12 วัน 12 หนัง Star Trek : Day 12 - Into Darkness


นี่คือ "12 วัน 12 หนัง Star Trek" เป็นการเอาหนัง Star Trek กลับมาดูอีกรอบรวดเดียว 12 ภาค (ยกเว้น Insurrection กับ Nemesis ที่นับว่าเป็นการดูครั้งแรก) แล้วอัพบล็อกแบบ "1 วันต่อ 1 ภาค" หลายๆภาค เมื่อเอากลับมาดูอีกรอบ จะรู้สึกยังไงกันนะ?

อนึ่ง#1 ไม่นับ Star Trek Beyond ซึ่งยังอยู่ในโรงภาพยนตร์และมีเขียนเอาไว้แล้ว
อนึ่ง#2 คะแนนที่ให้เป็นแค่ความชอบส่วนตัว หาได้เป็นตัวกำหนดความคลาสสิคหรือความนิยมไม่



Star Trek 
Into Darkness (2013)


[เรื่องราวเป็นแบบไหน]

กัปตันเจมส์ ที เคิร์กตัดสินใจช่วยเหลือให้ชนเผ่าในดาวไร้อารยธรรมรอดพ้นจากหายนะ แต่นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ทำให้เคิร์กต้องเด้งออกจากตำแหน่งกัปตัน ในขณะเดียวกัน แผนกหนึ่งของสตาร์ฟลีทที่ลอนดอนก็ถูกวางระเบิด และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคืออดีตเจ้าหน้าที่สตาร์ฟลีทชื่อจอห์น แฮร์ริสัน

หลังโผล่มาอาละวาดที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ของสตาร์ฟลีท จอห์น แฮร์ริสันก็วาร์ปไปที่ดาวโครนอสของพวกคลิงก์ออน เคิร์กจึงต้องกลับมารับตำแหน่งกัปตันอีกครั้งเพื่อตามล่าจอห์น แฮร์ริสันมารับโทษให้ได้!



Smiley

[มันเป็นยังไง]

เจ เจ อบลัมส์ได้กลับมากำกับอีกครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จทั้งเสียงวิจารณ์และรายได้เหมือนเดิม เพียงแต่แฟนๆ Star Trek กลับรู้สึกขัดใจกับอะไรบางอย่างใน Into Darkness จนเสียงตอบรับค่อนข้างแตกออกเป็นหลายเสียง



Smiley

[รายได้]
228.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

Smiley

[คะแนนส่วนตัว]
7/10

Smiley

[ความเห็นของข้าพเจ้า]

ผมอยากจะชอบ Into Darkness เท่าๆกันกับ Star Trek 2009 แต่ว่ามันมีอะไรที่คาใจอยู่หลายอย่าง

พูดถึงสิ่งที่ชอบ ฉากแอ็กชั่นของ Into Darkness เจ๋งมากในหลายๆฉาก โดยเฉพาะฉาก "เอนเตอร์ไพรส์ VS เวนเจนส์" ตอนกลางเรื่อง มันเป็นตอนที่เอนเตอร์ไพรส์ต้องเจอกับยานที่ใหญ่กว่าและประสิทธิภาพดีกว่าหลายเท่า เอนเตอร์ไพรส์พยายามวาร์ปหนีแต่เวนเจนส์ก็วาร์ปตามมาประกบพร้อมยิงกระหน่ำเอนเตอร์ไพรส์หลุดกระเด็นนอกเส้นทาง แล้วต่อด้วยเคิร์กที่ต้องพุ่งตัวไปด้วยความเร็วจากเอนเตอร์ไพรส์ไปยังเวนเจนส์อีก... 

แม่เจ้า! ซีเควนส์ช่วงนี้มันสุดยอดมาก





แล้วช่วงกลางเรื่องนี้อีกเช่นกัน ที่สถานการณ์ของเอนเตอร์ไพรส์ต้องถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง บีบให้ทั้งเคิร์กและสป็อกต้องเล่นไปตามเกม นี่เป็นหัวใจที่ปรากฏอยู่ในหนัง Star Trek หลายต่อหลายภาคในความเห็นของผม คือมันมีปัญหาเกิดขึ้น และฝ่ายตัวเอกก็ต้องแก้ไขปัญหานั้นด้วยไหวพริบที่ตัวเองมี แต่มันสนุกตรงที่ เมื่อเวลาเกิดปัญหา เคิร์กจะแก้ไขอีกแบบ ส่วนสป็อกจะแก้ไขอีกแบบ ตามบุคลิกที่ต่างกัน... ชอบมาก!



