วิเคราะห์สภาพแวดล้อมโรงเรียน ในองค์กรหนึ่งๆ (หรือโรงเรียนหนึ่งๆ) เมื่อผู้บริหารจะทำอะไรสักอย่างไม่ใช่นึกอะไรได้ก็จะทำ คิดอะได้จะซื้อก็ซื้อ ใครสะพายชั้นวางของ หรือหิ้วตะกร้าผ้าไหมผ่านหน้าโรงเรียนก็ซื้อ มันไม่ได้ มันต้องมีแผน ในการกำหนดทิศทางพัฒนาโรงเรียน ลำดับของแผนมันมีตั้งแต่หยาบๆ ลงไปจนถึงแผนรายปี รายเดือน ใครที่เรียนบริหาร หรือวิชาที่ว่าด้วยแผนมา คงพอนึกได้ เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน เมื่อเข้ามาทำงานที่โรงเรียนนี้ใหม่ๆ ก็ต้องเอาแผนเก่าๆเขามาดู ว่าเขามีทิศทางไปทางไหน จะเน้นอะไร มีอะไรเร่งด่วน ผลปรากฎว่า แผนนั้นสิ้นอายุขัยไปแล้ว ตายวันเราเกิดเลย (แผนนึงมีอายุ4 ปี) ก็ทำใหม่สิ ไปยากอะไร ตามตำราท่านว่าให้เริ่มด้วยการวิเคราะห์องค์กรตัวเองเสียก่อนเลย ว่าเรานั้นมีต้นทุน อะไรดี อะไรเด่น อะไรด้อย อะไรเป็นโอกาส อะไรเป็นภัยคุกคาม ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน วิธีที่วิเคราะห์อย่างนี้ เขาเรียกว่า "สว๊อท" เพราะมันมาจากภาษาอังกฤษ 4 ตัว คือ SWOT S คือ strength หรือจุดแข็งที่อยู่ภายในโรงเรียนเรา w คือ weakness หรือจุดอ่อน จุดไม่ดี จุดแย่ๆ ที่อยู่ภายในโรงเรียนเรา O คือ opportunity หรือ โอกาส ที่เราได้รับจาก อะไรก็ได้ที่อยู่ข้างนอกโรงเรียน T คือ Threat คืออุปสรรค แต่ผมติดที่จะเรียกว่าภัยคุกคาม เพราะตอนที่เรียนมาแถวๆสำนักบางแสนเขาพาเรียกแบบนั้น ก็คือสิ่งที่จะเข้ามาโจมตีองค์กรเรา หรือสิ่งเชิงลบก็ได้ ที่มาจากนอกโรงเรียน เราควบคุมอะไร หรือแก้ไขอะไรไม่ได้ เริ่มเลยนะ เริ่มจากสภาพภายนอกโรงเรียนก่อน เริ่มยังไงล่ะ ในการวิเคราะห์ภายนอกเขามีหลายประเด็นที่จะนำมาช่วยจับ ที่ฝรั่งเขียนไว้ เยอะเลย เช่น เทคนิค STEP เทคนิค C- PEST เทคนิค 7s Framework แต่งานนี้ ผมเลือกใช้ STEP เพราะง่าย เร็ว จับประเด็นได้ครอบคลุมดี เหมาะกับโรงเรียนประถมที่สุดแล้ว step ที่ว่า คือ s: social & culture t: technology e: economics p: political &legal ต่อไปนำกระดาษมาเลย 4 สี แล้วหว่านให้คุณครูเขียน ว่าในด้านนี้ครูคิดว่า รร.เราเป็นไง ไม่ต้องสนใจการใช้ภาษา ดี ไม่ดีเขียนมา ไม่ต้องลงชื่อ หนึ่งหัวข้อ มีแค่หนึ่งประเด็น ของผมให้คุณครูส่งมาใน Line ส่วนตัวผม เขียนกันสนุกสนานบันเทิงรมณ์ แล้วผมมาเรียบเรียงใหม่ สรุปได้ว่า S: Social & Culture 1. นักเรียนให้ความสนใจในกิจกรรมกลางแจ้งและมีทักษะชีวิตที่ดี 2. สังคมโดยรอบโรงเรียนเป็นสังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบท ประชากรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงเรียนจึงยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีคุณธรรมอย่างเห็นได้ชัด 3. โรงเรียนมีทำเลที่ตั้งเหมาะสมคืออยู่ใจกลางชุมชนมีถนนสายหลักสองสายตัดผ่าน คือถนนรัตนาธิเบศร์(ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข302) และถนนราชพฤกษ์ (ทางหลวงชนบท นบ.3021) ตลอดจนใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง(สถานีบางรักใหญ่) 4. ประชากรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหมู่บ้านจัดสรรคอนโดมีเนียม หรือที่พักอาศัยชั้นดีที่มาอาศัยอยู่ใหม่ ยังไม่ไว้วางใจในการส่งบุตรหลานมาเรียนหนังสือที่โรงเรียน 5. ผู้ปกครองนักเรียนส่วนมากเป็นผู้ประกอบอาชีพรับจ้างรายวันและ มีชาวต่างด้าวในภูมิภาคอาเซียนซึ่งโรงเรียนสามารถสื่อสาร หรือเชื่อมสัมพันธ์ได้อย่างจำกัด 6. ผู้ปกครองนักเรียนที่ประกอบอาชีพในสถานที่ก่อสร้างมีการย้ายถิ่นฐานบ่อย ทำให้อัตราการย้ายเข้าย้ายออกของนักเรียนสูง 7. โรงเรียนถูกมองว่าเป็นโรงเรียนท้ายแถวเนื่องจากตั้งอยู่ในเขตที่มีการพัฒนาการศึกษาที่ดี และได้รับการตัดสินคุณภาพจากผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเพียงด้านเดียว 8. ผู้ปกครองนักเรียนไม่เข้มงวดกวดขันนักเรียน และผลักภาระการดูแลบุตรหลานทุกๆด้านให้กับโรงเรียนเพียงฝ่ายเดียว 9. ข้าราชการครู และลูกจ้างชั่วคราวในสังกัดส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่จึงมีความเสี่ยงที่จะย้ายกลับภูมิลำเนาเมื่อได้รับสิทธิ หรือการเลิกจ้างได้ตามนโยบายต้นสังกัด จึงมี loyaltyต่อโรงเรียนได้น้อย 10. โรงเรียนตั้งอยู่ในสังคมเมืองใหม่จึงถูกเปรียบเทียบคุณภาพการศึกษาจากโรงเรียนเอกชน 11. พื้นที่เขตบริการของโรงเรียนแม้ว่าเป็นชุมชนใหญ่แต่ถูกคั่นกลางด้วยถนนราชพฤกษ์จึงไม่สะดวกต่อการเดินทางมารับมาส่งนักเรียน 12. ที่ตั้งของโรงเรียนต้องเดินเข้าซอย หน้าปากซอยไม่มีป้ายรถเมล์ แม้ว่าปากซอยด้านตำบลบางรักใหญ่มีสถานีรถไฟฟ้าและป้ายรถเมล์ แต่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร T: Technology 1. ในปีงบประมาณ 2560 โรงเรียนได้รับจัดสรรงบประมาณจากต้นสังกัดในการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่พร้อมครุภัณฑ์อีก 1 หลังจำนวน 10 ห้องเรียน E: Economics 1. ผู้ปกครองนักเรียนมีฐานะยากจน 100% 2. โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากต้นสังกัดในการTraining ครูด้านการศึกษาอยู่บ่อยครั้ง 3. โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิดต่างๆ กับองค์กรภาคเอกชน และภาคประชาสังคม 4. มีนักเรียนในสังกัดน้อยเมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณหรือความอนุเคราะห์ต่างๆจึงสามารถแจกจ่ายนักเรียนได้อย่างทั่งถึง P: Political & Legal 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนในการสนับสนุนการศึกษาให้กับโรงเรียนบ้างตามที่กรอบกฎหมายกำหนด 2. โรงเรียนมีโอกาสได้รับความอนุเคราะห์จากภาคเอกชนบ่อยครั้ง 3. หน่วยงานต้นสังกัดมักจัดให้มีการฝึกอบรมประชุมสัมมนาทางการศึกษาสำหรับครูบ่อยแต่ไม่ทั่วถึงหรือตรงกับความต้องการ 4. หน่วยงานต้นสังกัดมักมอบหมายสั่งการ แบบ ฉุกละหุกหรือเร่งด่วน หรือใช้เวลาราชการในการสอนหนังสือทำให้ ไม่สอดคล้องกับปฏิทินการปฏิบัติงานหรือแผนการสอนที่ครูวางไว้ 5. ไม่ค่อยมีการฝึกอบรมประชุมสัมมนาทางการศึกษาสำหรับผู้บริหาร สถานศึกษาหากมีก็ต้องเป็นการคัดเลือกไป 6. คณะที่ปรึกษาของสถานศึกษา(คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน)เป็นผู้มีภาระงานประจำ หรืออาวุโสมากมีเวลาให้กับโรงเรียนได้น้อย และขาดประชุมบ่อย 7. ได้รับจัดสรรงบประมาณสำหรับนักเรียนยากจนได้เพียง40% ต่อไปเป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน ซึ่งเลือกใช้ วิธี 2S 4M เพราะสมัยเป็นรองฯ อยู่ต่างจังหวัดเคยไปอบรมเขียนแผน (ออกสตางค์เองนะ) ที่กลุ่มแผน สพป.โคราช1 (คุณภรณ์นภัส)จัด เขาพาทำแบบนี้ มันง่ายดี S1: Structure & Policy 1. บุคลากรในโรงเรียนไม่มีความขัดแย้งรุนแรง 2. ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับมอบอำนาจเบ็ดเสร็จจากต้นสังกัดและสถานศึกษาเป็นนิติบุคคล S2: Service & Product 1. นักเรียนเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังคำสั่งสอนของครู และผู้ปกครอง 2. นักเรียนส่วนใหญ่มีจิตอาสาและมีทักษะชีวิตดี 3. นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดมีอัตราการเข้าเรียนต่อระดับที่สูงขึ้นในโรงเรียนชั้นนำของจังหวัดได้ 100 % 4. โรงเรียนได้รับผลการประเมินคุณภาพการศึกษาจากภายนอก(สมศ.) ผ่านทุกด้านและทุกรอบ 5. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ 6. นักเรียนมีอัตราการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้สูง 7. โรงเรียนไม่สามารถคัดเลือกนักเรียนที่เรียนเก่งหรือคุณภาพชีวิตดีเข้ามาเรียนได้ 8. โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักเรียน
M1: Man 1. ครู และบุคลากรในโรงเรียนมากกว่า 80 % เป็นคนรุ่นใหม่(Generation Y) ที่มีความคิดสร้างสรรค์พร้อมเรียนรู้และพัฒนาตนได้อย่างต่อเนื่อง 2. ครู และบุคลากรในโรงเรียนขยันขันแข็ง ทุ่มเทและไม่ต่อต้านแนวคิดของผู้บังคับบัญชา 3. ครู และบุคลากรในโรงเรียนมีความสามัคคีร่วมมือกันทำงานได้เป็นอย่างดี 4. ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้รับมอบหมายงานให้ดำเนินการตามความถนัดและตามวิชาเอกที่เรียนมา 5. โรงเรียนมีบุคลากรด้านแรงงาน(นักการ)ทีมีทักษะเชิงช่างดี จึงไม่ต้องจ้างOutsource 6. ครู และบุคลากรในโรงเรียน ทั้ง100% มีทักษะทางด้าน ITดี 7. ผู้บริหารสถานศึกษาไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชา 8. ผู้บริหารสถานศึกษาเคยผ่านตำแหน่งรองผู้อำนวยการในโรงเรียนขนาดใหญ่มาก่อน จึงสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีโดยไม่ต้องลองผิดลองถูก 9. ผู้บริหารสถานศึกษาเด็ดขาดและกล้าในการตัดสินใจ 10. โรงเรียนมีบุคลากรจำกัดแต่ภาระงานที่นอกเหนืองานสอนมีเท่ากับโรงเรียนทั่วไปจึงมีเวลาในการทุ่มเทกับงานการสอนได้ไม่เท่าที่ตนคาดหวังไว้ 11. ครู และบุคลากรกว่า 94 % ไม่มีวิทยฐานะ จึงมีประสบการณ์ด้านการสอนน้อย 12. ครู และบุคลากรในโรงเรียนส่วนมากบรรจุมาใหม่จึงยังไม่มีทักษะและประสบการณ์ในระเบียบ แบบแผนและธรรมเนียมปฏิบัติทางราชการ M2: Money 1. โรงเรียนมีขนาดเล็กได้รับจัดสรรงบประมาณไม่มาก จึงสามารควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างรัดกุม ตามแผนงาน แลตรวจสอบได้ 2. ได้รับจัดสรรงบประมาณจากต้นสังกัดเพียงทางเดียว 3. ไม่สามารถเก็บเงินผู้เรียนได้ 4. ได้รับเงินบริจาครายปีน้อย M3: Materials 1. บริเวณโรงเรียนและห้องเรียนมีความสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ 2. มีพื้นที่สีเขียวและสนามหญ้าที่เป็น Landmark ของโรงเรียน 3. มีระบบ Internet ความเร็วสูงที่ทันสมัยและมีความเสถียร 4. โรงเรียนมีรั้วรอบขอบชิดสร้างความปลอดภัยให้กับนักเรียนได้ 100 % 5. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาเช่าที่ดินสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กภายในพื้นที่โรงเรียนจึงทำให้เป็นบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ 6. พื้นที่โรงเรียนเป็นพื้นที่เช่ามีความคับแคบและไม่สามารถขยายได้อีก 7. โรงเรียนมีทางเข้าออกได้ 3 ทางและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายนิยมใช้ทางเข้ารองมากกว่าทางเข้าหลัก 8. พื้นที่ในโรงเรียนประมาณ15 % เป็นบริเวณทรุดโทรมบ่อน้ำขัง ไม่ถูกสุขลักษณะ 9. พื้นที่ทำครัวและบริเวณรับประทานอาหารกลางวันไม่ถูกสุขลักษณะและไม่เพียงพอ 10. ห้องคอมพิวเตอร์มีสภาพทรุดโทรมจำนวนไม่เพียงพอ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ 11. ห้องวิทยาศาสตร์มีเครื่องมือไม่ทันสมัยไม่เพียงพอคับแคบและทรุดโทรม 12. มีห้องพิเศษน้อย 13. ไม่มีพื้นที่ในการทำการเกษตรแบบสาธิต M4: Management 1. ผู้บริหารสถานศึกษาใช้วิธีการกระจายอำนาจผลัดกันเป็นผู้นำ และเป็นTeamwork 2. ครูทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงเรียน 3. ผู้บริหารสถานศึกษามอบอำนาจสิทธิขาดให้ครูสำหรับงาน Routine 4. โรงเรียนเปลี่ยนผู้บริหารบ่อยจึงทำให้งานเชิงนโยบายไม่ต่อเนื่อง 5. ผู้บริหารสถานศึกษาบรรจุใหม่มีประสบการณ์การบริหารโรงเรียนน้อย 6. ทีมงานบริหารจะต้องทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกันหลายกลุ่มงานเนื่องจากบุคลากรมีจำกัด และติดด้วยระเบียบทางราชการ 7. ครูมีภาระงานสอนมากจึงต้องใช้เวลาว่างหรือหลังเวลาราชการมาช่วยงานบริหาร Hit the nail on the head.
โดย: Aekphathai IP: 49.229.122.189 วันที่: 19 มิถุนายน 2559 เวลา:10:30:04 น.
ยอดเยี่ยม
โดย: jida jiji IP: 27.145.175.182 วันที่: 19 มิถุนายน 2559 เวลา:11:12:50 น.
|
ครูใหญ่ริมถนน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |