๑๖.
ท่ามกลางแสงจันทร์ผ่องกระจ่าง ยิ่งจวนจะถึงค่ำคืนวันเพ็ญพระจันทร์ก็ยิ่งเด่นนวลตา ชายชราซึ่งนั่งบูชาไฟอยู่หน้ากระท่อมของตัวเอง ยังคงมีสมาธิบริกรรมคาถาอยู่หน้าเปลวเพลิงที่ลุกโชนโชติช่วง อ้อนวอนขอต่อพระศิวะเจ้า ให้พระองค์ประสิทธ์ประสาทความสามารถในการมองเห็นอนาคตให้เจ้าตัว เป็นนานเท่านานกว่าที่เปลวเพลิงจะค่อยๆมอดลง ชายชราร่างผอมสูงจึงประคองร่างอิดโรย กลับเข้ามานั่งพักผ่อนที่แคร่ไม้เนื้อหยาบหน้ากระท่อมของเจ้าตัว ดวงตาเรียวรีเล็กหยี เคร่งเครียด มีร่องรอยกังวล หนักใจอย่างเห็นได้ชัด
อึดใจใหญ่ทีเดียว กว่าที่ชายชราจะสังเกตเห็นเงาร่างสูงใหญ่ซึ่งหยุดยืนมองเขาอยู่ห่างออกไป นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้
อ้าว มาตั้งแต่เมื่อใดกันรึเจ้าพัน พราหมณ์เฒ่าส่งเสียงถาม น้ำเสียงสนิทสนมคุ้นเคย
สักครู่แล้ว ชายหนุ่มก้าวพ้นออกมาจากเงาแมกไม้ทะมึน
มาหาข้าถึงที่นี่ คงมีเรื่องร้อนใจกระมัง มา นั่งก่อน ชายชรากวักมือเรียกฝ่ายนั้นอย่างสนิทสนมคุ้นเคย ความที่เห็นพันภพมาแต่เล็กแต่น้อย และอีกฝ่ายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กชายตัวจ้อย พันภพเคยเคารพเขาเช่นไร เติบโตมาก็ยังคงเคารพให้เกียรติเสมอ แม้เจ้าตัวจะเป็นถึงลูกพระยา มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าพัน ทว่าเมื่อพบกันตามลำพังแล้ว พันภพก็ยังคงเป็นพันภพคนเดิมเสมอ
วันพรุ่งพระจันทร์ก็จักเต็มดวง...ถึงวันสิบห้าค่ำเดือนสิบสองแล้วนะท่านโกษา พันภพเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังจากที่เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงบนแคร่ใกล้กันกับชายชราเรียบร้อยแล้ว
ข้ารู้ ท่านอย่ากังวลมากไปเลย ข้าสวดมนต์ขอพรพระเป็นเจ้าให้แล้ว บางที เรื่องเลวร้ายอาจไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ ผู้อาวุโสปลอบเสียงเรียบ นัยน์ตาเล็กหยีฉายแววเมตตาปรานี
ข้าก็หวังเช่นนั้น ทั้งท่าน ทั้งแม่ข้าต่างก็ต้องลำบาก พยายามทำทุกทางเพื่อช่วยข้า ข้ารู้สึกติดค้างทุกคนนัก ไม่รู้ว่า...พ้นวันพรุ่งไปแล้ว จักมีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณของทุกคนอีกหรือไม่
อย่าคิดในทางร้าย ข้าทายทักท่าน เพราะมิอยากให้ประมาท ให้พยายามหาทางแก้ไข มิใช่ให้หมดอาลัยตายอยาก ท้อแท้ พราหมณ์โกษาเอ่ยปลอบอ่อนโยน
แล้วท่านเคยดูดวงผู้ใดพลาดมาก่อนบ้างไหมเล่า คนหนุ่มกว่าย้อนถาม
เท่าที่ข้าจำได้ ยังหามีไม่
ถ้าเช่นนั้น ท่านก็คงไม่บังเอิญมาดูผิดเมื่อถึงคราวของข้าหรอก พันภพถอนหายใจยาว เหน็ดเหนื่อยตาคมทอดมองออกไปยังเงาไม้สีดำทะมึนเบื้องหน้า มันช่างดูเวิ้งว้าง สงัดเงียบ มองไม่เห็นสิ่งใด เหมือนกันกับหัวใจของเขายามนี้ไม่มีผิด
ต่อหน้ามารดาและทุกคน เขาจำเป็นต้องทำมิแยแสต่อคำทำนายทายทักของพราหมณ์โกษา พันภพไม่อยากให้มารดาเป็นกังวล แค่ที่ท่านทราบจากพราหมณ์โกษาก็ทำให้ท่านปั่นป่วนวุ่นวายใจ หากเขาพลอยผสมโรงไปด้วยละก็...
โกษาเคยทำนายฝันให้เขา บอกว่า...วันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองเวลาเที่ยงคืน ชะตาชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
หากไม่ระวังตัวให้จงหนัก อาจถึงขั้น ตาย ได้ทีเดียว!
อย่าลืมสิเจ้าพัน มิมีผู้ใดรู้เวลาตกฟากแท้จริงของเจ้า แม้แต่แม่นายศรีนวลเอง นางก็หาจำได้ไม่ ท่านอาจจักได้เวลาตกฟากอันเป็นมงคลมาช่วยเหลือชะตาสาบสูญ
ท่านหาต้องปลอบข้าไม่ ข้ามิได้กลัวความตาย...มิได้หวั่นสิ่งใด ห่วงก็แต่พ่อแม่กับ...
อย่าได้ห่วงเลย ท่านพระยากับแม่นายของเจ้ามีบุญปารมี จักอยู่อย่างสุขสบายไปจนชั่วชีวิต ผู้อาวุโสเอ่ยต่อให้ เดาได้ว่าอีกฝ่ายจักพูดถึงใคร ส่วนแม่จันทร์...นางก็มีวิถีของนาง หากนางเลือกทางถูกต้อง นางจักมิได้รับอันตรายใดๆ
แล้วทางที่ถูกต้องของพิมลมาสคือทางใดเล่า
พูดถึงเรื่องนี้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับคำชี้แนะจากพระเป็นเจ้ามา... พราหมณ์เฒ่าตีหน้าขรึมเคร่ง หนักอกหนักใจ สิ่งที่ได้รับรู้มาในนิมิตรนั้น สั่นสะเทือนใจของเขาไม่น้อย
พระเป็นเจ้าว่าอย่างไรรึ ท่านโกษา พันภพร้อนรน อยากรู้
ท่านกับแม่จันทร์มีชะตาเกี่ยวพันกันมาเนิ่นนาน เป็นคู่แท้และเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกันมาก่อนด้วย...เจ้าพัน...นอกจากท่านจักมีเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นคอยตามทวงแค้นแล้ว...ท่านยังผูกกรรมต่อหญิงที่ท่านรักอีก ตราบใดยังแก้กรรมกับแม่จันทร์ไม่ได้ เห็นทีว่าท่านทั้งคู่คงจักไม่มีทางพ้นความทุกทรมานเป็นแน่
คนฟังถึงกับสะอึกอึ้ง ตัวแข็งทื่อ ตาคมกร้าวเบิกโพลง ฉายชัดความเจ็บปวดร้าวราน
ข้า...ผูกกรรมอันใดกับพิมลมาสรึ ชายหนุ่มเอ่ยถามทีละคำเสียงแหบแห้ง ในลำคอพานตีบตันไปหมด
ในอดีตนานแสนนานมาแล้ว...ท่านเคยทำผิดต่อผู้คนมากมาย ในคนเหล่านั้นมีผู้มีบุญญา เขาสาปสรรค์ท่านเอาไว้ เมื่อหญิงที่ท่านรักเอ่ยถ้อยสาบานจักติดตามท่านไปทุกภพ กงล้อกรรม จึงหมุนวนไม่จบสิ้น...การที่นางต้องเสียสละตัวตามมาอยู่กับท่าน ก็เท่ากับต้องทอดทิ้งพ่อแม่ผู้มีพระคุณล้นเหลือ ความทุกข์ใจของนาง ก่อเกิดเวรกรรมต่อตัวนางเองและท่านสืบเรื่อยมา...หากไม่เริ่มต้นตัดใจ อนาคตก็สุดจักคาดเดา
ท่านหมายความว่า... พันภพเสียงแหบหายเข้าไปในลำคอ ถึงกับจุกพูดไม่ออก ยิ่งผู้อาวุโสเอ่ยตามมา เขาก็ถึงกับสะดุด ตัวชาวาบ
ท่านควรจักเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ ปล่อยนางไปเสีย
หะ!
คืนพรุ่งก่อนเที่ยงคืน ท่านจักต้องพาแม่จันทร์กลับไปส่งยังที่ที่นางจากมา...ท่านต้องส่งนางกลับบ้านก่อนพระจันทร์ข้ามพ้นศีรษะ
ท่านว่าอย่างไรนะ? พันภพตกใจจนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทว่าโกษานั้นย้ำหนักแน่น มั่นใจ
เจ้าพันต้องส่งแม่จันทร์กลับไปที่ของเขา...นั่นก็เป็นหนทางเดียวที่มั่นใจได้ว่านางจักปลอดภัย ไม่ต้องมาเสี่ยงโชคชะตากับท่านที่นี่...คิดดูให้ดีเถิดเจ้าพัน หากท่านมีอันเป็นอะไรไป แม่จันทร์จักต้องลำบากเพียงใด จักให้นางทนรับชะตากรรมที่หนักหนาที่นี่ รึปล่อยนางไปสู่ที่ที่เป็นของนางโดยแท้ ให้นางได้มีความสุขกับชีวิต แทนจักปล่อยให้นางทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เพียงลำพังโดยอาจไม่มีท่านหรอกรึ
ท่านเพิ่งบอกเอง ว่าข้าอาจผ่านพ้นเคราะห์ร้ายไปได้ หากข้าสามารถผ่านพ้นเคราะห์ในคืนเพ็ญนี้ไปได้ พิมลมาสก็จักอยู่กับข้าได้ ข้ามิจำต้องปล่อยนางจากไป พันภพค้านเสียงแข็ง ตาคมดุกระด้างแฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวด ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน เห็นชีวิตมามากมาย มีหรือจักไม่เข้าใจ ทว่าโกษานั้น เอ็นดู ถูกชะตาด้วยทั้งกับพันภพและพิมลมาส
ข้านั้นเห็นเท่านมาแต่เล็กแต่น้อย เจ้าพันภพ...ชื่อของท่านนั้นก็บอกแล้ว ว่าเจ้ามีชะตาเกี่ยวพันกับภพชาติ มันเป็นเยี่ยงนี้มาแต่ปางบรรพ์ด้วยกรรมที่ท่านทำเอาไว้ แม่จันทร์จักต้องสูญเสียทุกอย่างหากท่านรั้งนางเอาไว้ด้วยสัจจา เมื่อใดที่ท่านยอมปล่อยนางไป...เมื่อนั้นนางจักหลุดพ้นจากบ่วงที่รัดรึงได้...จงตรองดูเถิด นางเองก็มีบิดามารดาเช่นท่าน การที่ท่านพรากนางมา นั่นใช่รักแท้รึไม่ ท่านกำลังจักต่อเวรกรรมสืบไป ไม่มีวันหลุดพ้นจากกรรมเก่าของตนเอง ตราบเท่าที่ยังคิดจักทำให้พ่อแม่ของนางต้องน้ำตาตกเสียใจ หรือท่านทนเห็นหญิงที่รักต้องกลายเป็นบุตรอกตัญญูต่อผู้บุพการีได้ลงคอ
พันภพถึงกับชะงักนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก ในลำคอเหมือนมีก้อนจุกแน่นกลืนน้ำลายไม่ลงคอ มันปวดร้าว รานลึก ใจสลาย
เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ ผ่านวันคืนอันยาวนาน มันนานนักหนาที่เขาเฝ้ามอง เฝ้ารักและรอคอยเธอ แต่เมื่อได้มาพบกันจริงๆ เพียงไม่ทันไรก็กลับจะต้องจากกันเสียแล้ว
ทำไมเวลาความสุขของเขาจึงสั้นนัก...
ไม่ยุติธรรมเลย...ข้าสร้างเวรรกรรมอันใดไว้รึ จึงต้องพลัดพรากจากคนรักเช่นนี้...ไม่มีทางเลือกอื่นให้ข้าเลยหรือ
มันเป็นเวรกรรมที่เจ้าสองคนทำร่วมกันมาต่างหาก...พันภพ เจ้านั้นอดีตชาติแสนนานเคยเป็นกษัตริย์เคยสั่งประหารผู้คนมามากมาย พรากคนรักให้เขาต้องแยกจาก มีอยู่หลายคู่ที่ต้องแยกกันเพราะน้ำมือเจ้า แล้วในจำนวนนั้นก็มีผู้มีบุญญาได้สาปสรรค์ตัวเจ้าเอาไว้ แม่จันทร์เข้ามาเกี่ยวพันด้วยเจ้า หากเจ้าทั้งคู่มิยอมคลายสัญญาที่เคยมอบสัจจาต่อกันไว้แต่เก่าก่อนแสนนานนั้นเสีย...จักไม่พ้นต้องทนทุกข์ทรมานเพราะการพลัดพรากไปทุกภพชาติ...ต่อให้เจ้ากับนางได้ครองคู่กันที่นี่ แต่แม่จันทร์จักไม่มีวันมีความสุขโดยแท้ เพราะนางจักเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นลูกอกตัญญูไปจนชั่วชีวิต
พันภพได้ฟังอีกฝ่ายแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก จุกแน่นไปหมด หมดแรงแม้จะเอ่ยคำใดออกมาอีกต่อไป
เขาเหนื่อย อ่อนล้า มองไปทางไหนก็มืดมนหมดหนทาง โชคชะตาไม่เหลือหนทางอื่นใดให้เขาเลย นอกจากต้อง เฉือน หัวใจตัวเองทิ้ง
นี่หรือผลของการรอคอยพิมลมาสมาตลอดชีวิต...ชะตาช่างโหดร้ายกับเขาเหลือเกิน
พันภพลัดเลาะจากวัดพระปรางค์เพื่อจะกลับเรือนพักของตนเอง ระหว่างทางที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวแต่ชายหนุ่มหาได้หวั่นกลัวสิ่งใด เขาชินเสียแล้วกับความมืดและเงียบสงัดของที่นี่
ร่างสูงใหญ่ลัดเลาะผ่านสุ่มทุมพุ่มไม้ใบหน้า จังหวะหนึ่งเขาผ่านต้นปีบซึ่งออกดอกบานสะพรั่งและสลัดดอกสีขาวพราวไปทั่วโคนต้น ชายหนุ่มหยุดเดิน อดไม่ได้จะก้มลงเก็บดอกปีบขึ้นมาเก็บรวบรวมไว้จนเต็มอุ้งมือก่อนจรดปลายจมูกโด่งเป็นสันสวยลงสูดกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ระลึกถึงหญิงสาวที่ชื่นชอบเจ้าดอกไม้ชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
ทว่าครู่เดียว รอยยิ้มของพันภพก็จางลงไป ใบหน้าคมเข้มกลับมาดุดัน เครียดขรึม
ทุกถ้อยคำของพราหมณ์โกษายังคงก้องกังวานอยู่ในหัวสมอง วนเวียนซ้ำไปมา เขาตรองไม่ตก...เพราะความรักสำหรับเขาหรือใครๆก็คงเหมือนกัน หากไม่ได้ครองคู่แล้วจะรักไปเพื่ออะไร
แต่ที่ผ่านมา เขาก็รักพิมลมาสเสมอมาโดยไม่หวังว่าจะได้ครองคู่อยู่แล้ว ทำไมจะกลับไปเป็นอย่างเก่ามิได้เล่า
ตาคมแสนเศร้าชำเลืองมองพระจันทร์กลมโตบนท้องฟ้า จันทร์กระจ่างงามเด่น แต่เทียบกับพระจันทร์อีกดวงที่เรือนของเขามิได้เล่ย ทว่าจันทร์สองดวงก็คงเหมือนกัน นั่นคือสูงสุดเอื้อมมือถึงทั้งคู่
ห่างไกลแสนไกล ไม่มีทางเอื้อมคว้าได้...
