เพื่อระลึกถึงท่าน วันที่ 2 ตุลาคม ของทุก ๆ ปี จึงได้รับการประกาศเป็นวันหยุดแห่งชาติของอินเดีย (Gandhi Jayanti) และเป็นวันสากลแห่งการลดความรุนแรง (Internation Day of Non-Violence) อีก 2 วัน ที่รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดแห่งชาติ คือ วันประกาศอิสรภาพ (Independence Day - 15 สิงหาคม) และวันสาธารณรัฐ (Republic Day - 26 มกราคม)
ท่านได้อยู่ในใจของชาวอินเดียทุกคนแล้ว ทั้งในใจของชาวโลกอีกมากมาย "บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้หัวใจอันกล้าหาญ ที่สามารถนำชาวอินเดียทั้งประเทศ ให้ร่วมมือร่วมใจกันกอบกู้เอกราชให้แก่ประเทศของตนเอง โดยใช้หลักอหิงสา และสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่งคุณความดี ที่จะจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของโลกตลอดไป"
..ขอแสดงความคารวะท่านอย่างสูงสุดมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ....
จากพิพิธภัณฑ์คานธีอนุสรณ์มาแล้ว ก็ไปเดินแถวในตัวเมืองมธุไร ไม่นานก็ถึงเวลาไปดูแสงและเสียง (Light and Sound) ทีี่พระราชวังติรุมไลนายกะ
พระราชวังติรุมไลนายกะ (Thirumalai Nayak Palace)
พระราชวังอยู่ห่างจากเทวาลัยมีนักษีไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 1.5 กม. ก่อสร้างในปี 1636 โดยกษัตริย์ติรุมไลย์นายกะ ในตระกูลของอุปราช (นายกะ) มีผู้ช่วยเหลือออกแบบและดูแลเป็นสถาปนิกชาวอิตาเลียน
อาคารที่เห็นปัจจุบัน เป็นพระราชวังหลักที่เป็นที่ประทับของกษัตริย์ บริเวณพระราชวังเดิมมีอาณาบริเวณใหญ่กว่าปัจจุบันถึง 4 เท่า (ไม่ได้มีโอกาสชมพระราชวังในเวลากลางวัน ภาพกลางวันทั้งหมดจาก internet ค่ะ)
พระราชวังประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นที่พักของราชวงค์ โรงละคร เทวาลัย ส่วนที่ 2 เป็นอาคารพักรวม อาคารยานพาหนะ และอาวุธ ทั้งยังมีส่วนที่เป็นที่แสดงดนตรี สระน้ำ และสวน
.....ลานขนาดใหญ่ที่ยังคงอยู่ปัจจุบัน วัดได้ 3,900 ตร.เมตร....
ล้อมรอบด้วยเสากลมขนาดใหญ่กว่า 200 ต้น ตกแต่งประดับประดาด้วยศิลปะปูนปั้นบนเพดาน โดม และหัวเสาโดยรอบ
ทางตะวันตก คือ อาคารที่ออกว่าราชบัลลังก์ เป็นโถงกว้างใหญ่ ยกฐานเป็นรูปโดม 8 เหลี่ยม ห้องนี้จะนำไปสู่โถงเต้นรำ พระราชวังยังใช้เป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ตุลาการ และบริหารบางส่วนอีกด้วย
กษัตริย์ติรุมไลย์นายกะ จะใช้พระราชวังนี้เป็นที่เฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ อีกทั้งทุก ๆ วัน จะจัดให้มีการเต้นรำ และการแสดงดนตรี..
พระราชวังถูกทำลายโดยพระราชนัดดา (หลานชาย) Chokkanata Nayak ส่วนสิ่งของมีค่าถูกนำไปไว้ที่อื่น ๆ
ในศต.ที่ 19 Lord Napier ผู้ปกครองมัทราส (เจนไน) ระหว่างปี 1866 - 1872 ได้ดำเนินการปรับปรุงบางส่วนของพระราชวัง โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมและ Indo - saracenic คือ การออกแบบโดยผสมผสานสถาปัตยกรรมพื้นเมืองแบบ Indo-Islamic และ แบบอินเดีย (Indian architecture) เข้ากับสถาปัตยกรรมแบบโกธิค (Gothic) และแบบ นีโอ-คลาสสิค (neo-classical) ที่เป็นที่นิยมในอังกฤษสมัยวิคตอเรียด้วยกัน
ปัจจุบัน แม้จะเหลือเพียงลานสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ และอาคารที่เชื่อมต่อกันอีก 2-3 อาคาร ก็ยังมองเห็นความยิ่งใหญ่แห่งยุคของติรุมไลย์นายกะที่หายไป
หลังจากที่ประเทศอินเดียเป็นเอกราช พระราชวังได้รับการประกาศให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรมโบราณคดีแห่งทมิฬนาฑู เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ 9.00 น. - 17.00 น.
กลางคืนมีการแสง สี เสียง (ภาษาทมิฬและอังกฤษ) ค่าเข้าชม 50 รูปี
มีเพียงใช้แสง เสียงบรรยาย และเสียงประกอบการบรรยาย เช่น เสียงก้องของม้าควบ ม้าร้อง เสียงฟันดาบ ไม่มีผู้แสดงประกอบ
เล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองของราชวงค์นายกะ กษัตริย์ตริรุมไลย์นายกะ การก่อสร้างพระราชวัง เหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ และสุดท้ายการเข้ามาของบริษัทอินเดียตะวันออก
กลับจากชมแสง สี เสียง แวะร้านอาหารเจ้าประจำ อยู่ที่สถานีรถประจำทาง (Periya bus station) กินตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย อร่อย และราคาไม่แพง เป็นอาหารท้องถิ่นที่สั่งประจำ
วันแรกได้โรตีกับไข่ทอด วันหลังมีโรตีกับแกงไก่ มีใบตองเป็นจานเหมือนที่ตริชี่ค่ะ
ร้านอยู่ด้านหน้าของสถานีรถ Periya อยู่ตรงข้ามกับร้านที่เห็นในรูป คือ จะส่งรูปไปให้เขา แต่ร้านอาหารไม่มีที่อยู่ ก็เลยส่งผ่านไปทางร้านตรงข้ามแทนค่ะ
คนทำโรตีแสนอร่อย สังเกตุโรตีในถังด้วย คงขายดี และเจ้าของร้านที่มีอัธยาศัยดี ... อีกวันที่มธุไรที่อิ่มทั้งอาหารตา และอาหารท้องค่ะ ...
บล๊อคหน้า 3 สว. จะพาไปชมพระอาทิตย์ตกที่ดินแดนสุดอนุทวีปอินเดีย "กันยากุมารี" หรือ "กันนิยากุมารี" ค่ะ
ขอบคุณภาพจาก internet
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ
//www.gandhimmm.org/