ต่อไปเป็นที่เที่ยวยอดฮิตอีกที่นะคะ
ปามุคคาเล่ (Pamukkale)
หลังจากกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อค่ะ โดยการเดินทางจากโรงแรมไฮทิทมาที่ปามุคคาเล่ก็ใช้เวลาราวๆ 2.30-3 ชั่วโมงนะคะ
ระหว่างทางก็เลยแวะจุดแวะพักให้ได้เข้าห้องน้ำและซื้อของกันค่ะ มีตัวปลั๊กแปลงขายด้วยนะคะ 10 ลีราห์ก็ราวๆ 60-80 บาทแล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนค่ะ
จากนั้นก็เริ่มเห็นวี่แววของปามุคคาเล่แล้วค่ะ เป็นเนินเขาสีขาวโพลนตามภาพเลยนะคะ ปามุกคาเล เป็นภาษาตุรกี หมายถึง ปราสาทปุยฝ้าย ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง 100 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ปามุกคาเลอยู่ในเมืองชื่อเดียวกัน จังหวัดเดนิซลี (Denizli) ประเทศตุรกี ปามุกคาเลถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับฮีเอราโปลิส ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนปามุกกาเล ในปี พ.ศ. 2531
ในปัจจุบัน รถบัสจะต้องจอดยังบริเวณลานจอดรถที่เป็นกึ่งๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นจุดที่มีร้านขายของกับห้องน้ำนะคะ แล้วหลังจากนั้นจะต้องเดินเท้าหรือเลือกนั่งรถ (จำไม่ได้ว่า 10 หรือ 20 ลีราห์ค่ะ) เข้าไปที่ตัวน้ำตกค่ะ
เราเองก่อนไปถึงก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะก่อนเลย (เราไปพ.ค. ไม่ได้หนาวมากค่ะ) เพราะตั้งใจจะลุยน้ำตก เลยใส่รองเท้าแตะเพื่อให้สะดวกในการถอด-ใส่อะนะคะ ซึ่งในทริปก็มีคนอื่นๆ เตรียมมาเหมือนกัน 2-3 คนค่ะ
มีน้องหมาแท็กหูเขียวด้วย แสดงว่าไม่ดุค่ะ
เข้าหอ้งน้ำกันเรียบร้อยแล้วก็เดินตรงเข้าไปค่ะ ตรงนี้จะมีการตรวจบัตรด้วยนะคะ แต่ทางไกด์ท้องถิ่นกับหัวหน้าทัวร์เราก็จัดการไปแล้วเรียบร้อยค่ะ
ห้องจำหน่ายตั๋วค่ะ แทบไม่มีภาษาอังกฤษบรรยายเลย เลยไม่รู้ว่าค่าตั๋วมัน 35 50 20 นี่มันคือราคาไหนสำหรับใครอะไรยังไงนะคะ
และแน่นอนว่ายังต้องมีการเอกซเรย์กระเป๋าค่ะ มีทุกจุดท่องเที่ยวเลยนะคะ
หน้าตารถที่ให้บริการที่เสียค่าใช้จ่ายต่างหากค่ะ ก็มีคนในกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุที่เลือกบริการตัวนี้นะคะ ซึ่งเราไม่ได้ใช้บริการ เพราะถามแล้วไม่ได้เดินไกลมาก (ราวหนึ่งโลกว่าๆ) แต่มารู้ทีหลังก็เสียดายมากค่ะ เพราะรถนี่เค้าพาไปที่เธียเตอร์ของเมือง Hierapolis ด้วยค่ะ
ระหว่างทางก็จะเห็นซากปรักหักพังต่างๆ ของเมืองฮีเอราโปลิสค่ะ
เอาข้อมูลของเมืองนี้จากลิงก์นี้มาให้อ่านกันนะคะ
นครโบราณเฮียราโพลิส(Hierapolis)
“เฮียราโพลิส” หมายความว่า เมืองแห่งความศักสิทธิ์ เมืองนี้สันนิษฐานกันว่ามีอายุกว่า 2,200 ปี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ 133 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยกษัติย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน ที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาของปามุคคาเล่มีพื้นที่ยาว 2,700 เมตร กว้าง 600 เมตร สูง 160เมตร เมื่อเริ่มเดินเข้าไปตรงบริเวณทางเข้าจะพบกับหลุมศพจำนวนมาก พื้นที่ตรงนี้เรียกว่า เนโครโพลิส (Necropolis) เป็นหลุมศพของผู้มีอิทธิพลในสมัยโบราณ เมื่อเข้าไปภายในจะมีซากโบราณของสิ่งก่อสร้างต่างๆ
- สระน้ำโบราณ มีน้ำใสสีฟ้าอมเขียวจนสามารถมองเห็นซากโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำได้การที่จะลงไปแช่น้ำที่นี่ต้องจ่ายเงินถึง 32 TL (ตัวนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับน้ำตกเป็นชั้นๆ ค่ะ ไกด์บอกเราอยู่ แต่ไม่มีเวลาไป เสียดายเหมือนกัน เป็นอีกที่ที่คิดว่าถ้าไปเที่ยวเองอีกรอบที่ไม่ใช่ไปกับทัวร์ จะให้เวลาที่นี่เยอะๆ เพื่อไปตรงนี้หละ)
- โรงละครขนาดใหญ่จุคนได้ประมาณ 12,000 คน สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 2ในอดีตใช้เป็นสถานที่จัดแข่งขันและจัดงานเทศกาลสำคัญต่างๆ
รูปจากเว็บเดียวกันนะคะ
- พิพิธภัณฑ์เฮียราโพลิส (Hierapolis Mesuem) อาคารที่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน เคยเป็นโรงอาบน้ำกลางแจ้งซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1984 ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์นอกจากจะมีผลงานของเฮียราโพลิสแล้วยังมีผลงานจากที่อื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น เลาดิเซีย(Laodiceia) , โคลอสเซ่(Colossae), ทริโพลิส(Tripolis), อัททูด้า(Attuda) และเมืองอื่นอีกมากมาย
**ตัวนี้ก็อยู่ระหว่างทางใกล้ๆ น้ำตกค่ะ แต่พอเราจะเดินเข้าก็หมดเวลาก่อนค่ะ เดี๋ยวจะมีรูปภายนอกให้ดูนะคะ**
- วิหารอพอลโล สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพอพอลโล ตั้งอยู่ใกล้กับสระน้ำแร่โบราณ ว่ากันว่าเป็นจุดที่ใช้พยากรณ์ และทำนายเรื่องต่างๆ ของบ้านเมือง รวมถึงเชื่อกันว่า ประตูสู่สวรรค์ก็อยู่บริเวณนี้ด้วย
- พลูโตเนียม สถานที่เก่าแก่ที่สุดที่ชาวเมืองใช้ในการทำพิธีบูชาเทพเจ้า โดยชาวเมืองเชื่อกันว่าเป็นหลุมกำจัดภูตผีปีศาจทั้งปวง ตั้งอยู่ด้านข้างวิหารอพอลโล
- อนุสาวรีย์น้ำพุ ตั้งอยู่ด้านหน้าวิหารอพอลโล สร้างในช่วงศตวรรษที่ 2 คอยลำเลียงน้ำไปให้บ้านเรือนในเมืองได้ใช้กัน
- โรงอาบน้ำโบราณ สร้างขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว มีหลายห้อง บางห้องเชื่อมกับสระน้ำ เดิมทีผนังมีการตกแต่งด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม
- อะกอรา เดิมทีมุมนี้เหมือนเป็นแหล่งชุมนุม พบปะ พูดคุยของชาวเมือง ที่นำข้าวมาวางขาย หรือแลกเปลี่ยนกัน
**พวกจุดต่างๆ อื่นๆ นี่ไม่เห็นนะคะว่าอยู่ตรงไหนบ้างอะค่ะ**
จากนั้นเดินต่อไป ก็จะเริ่มเห็นตัวไหล่เขาที่ปกคลุมด้วยหินปูนสีขาวแล้วนะคะ
ก่อนจะถึงจุดที่เป็นน้ำตกที่เป็นชั้นๆ ก็จะเห็นตัวพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ อย่างที่บอกว่า อาคารหลังนี้เคยเป็นโรงอาบน้ำกลางแจ้งซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ภายในพิพิธภัณฑ์นอกจากจะมีวัตถุจัดแสดงของเฮียราโพลิสแล้วยังมีจากที่อื่นๆ ด้วยนะคะ
ใกล้ๆ กันก็จะมีป้ายที่บอกว่าภาพโดยรวมของที่นี่เป็นอย่างไรค่ะ พร้อมกับมีร้านค้าเล็กๆ และที่นั่งรอด้วยค่ะ แต่ไม่มีเวลาชิลล์ขนาดนั้นก็เลยข้ามไปนะฮับบบบ
