงผุดขึ้นมาในความรู้สึกแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่ตอนนั้นม.ร.ว.หนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารินวารีกับสุนิสาเป็นใคร แต่เข้าใจว่าผู้หญิงสองคนนี้อาจจะเป็นชาวบ้าน คนทำงานตามหน่วยงานต่างๆ หรือแม่ค้าแถวนั้น ฯลฯ ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงติ๊งต๊อง เฮี้ยนๆ คนนั้นจะเป็นหนึ่งในทายาทเพชรธารากรุ๊ป เจ้าของธุรกิจรายใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำปิง นั่นจะโทษเธอกับเพื่อนก็คงไม่ถูกนัก เพราะเขาเองต่างหากที่ไม่ใส่ใจจะถามไถ่ตอนนั้น
แต่สิ่งที่อังกูรไม่เข้าใจก็คือ การกลับมาพบกันอีกครั้งตั้งแต่งานแต่งงานของธาราดลกับมัดมุกหลายเดือนก่อน และครั้งนี้ เธอพยายามปฏิเสธการรู้จักเขาเสียนี่ เธอมีเหตุผลอะไร? ที่แน่ๆ คงไม่ใช่หายเหงาแล้วอย่างที่ว่า หรือว่า... จะเกี่ยวกับธาราดลและมัดมุก ชายหนุ่มพยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้อย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจสรุปได้
ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ หากมีโอกาสเขาจะไม่ปล่อย และไม่ยอมให้เธอสะบัดเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้แน่ ให้มันรู้เสียบ้างว่าเขาเป็นใคร หนึ่งในหนุ่มโสดในฝันของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งที่ถูกสาวๆ โหวตให้อย่างมากมาย ไม่ใช่คนที่เธอจะมาล้อเล่น แล้วมาตีหน้าซื่อตาใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ เขาจะต้องรู้ความจริงให้ได้ ม.ร.ว.หนุ่มคิด ดวงตาวาววับด้วยความโมโหที่ยังกรุ่น
แต่ก็ชะงักไปเมื่อใจกระหวัดไปถึงความวาบหวามที่เกิดขึ้นจากจุมพิตเมื่อครู่ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยจูบใครเสียเมื่อไหร่ กับเธอเขาก็แค่โมโห แต่ทำไมจุมพิตนั้นถึงทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ในตอนนี้นะ นี่เขาเป็นบ้าเพราะผู้หญิงติ๊งต๊องคนหนึ่งหรือเนี่ย อังกูรถามตัวเองในใจ ด้วยความสับสนกับอารมณ์ตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หมายเหตุ: *เพลง ‘ยังโสด’ ของวง olives

** ‘เสน่หาเล่ห์วารี’ มีรูปแบบ E-Book แล้วนะคะ สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้ค่ะที่
Ookbee
//www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=47a1875c-7d8e-4d87-85a7-28802e3b9ff3&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
Meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjUxNDAiO30

//www.ebooks.in.th/ebook/33847/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88
%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5
%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0
%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5/
//banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1109
//www.hytexts.com/ebook/book/B004573







Create Date : 01 กรกฎาคม 2558
Last Update : 1 กรกฎาคม 2558 20:26:29 น.
Counter : 439 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cream soda-kanplu
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




พิริตา/อเมทริน

ยินดีต้อนรับทุกท่าน ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือนค่ะ




*ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามดัดแปลง คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน ผู้ใดพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งเจ้าของบล็อคจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง*


พิริตา อเมทริน นักเขียน

Create Your Badge
New Comments