แพ 500 ไร่+ภูผาและลำธาร
ได้เวลาลงกระทู้รีวิวแล้วครับ เก็บไว้นานเดี๋ยวความทรง จำมันจะเลือนหาย อายุจะเข้าเลขสี่แล้ว ความจำยิ่งสั้นอยู่ กระทู้นี้เป็นรีวิว แพ 500 ไร่ +ภูผาและลำธาร ซึ่งซื้อในงานไทยเที่ยวไทยซึ่งจัดเมื่อเดือนที่แล้วครับที่ไบเทคบางนา เดือนหน้าเห็นว่าทางรีสอร์ทก็มีเปิดบู๊ทที่งานไทยเที่ยวไทยอีก แพคเกจก็มีหลายแบบ รายละเอียดต้องไปดูในเฟสบุ๊ค ของทางรีสอร์ทเองนะครับ เห็นมีรูปวัดด้วย เพราะซื้อแพคเกจ city ทัวร์เพิ่มด้วย ดีไม่ดียังไงเดี๋ยวไปดูกัน กระทู้นี้ไม่มีม้า ไม่มี SR ใด ๆ นะครับ ออกตั้งเองหมดครับ ดีก็ชม ไม่ดีก็ด่าล่ะ รูปทั้งหมดบันทึกด้วยกล้อง Canon 6D กับเลนส์ 17-40 F4L + Sigma 35 1.4 Art
แพ 500 ไร่ ตั้งอยู่ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนรัชประภา ที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครับ รายละเอียดหาอ่านได้ตาม ใน google นะครับ พิมพ์ไม่ค่อยเก่ง ผมเองไม่ค่อยชอบเที่ยวทะเล น้ำตก เขื่อนสักเท่าไร เพราะไม่ชอบเปียกว่างั้น อีกอย่างเป็นคนระยองด้วย เห็นทะเล เห็นน้ำ มาตั้งแต่เด็ก ชอบไปเที่ยวภูเขาซะมากกว่า แต่แฟนเค้าอยากไป ดูกระทู้รีวิวเก่า ๆ นี่จะไปให้ได้ ตอนแรกจะจองโดยตรงก่อนงานไทยเที่ยวไทย ซึ่งราคาก็สูงพอสมควร ยิ่งไปสองคนด้วยจะบวกเพิ่มเข้าไปอีก ที่รีสอร์ทคิดเป็นราคาต่อคนครับ ถ้า 2-3 คนก็บวกเพิ่มไป เดี๋ยวราคาจะมาแจ้งตอนท้ายกระทู้นะครับ แพคเกจที่ผมจองไว้ รวมค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia +ค่ารถรับส่งที่สนามบิน + อาหาร 6 มื้อ ใช้บัตร KTC ได้ตั๋วหนังเมเจอร์มาอีก 4 ใบ ปกติแพคเกจจะให้นอนที่ แพ 500 ไร่ก่อน ส่วนอีกวันก็ให้เราเลือกว่าจะไปนอนที่ เดอะนิน หรือ ภูผาและลำธาร ผมเลือกภูผา เพราะอย่างที่บอกเริ่มเบื่อทะเลและ อีกอย่างอ่านรีวิวของคุณกุ้งจังเมื่อนานมาแล้ว สวยมาก อยากไป แฟนมีงอนเล็กน้อย เค้าอยากไปทะเล แต่วันที่ผมว่างคืนแรกทาง แพ 500 ไร่เต็ม เลยให้นอนที่ภูผาก่อนแล้วอีกคืนไม่นอนที่แพ 500 ไร่ เที่ยวบินเลยออกมาแปลก ๆ วันกลับเครื่องออก สองทุ่มห้าสิบ เลยซื้อ city ทัวร์เพิ่ม ช้าหน่อยนะครับ ด้นสด รูปก็ยังไม่ได้รวม จากรูปเป็นรถที่มารับครับ ตลอดทริปเหมากันแค่สองคน เพราะพักไม่เหมือนคนอื่น สำหรับใครที่เอารถมาเองก็เอามาจอดไว้ที่บริษัทครับ ตามรูป แล้วนั่งรถของบริษัทไปที่รีสอร์ทอีกที
เมื้อแรกครับ รวมอยู่ในแพคเกจ เป็นร้านข้าวแกงอยู่ก่อนถึงบริษัทสุราษฎร์ธานีอินเตอร์ทัวร์ สั่งกี่อย่างก็ได้ครับเป็นข้าวแกง เนื่องจากความหิวทำให้รู้สึกอร่อยมากครับ ร้านนี้ถ้าคนไม่ได้ซื้อแพคเกจมา รถก็จะจอดให้ทานเหมือนกันครับ แต่จ่ายตังค์เอง
ส่วนรับรองลงทะเบียนเข้าห้องพัก
ห้องนอน โซน C
วิวจากห้องนอน
สงสัยจะติดกาแฟ เลยไปสั่งกาแฟสดมา ดื่มไปชมวิวไปชิวล์ครับ หลังจากเข้าบริษัทสุราษฎร์..ชี้แจงรับเอกสารเรียบร้อยรถตู้ก็พาไปส่งที่ภูผาและริมธาร ในแพคเกจจะรวมล่องเรือแคนูด้วย แต่เนื่องจากฝนตกและเพลียเลยนั่งชิว ๆ ที่ห้อง จิบกาแฟและหลับดีกว่า
ระหว่างรอมื้อเย็นก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย สลับกับเม็ดฝนที่โปรยปราย
ตัดมาที่มื้อเย็นเลยละกัน(มื้อที่สอง) ส่วนทานอาหารจะอยู่ด้างหลังรีสอร์ทติดกับลำธาร บรรยากาศดีครับ รสชาติอาหารผมเฉย ๆ ไม่ได้อร่อยมาก หรือว่าแย่ แต่ออกจะจืดกับเลื่ยนไปหน่อย
ทานเสร็จก็มาถ่ายรูปเล่น ตรงสระน้ำ บริเวณสระก็มืด ๆ ไม่เห็นเปิดไฟ แบบในรีวิวเก่า ๆ เลยแฮะ สงสัยไฟเสีย ตรงซุ้มจะมีค้างคาวบินวนไปมา ดูไปก็เพลินดีครับ แต่นั่งได้แป๊บเดียว ยุงจะหามเอา อีกอย่างผมว่าสระไม่น่าเล่นเท่าไร เพราะอะไรเดี๋ยวท้ายกระทู้จะมาบอกครับ
สลับมาเช้าเลยละกัน ได้เวลาดูหมอกแล้วให้สมกับเป็นสโลแกนรีสอร์ทในฝันหน่อย ตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า ล้างหน้าแล้วรีบออกกันเลย ควักกล้องออกมาปั๊บ ตายล่ะ ไอน้ำเต็มเลนส์เลย T-T เมื่อคืนเอากล้องออกมามวางนอกกระเป๋า แถมโดนลมจากแอร์อีก ไอน้ำนี่เช็ดยังไงก็ไม่หาย ต้องเอามาประกบกับมืออุ่น ๆ หน่อย ลามไปถึง view finder มัวไปหมด แนะนำใครตั้งใจไปถ่ายรูปหมอกตอนเช้า ตอนกลางคืนเอากล้องใส่กระเป๋า แล้วแล้วเอาไปไว้ไกล ๆ แอร์ หน่อยนะครับ ถ้าเอาไปนอกห้องแล้วเกิดไอน้ำจับ ห้ามเช็ด ให้เอามืออังให้อุ่น แล้วเอาลูกยางเป่าให้แห้ง ห้ามถอดเลนส์เด็ดขาด เดี๋ยวไอน้ำจะไปจับเซ็นเซอร์ แล้วจะเศร้า
ที่รีสอร์ทจะมีป้ายติดไว้หน้าห้องว่าห้ามวางรองเท้าหน้าห้อง พร้อมรูปสี่ขาลึกลับ คอยคาบไปเล่น สี่ขาที่นี่สงสัยจะคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวแบบว่าเดินตามกันเลยล่ะ ดีใจเวลาเจอคน
พาชมรีสอร์ทกันอีกหน่อย เสร็จก็ไปทานอาหารเช้ากันที่จุดเดิม(มื้อที่สาม) เป็นแบบทั่วไปครับ ข้าวต้ม ขนมปัง ชา กาแฟ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เสร็จแล้วอาบน้ำอาบท่ารถมารับไปแพ 500 ไร่ตอนเก้าโมงเช้า
รถมารับเก้าโมงกว่า ๆ ทริปนี้เหมาสองคนเหมือนเดิม ก่อนไปที่เขื่อน คนขับพาแวะที่ 7-11 หาขนมขบเคี้ยวไปกินที่แพ ด้วยความที่กลัวหิวเลยซื้อไปซะเยอะ เอาเข้าจริง เล่นน้ำ พายเรือเหนื่อย เหลือกลับมาเพียบ จุดแรกที่พาไปคือจุดชมวิวสันเขื่อน สวยงามมากครับ
บริเวณท่าเรือครับ ค่อนข้างแออัด เพราะเรือเยอะมาก ท่าจอดเรือเล็ก เห็นว่ากำลังสร้างเพิ่ม แต่ไม่เสร็จสักที
หลังจากนั้นก็ลงเรือที่ของทางรีสอร์ท มีไกด์คอยแนะ และจอดถ่ายรูป ตามจุดต่าง ๆ มาถึงรีสอร์ทเลยละกัน มาถึงก็เตรียมทานข้าวก่อนเข้าห้อง
มาถึงทางรีสอร์ทก็เตรียมมื้อกลางวันให้(มื้อที่สี่) เป็นกับข้าวสี่อย่าง จานใหญ่สำหรับสี่คน แต่ผมมาสอง กินไม่หมดล่ะครับ ตรงกลางจะเป็นจุดชมปลา น้ำเขียวมากเหมือนใครมาส่องไฟสีเขียวใส่ยังงั้น ใครมีเด็ก ๆ ไปก็ระวังหน่อยนะครับ
วิวหน้าห้องนอน มองไปไกล ๆ เจอทิวเขาโอบล้อมด้วยสายหมอก โอ้ จะสวยไปไหน
ตอนไปถึงยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ขอบอกว่าร้อนมาก ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน ต้องรีบลงให้ไว
มาดูในส่วนห้องพักกันบ้าง เป็นห้องแฝด ซึ่งแต่ละห้องจะนอนได้สี่คน ชั้นบนกับชั้นล่าง มีห้องน้ำในตัว มีแอร์เปิดตั้งแต่หกโมงเย็นถึงตีสี่ แต่ตอนที่ไปก็ปิดเกือบหกโมงเช้า เนื่องจากเป็นบ้านแฝดผนังห้องใช้ร่วมกับห้องด้านข้าง คุยอะไรกันก็แทบจะได้ยินหมด ก็คุยกันเบา ๆ นะครับ อิอิ เท่าที่สำรวจก็มีห้องพักที่เป็นหลังเดี่ยว ๆ เหมือนกัน แต่ราคาไม่แน่ใจต้องตรวจสอบ อีกที ทุกหลังมีแอร์หมดครับ โดยใช้คอมเพสเซอร์ 1 ตัว ต่อเข้าคอยล์เย็นสองเครื่อง เพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้ด้วย เห็นในเวปมีห้องแบบพัดลมราคาก็จะถูกลงมานิดหน่อย เข้าใจว่าเค้าคงไม่เปิดแอร์ให้ ผิดถูกประการใดสอบถามทางรีสอร์ทอีกทีนะครับ
กำลังสำรวจสถานที่ไม่นานฝนก็เทลงมาให้คลายร้อน
บ้านข้าง ๆ เค้าออกกันล่ะ ไม่รอช้าเปลี่ยนชุดสวมเสื้อชูชีพ ออกมั่ง สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปน้ำเขียว ๆ อย่าลืมพก CPL มาด้วยนะครับ สำคัญมาก
จะมีสักกี่ครั้งกันที่ได้พายเรือ พร้อมวิว สวย ๆ ทิวเขาปกคลุมไปด้วยสายหมอก ชีวิตที่สงบ ปราศจาก 3G และสัญาณโทรศัพท์
แบบว่านั่งถ่ายรูปเล่นด้านหลัง คนพาย ก็พายไป อิอิ ว่าง ๆ ก็เอาเท้าราน้ำเล่น 55 หลังฝนหยุด อากาศเริ่มเย็นสบาย ก็ได้กิจกรรมพายเรือคายัค ทุกห้องมีให้หนึ่งลำ กรุณาสวมเสื้อชูชีพด้วยนะครับ
พายเรือเล่นน้ำหน้าห้องกันเสร็จ ก็เตรียมทานมื้อเย็นกันครับ
ได้เวลามื้อเย็นแล้วครับ(มื้อที่ห้า) อาหารก็ห้าอย่างจานใหญ่สำหรับสี่คน พร้อมขนมหวาน คั่วกลิ้งรสชาติไม่ถึงเครื่องเท่าไร คงจะทำไว้กลาง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ผมชอบรสแบบร้าน อาจารย์มัลลิกามากกว่า ปลาตัวโตมาก กินได้ครึ่งเดียวไม่หมดแอบเสียดาย แต่ปลารสจืดไปหน่อย
หลังทานข้าวเสร็จก็เข้าห้อง ชีวิตที่ไม่มี 3G TV ก็ดีไปอีกแบบ ออกมาหน้าห้องนั่งกินขนมชมวิว มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เฮ้ย นั่นมันทางช้างเผือกหรือเมฆเนี่ย ว่ากระนั้นหยิบกล้องมากางขาหน้าห้อง ส่องไปท้องฟ้าด้านขวา ตั้งกล้องโหมด M ISO 5000 เลนส์เปลี่ยน focus จาก auto เป็น Manual บิดโฟกัสไปที่อินฟินิตี้ เปิด F 4 (กว้างสุดเท่าที่เลนส์จะทำได้) speed 30 Sec (แพก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เสี่ยงเอา) กดเสร็จ รอ ๆ พลัน shutter ปิดลง ว้าว ๆ ทางช้างเผือกจริง ๆ ด้วย เรียกแฟนให้มาดู กดถ่ายอีกรอบ ปรากฎว่าไอน้ำเกาะเต็มหน้าเลนส์อีกแล้ว แป่ว เลยเอาลูกยางมาเป่าฟืด ๆ หน้าเลนส์อยู่ครึ่งนาทีถึงจะได้ ตอนนั้นที่หน้าห้องทุกหลังจะมีไฟสว่างอยู่ หาสวิทต์ปิดก็ไม่เจอ เวลาดูต้องเอามือป้องแสงเอา เสียดายมาก ถ้าไม่มีแสงไฟจากรีสอร์ทจะสวยมาก มองด้วยตาเปล่าก็เห็น
คืนนี้เป็นคืนที่ผมนอนเร็วที่สุดในรอบหลายปี ไม่เกินสี่ทุ่ม หลับยันเช้า มือถือ 3G TV เทคโนโลยี มันทำให้ชีวิตคนเราเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร นอนดึก ติดมือถือ สังคมในเฟสมันก็แปลก ๆ คนด่ากันไปมา พาลทำให้จิตใจมันห่อเหี่ยว บ่นเป็นคนแก่ไปเลย หุหุ เช้านี้ไกด์นัดเจ็ดโมงเช้า เพื่อพาไปดูนก ชมพระทิตย์ขึ้น ก่อนไปก็มีขนมปังปิ้ง ชากาแฟ โอวัลติน รองท้องกันไปก่อน พระอาทิตย์ก็ขี้อายเหลือเกิน โผล่มาให้จับภาพแสงเทพ หน่อยไม่ได้เหรอ
พระอาทิตย์จะขี้อายไปไหนน๊อ ได้โปรดส่งแสงเทพ ๆ ทะลุก้อนเมฆมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด สงสัยต้องทำบุญด้วยหลอดไฟ ภาพที่เห็นถ่ายมาก็มืด ๆ แต่ดีที่เป็น RAW ดึงส่วน Shadows มาก็พอกล้อมแกล้มได้อยู่ รู้สึกผิดหวังนิด ๆ เห็นกระทู้ SR อันเก่าเค้ามีแสงเทพ ๆ อยากได้แบบนั้นมั่ง ไกด์ก็พาไปดูนกเงือกกับชะนี ไม่ค่อยเห็นหรอกครับ ชี้ไม้ชี้มือกันใหญ่
ได้เตรียมตัวกลับ ด้วยข้าวต้ม(มื้อที่หก)
ได้เวลากลับแล้วครับ ให้ภาพเป็นผู้เล่าเรื่องนะครับ ตาชักเริ่มลาย อยากได้ภาพสวย ๆ ต้องนั่งตากแดดอยู่หัวเรือครับ ไม่ได้ใส่ลายน้ำทุกรูป ใครนำภาพไปใช้ บอกกล่าวกันหน่อยนะครับ แลกกับกลับมาหน้าลอกเลย T-T
มาต่อกันด้วย ซิตี้ทัวร์ โดยซื้อเพิ่ม คนละห้าร้อยบาท เนื่องจากเครื่องกว่าจะออกก็สองทุ่มห้าสิบ ทางพนักงานขายก็เลยแนะนำให้ซื้อทัวร์ชมเมืองเพิ่ม ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าจะพาไปไหนมั่ง ฟังแบบมึน ๆ ก็ ok ดีกว่านั่ง ๆ นอน ๆ ที่สนามบิน สุดท้าย ด้วยอากาศ ที่ร้อน และพาไปสองที่คือวัด สวนโมกขพลาราม กับ พระธาตุไชยยา ก่อนไปก็พาแวะทานข้าว ซื้อกาแฟสดกันที่ร้านประจำกันก่อน มื้อนี้จ่ายตังค์เองแล้วนะครับ ไม่มี SR กินฟรีแล้ว (อินกระทู้ม้าไปหน่อย idol ผมซะด้วย) ผัดไทยไชยาอร่อยครับเส้น นุ่ม อร่อยกว่าผัดไทยคุณไกลที่ระยองอีก(รู้จักมั๊ยหว่า) เสียดายกุ้งไม่ค่อยสด อย่างอื่นเฉย ๆ ครับ งานนี้ก็เหมารถตู้ VIP กันสองคนเหมือนเคย
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จรถก็พามาที่ วัด สวนโมกขพลาราม ตอนแรกก็งง ๆ คือไม่ได้สนใจว่าเค้าจะพาไปไหนมั่งตอนวันซื้อแพคเกจ ไหนก็มาถึงแล้วเข้าไปชมกันซะหน่อย เผื่อเจอหลวงพี่กำนันสุเทพด้วย ตอนนั้นที่วัดมีกิจกรรมนั่งสมาธิ เราก็เลยต้องเดินชมแบบเงียบ ๆ เสียงรองเท้าดังยังรู้สึกผิดเลย เดินไม่ถึงชั่วโมงก็กลับมาขึ้นรถไปชมวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร กันต่อ
หลังจากไหว้พระธาตุ เดินถ่ายรูป ด้วยอากาศที่ร้อน เลยบอกรถตู้ว่าไปสนามบินเลยดีกว่า จะไปดูพนักงานร้านกาแฟ ว่าคนใช้บัตร true card กินฟรีให้รอซะหน่อย อ่านแล้วโมโหแทน
แต่ที่จริงมันร้อนครับ รถจะพาไปกินซีฟู๊ดก็ไม่เอาล่ะ ยังไม่หิว อยากพักซะมากกว่า ก่อนกลับรถพาแวะซื้อไข่เค็มเป็นของฝาก ถึงสนามบินบ่ายสอง เครื่องออก สองทุ่มห้าสิบ พักจนเมื่อยกันเลยทีเดียว
Create Date : 27 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 14 กันยายน 2557 9:36:08 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2406 Pageviews. |
|
|
|