<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
27 สิงหาคม 2557

แพ 500 ไร่+ภูผาและลำธาร


ได้เวลาลงกระทู้รีวิวแล้วครับ เก็บไว้นานเดี๋ยวความทรง  จำมันจะเลือนหาย อายุจะเข้าเลขสี่แล้ว ความจำยิ่งสั้นอยู่
กระทู้นี้เป็นรีวิว แพ 500 ไร่ +ภูผาและลำธาร ซึ่งซื้อในงานไทยเที่ยวไทยซึ่งจัดเมื่อเดือนที่แล้วครับที่ไบเทคบางนา
เดือนหน้าเห็นว่าทางรีสอร์ทก็มีเปิดบู๊ทที่งานไทยเที่ยวไทยอีก แพคเกจก็มีหลายแบบ รายละเอียดต้องไปดูในเฟสบุ๊ค
ของทางรีสอร์ทเองนะครับ เห็นมีรูปวัดด้วย เพราะซื้อแพคเกจ city ทัวร์เพิ่มด้วย ดีไม่ดียังไงเดี๋ยวไปดูกัน
กระทู้นี้ไม่มีม้า ไม่มี SR ใด ๆ นะครับ ออกตั้งเองหมดครับ ดีก็ชม ไม่ดีก็ด่าล่ะ 
รูปทั้งหมดบันทึกด้วยกล้อง Canon 6D กับเลนส์ 17-40 F4L + Sigma 35 1.4 Art






แพ 500 ไร่ ตั้งอยู่ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนรัชประภา ที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครับ รายละเอียดหาอ่านได้ตาม
ใน google นะครับ พิมพ์ไม่ค่อยเก่ง
ผมเองไม่ค่อยชอบเที่ยวทะเล น้ำตก เขื่อนสักเท่าไร เพราะไม่ชอบเปียกว่างั้น อีกอย่างเป็นคนระยองด้วย เห็นทะเล
เห็นน้ำ มาตั้งแต่เด็ก  ชอบไปเที่ยวภูเขาซะมากกว่า แต่แฟนเค้าอยากไป ดูกระทู้รีวิวเก่า ๆ นี่จะไปให้ได้
ตอนแรกจะจองโดยตรงก่อนงานไทยเที่ยวไทย ซึ่งราคาก็สูงพอสมควร ยิ่งไปสองคนด้วยจะบวกเพิ่มเข้าไปอีก
ที่รีสอร์ทคิดเป็นราคาต่อคนครับ ถ้า 2-3 คนก็บวกเพิ่มไป เดี๋ยวราคาจะมาแจ้งตอนท้ายกระทู้นะครับ
แพคเกจที่ผมจองไว้ รวมค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia +ค่ารถรับส่งที่สนามบิน + อาหาร 6 มื้อ ใช้บัตร KTC ได้ตั๋วหนังเมเจอร์มาอีก  4 ใบ
ปกติแพคเกจจะให้นอนที่ แพ 500 ไร่ก่อน ส่วนอีกวันก็ให้เราเลือกว่าจะไปนอนที่ เดอะนิน หรือ ภูผาและลำธาร
ผมเลือกภูผา เพราะอย่างที่บอกเริ่มเบื่อทะเลและ อีกอย่างอ่านรีวิวของคุณกุ้งจังเมื่อนานมาแล้ว สวยมาก อยากไป
แฟนมีงอนเล็กน้อย เค้าอยากไปทะเล
แต่วันที่ผมว่างคืนแรกทาง แพ 500 ไร่เต็ม เลยให้นอนที่ภูผาก่อนแล้วอีกคืนไม่นอนที่แพ 500 ไร่
เที่ยวบินเลยออกมาแปลก ๆ วันกลับเครื่องออก สองทุ่มห้าสิบ เลยซื้อ city ทัวร์เพิ่ม
ช้าหน่อยนะครับ ด้นสด รูปก็ยังไม่ได้รวม
จากรูปเป็นรถที่มารับครับ ตลอดทริปเหมากันแค่สองคน เพราะพักไม่เหมือนคนอื่น
สำหรับใครที่เอารถมาเองก็เอามาจอดไว้ที่บริษัทครับ ตามรูป แล้วนั่งรถของบริษัทไปที่รีสอร์ทอีกที








เมื้อแรกครับ รวมอยู่ในแพคเกจ เป็นร้านข้าวแกงอยู่ก่อนถึงบริษัทสุราษฎร์ธานีอินเตอร์ทัวร์
สั่งกี่อย่างก็ได้ครับเป็นข้าวแกง เนื่องจากความหิวทำให้รู้สึกอร่อยมากครับ
ร้านนี้ถ้าคนไม่ได้ซื้อแพคเกจมา รถก็จะจอดให้ทานเหมือนกันครับ แต่จ่ายตังค์เอง






ส่วนรับรองลงทะเบียนเข้าห้องพัก




ห้องนอน โซน C





วิวจากห้องนอน







สงสัยจะติดกาแฟ เลยไปสั่งกาแฟสดมา ดื่มไปชมวิวไปชิวล์ครับ
หลังจากเข้าบริษัทสุราษฎร์..ชี้แจงรับเอกสารเรียบร้อยรถตู้ก็พาไปส่งที่ภูผาและริมธาร
ในแพคเกจจะรวมล่องเรือแคนูด้วย แต่เนื่องจากฝนตกและเพลียเลยนั่งชิว ๆ ที่ห้อง จิบกาแฟและหลับดีกว่า





ระหว่างรอมื้อเย็นก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย สลับกับเม็ดฝนที่โปรยปราย






ตัดมาที่มื้อเย็นเลยละกัน(มื้อที่สอง)
ส่วนทานอาหารจะอยู่ด้างหลังรีสอร์ทติดกับลำธาร บรรยากาศดีครับ
รสชาติอาหารผมเฉย ๆ ไม่ได้อร่อยมาก หรือว่าแย่ แต่ออกจะจืดกับเลื่ยนไปหน่อย








ทานเสร็จก็มาถ่ายรูปเล่น ตรงสระน้ำ  บริเวณสระก็มืด ๆ ไม่เห็นเปิดไฟ แบบในรีวิวเก่า ๆ 
เลยแฮะ  สงสัยไฟเสีย ตรงซุ้มจะมีค้างคาวบินวนไปมา ดูไปก็เพลินดีครับ แต่นั่งได้แป๊บเดียว ยุงจะหามเอา
อีกอย่างผมว่าสระไม่น่าเล่นเท่าไร เพราะอะไรเดี๋ยวท้ายกระทู้จะมาบอกครับ









สลับมาเช้าเลยละกัน ได้เวลาดูหมอกแล้วให้สมกับเป็นสโลแกนรีสอร์ทในฝันหน่อย
ตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า ล้างหน้าแล้วรีบออกกันเลย
ควักกล้องออกมาปั๊บ ตายล่ะ ไอน้ำเต็มเลนส์เลย T-T เมื่อคืนเอากล้องออกมามวางนอกกระเป๋า
แถมโดนลมจากแอร์อีก ไอน้ำนี่เช็ดยังไงก็ไม่หาย ต้องเอามาประกบกับมืออุ่น ๆ หน่อย
ลามไปถึง view finder มัวไปหมด แนะนำใครตั้งใจไปถ่ายรูปหมอกตอนเช้า ตอนกลางคืนเอากล้องใส่กระเป๋า
แล้วแล้วเอาไปไว้ไกล ๆ แอร์ หน่อยนะครับ ถ้าเอาไปนอกห้องแล้วเกิดไอน้ำจับ ห้ามเช็ด ให้เอามืออังให้อุ่น
แล้วเอาลูกยางเป่าให้แห้ง   ห้ามถอดเลนส์เด็ดขาด เดี๋ยวไอน้ำจะไปจับเซ็นเซอร์ แล้วจะเศร้า









ที่รีสอร์ทจะมีป้ายติดไว้หน้าห้องว่าห้ามวางรองเท้าหน้าห้อง พร้อมรูปสี่ขาลึกลับ คอยคาบไปเล่น
สี่ขาที่นี่สงสัยจะคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวแบบว่าเดินตามกันเลยล่ะ ดีใจเวลาเจอคน









พาชมรีสอร์ทกันอีกหน่อย เสร็จก็ไปทานอาหารเช้ากันที่จุดเดิม(มื้อที่สาม)
เป็นแบบทั่วไปครับ ข้าวต้ม ขนมปัง ชา กาแฟ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้
เสร็จแล้วอาบน้ำอาบท่ารถมารับไปแพ 500 ไร่ตอนเก้าโมงเช้า




รถมารับเก้าโมงกว่า ๆ ทริปนี้เหมาสองคนเหมือนเดิม ก่อนไปที่เขื่อน คนขับพาแวะที่ 7-11 หาขนมขบเคี้ยวไปกินที่แพ
ด้วยความที่กลัวหิวเลยซื้อไปซะเยอะ เอาเข้าจริง เล่นน้ำ พายเรือเหนื่อย เหลือกลับมาเพียบ
จุดแรกที่พาไปคือจุดชมวิวสันเขื่อน สวยงามมากครับ






บริเวณท่าเรือครับ  ค่อนข้างแออัด เพราะเรือเยอะมาก ท่าจอดเรือเล็ก เห็นว่ากำลังสร้างเพิ่ม
แต่ไม่เสร็จสักที






หลังจากนั้นก็ลงเรือที่ของทางรีสอร์ท มีไกด์คอยแนะ และจอดถ่ายรูป ตามจุดต่าง ๆ
มาถึงรีสอร์ทเลยละกัน มาถึงก็เตรียมทานข้าวก่อนเข้าห้อง




มาถึงทางรีสอร์ทก็เตรียมมื้อกลางวันให้(มื้อที่สี่) เป็นกับข้าวสี่อย่าง จานใหญ่สำหรับสี่คน แต่ผมมาสอง
กินไม่หมดล่ะครับ
ตรงกลางจะเป็นจุดชมปลา น้ำเขียวมากเหมือนใครมาส่องไฟสีเขียวใส่ยังงั้น
ใครมีเด็ก ๆ ไปก็ระวังหน่อยนะครับ




วิวหน้าห้องนอน มองไปไกล ๆ เจอทิวเขาโอบล้อมด้วยสายหมอก โอ้ จะสวยไปไหน






ตอนไปถึงยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ขอบอกว่าร้อนมาก ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน ต้องรีบลงให้ไว

มาดูในส่วนห้องพักกันบ้าง เป็นห้องแฝด ซึ่งแต่ละห้องจะนอนได้สี่คน ชั้นบนกับชั้นล่าง
มีห้องน้ำในตัว มีแอร์เปิดตั้งแต่หกโมงเย็นถึงตีสี่ แต่ตอนที่ไปก็ปิดเกือบหกโมงเช้า
เนื่องจากเป็นบ้านแฝดผนังห้องใช้ร่วมกับห้องด้านข้าง คุยอะไรกันก็แทบจะได้ยินหมด
ก็คุยกันเบา ๆ นะครับ อิอิ
เท่าที่สำรวจก็มีห้องพักที่เป็นหลังเดี่ยว ๆ เหมือนกัน แต่ราคาไม่แน่ใจต้องตรวจสอบ
อีกที  ทุกหลังมีแอร์หมดครับ โดยใช้คอมเพสเซอร์  1 ตัว ต่อเข้าคอยล์เย็นสองเครื่อง
เพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้ด้วย  เห็นในเวปมีห้องแบบพัดลมราคาก็จะถูกลงมานิดหน่อย
เข้าใจว่าเค้าคงไม่เปิดแอร์ให้ ผิดถูกประการใดสอบถามทางรีสอร์ทอีกทีนะครับ




กำลังสำรวจสถานที่ไม่นานฝนก็เทลงมาให้คลายร้อน




บ้านข้าง ๆ เค้าออกกันล่ะ ไม่รอช้าเปลี่ยนชุดสวมเสื้อชูชีพ ออกมั่ง
สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปน้ำเขียว ๆ อย่าลืมพก CPL มาด้วยนะครับ สำคัญมาก








จะมีสักกี่ครั้งกันที่ได้พายเรือ พร้อมวิว สวย ๆ ทิวเขาปกคลุมไปด้วยสายหมอก
ชีวิตที่สงบ ปราศจาก 3G และสัญาณโทรศัพท์




แบบว่านั่งถ่ายรูปเล่นด้านหลัง คนพาย ก็พายไป อิอิ ว่าง ๆ ก็เอาเท้าราน้ำเล่น 55
หลังฝนหยุด อากาศเริ่มเย็นสบาย ก็ได้กิจกรรมพายเรือคายัค ทุกห้องมีให้หนึ่งลำ
กรุณาสวมเสื้อชูชีพด้วยนะครับ






พายเรือเล่นน้ำหน้าห้องกันเสร็จ ก็เตรียมทานมื้อเย็นกันครับ




ได้เวลามื้อเย็นแล้วครับ(มื้อที่ห้า) อาหารก็ห้าอย่างจานใหญ่สำหรับสี่คน พร้อมขนมหวาน
คั่วกลิ้งรสชาติไม่ถึงเครื่องเท่าไร คงจะทำไว้กลาง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ผมชอบรสแบบร้าน อาจารย์มัลลิกามากกว่า
ปลาตัวโตมาก กินได้ครึ่งเดียวไม่หมดแอบเสียดาย แต่ปลารสจืดไปหน่อย




หลังทานข้าวเสร็จก็เข้าห้อง ชีวิตที่ไม่มี 3G TV ก็ดีไปอีกแบบ ออกมาหน้าห้องนั่งกินขนมชมวิว
มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เฮ้ย นั่นมันทางช้างเผือกหรือเมฆเนี่ย ว่ากระนั้นหยิบกล้องมากางขาหน้าห้อง
ส่องไปท้องฟ้าด้านขวา ตั้งกล้องโหมด M ISO 5000 เลนส์เปลี่ยน focus จาก auto เป็น Manual บิดโฟกัสไปที่อินฟินิตี้ เปิด F 4 (กว้างสุดเท่าที่เลนส์จะทำได้) speed 30 Sec (แพก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เสี่ยงเอา)
กดเสร็จ รอ ๆ พลัน shutter ปิดลง ว้าว ๆ ทางช้างเผือกจริง ๆ ด้วย เรียกแฟนให้มาดู 
กดถ่ายอีกรอบ ปรากฎว่าไอน้ำเกาะเต็มหน้าเลนส์อีกแล้ว แป่ว เลยเอาลูกยางมาเป่าฟืด ๆ หน้าเลนส์อยู่ครึ่งนาทีถึงจะได้
ตอนนั้นที่หน้าห้องทุกหลังจะมีไฟสว่างอยู่ หาสวิทต์ปิดก็ไม่เจอ เวลาดูต้องเอามือป้องแสงเอา
เสียดายมาก ถ้าไม่มีแสงไฟจากรีสอร์ทจะสวยมาก มองด้วยตาเปล่าก็เห็น







คืนนี้เป็นคืนที่ผมนอนเร็วที่สุดในรอบหลายปี ไม่เกินสี่ทุ่ม หลับยันเช้า
มือถือ 3G TV เทคโนโลยี มันทำให้ชีวิตคนเราเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร นอนดึก ติดมือถือ
สังคมในเฟสมันก็แปลก ๆ คนด่ากันไปมา พาลทำให้จิตใจมันห่อเหี่ยว บ่นเป็นคนแก่ไปเลย หุหุ
เช้านี้ไกด์นัดเจ็ดโมงเช้า เพื่อพาไปดูนก ชมพระทิตย์ขึ้น ก่อนไปก็มีขนมปังปิ้ง ชากาแฟ โอวัลติน
รองท้องกันไปก่อน  พระอาทิตย์ก็ขี้อายเหลือเกิน โผล่มาให้จับภาพแสงเทพ หน่อยไม่ได้เหรอ





พระอาทิตย์จะขี้อายไปไหนน๊อ ได้โปรดส่งแสงเทพ ๆ ทะลุก้อนเมฆมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
สงสัยต้องทำบุญด้วยหลอดไฟ
ภาพที่เห็นถ่ายมาก็มืด ๆ แต่ดีที่เป็น RAW ดึงส่วน Shadows มาก็พอกล้อมแกล้มได้อยู่
รู้สึกผิดหวังนิด ๆ เห็นกระทู้ SR อันเก่าเค้ามีแสงเทพ ๆ อยากได้แบบนั้นมั่ง
ไกด์ก็พาไปดูนกเงือกกับชะนี ไม่ค่อยเห็นหรอกครับ ชี้ไม้ชี้มือกันใหญ่




ได้เตรียมตัวกลับ ด้วยข้าวต้ม(มื้อที่หก)