พูดถึงเรื่องตัวละคร Into Darkness เล่นประเด็นต่อเนื่องจากภาค 2009 คือเรื่อง "อารมณ์" และ "ตรรกะ" แต่คราวนี้เพิ่มการเจริญเติบโตของตัวละครเข้าไป ในภาคนี้เคิร์กจะต้องเจอ "วิกฤตความเป็นผู้นำ" หลังตัดสินใจหยุดยั้งการถูกทำลายล้างของอารยธรรมต่างดาวทั้งที่ควรจะเฝ้าสังเกตการณ์เฉยๆ จากนั้นพอสป็อกตกอยู่ในอันตราย เคิร์กก็ยอมแหกกฎที่ห้ามไม่ให้อารยธรรมล้าหลังได้เห็นยาน เพื่อจะช่วยสป็อกออกมา แต่สป็อกก็ตอบสนองไปตามวิถีของชาววัลแคนนั่นคือรายงานเรื่องทั้งหมดจนกระทั่งตำแหน่งกัปตันของเคิร์กปลิวกระเด็น ทำให้เคิร์กขัดใจสป็อกมาก

ทว่าหลังจากนั้น เมื่อเคิร์กได้กลับมาคุมยานเอนเตอร์ไพรส์อีกครั้ง เขากลับต้องมีปัญหากับสก็อตอีก พูดง่ายๆคือหนทางสู่การเป็นกัปตันระดับตำนานในอนาคต มันไม่ได้ได้มาง่ายๆเลย




ในส่วนทางด้านสป็อก จะเป็นเรื่องของตรรกะและความตาย ระหว่างที่สป็อกตกอยู่ในอันตราย สป็อกเผชิญหน้ากับ "ความตาย" และปัญหาเรื่อง "ความตาย" ก็ถูกเอามาใช้เป็นประเด็นที่ทำให้สป็อกต้องทะเลาะกับอูฮาร่า รวมถึงเหตุการณ์ในตอนท้ายเรื่องด้วย




Into Darkness เล่นกับความเชื่อมโยงตัวละครแต่ละตัวได้เนียนจนไหลลื่นเช่นเดียวกับภาค 2009 เรื่องราวถูกสับเปลี่ยนระหว่างเคิร์กกับสป็อกจนเป็นเนื้อเดียวกัน บทบาทของทั้งสองถูกวางไว้เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว แล้วตัวละครรอบข้างก็มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้มากขึ้น 

ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง มันไม่ได้แย่ แต่รู้สึกผิดหวัง...

ผมชอบตัวละครวายร้ายที่เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์เล่น เขาเป็นผู้ร้ายที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋น บีบให้เคิร์กกับสป็อกต้องเล่นเกมชิงไหวชิงพริบด้วยตลอดเรื่อง แต่ปัญหาคือ... มันคือ ข่าน นูเนียน สิงห์ วายร้ายยอดนิยมตัวเดียวกับทีวีซีรีส์และภาคหนังใหญ่ The Wrath of Khan



คือผมเข้าใจว่าเจ เจ อบลัมส์กับทีมเขียนบทกำลังจะเล่นมุกแบบกี้คๆ คือไหนๆก็เป็นเหตุการณ์โลกคู่ขนานแล้ว ในเมื่อพ่อของเคิร์กตายตั้งแต่เคิร์กเพิ่งเกิด หรือสป็อกตัดสินใจคบหากับอูฮาร่าซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทม์ไลน์ออริจินัล ก็เลยถือโอกาสเล่นมุก "ข่านอีกเวอร์ชั่น" เสียเลย ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือมันคือ ตอนดูครั้งแรกผมค่อนข้างตื่นเต้นที่มันออกมาเป็นข่าน แต่ข้อเสียคือ ในรอบหลังๆผมรู้สึกขัดใจ จนมองว่าเอาจริงๆแล้วไม่มีความจำเป็นจะต้องเป็นข่านเลย  จะเป็นวายร้ายตัวอื่นที่มีความสามารถคล้ายๆกัน และฉลาดพอๆกับตัวละครที่เบเนดิกต์เล่นอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรสักนิด

โดยเฉพาะ "ฉากคลาสสิค" ใน The Wrath of Khan ที่ถูกเอากลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง พอมาถึงฉากนั้นยิ่งทำให้รู้สึกขัดใจเข้าไปใหญ่ คือฉากนั้นมันดีทั้งในแง่ของการแสดง ภาพ การตัดต่อ ดนตรี แต่อย่างว่า... ทำไมจะต้องเอาฉากใน The Wrath of Khan มา "รีเมก" อีกรอบ? คือตอนที่ร้อง "ข่านนนนน" ออกมาดังๆ ผมกลับรู้สึกว่ามันตลกมากกว่าจะเกิดอิมแพ็คแรงๆแบบของเวอร์ชั่นต้นฉบับพิลึก



ในส่วนของจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่อง โดยรวมแล้วผมว่า Into Darkness ทำได้ไม่ดีเท่าภาค 2009 โดยเฉพาะเหตุการณ์ในช่วงครึ่งหลังที่มีตัวร้ายปรากฏเพิ่มเข้ามาอีกตัว ทำให้พล็อตมันซับซ้อนเล่นซะงั้น... และฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องที่สู้กันบนโลก บทสรุปของการต่อสู้มันดูห้วนๆอย่างบอกไม่ถูก



อย่างไรก็ตาม Into Darkness ก็ยังถือเป็นหนังที่ดีใช้ได้ ถ้าทำใจยอมรับฉาก "รีเมก" นั่นกับเรื่อง "ข่าน" ได้ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา... แต่แน่นอนว่านี่เป็นประเด็นสำหรับแฟน Star Trek ส่วนคนดูทั่วไป อาจจะรู้สึกสนุกกับสิ่งที่มันเป็นก็ได้นะ




Create Date : 05 สิงหาคม 2559
Last Update : 19 สิงหาคม 2559 13:05:14 น.
Counter : 2317 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog