Group Blog
 
All Blogs
 
My Last Breath : Chapter 3 Inamabilis Appetius



ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเฮอร์ไมโอนี่เอาแต่กังวลว่าจะบอกคนอื่นอย่างไร พวกเขาจะคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอื่น ๆ อีกมากมาย และเธอก็หมกมุ่นอยู่กับความคิดนี้จนทำให้เธอลืมคิดไปเลยว่าเธอจะใส่อะไรไปงานเลี้ยงดี หญิงสาวรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมากเมื่อเธอพบว่าเธอไม่มีชุดที่พอจะใส่ไปงานได้เลยขณะที่งานเลี้ยงนั้นกำลังจะมีขึ้นในคืนนี้
เธอใช้เวลาช่วงเช้าของเธอหมดไปกับความวุ่นวาย เธอเดินไปรอบ ๆ ห้องอย่างเคร่งเครียดเพื่อและใช้เวลาช่วงสุดท้ายไปสำหรับการเตรียมตัวออกไปช้อปปิ้งและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะสามารถหาชุดที่เหมาะสำหรับใส่ไปงานได้ ราวกับความคิดของเธอจมอยู่ใต้กองเสื้อผ้าขณะที่เธอได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เดินตรงไปที่ประตูทันที
เธอเปิดประตูออกและเตรียมตัวที่จะจ้องไปยังใครก็ตามที่กล้ามารบกวนเธอในตอนเช้าวันเสาร์แบบนี้ และเธอก็พบว่าที่สายตาของเธอกำลังจ้องมองอยู่นั้นเป็นอกของลูเซียส มัลฟอยที่กำลังจ้องมาทางเธอด้วยสีหน้าราวกับมีใครสาดน้ำทั้งแก้วใส่หน้าเขา และเมื่อเขานิ่งเงียบไปเช่นนั้นหญิงสาวจึงปิดประตูเบื้องหลังลงอย่างรวดเร็ว
“คุณต้องการอะไร” เธอพูดอย่างรวดเร็วราวกับเธอเดือดร้อนกับการปรากฏตัวของเขา คิ้วข้างหนึ่งของเขาเลิกขึ้นสูงขณะที่เขามองมาที่เธอ ริมฝีปากของเขายกขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“งั้นผมขอถามหน่อยนะที่รัก ว่าคุณออกมาเปิดประตูในชุดแบบนี้เป็นประจำเลยหรือ ผมคิดว่าคุณคงหาชุดที่มันเหมาะสมกว่านี้ใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้นะ”
เธอขมวดคิ้ว เขากำลังพูดอะไรน่ะ? แต่เมื่อเธอมองลงไปที่ตัวเองเธอก็ต้องชะงัก เนื่องจากเธอกำลังวุ่นวายอยู่กับการหาเสื้อผ้าจะใส่ไปทั่วห้องของเธอในตอนเช้ามันจึงทำให้เธอลืมไปเลยว่าตอนที่เขามากดกริ่งนั้นเธอเธอสวมแค่กางเกงยีนส์และบราเท่านั้น เธอรู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาแก้มของเธอขณะที่เธอรีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็วและรีบหายตัวเข้าไปในห้องนอนของเธอ

.................................................

เขามองเธอที่มีท่าทีตกใจก่อนจะรีบหายตัวเข้าไปในห้องนอนของเธอพร้อมกับประตูที่ปิดลงอย่างแรง เขาถึงกับช็อคทีเดียวเมื่อเธอมาเปิดประตูให้เขาทั้ง ๆ ที่ใส่แค่กางเกงยีนส์และบราเท่านั้น แถมเธอยังดูหงุดหงิดอีกด้วย และเขาต้องพูดว่าเขาแปลกใจไม่น้อยที่เห็นหญิงสาวที่เรียบร้อยเช่นเธอในกริยาที่ต่างออกไปแบบนี้ และในขณะเดียวกับเขาก็รู้สึกพอใจไม่น้อยที่รู้ว่าร่างกายของเขามีปฏิกิริยากับเธออย่างไร

เธอฉุนเฉียว โกรธง่าย หากแต่เย้ายวนและเขาก็รู้สึกถึงความต้องการที่จะปกป้องสิ่งที่กำลังจะมาเป็นของเขา เขาวางถุงที่ถืออยู่ในมือลงอย่างระมัดระวังไว้บนโต๊ะกาแฟ แฟลตของเธอนั้นไม่มีอะไรให้สนใจมากนัก เพราะว่าเธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่นัก เขาได้ยินเสียงเปิดประตูจากทางด้านหลัง เขาจึงหันไปและพบกับคู่หมั้นที่ดูประหม่าของเขาที่ในตอนนี้แต่งตัวอย่างเต็มยศ ซึ่งมันดูไม่เข้าท่าเลยในสายตาของเขา แต่ก็นะ เขามีเวลาอีกมากที่จะ........ที่จะเรียนรู้เธอหลังจากที่เขาและเธอแต่งงานกันแล้ว

“เอิ่ม ขอถามอีกทีนะ ว่าทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ คุณมัล.....ลูเซียส” เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ก่อนจะหันไปยังถุงที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ
“ผมคิดว่าคุณอาจจะต้องใช้มันสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้....” เธอเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นถุงใบนั้น แก้มของเธอเป็นสีแดงก่อนจะส่ายศีรษะอย่างดื้อรั้น
“ฉันไม่ต้องการรบกวนคุณค่ะ ลูเซียส ฉันคิดว่าฉันสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ ด้วยตัวของฉันเอง” เขานั่งลงบนโซฟาของเธอและยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
“อย่างนั้นรึ ถ้าอย่างนั้นที่รัก ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณวางแผนจะใส่อะไรในงานเลี้ยงคืนนี้” เธอทำหน้าบึ้งใส่เขาและยกมือขึ้นกอดอก
“แล้วมันเกี่ยวกับคุณตรงไหนกันคะ” อ้า และก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ด้วย เธอไม่มีชุดจะใส่ไปงานในคืนนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้นลูเซียสก็กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบชุดอีกครั้ง แต่เขาก็หยุดการกระทำของเขาเมื่อเธอเดินไปที่ถุงนั่นและค่อย ๆ หยิบมันขึ้นมา นาทีต่อไปนั้นผ่านไปด้วยความเงียบเมื่อเธอหยิบชุดสีแดงเข้มขึ้นมาจากถุงและจ้องมองมันสีหน้าที่ดูเหมือนยอมจำนน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันขณะที่เธอกัดริมฝีปากล่าง
“ลองสวมดูสิ” เธอกันมามองทางเขาและกลั้นหายใจ
“อะไรนะคะ”
“ผมว่ามันน่าจะดีถ้าหากคุณลองสวมดูชุดดูว่ามันจะเข้ากับเครื่องประดับที่ผมเตรียมมาไหมน่ะ หรือคุณว่าไง”
“เครื่องประดับงั้นเหรอคะ” เขากลอกตาอย่างหมดความอดทนกับหญิงสาวที่มีท่าทีตกใจเบื้องหน้าเขา
“แน่นอน! คุณเป็นคู่หมั้นของผม ดังนั้นเราก็ควรจะทำตัวให้เหมาะสมกันหน่อย”

เธอมองเขาอย่างไม่แน่ใจแต่ก็ทำให้เขาแปลกใจโดยการยืนขึ้นและเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธออีกครั้งพร้อมกับชุดในมือ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะต้องดื้อดึงกว่านี้แน่นอนแต่เขาก็พบว่าเขาคิดผิด เขาหยิบกล่องที่อยู่ตรงก้นถุงออกมาวางบนโต๊ะและเปิดมันออก

เมื่อเธอปรากฏกายออกมาเขาถึงกับต้องกลั้นหายใจ ชุดราตรีแนบชิดทรวงอกเธออย่างพอดี สายชุดทั้งสองข้างระอยู่ตรงไหล่ของเธอ เนื้อผ้าแนบไปตามรูปร่างสมส่วนของเธออย่างเหมาะเจาะลงไปยังสะโพกของเธอก่อนจะพริ้วไหวอยู่กับขางามของเธอ เธอดูเคอะเขินและประหม่า หญิงสาวพยายามรีดชุดของเธอให้เรียบทั้ง ๆ ที่มันไม่มีรอยพับแต่อย่างใด เขายิ้มให้เธอและยืนขึ้นพร้อมกับสร้อยข้อมือทองคำในมือที่ประดับเพชรเม็ดเล็ก ๆ ซึ่งส่องประกายใต้แสงไฟ เขาค่อย ๆ จับมือเธอขึ้นมาเบา ๆ และสวมสร้อยข้อมือรอบมือเรียวเล็กของเธอ และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของเธอ ดวงตาของเธอก็กำลังจับจ้องอยู่ที่สร้อยเส้นนั้น เขาพาเธอเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อม ๆ เขาก่อนจะหยุดและสำรวจเธอด้วยสายตา แค่ใส่สร้อยข้อมืออันเดียวเธอก็ดูน่าหลงใหลมาก แต่เขายังคงมีสร้อยคอและแหวนเตรียมไว้สำหรับเธออีก

เขาเคลื่อนกายไปข้างหลังเธอและยกผมของเธอขึ้นเพื่อสวมสร้อยให้เธอ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วของเขาสัมผัสผิวที่ราวกับแพรไหมของเธอ สร้อยคอทิ้งตัวลงบนอกของเธอ จี้ของมันอยู่ในระดับทรวงอกของเธอพอดี และเมื่อเขาหันกลับไปหาเธออีกครั้งเขาก็ไม่สามารถห้ามตนเองไม่ได้ยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้าได้
“สมบูรณ์แบบ” มีรอยแดง ๆ ปรากฏขึ้นบนแก้มของเธออีกครั้ง “ผมจะมารับคุณที่นี่อีกสองชั่วโมงข้างหน้า แล้วพบกันที่รัก” เขาจับมือเธอขึ้นมาจูบอย่างอ่อนโยนจากนั้นก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ เรื่องนี้ชักน่าสนใจมากขึ้นแล้ว

.................................................

หลังจากที่ประตูปิดลงเธอนั่งลงบนโซฟา แก้มของเธอยังร้อนฉ่ากับเรื่องที่เกิดขึ้น ให้ตายเถอะ! ทำไมเธอถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นกับเขาได้นะ เป็นเพราะริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขาบนมือของเธอหรือว่าดวงตาสีเทาดูลึกลับของเขาที่มองสำรวจร่างกายของเธอตอนที่เธอเปิดประตูให้เขาอย่างนั้นหรือ พระเจ้าช่วย นี่เขาทำอะไรกับเธอกัน! หญิงสาวคิดอย่างสับสน

เมื่อถึงเวลางาน

เธอวางมือของเธอลงบนแขนที่ยื่นออกมาของเขาอย่างระมัดระวัง เสื้อคลุมกำมะหยี่สีเข้มของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขณะที่เขาและเธอกำลังเดินไปที่ห้องโถงที่เงียบเชียบของกระทรวง เธอเผลอกระชับมือของเธอกับเสื้อคลุมของเขาขณะที่กำลังใจลอยไปกับความคิดอื่นอยู่ ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่ตัดสินอนาคตทั้งชีวิตของเธอ ซึ่งเธอแน่ใจว่ามันจะไม่ดีไปกว่าอดีตที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ขณะนั้นเองเธอรู้สึกว่าเขาหยุดเดินเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเทาลึกลับที่กำลังมองเธอของเขาอยู่
“คะ” เธอขมวดคิ้วกับท่าทีของเขา ไม่แน่ใจว่าเขาได้ถามคำถามบางอย่างกับเธอหรือว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายพึมพำบางอย่างออกมาขณะที่เธอกำลังใจลอยอยู่กันแน่ และแล้วหลังจากเธอหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองแล้วเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าเธอกำลังบีบแขนเขาอยู่!
“เอ่อ ไม่มีอะไร” เธอพูดขณะที่เธอแทบจะกระโดดออกห่างจากเขา ออกจากสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้เธอรู้สึกสงบได้เมื่อครู่
มีร่องรอยความประหลาดใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่เขาหันมามองเธอ และแล้วเสียงหัวเราะอย่างแปลกใจก็ดังออกมาจากริมฝีปากของเขาเมื่อเธอถอยห่างออกจากเขา เขาก้าวเข้ามาหาเธอโดยไม่ละสายตาจากเธอแม้แต่น้อย และในพริบตาเธอก็พบว่าหลังของเธอชนกับกำแพง เขายื่นตัวมาข้างหน้าและวางมือลงบนกำแพงเพื่อกักขังเธอเอาไว้ เธอหลบสายตาเขาและจ้องมองที่พื้น และทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกตัวสั่นเมื่อเธอรู้สึกถึงนิ้วของเขาที่สัมผัสขากรรไกรของเธอเบา ๆ และกุมใบหน้าของเธอให้หันมาสบตาเขา ดวงตาของเขาดูลึกลับและครุ่นคิดราวกับเขาสามารถมองเห็นความคิดของเธอได้ และโดยไม่คาดฝันมาก่อนเขาก็กลับไปยืนตรงเช่นเดิมและส่งยิ้มให้เธอ
“คุณรู้ไหมว่าเราต้องเข้าไปก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกน่ะ” เขายื่นแขนให้เธอจับอีกครั้ง ความหนาวเย็นเล่นผ่านกระดูกสันหลังของเธอขณะที่เธอยื่นมือไปวางที่แขนของเขาอีกครั้งและเธอกับเขาก็ออกเดินต่อ แต่ก่อนที่จะถึงงานเขาก็หยุดเดินอีกครั้งเพื่อพูดกับเธอโดนไม่หันมามอง
“คนตระกูลมัลฟอยมักจะเชิดศีรษะขึ้นเสมอ อย่าได้ก้มหน้าเป็นอันขาด และที่สำคัญที่สุดจงภูมิใจ......” เธอมองไปที่เขาอย่างสงสัย
“ที่บอกไปนั้นจะช่วยคุณให้ผ่านเรื่องทั้งหมดในคืนนี้ไปได้ เมื่อเราเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงหมาป่า ถ้าหากว่าคุณแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อไหร่ล่ะก็ พวกนั้นจะรุมทึ้งคุณแน่” มือของเธอถูกกุมไว้ในมือที่ใหญ่โตของเขา ราวกับว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้นเธอจะหายใจไม่ออกไปเสียก่อน และครั้งนี้เป็นโอกาสของเขาที่จะตั้งคำถามทางสายตากับเธอบ้างแต่เขาก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานนักเมื่อเธอพยายามทำตามที่เขาบอก และก่อนที่ทั้งสองจะได้เข้าไปในงานเขาเธอก็นึกไปถึงคืนนั้นที่คฤหาสน์ของเขา เธอรู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้หลอมละลายไปจากร่างและดวงตาของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นดวงตาที่ดูเยือกเย็นเสียแล้ว

เมื่อเข้าไปในงานเขาก็พาเธอเดินไปที่ประตูที่นำไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งตกแต่งด้วยสีขาวและทอง เพดานเบื้องบนร่ายมนตราไว้ให้แสดงภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวทอแสงอยู่ใต้ท้องฟ้าสีดำ
เธอมองไปตามกลุ่มคนหวังว่าอย่างน้อยจะได้เห็นผมสีแดงของครอบครัววีสลีย์เข้ามาในงานแต่กลับกลายเป็นว่าการปรากฏตัวของเธอและเขากลับไม่เป็นที่สนใจของผู้คนในงานเท่าที่เธอคิด แต่ถึงกระนั้นก็เธอยังเห็นบางคนจ้องมองเธอ และเห็นสีหน้าเย้ยหยันของบางคน เธอยกคางขึ้นสูงพยายามปั้นสีหน้าให้ดูเย็นชาแต่มือของเธอกลับบีบแขนของเขาแน่นราวกับว่าโลกทั้งโลกกำลังจ้องมองเธออยู่ขณะที่เธอและเขาเดินเข้าไปในห้องโถง

คุณเห็นรึเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นคู่ควงของลูเซียส มัลฟอยน่ะ! ฉันเห็นพวกเขาเดินเข้างานมาด้วยกัน

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอกำลังจะรับความกดดันเหล่านี้ไม่ไหวแล้วจนกระทั่งคิงสลีย์เดินมาทางพวกเขาและยิ้มบาง ๆ ให้ เธอรู้สึกขนลุกนิด ๆ เมื่อลูเซียสดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้และโอบแขนของเขารอบเอวของเธอซึ่งทำให้เธอต้องยิ้มออกมาอย่างอาย ๆ
“เฮอร์ไมโอนี่ ยินดีที่ได้พบคุณอีก และก็ลูเซียส ผมดีใจที่คุณมางานนี้ได้”
“คิงสลีย์” ลูเซียสก้มศีรษะให้เขาก่อนจะยิ้มให้อย่างสุภาพ ผู้คนรอบข้างต่างจ้องมองมาทางทั้งสองและเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าพวกเขาได้รับความสนอกสนใจมากกว่าเมื่อครู่ยิ่งนัก และเมื่อเธอหันกลับไปสนใจชายทั้งสองคนอีกครั้งเธอก็พบว่าคิงสลีย์มองเธอและลูเซียสอย่างแปลกใจ เขาคงแปลกใจที่เห็นเธอและลูเซียสยืนใกล้ชิดกันขนาดนี้ แถมมือของลูเซียสยังโอบเอวเธออยู่ด้วย
“ผมไม่ได้จะหยาบคายอะไรนะ แต่ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเห็นคุณทั้งสองคนอยู่ด้วยกันที่นี่”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา คิ้วของเขาเลิกขึ้นขณะที่ส่งสายตาที่เคร่งเครียดให้ลูเซียสและมองไปทางเฮอร์ไมโอนี่อย่างกังวล เธอรู้สึกว่าลูเซียสกลั้นหายใจอยู่ข้าง ๆ เธอ บางทีเขาอาจจะสังเกตเห็นที่ดูเอาจริงเอาจังของคิงสลีย์เหมือนกับเธอก็เป็นได้
ลูเซียสปั้นรอยยิ้มขึ้นบนริมฝีปากบางเฉียบของเขาและก่อนที่เธอจะได้ทันคิดหาเหตุผลดี ๆ มาตอบคำถามนั้นเขาก็ยกมือของเธอขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่ เธอยิ้มให้เขาหากแต่สาปแช่งเขาในใจเมื่อเธอได้ยินเสียงผู้คนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจดังขึ้นในห้องราวกับสายลมที่ผัดผ่านห้องที่เงียบสงบ
“ใช่ อันที่จริงเราคิดว่าจะรอจนกว่าจะถึงเวลาเหมาะสมที่จะประกาศเรื่องนี้” โอ้ ไม่นะ “แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนั้นจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วใช่ไหมที่รัก” เขามองมาที่เธอพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ ขณะที่เธอได้แต่ภาวนาว่าเธอจะมีโอกาสลบรอยยิ้มเย้ยหยันนั้นออกจากปากของเขาและให้เขากินมันซะแทนที่จะต้องยิ้มตอบให้เขาอย่างเสน่หาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้และบีบแขนของเขาแน่นก่อนที่จะหันกลับไปหาคิงสลีย์
“เราเพิ่งจะหมั้นกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ค่ะ” เธอคิดว่าเสียงของเธอต้องสั่นและมันต้องฟังออกว่าเธอโกหกแน่นอน ให้ตายเถอะ เธออยากแค่ให้มันฟังดูยังไงก็ได้นอกไปเสียจากฟังดูราบรื่นและเป็นจริงมากขนาดนี้ คิงสลีย์อ้าปากค้าง คิ้วของเขายกสูงเกือบถึงแนวผมเมื่อเขาจ้องมาที่เธอและลูเซียสอย่างต่ำ ๆ สามนาทีหลังจากนั้น เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสาม
คิงสลีย์กลืนน้ำลายอยู่สองครั้งก่อนจะพยายามส่งรอยยิ้มมาให้พวกเขาและอวยพรเรื่องงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้น และก็มีผู้คนมากมายเดินเข้ามาตรงที่พวกเขากำลังยืนอยู่เพื่อกล่าวคำอวยพรให้กับคู่แต่งงานที่แปลกประหลาดที่สุด ลูเซียส มัลฟอย กับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และในระหว่างการสนทนากับแขกหลายต่อหลายคนนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็จำเป็นต้องขอตัวออกจากตรงนั้นเมื่อเธอคิดว่าเธอต้องการเวลาสำหรับตั้งสติบ้าง

เฮอร์ไมโอนี่ยืนมองภาพสะท้อนของตัวเองอยู่หน้ากระจก นี่คือสิ่งที่สมควรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ใช่ไหม เธอจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ ที่เธอรู้จักอีกแล้วใช่ไหม หรือเป็นเพราะว่าพวกเขารังเกียจเกินกว่าที่จะมองหน้าเธอได้อีก เธอรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับว่าเรี่ยวแรงของเธอนั้นถูกใช้ไปจนไม่เหลือให้เธอส่งรอยยิ้มให้ใครได้อีกแม้แต่เพียงครั้งเดียว
เธอเดินอย่างเงียบเชียบจากห้องน้ำเพื่อกลับไปในงาน เธอต้องการแน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเธอเข้าขณะที่เธอกำลังมองหาลูเซียส และเธอก็เห็นเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของงานกำลังคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูมีอายุมากกว่าเขา เมื่อเธอเดินไปหาพวกเขาลูเซียสก็หันมาทางเธอและยื่นมือของเขาให้เธอจับ เธอจับมือของเขาอย่างเต็มใจก่อนจะซบศีรษะของเธอลงบนไหล่ของเขา ถ้ามีใครมองอยู่ล่ะก็มันก็คงดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตกหลุมรักซึ่งกันและกันขณะที่ลูเซียสก้มศีรษะของเขาลงมาเพื่อฟังสิ่งที่เธอพูด
“ฉันเกลียดคุณ และคุณต้องชดใช้เรื่องทั้งหมดนี่” เขาหัวเราะเบา ๆ พลางโอบแขนของเขารอบเอวของเธอและดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้
“ผมก็เกลียดคุณเหมือนกันที่รัก แต่เราก็รู้อยู่แล้วนี่นาว่าการแต่งงานครั้งนี้จะนำผลประโยชน์อะไรมาให้แก่เราบ้าง”
เธอพึมพำบางอย่างที่ฟังดูสับสนออกมาเมื่อเธอรู้สึกว่าเขากำลังวาดวงกลมเล็ก ๆ บนหลังของเธอด้วยนิ้วของเขาซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกถึงความวาบหวิวที่แล่นผ่านไขสันหลังของเธออีกครั้ง
พระเจ้า เธอเกลียดผู้ชายคนนี้รวมทั้งทุก ๆ อย่างที่เขาทำด้วย แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะไม่ได้คิดอย่างที่เธอคิดนี่สิ
“ฉันเหนื่อยแล้ว ลูเซียส” เขาก้มลงมองที่เธอ มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
“ตกลงที่รัก สุภาพบุรุษทุกท่าน ผมเกรงว่าเราจะต้องขอตัวก่อน” พ่อมดที่ดูสูงอายุก้มศีรษะให้พวกเขาและเธอก็รู้สึกว่าลูเซียสนำเธอเดินฝ่าฝูงชนออกมาตามมาด้วยจนกระทั่งทั้งสองออกมาด้านนอกที่เงียบสงบ อากาศเย็นยามคำคืนทำให้เฮอร์ไมโอนี่สงบลง
เธอสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อทดสอบร่างกาย และเธอก็พบว่าเธอผ่านคืนนี้ไปได้แล้ว



*************************************************




Create Date : 07 พฤษภาคม 2555
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 13:08:20 น. 1 comments
Counter : 2447 Pageviews.

 
ป๋าลูแอบน่ารัก


โดย: pangpond IP: 58.9.88.165 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:20:05:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.