ได้เวลากลับแล้วครับ ให้ภาพเป็นผู้เล่าเรื่องนะครับ ตาชักเริ่มลาย
อยากได้ภาพสวย ๆ ต้องนั่งตากแดดอยู่หัวเรือครับ ไม่ได้ใส่ลายน้ำทุกรูป ใครนำภาพไปใช้
บอกกล่าวกันหน่อยนะครับ แลกกับกลับมาหน้าลอกเลย T-T



























มาต่อกันด้วย ซิตี้ทัวร์ โดยซื้อเพิ่ม คนละห้าร้อยบาท เนื่องจากเครื่องกว่าจะออกก็สองทุ่มห้าสิบ
ทางพนักงานขายก็เลยแนะนำให้ซื้อทัวร์ชมเมืองเพิ่ม ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกครับ
ว่าจะพาไปไหนมั่ง ฟังแบบมึน ๆ ก็ ok ดีกว่านั่ง ๆ นอน ๆ ที่สนามบิน สุดท้าย ด้วยอากาศ
ที่ร้อน และพาไปสองที่คือวัด สวนโมกขพลาราม กับ พระธาตุไชยยา
ก่อนไปก็พาแวะทานข้าว ซื้อกาแฟสดกันที่ร้านประจำกันก่อน
มื้อนี้จ่ายตังค์เองแล้วนะครับ ไม่มี SR กินฟรีแล้ว (อินกระทู้ม้าไปหน่อย idol ผมซะด้วย)
ผัดไทยไชยาอร่อยครับเส้น นุ่ม อร่อยกว่าผัดไทยคุณไกลที่ระยองอีก(รู้จักมั๊ยหว่า) เสียดายกุ้งไม่ค่อยสด
อย่างอื่นเฉย ๆ ครับ 
งานนี้ก็เหมารถตู้ VIP กันสองคนเหมือนเคย





หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จรถก็พามาที่ วัด สวนโมกขพลาราม
ตอนแรกก็งง ๆ คือไม่ได้สนใจว่าเค้าจะพาไปไหนมั่งตอนวันซื้อแพคเกจ
ไหนก็มาถึงแล้วเข้าไปชมกันซะหน่อย เผื่อเจอหลวงพี่กำนันสุเทพด้วย
ตอนนั้นที่วัดมีกิจกรรมนั่งสมาธิ เราก็เลยต้องเดินชมแบบเงียบ ๆ เสียงรองเท้าดังยังรู้สึกผิดเลย
เดินไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมาขึ้นรถไปชมวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร กันต่อ








หลังจากไหว้พระธาตุ เดินถ่ายรูป ด้วยอากาศที่ร้อน เลยบอกรถตู้ว่าไปสนามบินเลยดีกว่า
จะไปดูพนักงานร้านกาแฟ ว่าคนใช้บัตร true card กินฟรีให้รอซะหน่อย อ่านแล้วโมโหแทน

แต่ที่จริงมันร้อนครับ รถจะพาไปกินซีฟู๊ดก็ไม่เอาล่ะ ยังไม่หิว อยากพักซะมากกว่า
ก่อนกลับรถพาแวะซื้อไข่เค็มเป็นของฝาก ถึงสนามบินบ่ายสอง เครื่องออก สองทุ่มห้าสิบ
พักจนเมื่อยกันเลยทีเดียว







Create Date : 27 สิงหาคม 2557
Last Update : 14 กันยายน 2557 9:36:08 น. 4 comments
Counter : 2406 Pageviews.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 28 สิงหาคม 2557 เวลา:4:35:01 น.  

 
สุภาพบุรุษยุคหิน Photo Blog


โดย: mariabamboo วันที่: 28 สิงหาคม 2557 เวลา:18:42:13 น.  

 
สวยมาก อยากไปค่ะ


โดย: prizella วันที่: 28 สิงหาคม 2557 เวลา:22:08:53 น.  

 
ยังอยากไปอีกครับ แต่คงเปลี่ยนแพที่พัก


โดย: สุภาพบุรุษยุคหิน วันที่: 14 กันยายน 2557 เวลา:21:28:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุภาพบุรุษยุคหิน
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ฝากเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/papaotraveler
[Add สุภาพบุรุษยุคหิน's blog to your web]