+ + = = = + + พระอรหันต์แตกต่างจากพระปัจเจกพระพุทธเจ้าอย่างไร + + = = = + +








สวัสดีค่ะ






หลังจากที่ได้เปิดประเดิมบล็อกธรรมะไปกับ การบวชเนกขัมนารี (คลิกเพื่ออ่าน)ไปแล้ว

บอกเล่าเรื่องบุญกิริยาวัตถุ 10 พร้อมทั้งคลิปของท่านว.วชิรเมธี (คลิกเพื่ออ่าน)ไปแล้ว

อกุศลกรรมบถ 10 คิดผิด พูดผิด ทำผิดนิดเดียว ก็ผิดแล้ว(คลิกเพื่ออ่าน)

ตามด้วยการพูดถึงกรรมที่ให้ผลตามความหนัก-เบาไปแล้ว(คลิกเพื่ออ่าน)

กรรมที่ให้ผลตามลำดับเวลา (คลิกเพื่ออ่าน)

กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ (คลิกเพื่ออ่าน)

กรรมที่เห็นผลทันตา (คลิกเพื่ออ่าน)







และได้เขียนเอนทรี่ (อ้างอิงจากหนังสือของพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญวิเวก เชียงใหม่) เกี่ยวกับการถวายสิ่งของที่ญาติโยมควรปฏิบัติไปแล้วที่ ลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน) (ที่เอามาแปะเป็นตอนจบ (ตอนที่ 6) นะคะ แต่จะมีลิงก์ของตอนอื่นๆ ให้อ่านด้วย เชิญคลิกไปอ่านตามอัธยาศัยค่ะ












วันนี้จะมาบอกเล่า แบ่งปันความรู้อีกเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนานะคะ


นั่นก็คือความแตกต่างระหว่างพระอรหันต์กับพระปัจเจกพุทธเจ้านั่นเองงง





ซึ่งต้องขอเล่าความเป็นมาของตัวเองก่อนว่า คำว่าพระอรหันต์นี่เคยได้ยินตั้งแต่เด็กแล้วหละค่ะ แต่คำว่าพระปัจเจกพุทธเจ้านี่เราได้ยินครั้งแรกตอนไปวัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี คือ ไปเจอมัคนายกท่านหนึ่ง แล้วก็เล่าพุทธประวัติเยอะมาก (รู้เรื่องภัทรกัปป์ - พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ก็ที่นี่แหละค่ะ) ประโยคหนึ่งที่จำได้ก็คือ รู้ใช่มั้ยว่าพระพุทธเจ้านั้น มีมากยิ่งกว่าเม็ดทรายในทะเลเสียอีก (ซึ่งขอตอบว่า ตอนนั้นตัวเองไม่รู้ค่ะ แต่ทำเนียนนิ่งๆ ไป ) แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ทว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ซึ่งสามารถสอนผู้อื่นได้) นั้นจะมีน้อยยิ่งกว่า อย่างในภัทรกัปป์นี่ก็มีเพียง 5 พระองค์เท่านั้น องค์ ณ ขณะนี้คือ พระสมณโคดม ขณะที่องค์ต่อไปคือพระศรีอริยเมตไตรย์


ซึ่งขอบอกว่าตอนนั้นฟังด้วยความตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ แล้วก็จำมาตลอดว่า พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น สอนคนอื่นไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสอนผู้อื่นได้


จนเืมื่อไม่นานมานี้เอง (เข้าโหมดศึกษาธรรมอย่างจริงจังอีกครั้ง) รวมถึงการทำวัตรเช้า-เย็น และอุทิศส่วนกุศล มีบทหนึ่งบอกว่า ถ้าไม่ได้เกิดในสมัยที่มีพระพุทธเจ้า ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้บรรลุเป็นเครื่องรู้สูงสุดเฉพาะตน (ประมาณว่าพระปัจเจกพุทธเจ้านั่นแหละค่ะ) แล้วก็เลยเกิดความสงสัยว่า เอ...แล้วพระอรหันต์ (ซึ่งหมดกิเลสโดยสิ้นเชิง) กับพระปัจเจกพุทธเจ้า (ซึ่งแน่หละว่าหมดกิเลสโดยสิ้นเชิงเช่นกัน) ต่างกันยังไงอ้ะ










ก็เลยลองมาเซิร์ชหาดูค่ะ ก็ได้ข้อมูลมาตามนี้นะคะ จากลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)





ท่านหนึ่งตอบไว้ว่า



พระปัจเจกพุทธเจ้า..พระองค์ทรงตรัสรู้ธรรมได้โดยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านจะไม่ได้บำเพ็ญบารมีทางด้านสั่งสอนเหล่าสาวกมาเท่ากับพระพุทธองค์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านสั่งสอนไม่เป็น เพราะอย่างน้อยท่านก็บอกได้ว่าหนทางที่ท่านเดินมานั้น ท่านมาอย่างไร เพียงแต่ท่านจะสอนก็ต่อเมื่อเจอผู้ที่มีภูมิธรรมสมควรแก่ธรรมนั้นๆ


การอุบัติขึ้นของพระปัจเจกพุทธเจ้า จะอุบัติในระหว่างที่โลกว่างเว้นพระพุทธศาสนา นับว่าในระหว่างนั้นสัตว์โลกยังมีโชคอยู่ตรงที่พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์สัตว์โลก ให้ตั้งอยู่ในทานในศีล


หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยเมตตาเล่าเรื่องพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ตอนหนึ่งว่า....."ในช่วงว่างก่อนจะถึงพระศรีอาริย์ ในช่วงนี้มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้า สมัยพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเวลานี้ก็ไม่มีสาวก ก็มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ทั้งหมด เพราะปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุเพียงองค์เดียวอย่างพระพุทธเจ้า ก็มีได้เป็นหมื่นเป็นแสน แต่พระพุทธเจ้าจะต้องมีองค์เดียว มีซ้อนไม่ได้"


สำหรับพระอรหันต์....แน่นอนค่ะว่าท่านเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่สามารถตรัสรู้ได้โดยตนเอง เพียงแต่ท่านดำเนินตามรอยธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนและแสดงให้เห็นแจ้งไว้


พระอาจารย์มั่นท่านเคยกล่าวถึงพระอรหันต์ไว้ว่า..."พระอรหันต์ทั้งหลายเบื่อหน่ายในรูปขันธ์ หรือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ เป็นภายนอก จึงได้สิ้นไปแห่งรูปราคะสังโยชน์ และท่านเบื่อในเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และสมถหรือวิปัสสนาที่อาศัยขันธ์เกิดขึ้น เมื่อท่านสิ้นความยินดีในนามขันธ์แล้ว แม้ธรรมทั้งหลายอาศัยขันธ์เกิดขึ้นท่านก็ไม่ยินดี ได้ชื่อว่าละความยินดีในธัมมารมณ์ซึ่งคู่กับความยินร้าย เพราะความยินดียินร้ายในนามรูปหมดแล้ว ท่านจึงเป็นผู้พ้นแล้วจากความยินดียินร้ายในอารมณ์ 6 จึงถึงพร้อมด้วยคุณ คือ ฉฬังคุเบกขา"(ฉะ-ลัง-คุ-เบก-ขา หมายถึง เป็นอุเบกขาของพระอรหันต์ที่ท่านวางเฉยในอารมณ์ทั้งหก)


เมื่อพระอรหันต์ท่านเห็นแจ้งจริงถึงไตรลักษณ์ จนละรูปขันธ์ทั้งห้าซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดชาติภพได้จนสิ้นแล้ว การเกิดของท่านจึงไม่มีอีกต่อไป














้ส่วนอีกท่านตอบไว้ดังนี้ค่ะ (ของท่านนี้ก็น่าสนใจ)




พระพุทธเจ้า , พระปัจเจกพุทธเจ้า สำเร็จด้วยตนเอง

พระอรหันต์ คือสาวกของพระพุทธเจ้า สำเร็จได้ ด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า



อีกแง่หนึ่งที่ง่ายๆอีก คือ

พระพุทธเจ้า ไม่ต้องมีครู (เป็นครูของตนเอง)

พระอรหันต์ต้องมีครู




ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ในอนาคต ศาสนาของตถาคตจะถูกบิดเบือน

เธอจงอย่าเชื่อตำรา (คนเขียนอาจจะดัดแปลง)
เธอจงอย่าเชื่อคำบอกเล่ากันมา (ข่าวลือ)
เธอจงอย่าเชื่อคำที่ครูบาอาจารย์สอน (ผู้ไม่รู้จริง ย่อมนำเอาความคิดของตนเองที่ผิด มาสรุปสอน)
แม้แต่ตถาคตกล่าวไปแล้ว เธอก็อย่าเพิ่งเชื่อ ให้นำเอาคำสอนนี้ไปพิจารณา รู้ด้วยตนเองเถิด

.
ที่มา:
หาความรู้ การปฏิบัติจิตเพื่อรู้ ที่เว็บนี้ครับ

//www.watpabankor.com/webboard/













และอีกท่านหนึ่งค่ะ ตอบไว้ดังนี้





เราขอเสริมข้อมูลที่ยังไม่มีใครกล่าวถึงนะคะ


1. ช่วงเวลาในการบำเพ็ญบารมีของพระอรหันต์กับพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นต่างกัน

พระปัจเจกนั้นใช้เวลาบำเพ็ญนานกันเป็นแสนกัปหลังจากได้รับพยากรจากพระพุทธเจ้า ส่วนพระอรหันต์นั้นจะใช้เวลาน้อยกว่ากันมาก ถ้าบำเพ็ญบารมียิ่งนานก็จะมีปัญญามากทั้งทางธรรมและอภิญญาก็มากตามค่ะ


2. ภูมิความรู้ต่างกัน

แม้ว่าพระปัจเจกไม่ก่อตั้งศาสนาเหมือนพระพุทธเจ้า แต่เนื่องด้วยท่านบำเพ็ญเพื่อตรัสรู้เอง บารมีจึงต้องบำเพ็ญมากกว่าและนานกว่า
เมื่อตรัสรู้ก็มีผลให้ความรู้กว้างขวางกว่าและลึกล้ำกว่าสาวกภูมิทั้งหลายค่ะ เพียงแต่ว่าในสมัยที่ท่านตรัสรู้นั้นไม่มีคนมีวาสนาจะบรรลุธรรม
หรือท่านมีกำลังใจน้อยในการแปลงธรรมอันลึกซึ้งในเข้าใจง่ายจึงไม่ก่อตั้งศาสนา

อย่างไรก็ตามเท่าที่เคยอ่านพระวัติพระป่าและบุคคลที่ปรารถนาเป็นปัจเจกพุทธเจ้า พบว่าท่านมีความกระหายในการรู้ธรรมให้กว้างขวางและอยากรู้ด้วยตนเอง ประกอบกับมีใจรักในการอยู่คนเดียวและพูดน้อยเป็นอย่างยิ่งค่ะ










และอีกหนึ่งท่าน ดังนี้ค่ะ


คำถามนี้ไม่ชัดเจน เพราะคำว่า "พระอรหันต์" มีความหมายกว้างมาก ในพจนานุกรมไทย หมายถึง พระพุทธเจ้า, พระอริยบุคคลชั้น 4 , ผู้บรรลุนิพพาน, ผู้สำเร็จพระอรหัต, ผู้ไกลจากกิเลส (มานิต มานิตเจริญ, พจนานุกรมไทย ฉบับสมบูรณ์-ทันสมัยที่สุด พิมพ์ครั้งที่ 23, กทม., วี.เจ.พริ้นติ้ง, 2550, หน้า 957)

เพราะฉะนั้น เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ จึงขอเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างใน 2 ลักษณะ

1. คำว่า "พระอรหันต์" หมายถึง ผู้ที่บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล โดยละกิเลสได้ทั้งหมด ได้แก่

1.1 พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
1.2 พระอรหันตปัจเจกพุทธเจ้า
1.3 พระอรหันตสาวก



2. พระอรหันต์ทั้ง 3 นั้นแตกต่างกันอย่างไร?

2.1 พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้ด้วยตนเอง แล้วก็นำมาเผยแพร่ และมีสาวกด้วย
2.2 พระอรหันตปัจเจกพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้ด้วยตนเอง แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ และไม่มีสาวก
2.3 พระอรหันตสาวก คือ ผู้ที่ปฎิบัติตามคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจนดับกิเลสได้
ที่มา:
(มานิต มานิตเจริญ, พจนานุกรมไทย ฉบับสมบูรณ์-ทันสมัยที่สุด พิมพ์ครั้งที่ 23, กทม., วี.เจ.พริ้นติ้ง, 2550, หน้า 957)












ซึ่งจากข้างบนนี้จะเห็นว่า แต่ละคนก็มีให้คำตอบที่ต่างกันที่หลักๆ เลยก็คือ บางคนบอกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็สั่งสอนได้ ขณะที่บางท่านว่า ไม่สามารถสั่งสอนได้ค่ะ แต่ที่ค่อนข้างเหมือนกันก็คือ พระปัจเจกพระพุทธเจ้านั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเป็นสมัยที่ว่างเว้นจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น













แต่นอกจากนั้นก็ยังมีคนที่ตอบไว้ที่ห้องศาสนาไว้น่าสนใจดังนี้ค่ะ




จากกระทู้

อะไรคือความแตกต่างระหว่างปัจเจกพระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์
//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11163121/Y11163121.html








พระปัจเจกพุทธเจ้า (บาลี: ปจฺเจกพุทฺธ, สันสกฤต: ปฺรตฺเยกพุทฺธ) เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง ได้บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกำไรแสนกัป และตรัสรู้อริยสัจ 4 ด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้นพระพุทธศาสนา และมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเกิดสาวกพุทธบริษัทเหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




พระอรหันต์ คำว่า พระอรหันต์ เมื่อกล่าวทั่วไป ก็หมายถึง พระอรหันตสาวก
ผู้ตรัสรู้ชอบ ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคที่มีพระพุทธศาสนาตั้งอยู่

------------------------------------------------------------------






ส่วน "พระปัจเจกพุทธเจ้า" ก็คือ พระอรหันต์ที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง แต่ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ เพราะไม่ถึงพร้อมด้วยญาณทั้ง ๓ เหมือนกับ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ญาณทั้ง ๓ ที่ พระปัจเจกพุทธเจ้า ยังไม่มีสมบูรณ์เหมือน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แก่

- อาสยานุสยญาณ ญาณที่สามารถรู้อัธยาศัยของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย
- อินทริยปโรปริยัตติญาณ ญาณที่รู้อินทรียของสัตว์ทั้งหลายว่ายิ่งหรือหย่อนเพียงใด
- สัพพัญญุตญาณ ญาณที่สามารถรอบรู้สิ้นซึ่งปวงสังขตะและอสังขตธรรม


--------------------------------------------------------------------------


อีกประการหนึ่ง
พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่รู้บัญญัติที่จะแสดงสภาวธรรมให้แจ่มแจ้งได้อย่างสมบูรณ์เหมือนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

--------------------------------------------------------------------------

พระปัจเจกพุทธเจ้า จะมาปรากฏอุบัติขึ้นก็ในระหว่างพุทธธันดร
คือ กาลที่เป็นช่วงระหว่างการว่างเว้นจากพระพุทธศาสนา
ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนและองค์ถัดไป

--------------------------------------------------------------------------


อีกประการหนึ่ง
อยากจะกล่าวโดยอัตโนมัติว่า ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่สามารถโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้นั้น เป็นด้วยเหตุอีกอย่างหนึ่ง คือในยุคนั้นไม่มีผู้มีบารมีแก่กล้าพอที่จะเข้าถึงธรรมอันประเสริฐชั้นนั้นได้ เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าบังเกิดมีได้เฉพาะในยุคที่ว่างพระพุทธศาสนาเท่านั้น

ก็ในกาลที่ว่างพระพุทธศาสนาเช่นนั้น บุคคลทั้งหลายย่อมปราศจากศีลธรรม ประกอบแต่กรรมอันเป็นอกุสล ใครเล่าจะสามารถสั่งสอนผู้ที่ไร้ศีลธรรมให้บรรลุถึงธรรมอันประเสริฐยิ่งปานนั้นได้ แม้แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงพระมหากรุณาได้เฉพาะผู้ที่ทรงโปรดได้เท่านั้น ไม่ใช่โปรดได้ทั่วไปทั้งหมด

--------------------------------------------------------------------------

อีกประการหนึ่ง

พระปกติอรหันตสาวก ย่อมบำเพ็ญ บารมี ๑๐ ทัศ
พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมบำเพ็ญ บารมี ๒๐ ทัศ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมบำเพ็ญ บารมี ๓๐ ทัศ

--------------------------------------------------------------------------


อีกประการหนึ่ง

ปุพเพนิวาสานุสสติอภิญญา ที่เกิดแก่

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมระลึกชาติย้อนกลับไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด
พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมระลึกชาติย้อนกลับไปได้ ๒ อสงไขย แสนมหากัปป์
พระมหาอัครสาวก ย่อมระลึกชาติ ย้อนกลับไปได้ ๑ อสงไขย แสนมหากัปป์
พระอสีติสาวก ย่อมระลึกชาติ ย้อนกลับไปได้ แสนกัปป์
ส่วนเดียรถีย์ ย่อมระลึกได้เพียง ๔๐ กัปเท่านั้น เลยจากนั้นไป ระลึกไม่ได้ (เพราะเว้นจากการกำหนดรูปนาม)

-------------------------------------------------------------------------------

(อ้างอิงจาก คู่มือ อภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๙ และ อรรถกถา สมันตปาสาทิกา)






ลิงก์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ

//www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001180.htm















ก็หวังว่า สิ่งที่เอามาแบ่งปันนี้ คงพอจะทำให้แต่ละท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้นนะคะ
















ปฏิทินธรรม







วันพุธที่ 4 เมษายน 2555 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

1. ขอเชิญร่วมตักบาตรพระกรรมฐาน จำนวน 8 รูป ในวัน พุธ ที่ 4 เมษายน พ.ศ.2555 เวลา 08.00 น.
ณ ลานพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง(หัวหมาก)

.........................................................

กำหนดการ

วัน พุธ ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เวลา 07. 30 น. พ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางมาถึง กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาคารสวรรคโลก (SWB) ชั้น 4 ห้อง 403
เวลา 08.00 น. เริ่มตักบาตรพ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมพระติดตาม ณ บริเวณลานพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มิมนต์ในครั้งนี้
1.หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
2.หลวงพ่อน้อย ปัญญาวุธโธ วัดป่านานาชาติ รัฐเวอร์จิเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
3.พระอาจารย์อำนวย ภูริสุนทโร วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
4.พระอาจารย์ไชยา สิริธัมโม วัดพระรามเก้าฯ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
( รวมพ่อแม่ครูอาจารย์และพระติดตามแล้วทั้งหมดประมาณ 8 รูป )
เวลา 08.30 น. พิธีรับศีล , เจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาคารสวรรคโลก (SWB) ชั้น 4 ห้อง 403
เวลา 09.00 น. ถวายภัตตาหารพ่อแม่ครูอาจารย์ , พ่อแม่ครูอาจารย์ฉันภัตตาหาร
เวลา 10.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยหลวงพ่อน้อย ปัญญาวุธโธ วัดป่านานาชาติ รัฐเวอร์จิเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เวลา 11.30 น. เสร็จพิธี

..............................................

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร : 084-1232750 , 082-1020323
หรือดูรายละเอียดได้ที่ : //www.kammatanclub.com/






วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2555 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

1.ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา





วันอาิทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555 (กิจกรรมแรกจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.

ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447



2.ร่วมสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา เฉลิมฉลอง ๒๖ สัมพุทธศตวรรษ : ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า (กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ตลอดทั้งปี)

เวลา ๑๕.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. ณ ห้องพระบรมสารีริกธาตุ ชั้น ๔ อาคารบุญยง ว่องวานิช ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ซ.เพชรเกษม ๕๔

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ โทร. ๐๒ ๔๕๕ ๒๕๒๕


หน้าเว็บรายละเอียดกิจกรรม
//www.ybat.org/v4/activity_view.asp?id=229




2. ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังพระธรรมเทศนาจาก พรอาจารย์มานพ อุปสโม

เวลา 09.00-11.00 น. ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2



รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392 เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น.


เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/index.php






วันเสาร์ที่ 7 เมษายน - อาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก เจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ณ มูลนิธิบ้านอารีย์


เช้าวันเสาร์ เวลา ๐๙.๓๐ - เย็นวันอาทิตย์ เวลา ๑๖.๐๐ น.

เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก (ไม่นอน ทานอาหารมื้อเดียว และภาชนะเดียว) การปฏิบัติเจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ นำปฏิบัติโดย พระอาจารย์โกศิล ปริปุณฺโณ วัดปลายนา จ. ปทุมธานี และ พระอาจารย์วรวิทย์ วรธมฺโม สำนักปฏิบัติธรรมอู่ตะเภา จ. เพชรบุรี

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555 (ทุกวันจันทร์)

1. เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net




วันพุธที่ 11 เมษายน 2555

1. ขอเชิญร่วมฟังพระธรรมเทศนาจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม
ณ หอประชุมพุทธคยา อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22


18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

เฟซบุ๊คชมรมฯ

//www.facebook.com/konrujai/events








วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
1. ขอเชิญร่วมฝึกสมาธิวิปัสสนาเบื้องต้น โดยพระครูปลัดมงคลวัฒน์ (พระมหาสุพล ขันติพโล) ผู้อำนวยการสถาบันพลังจิตตานุภาพ มูลนิธิหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ

เวลา 13:00 น. – 15:00 น. ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555 (กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติมหาสติปัฏฐานสูตร และรับโอวาทธรรม โดย พระครูฌานวิรัต (หลวงพ่อพระมหาประเสริฐ กิตติเสฎโฐ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ
เวลา 09:30 น. – 16:00 น. ณ มูลนิธิบ้านอารีย์ (แผนที่)


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php









วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 (กิจกรรมแรกจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน
1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ)











วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวยภัตตาหาร และสดับธรรม เมตตารับบาตร โดย พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย) วัดพุทธบูชา เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พระครูพุทธิสารสุนทร (หลวงพ่อบุญกู้ อนุวฑฺฒโน) วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ พระพิศาลศาสนกิจ (หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล) วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ. สุรินทร์

เวลา 07:00 น. – 10:00 น. ณ มูลนิธิบ้านอารีย์



เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php







วันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ถึง ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕

1. โครงการบรรพชาและอุปสมบทหมู่ ภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๕ จัดโดย กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับ ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ณ วัดบุญญาวาส (สาขาวัดหนองป่าพงที่ ๑๓๐) ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี


เฟซบุ๊คกิจกรรมนี้ เฟซบุ๊คกลุ่มฯ (คลิกเพื่ออ่าน)(คลิก)



























ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,300,396+49313=1,349,709/7242/672



Create Date : 19 เมษายน 2555
Last Update : 19 เมษายน 2555 12:26:46 น. 20 comments
Counter : 5452 Pageviews.

 
อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺตึ
คนขยันวุ่นกับงาน จะได้ความสงบใจ

พัฒนาความสงบที่ได้จากการทำงานให้เกิดปัญญาณ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:10:45:25 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
งานบุญเยอะมากมาย
หากมีวาสนาจะไปร่วมงานนะครับ


โดย: GIGcomputer IP: 58.8.44.165 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:1:31:32 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ

คุณเต้ยเรียบเรียงข้อมูลแบบนี้ดีจังเลยครับ
อ่านแล้วทำให้เข้าใจง่ายมากเลยครับ

ผมเองก็แยกไม่ออกครับงว่าแบบใดเป็นแบบใด

แต่ข้อมูลที่บอกว่าในโลกมนุษย์
มีพระพุทธเจ้าเยอะมากนั้น
เคยได้ยินมาบ้างครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:6:07:21 น.  

 



More Keep in Touch Comments


/////////////////////////////////////////////////////////
สวัสดียามสายๆของวันศุกร์ค่ะ อีกอึดใจเดียวน๊าพรุ่งนี้ก็นอนยาวกันได้แล้ว ช่วงนี้bloggangรวนอยู่บ่อยๆ เลยทำให้มาทักทายขาดช่วงไป มีความสุขมากๆค่ะคุณเต้ย


โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:22:29 น.  

 
กยิรา เจ กยิราเถนํ
ถ้าจะทำ ก็ควรทำให้จริง

มีความอุตสาหะและมุ่งมั่นในทุกสัมมากิจ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:43:12 น.  

 
มีหลายเรื่องที่เคยอ่านแต่ลืมไปแล้ว

ขอบคุณจ้ะเต้ย






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:13:45:54 น.  

 
เพิ่งรู้เรื่องปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่นานนี้เหมือนกัน เพราะอานเรื่องจิตรกรรมในวิหารหลวงวัดสุทัศน์ ที่เขียนเกี่ยวกับความ้ชื่อเรื่องนี้


โดย: Vet53 IP: 27.130.33.96 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:22:06:02 น.  

 
กลับมาแล้วนะค่ะ....

หลังจากห่างหายวงการไปนานแสนนาน
หยุดยาว กลับมาก็เคลียร์งานยุ่ง ๆ นิดหน่อย พร้อมกับนั่งแกะหนังกำพร้าที่โดนแดดแล้วลอก อิ อิ

ดำสนิทเลยอ่ะ... สงสัยต้องใช่เวลาเป็นปีกว่าจะ..ขาวได้นิดหนึ่ง...

สบายดีหรือเปล่า???



โดย: Lika ka วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:8:51:32 น.  

 
ยก สปาเก็ตตี้พริกแห้งกับกระเทียมมาฝากนะคะ



โดย: ปรัซซี่ วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:12:55:13 น.  

 
พระพุทธเจ้า ไม่ต้องมีครู (เป็นครูของตนเอง)
พระอรหันต์ต้องมีครู

ตรงนี้อ่านแล้วเข้าใจง่ายสุดเลยครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:15:32:40 น.  

 
อนุโมทนาบุญครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:17:50:53 น.  

 
อ่านแล้วรู้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ต้องมีครู

เพราะเป็นครูของตัวเองแล้ว

เพราะมีการปรินิพานแล้วอันนี้ใช่ด้วยหรือป่าวค่ะพี่เต้ย

ก็คือ เป็นผู้ที่หยั่งรุ้ทุกอย่างแล้ว

ดีจังที่พี่เต้ยรู้บทธรรมะมากมาย
ได้มาประยุกต์กับการดำเนินชีวิต
ช่วยได้เยอะไหมคะพี่เต้ย

ตรบมือ


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:0:23:19 น.  

 
น เว อนตฺถกุสเลน อตฺถจริยา สุขาวหา
คนฉลาดไม่ถูกเรื่อง ถึงจะพยายามทำประโยชน์ ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลให้เกิดสุข

ใช้ความฉลาดให้ถูกกาลเทศะ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:12:24:00 น.  

 
คุณสาวไกด์มีข้อปฏิบัติของพระสงฆ์ 227 ข้อไหมคะ อยากทราบว่าเป็นพระต้องจำกัดอะไรบ้าง


โดย: Love At First Click วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:13:57:56 น.  

 
เพิ่งเคยทราบค่ะ ได้ความรู้มากเลย ขอบคุณน่ะค่ะ ^__^


โดย: aorming วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:12:44:38 น.  

 
จริงแท้ค่ะ ท่านเป็นครูของตนเอง
รู้แจ้งเห็นจริงนะคะคุณเต้ย

คุณเต้ยสบายดีนะคะช่วงนี้


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:23:02:22 น.  

 
สวัสดีเช้าวันอากาศร้อนๆ นะครับ ขอให้เป็นวันสดใสอีกวันนะครับ
วันนี้เสิร์ฟเป็นก๋วยจั๊บร้อนๆ นะครับ


อัพโหลดรูป


โดย: คุ้นๆว่าเราเคยพบกัน วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:9:38:23 น.  

 
ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม
พึงบากบั่นทำการให้มั่นคง

ดำเนินชีวิตด้วยสติและปัญญาพร้อมความอุตสาหะ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:10:51:21 น.  

 

สวัสดีวันสีเขียวจ้ะเต้ย




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:19:46:12 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเต้ย
แวะมาเยี่ยมเยียน สบายดีป่าว
อากาศร้อนมากๆ มีไอติมมาฝากค่ะ




โดย: pantawan วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:22:16:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.