แค่คิดว่าต้องพรากจากเธออีก เขาก็เจ็บแปลบปลาบในช่องอกไปหมด พันภพต้องหยุดนิ่ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเรียกพลังกายพลังใจให้เข้มแข็ง ชายชาติทหารหาญกลับต้องมาตกม้าตายเพราะความรัก
ร่างสูงใหญ่ทรุดลงนั่งใต้ต้นปีบ พิงแผ่นหลังกับลำต้นปีบ ปล่อยให้ช่อดอกไม้สีขาวพรูลงมาทุกครั้งที่สายลมพัดผ่าน ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น รอบกายเขาก็ขาวพราวไปด้วยสีขาวสะอาดของดอกปีบ
พันภพปิดเปลือกตาลง สูดกลิ่นหอมสดชื่นรอบกายเข้าไว้ หวังว่าจะช่วยให้เขาได้คลายจากความเจ็บปวดลงได้บ้าง
อรุณรุ่งของวันใหม่มาเยือนตามเวลาที่เป็น แม้ใครบางคนไม่อยากให้วันนี้มาถึง แต่สุดท้ายแล้ว เวลาก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองแข็งขัน เที่ยงตรงเสมอ
เช้านี้พิมลมาสตื่นสายกว่าเมื่อวาน แถมทั้งยังตื่นมาด้วยหัวสมองที่หนักอึ้ง ไม่แจ่มใส หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แวบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองอาจลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับห้องนอนที่บ้านของตัวเอง ทว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ที่นี่ยังคงเป็นเรือนทาสของพระยาไมตรีพิทักษ์พงศ์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหนเลย
พิมลมาสฝันถึงพ่อกับแม่ ฝันเห็นพวกท่านร่ำไห้ป่านจะขาดใจกับการหายตัวไปของเธอ การได้เห็นน้ำตาพ่อแม่บังเกิดเกล้าร่วงหล่น บีบคั้นหัวใจเธอให้เจ็บปวด ไม่ช้าดวงตากลมโตที่วาวรื้นก็ปลดปล่อยหยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาไม่หยุดหย่อน
เธอเองก็คิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน คิดถึงอ้อมอกอุ่นของพวกท่านจับใจ
เธอรู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้พวกท่านต้องเป็นทุกข์เสียน้ำตา แต่เธอจะกลับไปหาพวกท่านได้อย่างไรกัน ในเมื่อหลงเข้ามาในห้วงเวลาที่ยาวไกลถึงขนาดนี้
พิมลมาสไม่รู้จะทำอย่างไร สิ่งสุดท้ายที่เธอระลึกถึงได้ ก็มีแต่ที่พึ่งทางใจเท่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นประนม ตั้งจิตระลึกถึงคุณงามความดีที่เคยทำมาแต่อดีต ขอคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยให้เธอได้พบกับหนทางที่ถูกต้อง
ลูกอับจนปัญญา หาทางออกไม่ได้ ได้แต่หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์...หากลูกยังพอจะมีบุญวาสนาหลงเหลืออยู่บ้าง ขอให้ลูกได้พบทางสว่างด้วยเถอะค่ะ
หญิงสาวถอนหายใจยาว รู้สึกว่าการหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธ์สามารถช่วยให้เธอสบายใจขึ้นได้บ้าง ร่างบางค่อยขยับตัวลุกขึ้น จัดการเก็บเครื่องนอนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปอาบน้ำที่ท่าน้ำหลังบ้าน
ยามเช้ากระไอหมอกจางๆสดชื่น น้ำเย็นจนพิมลมาสสะดุ้ง แต่ก็กลั้นใจฝืนทน พอลงไปแช่อยู่ใต้สายน้ำครู่เดียวร่างกายก็ปรับให้คุ้นชินกับความเย็นได้ พิมลมาสรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก จากตอนแรกที่ไม่อยากลงน้ำเลย กลายเป็นเล่นน้ำเพลินจนลืมเวลา
กระทั่งเสียงเอ็ด ดังขึ้นมาจากบนท่าน้ำ
อ้าว สายป่านนี้แล้วยังจักมาเล่นน้ำอวดเนื้ออวดตัวอยู่ตรงนี้อีกรึ กลับขึ้นเรือนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วแม่จันทร์
เจ้าค่ะ แม่นาย พิมลมาสยิ้มแหย่ โผล่ขึ้นมาให้ศรีนวลได้เห็นแค่ช่วงลำคอขาวผ่องขึ้นมา ผมยาวดำขลับเปียกลู่แนบไปกับศีรษะได้รูปสวย ดูมอมแมมแต่ก็ยังน่าเอ็นดู
ศรีนวลเบือนหน้า ทำมองเมินไม่สนใจกับความงามของหญิงสาวในคลอง
ทีหลังอย่าได้อาบน้ำชักช้าอีก เกิดวันใดมีแขกเหรื่อมาเยือนเรือนแต่เช้า มาเห็นเข้า ข้ากับท่านพระยาจักเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน
ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจักไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ พิมลมาสรับคำเสียงอ่อย แต่แม่ศรีนวลยังไม่หยุดบ่นง่ายๆ
ข้าละหนักใจกริยามารยาทของเจ้านัก อีกหน่อยถ้าแม่เนียนเขาตบแต่งกับพ่อพันภพเขา แล้วมาเจอะเจ้า จักหาว่าข้าไม่อบรมสั่งสอนคนในบ้านกันพอดี
หา พี่พันจะแต่งงานเหรอคะ! พิมลมาสตกใจ ตะลึงตาโต ใบหน้าขาวจัดอยู่แล้วดูซีดเซียวไปยิ่งกว่าเดิมทันตา ทว่าศรีนวลยังไม่ยุติความพยายามที่จะกีดกันขัดขวางหญิงสาวตรงหน้ากับบุตรชายคนเดียวของตนเอง
แม่เนียนกับพันภพลูกข้า เขาเป็นคู่หมายกันมานมนานแล้ว ตอนนี้ข้าก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาสมควรจักได้ตบแต่งกันเสียที...เขาคงจักยินดี ที่เรือนข้าจักได้มีงานมงคลเสียที
คนฟังตะลึงงุนงง เหมือนถูกฟาดด้วยฝ่ามือยักษ์ ทั้งมึน ชา งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก
ศรีนวลก็มิได้ต้องการรับฟังความใดๆจากหญิงสาวที่ลอยคออยู่ในน้ำเช่นกัน เมื่อได้พูดไปแล้ว สาวใหญ่ก็ลงเรือไปกับสาวใช้ประจำกาย ทิ้งไว้แต่พิมลมาสที่มองตามเรือน้อยลำนั้นไปจนสุดสายตา
เมื่อครู่ก่อนเธอยังผ่อนคลายเพลิดเพลินอยู่เลย แต่ตอนนี้...
เธอเศร้าจนไม่อาจห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ หยดน้ำตาพรูลงมาราวทำนบพัง เช่นเดียวกับหัวใจที่เจ็บปวดเจียนขาดรอน
พี่พันกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น...ทั้งหมดที่ผ่านมา เขาหลอกลวงเธออย่างนั้นหรือ...
พี่พันทำอย่างนี้กับเธอได้อย่างไรกัน!!
หญิงสาวขึ้นจากน้ำ ผลัดเอาผ้านุ่งเปียกออกตาก จากนั้นกระชับผ้าแถบที่เตรียมมาคลุมไหล่และพาดลงมาถึงบริเวณช่วงอก ก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปที่เรือนโดยไม่มองใครเลย กระทั่งคนตัวโตที่มารอพบเธอที่หน้าเรือนอยู่ก่อนแล้ว พิมลมาสก็ทำไม่มอง ไม่สน ทำท่าจะเลยผ่านเขาไปเสียด้วย
พิมลมาส
เขาเรียกเธอเอาไว้ ทำให้หญิงสาวจำต้องหยุด หันไปสบตาคมแสนเศร้าคู่นั้นอย่างเสียมิได้
พี่พันมีธุระอะไรกับมาสเหรอคะ
ค่ำนี้ที่หน้าประตูเมือง จักมีงานเผาเทียนเล่นไฟกัน เจ้าเคยชวนพี่เอาไว้มิใช่รึ ชายหนุ่มทวนความจำให้หญิงสาวด้วยสีหน้าท่าทางกระตือรือร้น พิมลมาสคงยิ้มหน้าบาน หากไม่มีเรื่องให้ขุ่นมัวใจมาก่อนหน้านี้
พี่พันมีคนรอให้พาไปด้วยแล้ว...จะต้องมาชวนมาสอีกทำไมกัน
พี่น่ะรึ มีคนไปด้วยแล้ว ไม่มีสักหน่อย ถ้ามีก็คงไม่บากหน้ามาชวนเจ้าหรอก พันภพกลั้นยิ้มขำคนตัวเล็กหน้ามุ่ย
มีสิ ก็แม่เนียน สาวที่พี่พันจะแต่งงานด้วยไง แม่เนียนเขาคงรอให้พี่พันไปชวนอยู่แล้วละ ไม่ต้องมายุ่งกับมาสหรอก
พิมลมาสค้อนขวับอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเดินหน้าเชิดแสนงอนผ่านร่างสูงใหญ่ของพันภพ ตรงไปที่บันไดทางขึ้นเรือน ทว่าเพียงวางมือที่หัวบันไดยังไม่ทันได้ไปไหน ชายหนุ่มก็ตามเข้ามาตะครุบมือเธอไว้แน่น
แม่เนียนกับพี่หาได้เกี่ยวข้องใดๆต่อกันไม่ เจ้าอย่าได้เข้าใจพี่ผิดนะพิมลมาส
มาสเข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ มาสได้ยินเต็มสองหู แม่นายท่านคงอยากให้พี่พันแต่งงานกับแม่เนียนเต็มทีแล้วละ หญิงสาวเม้มริมฝีปาก สะกดกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ เมื่อครู่ก่อนนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว จะมาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้
แม่พี่บอกเจ้าเช่นนั้นรึ พันภพยังไม่อยากเชื่อ แต่ไหนแต่ไรมารดาจักต้องรับฟังความคิดเห็นของเขาก่อนเสมอ แล้วทำไมจู่ๆ...
"มาสได้ยินมายังไงก็พูดอย่างงั้น พี่พันจะไม่เชื่อก็ได้" หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก พยายามจะดึงมือตัวเองที่เขาวางซ้อนทับอยู่ให้หลุดออกเสียที แต่พันภพเหมือนยิ่งแกล้ง ด้วยการกดกระชับมือใหญ่กร้านของเขาไว้ให้ยิ่งแน่นเข้า
พอหมดทางอื่นแล้วจริงๆ เธอจึงจำต้องตวัดตาดุ จ้องเขาเขม็ง
"ปล่อยนะ"
"พี่มิได้รู้เรื่องด้วย เจ้าคิดว่าพี่จักกล้าปดเจ้าจริงๆรึ" พันภพส่งเสียงถามหน้าขรึมเคร่ง สะกดให้อีกฝ่ายต้องชะงักกึก สับสนวุ่นวายตีกันไปมาในหัวสมอง
"แล้วพี่พันจะให้มาสเข้าใจว่า แม่นายกล่าวเท็จหรือคะ" เธอย้อนทำเอาเขานิ่งอึ้ง "แม่นายเป็นแม่ของพี่พัน ถ้าแม่นายต้องการให้พี่พันแต่งงานกับแม่เนียนจริงๆ พี่พันก็คงขัดความต้องการของแม่นายท่านไม่ได้ มาสว่า...ทางที่ดี เราอย่าเพิ่งเจอหน้ากันตอนนี้ดีกว่าค่ะ ผู้คนจะได้ไม่ครหา ว่าร้าย พากันเข้าใจผิดไปถึงแม่เนียนของพี่พัน"
"แม่เนียนมิใช่ของพี่ พิมลมาสต่างหากที่เป็นของพี่"
หญิงสาวชะงัก แก้มแดงเรื่อขึ้นมาในพลัน ตาคมดุของเขาทำเอาเธอขัดเขิน สั่นสะท้าน
"มาสไม่ใช่ของพี่พัน...อย่ามาตู่"
"เจ้ามิเป็นของพี่ก็ได้ ถ้าเช่นนั้น พี่จักเป็นของเจ้าเอง"
"คนบ้า" เธอเขินจนพูดไม่ออก ร้อนผ่าวไปหมดทั้งใบหน้า ดูเขาพูดเข้าสิ จะให้เธอเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
อีตาพี่พันภพ หน้าตาไม่ได้ให้เลยว่าจะปากหวานขนาดนี้!
"พี่เป็นของเจ้ามานานนักหนาแล้วพิมลมาส นี่เป็นความจริง หญิงอื่นใดหามีบุพเพกับพี่เยี่ยงเจ้าไม่...จงเชื่อเถิด พี่หามีวันเปลี่ยนใจไปจากเจ้าไม่"
พิมลมาสสบตาคมกล้าของเขาก็สะเทิ้นหวั่นไหว มั่นใจว่าอีกฝ่ายพูดจริงทุกถ้อยคำ แต่ว่า...
"พี่พันกล่าวเช่นนี้ แล้วจะเอาแม่เนียนไปทิ้งไปที่ไหนละ"
"แม่เนียนก็อยู่ของเขาไป มิได้เกี่ยวกับพี่สักหน่อย"
"แต่แม่นายอยากให้พี่พันแต่งงานกับแม่เนียน..."
"พี่จักไม่แต่งกับผู้ใด" เขารีบบอก น้ำเสียงเข้มจริงจัง มือใหญ่กุมกระชับมือบางแน่นเข้า ตาคมจ้องมองหญิงสาวตาไม่กะพริบ "นอกจากเจ้า"
"พี่พัน..."
"ขอให้เจ้าจำเอาไว้ พี่จักไม่มีใครอื่นนอกจากเจ้าผู้เดียว ไม่ว่าต่อไปเบื้องหน้าจักเกิดอะไร พี่จักมั่นคงต่อเจ้าเสมอ"
"พี่พัน..." พิมลมาสน้ำตาซึม ซาบซึ้งกับทุกคำของเขาจนน้ำตาวาวรื้น
"พี่คงมั่นต่อเจ้ามาตั้งแต่จำความได้ พี่ไม่มีแก่ใจมองผู้ใด คนเดียวที่พี่เห็นทั้งยามหลับและตื่น...ก็มีแต่เจ้าเท่านั้น..."
พิมลมาสใช้ปลายนิ้วเรียวสะอาดของตนเองรีบกรีดน้ำตาทิ้ง แต่หยดใหม่ก็ร่วงพรูลงมาอีก จนเธอต้องใช้หลังมือเช็ดน้ำตาทิ้งลวกๆ
เธอย่อมเชื่อเขาอยู่แล้ว ในเมื่อเธอเองก็เป็นเช่นเดียวกับเขาไม่มีผิด
"มาสรู้ค่ะ...มาสไม่ดีเอง ที่หวั่นไหวง่ายๆ...ขอโทษนะคะพี่พันภพ..."
"เจ้าเข้าใจพี่ก็พอแล้ว" ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ดูผ่อนคลายลงมาก็จริง ทว่าดวงตาคมยังคงหม่นเศร้าอยู่มิคลาย
พิมลมาสเห็นสีหน้าของเขาแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ไม่ทันได้เอ่ยถาม พันภพก็ชิงพูดขึ้นก่อน
"คืนนี้ไปเที่ยวงานในเมืองพร้อมกับพี่นะ พิมลมาส"
พอเขาเอ่ยชวนอีกครั้ง หญิงสาวก็ยิ้มออก แตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ
"พี่พันเป็นคนชวนเอง ถึงเวลาจริง อย่าลืมมารับมาสก็แล้วกัน ไม่งั้นมีโกรธจริงๆด้วย"
----------------
------------------------
ขอบคุณคุณ goldensun ค่ะ
เอ่อ.....เจอเมนต์ษาอึ้งไปเลย ไม่รู้จะตอบยังไงดีค่ะ....เอาเป็นว่า ษาไม่เคยเขียนนางเอกแพศยากาลี และก็จะไม่มาเขียนในเรื่องนี้แน่นอนแล้วกันค่ะ ขอให้สบายใจได้ค่ะ แล้วก็...ถ้านางเอกเลวขนาดนั้น ไม่ผ่านสนพ.แน่นอนค่ะ นอกจากษาแล้ว ยังมีกองบก.ช่วยกันดูอีกหลายคนค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ^^
ขอบคุณ คุณ ดอกฝิ่น ค่ะ
มาต่อให้แล้วค่าาาา อีกสองตอนจะหยุดลงแล้วนะคะ T^T
ขอบคุณ คุณ sakeena ค่ะ
อิอิ มาต่อให้อีกแล้วค่ะ ช่วงนี้ช่วงเบาๆ ก่อนไคลเม็กซ์นะคะ ^^
ขอบคุณ คุณ nako ค่ะ
หนูมาสยังไม่ได้ตอบค่ะ ยังคิดไม่ตก แต่ว่า...อีกสองตอนเราจะดราม่ากันแล้วน้าาาา ช่วงนี้ เบาๆ หวานๆ กันไปก่อนค่า T^T
ขอบคุณ คุณnasa ค่ะ
อิอิ เห็นด้วยกับคอมเมนต์ของคุณ nasa ค่ะ นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่ดีของพระนาง ต่อจากนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมากมายเลยค่ะ T^T
****** ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ การติดตาม และคำชี้แนะค่าาา ผิดพลาดตรงไหนอย่างไรไป ขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ จุ๊บๆๆๆ
ษาค่ะ
--------
-------------