Bloggang.com : Gia Huy - Peeradol : แก๋งฮวาจ๋วย-ล๋าโรส (แกงหัวปลีใบชะพลู)

แก๋งฮวาจ๋วย-ล๋าโรส (แกงหัวปลีใบชะพลู)

เดิมที่ผมคิดจะยุติการเขียนเรื่องในบล็อก นาจอก ณ นครพนม
เพราะรู้สึกว่าหมดเรื่องราวที่น่าสนใจจะเขียนแล้ว
แต่เมื่อเปิดเข้ามาดูพบเม้นท์ที่คนเข้ามาฝากทิ้งไว้ขอให้เขียนต่อไปเรื่อย ๆ
เป็นลูกหลานบ้านนาจอกที่ย้ายถิ่นฐานไปบ้าง เป็นคนนครพนมบ้าง
เป็นคนที่สนใจเรื่องราวแนวนี้บ้าง เยอะแยะเลยครับเห็นแล้วปลื้มมาม
จึงอยากจะเสนอตามใจเขาเหล่านั้นบ้าง
จากนี้จึงขอเสนอเมนูอาหารพื้นบ้านที่ทำทานกันง่าย ๆ ในหมู่บ้านนาจอก
ก็แล้วกันเพราะเป็นเรื่องที่เป็นกลาง ๆ ไม่หนักไปทางธรรมเนียมต่าง ๆ มาก

เป็นโอกาสดีที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้กลับบ้านพักร้อน
ครึ่งเดือน เลยคอยเสนอแนะ
แม่ให้ทำอาหารง่าย ๆ ที่เรากินกันบ่อย ๆ
แต่อาจไม่ค่อยได้พบเห็นที่อื่น
แต่ถึงแม้จะมีที่อื่นรายละเอียดปลีกย่อยก็คงจะต่างกัน

เอาล่ะครับเมนูแรกที่จะนำเสนอก็คือ
แก๋ง ฮวาจ๋วย-ล๋าโรส เป็นภาษาเวียตนาม

แก๋ง แปลว่า แกง หรือต้ม

ฮวา แปลว่า ดอกไม้

จ๋วย แปลว่า กล้วย

ล๋าโรส แปลว่าใบชะพลู

แก๋ง ฮวาจ๋วย บ๋อล๋าโรส จึงแปลว่า แกงหัวปลี (ดอกของต้นกล้วยนั่นเอง) ใส่ใบชะพลู

สูตรที่เสนอนี้เป็นสูตรของพ่อ เพราเท่าที่เคยเห็นแม่ไม่ค่อยได้ทำแกงนี้
แต่มักจะเป็นคนเตรียมเครื่องปรุง ต่าง ๆไว้ให้พ่อเป็นคนทำ

ส่วนประกอบก็ง่าย ๆ หายได้ตามข้างรั้ว เพราะทุกบ้านในหมู่บ้านนาจอกนี้
จะนิยมปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น ผักสวนครัวกันเป็นปกติอยู่แล้ว

1.ปลีกล้วย หรือ ฮวาจ๋วย

2.ใบชะพลู

3.น้ำซุปกระดูกหมู

4เครื่องปรุงรสได้แก่ พริกสดหั่น ซอสหอยนางรม
ซีอิ้วขาว ผงชูรส น้ำปลา (รวมไว้ในถ้วยเลย)

วิธีทำ
1.ต้มน้ำซุปกระดูกหมู (ใส่เกลือเล็กน้อย) ตั้งไฟไว้ให้เดือดจัด

2.หั่นใบชะพลูให้เป็นเส้น ๆ ใส่เยอะ ๆ จะหอมและอร่อย
แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นนี้หรือหาใบชะพลูไม่ได้ก็ใช้ใบแมงลักแทนได้

3. หั่นปลีกล้วยเป็นแว่นไม่ต้องละเอียดมาก
ต้องหั่นให้ไว และโยนลงหม้อน้ำซุปทันที
อย่าหั่นทิ้งไว้นาน ปลีกล้วยจะดำไม่น่าทาน
และห้ามหั่นแช่น้ำมะนาวเพราะถึงจะไม่ดำ
แต่ก็จะไม่ได้รสหวานที่แท้จริงของปลีกล้วย

4. พอปลีกล้วยเริ่มสุกให้เทเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ในถ้วยลงไป
อย่าปรุงที่ละอย่าง (อันนี้คือเคล็ดลับความอร่อยของสูตรนี้)

5.ใส่ใบชะพลูลงไป ปิดแก๊สแล้วคนให้ผักสุก
จะเก็บใบชะพลูไว้โรยหน้าส่วนหนึ่งก็ได้

สูตรนี้สีน้ำแกงจะขาวขุ่น ๆ คล้ายสีกะทิ
และมีกลิ่นหอมหัวปลีและใบชะพลูมาก

ให้ทานขณะร้อน ๆ กับข้าวหอมมะลิในท้องนาของบ้านนาจอก
ถ้าคุณทำทานก็ทานข้าวสวยร้อน ๆ นะ รับรองอร่อยเหาะ
จนคุณจะต้องตามมาอ่านบล๊อกนี้ซ้ำ
และอยากทำความรู้จัก บล๊อกนาจอก ณ นครพนม ขึ้นมาเลยล่ะ ...

Create Date : 27 เมษายน 2554

Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 20:37:24 น.

26 comments

Counter : 3137 Pageviews.

เห็นชื่อเมนูแล้วรีบตามเข้ามาชมเลยค่ะ
ได้เห็นอาหารและความรู้เรื่องภาษาด้วยนะคะนี่ :))

โดย: sierra whiskey charlie

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:10:17:41 น.

โอ้โห...อุตส่าห์รีบวิ่งมาโดน นางงามวุ้นเส้น+เบคอนปาดหน้าหัวทิ่มซะแล้ว 555

หัวปลีนี่ทราบมาว่าเหมาะกับสตรีมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อนใช่ไหมครับ เดี๋ยวถ้าหาแฟนได้ ขอลอกสูตรไปต้มให้ทานนะครับ<

โดย: multiple

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:11:53:12 น.

เพิ่้งเคยเห็นเมนูนี่อะจ่ะ อิอิ

โดย: ตะวันเจ้าเอย

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:14:47:10 น.

ชอบจังเลยผัก ๆ เนี่ยค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:15:19:18 น.

ขอลอกสูตรเป็นสูตรอาหารลดความอ้วนซักกะหน่อย
ขอบคุณค่ะ

โดย: pa_jeab

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:16:10:09 น.

วันนี้พี่ตุ๊กทำโน๊ตย่อเรื่องเจ้าเมืองโคราชคนสุดท้ายมาให้อ่านยเด้อ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:17:50:53 น.

ภาพการหั่นปลีกล้วยตัดขวางไม่เคยเห็นมาก่อนครับ
เป็นภาพที่ดูสวยงามอย่างคิดไม่ถึง
รสที่ฝาดของหัวปลีกับรสของใบชะพลูรวมกันคงน่ากิน
การปรุงแบบง่ายๆแต่มีคุณค่า ที่สำคัญส่วนประกอบของ
หัวปลีและใบชะพลูรับรองว่าปลอดสารพิษ
ที่บ้านผมจะกินหัวปลีเฉพาะที่มาจากกล้วยน้ำว้าครับ

โดย: Insignia_Museum

วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:21:55:50 น.

ตอนอ่านเอามาเขียนก็เมาเหมือนกันค่ะ เรื่องกิ่งก้านสาขา ( flow chart ) ตระกูลเนี่ย

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:15:11:59 น.

พี่พีร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากทานอ่ะค่าาาาา

สวัสดียามเช้าค่ะ ^^

โดย: หัวใจแก้ว

วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:9:41:03 น.

น้องโหวตให้หมวดอาหารค่ะพี่พีร์

โดย: หัวใจแก้ว

วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:9:45:51 น.

เคยไปนาแห้วไหม ?

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:17:13:42 น.

เป็นสูตรแปลกดีค่ะ น่าอร่อย พร้อมเคล็ดลับความอร่อยด้วย

เพิ่งรู้ว่าถ้าแช่น้ำมะนาวรสหวานของปลีกล้วยจะหายไป ปกติเวลาทำปลีกล้วยจะต้องแช่น้ำมะนาวทุกครั้ง งวดหน้าขอไม่แช่ค่ะ

โดย: ซองขาวเบอร์ 9

วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:17:47:26 น.