ตอนนี้ก็ประมาณบ่ายสามฝนหยุดพอดี พวกเราเลยตัดสินใจลงเรือชมเมืองบาดาลกันเลยดีกว่า กลัวว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหนักอดกันพอดี อัตราค่าบริการสำหรับเรือนำเที่ยว ถ้าราคา 300 บาท จะพาไปเที่ยวสะพานไม้ โบสถ์กลางน้ำ หอระฆัง แต่ถ้า 500 บาท เพิ่มวัดสมเด็จเก่าและประตูเมือง ไหนๆ ก็มาแล้วจัดเต็มไปเลยดีกว่า การจัดการเรือนำเที่ยวที่นี่ดีมากอ่ะเป็นระเบียบดีจัง จขบ.ขึ้นอีกฝั่งหนึ่งนะไม่ใช่ฝั่งรีสอร์ทไทยอ่ะ
ระหว่างนั่งเรือไปก็หวั่นๆ ใจเรื่องฝนเนี่ยแหละฟ้างี้ครึ้มเชียว ประกอบกับ จขบ.เนี่ยกลัวน้ำมาก หมอดูก็บอกว่าจะตายเพราะน้ำ
งานน้ำเนี่ย จขบ.กลัวทุกทีเลยอ่ะ ไม่ค่อยชอบการเดินทางทางน้ำเท่าไหร่เล้ยย โชคดีที่ตลอดการเดินทางฝนไม่ตกเลยย
เรือพามาจอดเทียบฝั่งให้พวกเราขึ้นไปไหว้วัดเก่าด้านบน ทางขึ้นน่ากลัวมากวังเวงชอบกล พอขึ้นไปจะเจอคนขายดอกไม้ธูปเทียนล่ะ
จากนั้นก็เดินบันไดไปไหว้พระข้างบน
ไม่วายเนอะเรียงหินบรรยากาศขนาดนี้เรียงหินเพื่อ ?? วิเวกการามมากอ่ะ พวกเราเดินดูโบสถ์เก่าด้านบน
เก่ามากมีรากไม้ขึ้นในโบสถ์แล้วอ่ะ
จากนั้นไปต่อวัดจมน้ำตอนนี้น้ำแห้งแล้วเลยเห็นชัดเจน สามารถลงไปเดินชมวัดได้ ถ้ามาตอนหน้าน้ำก็ได้แต่นั่งเรือวนรอบๆ แหละ
มาถึงมีไกด์ตัวน้อยด้วย เค้าก็พาพวกเราไปไหว้พระและเล่าถึงประวัติวัดแห่งนี้ ก่อนอื่นให้โยนเหรียญลงบาตร
น้องเล่าว่าถ้าใครโยนลงบารตได้เป็นคนมีบุญ พวกเราไม่มีใครลงเลยเหอะกระเด็นออกหมด
คนก็แวะมากันเยอะนะเนี่ย นี่ขนาดเย็นมากแล้วสังเกตุจากเรือนำเที่ยว
โฉมหน้าไกค์ตัวน้อยเค้าเข้ามาถามว่าพี่ทำอะไรอ่ะคือ จขบ.กำลังเซลฟี่อยู่เลยอ่ะ ก็เลยเรียกเค้ามาถ่ายรูปด้วยเลย
จากนั้นก็เดินทางกลับเสาที่เห็นอยู่นี้ตอนน้ำเยอะๆ จะเหลือแต่เจดีย์ด้านบนสีขาวแหละ
เมื่อตอนที่ จขบ.มาเค้าก็ยังไม่รื้อสะพานลูกบวบนะ สะพานไม้เดิมก็ซ่อมเสร็จแล้ว
ผู้คนก็มาถ่ายรูปกันบนสะพาน ไม่นานนักฝนก็เริ่มปรอยๆ มาอีกครั้ง
ทำเอาต้องจ้ำๆ กันเลยทีเดียว สะพานมอญแห่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของคนที่นี่ ไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อสะพานขาดชาวบ้านต้องช่วยกันสร้างสะพานลูกบวบ เพราะสะพานแห่งนี้เชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองฝั่งที่มีมาแต่ช้านาน ความสมานสามัคคีของคนสองฝั่งที่นี่ยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบๆ ในแต่ละวัน ยังไม่มีธุรกิจเข้ามามากนักทำให้สังขละบุรียังคงความมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัส .. ติดตามต่อตอนหน้านะจ๊ะ
Photo and Story By
Patthanid C.