BORN TO WRITE
|
|||
Captain America : Civil War - นี่ๆ พี่ซุป พี่แบท ดูเค้าสิ! (ไม่สปอยล์) ผมเขียนถึง Batman V Superman : Dawn of Justice ทั้งแบบไม่สปอยล์และสปอยล์แหลก ถ้ามีคนสงสัยว่า "ไอ้บ้าเอ๊ย ตกลงเอ็งจะเอาอะไรนักหนาวะ แค่ดูสนุกก็พอไม่ใช่หรือไง" คำตอบแบบสั้นๆของผมก็คงจะเป็น "Captain America : Civil War ไง" BVS กับ Civil War มีเค้าโครงและไอเดียที่ใกล้เคียงกัน ระหว่างที่ดู Civil War จึงอดที่จะคิดถึง BVS ไม่ได้... และ Marvel ทำได้ถูกต้องกว่า ว่ากันตามตรงแล้ว Captain America : Civil War ไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบมากนัก มันยังมีจุดไม่ลงตัวบางอย่าง พล็อตหรือบทบางจะก็ดูหลวมๆอย่างบอกไม่ถูก ('บอกไม่ถูก" แปลว่ายังอธิบายให้แจ่มชัดในตอนนี้ไม่ได้ คงต้องขอดูอีกสักรอบสองรอบ แค่รู้สึกได้ว่ามันแปลกๆหรือยังไม่สมบูรณ์) มันเหมือนกับหนัง Marvel เรื่องก่อนๆคือ "เป็นโฆษณาหนังของซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่น" ในที่นี้คือแบล็กแพนเธอร์และสไปเดอร์แมน ชื่อหนังคือ Captain America แต่ตัวกัปปิตันนั้น นอกจากจะโดนไอออนแมนแย่งซีนแล้ว ยังถูกทั้งแบล็กแพนเธอร์และสไปเดอร์แมนแย่งซีนไปด้วย จนมีความรู้สึกว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น The Avengers : Captain America VS Iron Man ไปเลย อาจดูเข้าท่ากว่า และด้วยความที่หนังต้องแบ่งบทให้กับตัวละครยิบย่อยมากมาย บางครั้งจึงรู้สึกว่าการเล่าเรื่องค่อนข้างจะเสียสูญหรือไม่ก็ถูกลากยาวพอสมควร และถ้าพูดถึง Civil War... Civil War เป็นอภิมหาอีเว้นท์ที่เหล่าฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวลต้องแบ่งฝ่ายมาต่อสู้กัน มันมีทั้ง Avengers และ X-men แต่เมื่อมาอยู่ใน Captain America : Civil War เหตุการณ์มันเลยถูกลดสเกลลงไปอย่างน่าเสียดาย แล้วมันทำให้เหตุผลที่แบล็กแพนเธอร์กับสไปเดอร์แมนต้องเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่อนข้างจะ... ไม่ค่อยตรงกับจุดยืนของฝั่งไอออนแมนมากนัก แบล็กแพนเธอร์เหมือนจะไปในทางล้างแค้น (คนละเรื่องกับจุดยืนของสตาร์คที่ต้องการควบคุมเหล่าอเวนเจอร์ส) และ... ผมยังพยายามคิดอยู่ว่าสไปเดอร์แมนมีจุดยืนที่สำคัญพอสำหรับฝ่ายไอออนแมนหรือไม่... ผมชอบเหตุผลที่สไปเดอร์แมนต้องเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในหนังสือการ์ตูนมากกว่านะ มันสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ดี แต่อย่างว่า เรายังไม่รู้ถึงบุคลิกของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ในเวอร์ชั่นหนังของ Marvel มากนัก อีกอย่าง ฉากต่อสู้น่ะ... มีใครสังเกตบ้าง Vision มันหลุดหายไปไหนตั้งหลายครั้ง! อย่างไรก็ตาม ประเด็นทั้งหมดที่ว่ามานั่น เมื่อเทียบกับสิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้อย่างถูกต้องแล้ว... มันก็เหมือนกับจุดเล็กๆที่พอจะมองข้ามไปได้บ้าง สิ่งที่กัปตันอเมริกาทำได้ถูกต้องคือ 1. "รู้ว่าควรโฟกัสอะไร" - ในรีวิว BVS ทั้งสปอยล์และไม่สปอยล์ ผมย้ำเหลือเกินว่า แซ็ค สไนเดอร์ซึ่งเป็นผู้กำกับและทีมตัดต่อ ควรจะต้องรู้ว่าจังหวะนี้ควรจะโฟกัสไปที่เรื่องราวของใคร แล้วจังหวะต่อมาควรจะต้องโฟกัสเรื่องราวของใคร แล้วจุดของสองซัพพล็อตมันเกี่ยวข้องกับภาพรวม (พล็อตหลัก) อย่างไร ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่า ไม่ต้องรีบกระโดดข้ามไปข้ามมา Captain America : Civil War นั้น กัปตันอเมริกาอาจถูกคนโน้นแย่งซีนที คนนี้แย่งซีนที แต่มันเป็นเรื่องของกัปปิตันอย่างแน่นอน มันคือเรื่องราวของ "ลูกผู้ชาย" คนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับความผิดพลาด เผชิญหน้ากับทางเลือกที่ตัดสินใจได้ค่อนข้างยาก เผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่มี "เพื่อนร่วมทีม" เป็นอุปสรรคสำคัญของพล็อต กระนั้นเขาก็มีจุดยืนที่ชัดเจน และเขาก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้ทั้งนั้น ผมไม่เคยชอบกัปตันอเมริกาเลย แต่ใน Captain America : Winter Soldier ทำให้ผมรู้สึกชอบคาแร็กเตอร์ตัวนี้มากขึ้น ผมชอบทัศนคติที่กัปปิตันมีต่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบตัว และไอ้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบตัวนี่แหละ ที่ทำให้คาแร็กเตอร์ของกัปปิตันน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ผมชอบลูกซื่อของกัปปิตัน ผมชอบการเดินหน้าลงมือทำด้วยจิตใจที่หนักแน่น แมนๆ เป็นลูกผู้ชาย ใน Captain America : Civil War กัปปิตันต้องเจอตัวเลือกที่ลำบากขึ้น เพราะมันเกี่ยวข้องกับเพื่อนรักของเขา เจมส์ "บักกี้" บาร์นส์ หรือวินเธอร์โซลเจอร์ และพล็อตก็ดำเนินไปตามจุดยืนของตัวกัปปิตันเป็นหลัก ถึงแม้ไอออนแมนจะเด่นพอกัน แต่ศูนย์กลางของพล็อตก็ยังเกี่ยวข้องกับการกระทำของกัปปิตันอยู่ดี 2. "เหตุผลจะต้องสู้" : BVS มีปัญหาในเรื่องที่ "ทำไมซุปต้องสู้กับแบท" เหตุผลในการต่อสู้ ดูแล้วรู้สึกอยากกุมขมับสักสามสิบรอบต่อวินาที (ทำได้เรอะ!?) แต่ความขัดแย้งของกัปปิตันและสตาร์คค่อนข้างชัดเจน เป็นจุดยืนที่แตกต่างกัน ผมชอบที่จุดยืนของทั้งคู่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจาก The Avengers, Age of Ultron, Winter Soldier รวมถึงตอนต้นเรื่องของ Civil War นั่นคือเหตุการณ์ที่เหมือนกับฮีโร่กับต่อสู้กับเหล่าร้ายเพื่อความสงบสุขของโลก กลับทำให้ผู้คนบริสุทธิ์มากมายต้องล้มตาย และทั้งกัปปิตันและสตาร์คต่างก็มีมุมมองในเรื่องนี้แตกต่างกัน เหตุผลของสตาร์คเปรียบได้กับเศรษฐีจอมโลภที่รู้สึกผิดกับการกระทำตัวเอง ส่วนเหตุผลของกัปปิตันเปรียบได้กับชายชาตินักรบ ถ้าดูจากมุมมองของทั้งสองคน ก็ถือว่าน่าพิจารณาทั้งคู่ ดังนั้นฉาก Avengers ตีกันเองในสนามบิน นอกจากจะสนุกกว่าแล้ว ยังถือเป็นฉากฮีโร่สู้กันที่สมเหตุสมผลกว่า BVS เยอะ ส่วนการต่อสู้ในฉากไคลแม็กซ์ แม้เหตุผลจะ...ไม่ถึงกับเดาได้ และไม่ถึงกับเซอร์ไพรส์อะไรมากมาย กระนั้นก็ยังทำออกมาได้ค่อนข้างดี เอาเป็นว่าผมชอบฉากไคลแม็กซ์ ผมชอบบทสรุปในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย มันยังดีกว่า "มาร์ธา? อะไรนะ มาร์ธาเรอะ?" ตั้งเยอะ... แอ๊ก... 3. "การแนะนำฮีโร่ใหม่" : ผมชอบการปรากฏตัวของ Wonder Woman ใน BVS นะ ถึงผมจะเกลียดเพลงประกอบมันก็เถอะ แต่ Civil War ทำได้ถูกต้องกว่าสำหรับแบล็กแพนเธอร์ บทของแบล็กแพนเธอร์เป็นอะไรที่ผมเซอร์ไพรส์มาก ผมไม่นึกว่าจะมีความสำคัญต่อเรื่องขนาดนี้ แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ซัพพล็อตของแบล็กแพนเธอร์ค่อนข้างจะแข็งแรงมาก ตั้งแต่ต้นยันจบเลยด้วย แถมการแสดงก็ยังทำได้ดีอีกต่างหาก จริงอยู่ที่ตัวแบล็กแพนเธอร์เหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับจุดยืนของไอออนแมน แต่เมื่อตอนท้ายมาถึง... เมื่อบทสรุปของฉากไคลแม็กซ์มาถึง การเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับแบล็กแพนเธอร์ ถือว่ามีบทสรุปที่ลงตัวมาก ส่วนสไปเดอร์แมน... ผมค่อนข้างสนใจปีเตอร์ ปาร์กเกอร์คนใหม่มากกว่าที่คิด ตอนที่ผมรู้ว่าจะกลับไปเล่าเรื่องปีเตอร์ตอนยังเรียนอยู่อีกครั้ง ผมรู้สึก "แหยะ" อยู่ในใจ แต่พอดูจริงๆ กลับดูเข้าท่าไม่น้อย รวมถึงการแสดงของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์คนใหม่ด้วย จะติดใจก็แต่ป้าเมย์นั่นแหละ เซ็กซี่ไปมั้ยป้า!! 4. "ตัวร้าย/ฝ่ายตรงข้าม" : ผมอยากสะกิดเจซซี ไอเซนเบิร์ก (เล็กซ์ ลูธอร์ใน BVS) ว่า "นายๆ ดูตัวร้ายเรื่องนี้สิ มันเข้าท่ากว่านายเยอะเลยนะ" ผมเคยบ่นใน BVS ทั้งแบบสปอยล์และแบบไม่สปอยล์ว่า ปัญหาจริงๆของเรื่องคือการเชื่อมโยงระหว่างผู้ร้ายหลักของเรื่อง (ลูธอร์) กับการต่อสู้กันของฮีโร่ (ซุปกับแบท) มันเชื่อมโยงกันได้ไม่เข้าท่าเลย แต่ Civil War เชื่อมโยงตรงนี้ได้เข้าท่ากว่าเยอะ ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่ทั้งการแสดงและแผนการที่ดำเนินไป มันดูดีกว่าของเล็กซ์ ลูธอร์ใน BVS เยอะมาก ผมไม่ขอสปอยล์อะไรมากก็แล้วกัน แล้วที่ผมชอบอีกอย่างก็คือ Civil War ได้เปลี่ยนฮีโร่ให้กลายเป็น "ฝ่ายตรงข้าม" ของพระเอก ตามปกติแล้ว ในเรื่องเล่าหนึ่งเรื่อง มันจะมีการเดินทางของพระเอก (หรือนางเอก) ที่ต้องการอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้สิ่งนั้นมาง่ายๆเพราะจะต้องมีอุปสรรคเกิดขึ้น อุปสรรคที่ว่าจะมาในรูปแบบของความขัดแย้งใดๆก็ตาม บางครั้งเป็นดราม่าที่เกิดจากตัวละครตัวอื่น บางครั้งเป็นผู้ร้ายของเรื่อง ส่วนเรื่องนี้ มันเปลี่ยนฮีโร่อย่างไอออนแมน หรือว่าที่ฮีโร่คนใหม่อย่าง แบล็กแพนเธอร์ หรือวิชั่น หรือสไปเดอร์แมน หรือใครก็ตามที่ยืนอยู่ในฝ่ายเดียวกับสตาร์ค ให้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้กัปปิตันไปถึงเป้าหมายไม่ได้ง่ายๆ จาก "ฮีโร่ (protagonists)" กลายเป็น "ฝ่ายตรงข้าม (antagonists)!! และผมชอบไอเดียที่เกิดขึ้นในฉากไคลแม็กซ์มากพอสมควร โดยรวมแล้ว ผมชอบ Captain America : Winter Soldier มากกว่า แต่ Civil War ดีกว่า Age of Ultron หรือ Ant-Man อย่างแน่นอน ถ้าจะให้เป็นคะแนนก็คงเป็น... 8.2/10 มันมีเรื่องราวที่น่าสนใจ มันมีคาแร็กเตอร์ที่แข็งแรงทั้งฝ่ายตัวเอกและฝ่ายตรงข้าม มันมีทั้งช่วงที่ตึงเครียดและบันเทิงในเวลาเดียวกัน มันอาจจะมีตัวละครมากเกินไป และแบ่งเวลาไปเล่าเรื่องของคาแร็กเตอร์ยิบย่อยอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของการเล่าเรื่อง นั่นคือความขัดแย้งที่กัปตันอเมริกาต้องเผชิญนั้น ก็ยังไม่หลุดไปจากกรอบของเรื่องอยู่เหมือนเดิม แต่ว่า... บางครั้งเวลาเห็นฮีโร่ของ Marvel สู้กัน ไม่รู้ยังไง ใจมันชวนให้ไปนึกถึงหนังอย่างพวก "คาเมนไรเดอร์" ยุคใหม่ๆทุกครั้งไปสิน่า! บทความที่เกี่ยวข้องกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ : |
หมาหัวโจก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |