CHIANGMAI :: พิคกี้แก๊งค์ตะลุยอ่างขาง ตอนที่ 6 น้ำพุร้อนผ้าห่มปกและพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
จากตอนที่แล้วพาไปเที่ยว สวนส้มธนาธร กันมาแล้วโปรแกรมต่อมาลุงพร (คนที่พวกเราเหมารถ) แกพาพวกเรามายังอุทยานแห่งชาติดอยแม่ห่มปก บอกตรงๆ มาถึงที่นี่ด้วยความงงๆ เอ่อ .. เรามาไมฟ่ะอุทยานเนี่ย พอมาถึงแล้วก็ได้รู้ว่าน้ำพุร้อนที่ลุงพรแกบอกนั้น มันอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยแม่ห่มปกค๊า เอาล่ะตามมาดูกันค๊า
พวกเราแวะมาที่นี่เพื่อมาดูบ่อน้ำพุร้อนกันค่ะ พื้นที่กว้างขวางเชียวมีแต่แก่งหิน ถ้าจะให้เดาคาดว่าที่นี่เมื่อหลายพันปีก่อนคงเป็นทะเลแน่ๆ เลยอ่ะ ดูลักษณะหินที่กระจายไปทั่วเนี่ย ว่าแต่น้ำพุอยู่ไกลเชียว เอาล่ะเดินไปดูกันค่ะ มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นอยู่หลายจุดเลย แต่ที่นี่ดีหน่อยไม่มีกลิ่นไข่เน่าล่ะ
พอเดินมาใกล้ๆ ดูน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาเนี่ยสูงเหมือนกันนะ แล้วแบบนานๆ มันพุ่งที่หนึ่งดูน่ากลัวอ่ะ ไปดีกว่า พวกเราเดินมายังอีกฝั่งที่มีสะพานไม้เดิน มีบ้านเป็นหลังๆ ไว้สำหรับอาบน้ำพุร้อนด้วยล่ะ ดีจังยังกะสปาเลย นี่ถ้ามีเวลานะไม่พลาดแน่ๆ
โดยรวมแล้วที่นี่ก็น่าสนใจตรงลักษณะภูมิประเทศเนี่ยแหละ ดูแปลกตาดี ต้นไม้ที่นี่ก็รากสวยน่ากลัวดีเนอะ ที่ถ้ามากลางคืนเห็นรากเลื้อยๆ เนี่ยสยองเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ จากนั้นลุงพรก็พาพวกเราไปส่งยังท่ารถอำเภอฝาง เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ตามโปรแกรมพวกเราจะขึ้นรถตู้มายังเชียงใหม่แต่ไปๆ มาเปลี่ยนใจนั่งรถบัสดีกว่า เพราะดูแล้วพวกเราก็เหลือแต่ไปเดินเที่ยวถนนท่าแพเอง ประหยัดเงินไปตั้งครึ่งหนึ่งแนะ เดินทางโดยรถบัสเสียคนละ 70 เอง ก็เลยไปรถบัสหวานเย็นดีกว่า ยืนรอรถกันอยู่นานสองนานหิวนะเนี่ย เลยไปซื้อข้าวเหนียวมากินกะหมูแดดเดียวเวลาหิวอะไรมันก็อร่อยฟ่ะ อิอิ
จากนั้นรถบัสก็มาทำเอาวิ่งกันเป็นกระเหรี่ยงดอยเลย พอขึ้นรถได้ต้องบอกว่าโชคดีมากที่มีที่นั่งไม่งั้นยืนถึงเชียงใหม่เป็นลมพอดีอ่ะ ระหว่างทางอยู่เจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนซะงั้นอ่ะ คาดว่าหน้าจะมีสายรายงานว่ามีคนหลบเข้าเมืองแน่เลย ตอนแรกนึกว่าจะโดนตรวจซะแล้ว เค้าเลือกตรวจเฉพาะผู้ต้องสงสัยล่ะ อ้าว.. นี่ตรูหน้าไม่เหมือนพม่าเหรอเนี่ย อิอิ แล้วพวกเราก็เข้าเชียงใหม่โดยไปพักที่ Sixty House ที่เดิมของ จขบ.เลย เพราะติดท่าแพเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกแถมถูกและสะอาดด้วย พอตกดึกก็ไปเดินถนนท่าแพกันค่ะ ส่วนใหญ่ก็ของเหมือนตลาดวัวลายแหละ จขบ.ไม่ขอรีวิวนะคะ
ข้ามไปเช้าวันไหมเลยค๊า พวกเรานัดกันแต่เช้าเดินไปกินข้าวที่กาดวโนรส มาทั้งที่ต้องกินใส้อั่วน้ำพริกหนุ่มร้านดำรงค์นั่นแหละ แต่ จขบ.เพิ่งรู้ว่าด้านบนกาดก็มีที่นั่งทานด้วย หัวหน้าทริปเราก็พาขึ้นข้างบนไปทานข้าวกันค๊า
แต่ก่อนขึ้นไปก็ไปซื้อใส้อั่ว หมูทอด น้ำพริกหนุ่ม และยำขนุนมาด้วย จขบ.ชอบมากเมนูยำขนุนเนี่ย เพิ่งเคยกินอร่อยอ่ะเค้าขายตอนเช้ามาไม่ทันก็อดกิน แถมซื้อกลับก็ไม่ได้เพราะมันต้องกินเลย โห..กินยากนะเนี่ย อยากกินทีต้องนั่งเครื่องมาเชียงใหม่เลยนะนั่น แต่อร่อยอ่ะชอบๆ
ส่วนใส้อั่วเค้าก็อร่อยอยู่แล้วล่ะ เค้าขึ้นชื่อนี่เนอะร้านนี้ จากนั้นน้องก็สั่งโจ๊ก พอยกมาเสริฟ์ เอ่อ..นี่สั่งโจ๊กหรือเกาเหลาฟ่ะเนี่ย ผักโรยหน้ามาเขียวเลย แถมผักอะไรก็ไม่รู้เหอะ แต่ก็อร่อยดีนะ พอทานกันเสร็จพวกเราก็ไปหารถแดง เพื่อจะเหมาขึ้นขุนช้างเคี่ยน กว่าจะได้ต้องต่อรองราคากันหลายคันเลย มาลงที่ 2,000 เนี่ยแหละ จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่พระตำหนักภูพิงค์ก่อนเลยค่ะ
โดยให้คนขับรถรอพวกเราด้านหน้าตำหนักเนี่ยแหละ จากนั้นพวกเราก็ซื้อตั๋วค่าเข้าคนละ 20 บาทค่ะ พอเข้ามาก็ต้องไปซื้อเช่าผ้าถุงค๊า เนื่องจาก จขบ. ดันใส่แรคกิ้ง ที่นี่ห้ามใส่แรคกิ้งเข้าค๊า ต้องไปเชาผ้าถุงผืนละ 20 บาท เจ้าหน้าที่เค้าใส่ให้ด้วยล่ะ
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ลุยกันเลยชาวเรา ในพระตำหนักส่วนใหญ่ก็จะเป็นดอกไม้เนี่ยแหละที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ โดยเฉพาะหน้าหนาวดอกไม้ที่นี่จะสวยงามกว่าทุกฤดู เสียดายที่พวกเรามาปลายหนาวแล้วก็จะไม่ค่อยเหลือดอกไม้เมืองหนาวเท่าไหร่แล้วล่ะ
พวกเราก็เดินไปเรื่อยๆ ตามทางแวะถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ แต่ก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเลยทีเดียว ไม่ใช่เล็กๆ เลยนะที่นี่เดินจนปวดน่องแล้วยังไม่หมดเลยเหอะ ไม่ไหวแระเหนื่อยอ่ะสภาพสังขารและน้ำหนักเริ่มไม่เอื้ออำนวย แวะทานน้ำสตอเบอรี่ปั่นก่อนดีกว่า อร่อยชื่นใจจริงๆ และเนียนพักขาไปในตัว
จากนั้นพวกเราก็เดินออกแล้วล่ะ ทางออกมีต้นไผ่ยักษ์ด้วยล่ะ จะใหญ่ไปไหนเนี่ย บ้องหนึ่งเนี่ยถ้าหุงข้าวเนี่ยได้เป็นหม้อเลยเหอะ ต้นใหญ่กว่าขา จขบ.เสียอีก เรียกว่าแฝงตัวอยู่ในต้นไม้ไผ่ได้สบายๆ เลยล่ะ แล้วก็ได้เวลาอำลาตำหนักภูภิงค์พระราชนิเวศน์กันแล้วค๊า โปรแกรมต่อไปพวกเราจะไปขุนช้างเคี่ยนดูพญาเสือโคร่งรอบสุดท้ายค๊า .. อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่
Create Date : 21 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 11 ธันวาคม 2556 0:25:40 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2203 Pageviews. |
|
|
|