จากนั้นก็จะเป็นจุดที่จะเริ่มเดินลงน้ำตกแล้วค่ะ ต้องถอดรองเท้าก่อนเสมอนะคะ อย่างที่บอกว่าเราเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเรียบร้อย ก็ถอดวางไว้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหายด้วยค่ะ 555
จากนั้นก็เริ่มเดินลงไปกันค่ะ ช่วงแรกจะเป็นทางราบก่อนนะคะ แต่มีบางจุดลื่นๆ อยู่เหมือนกัน ต้องระวังนะคะ
จากนั้นก็จะเจอแอ่งแรกก่อนค่ะ แต่ตอนนี้เค้าห้ามแช่แล้วนะคะ ก็เลยไม่เจอคนนอนแช่เท่าไหร่อ้ะ แต่ตรงร่องน้ำข้างๆ นี่ก็ยังมีคนไปนั่งแช่เท้าอยู่ค่ะ ถ้าใครอยากมาแช่เท้าก็แนะนำให้ใส่ขาสั้นมานะคะ จะสะดวกกว่าหละ
น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-35.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต
มองย้อนไปทางที่เดินมาแล้วนะคะ มองไปทางขวามือ จะเห็นตัวภาพที่เป็นแอ่งน้ำชั้นๆ แบบที่คนเค้าชอบเอามาโฆษณากัน แต่ ณ วันที่เราไปเที่ยว (เดือนพฤษภาคม) ก็อย่างที่เห็นค่ะ ไม่มีน้ำง่าาา คิดว่าถ้าอยากเห็นแบบที่มีน้ำอยู่ในแอ่ง ก็น่าจะต้องมาราวๆ สักหน้าฝน (หรือหน้าร้อน) บ้านเค้าอะค่ะ คือให้มีฝนตกลงมาก่อนให้พอมีน้ำ น่าจะโอเคกว่านะคะ
จากนั้นก็จะเป็นอีกแอ่งซึ่งแอ่งนี้จะมีกำแพงสีขาวให้ถ่ายรูปตามภาพค่ะ สวยมากๆ เลย นี่ถ้ายิ่งใส่สีสดๆ มาถ่ายนะ จะเด่นมากๆ
พอมาถึงจุดนี้ก็ไม่เดินต่อแล้วค่ะ เราถ่ายย้อนกลับไปตรงที่แอ่งที่เป็นชั้นๆ อีกรอบ ก็เจอตอนมีแสงสวยๆ ส่องมาพอดี (เสียดายวัดแสงไม่เป็น ภาพเลยสีเพี้ยนนิดหนึ่งนะคะ)
เดินย้อนกลับขึ้นมาเพื่อใส่รองเท้าค่ะ แล้วก็เลยเห็นบู๊ทสำหรับรับถ่ายภาพด้วย แหม้...ถ้าหุ่นดีๆ ก็น่าใส่บิกินี่มาถ่ายนะคะ 555 แล้วก็เห็นคนเล่นพาราเซลด้วย ถ้าถ่ายรูปจากข้างบนลงมานี่น่าจะสวยค่ะ
จากนั้นก็เดินต่อไปด้านในค่ะ เลาะไหล่เขาไปต่อ ผ่านตัวที่เหมือนกำแพงไปนะคะ ก็จะเจอจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งค่ะ
จะเป็นจุดชมวิวอีกจุดค่ะ ซึ่งก็จะสวยแปลกตาไปอีกแบบนะคะ มองย้อนกลับไปทางซ้ายมือก็จะเห็นเส้นทางที่เมื่อกี๊ไปเดินเลาะแอ่งน้ำกันมานะคะ
ถ่ายรูปกันอยู่พักหนึ่งกับเพื่อนอีกคนก็เดินกลับไปทางเดิมแล้วค่ะ เก็บรูปย้อนกลับไปที่เดินก่อนหน้านี้อีกรอบ จะได้เห็นระยะทางความยาวนะคะว่าถ้าเดินตรงนั้นจริงๆ จะไกลประมาณนี้นะคะ
จากนั้นก็จะเข้ามิวเซียมค่ะ แต่...อย่างที่เห็น เค้าปิดพอดีเลย แงงงงง
ทางเข้ามิวเซียมนี่จะอยู่ตรงอีกฝั่งนะคะ ฝั่งทางเดินตอนแรกที่เราเดินเข้ามาจะเป็นด้านข้างมิวเซียมค่ะ
ซึ่งจากทางเข้ามิวเซียม ถ้าเดินตรงเข้าไปด้านในโน้นก็จะเป็นโรงอาบน้ำอะค่ะ แต่เวลาไม่พอ เลยไม่ได้เข้าไปค่ะ แหะๆ
พอไม่ได้เข้ามิวเซียม เวลาเรายังเหลืออีกหน่อยค่ะ ก็เลยเดินเลาะไหล่เขากลับไป เพื่อไปยังจุดชมวิวอีกจุดค่ะ ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่เห็นความเป็นแอ่งชัดๆ ได้ชัดเจนมากๆ เลย เพียงแต่...ไม่มีน้ำ แงงงง ความสวยหายไปเยอะเลยค่ะ
ตรงนี้มีห้องน้ำด้วยค่ะ สะอาดพอควร
จากนั้นก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถค่ะ คราวนี้รถที่ให้นั่งมีเยอะกว่าตอนขาที่เราเดินเข้าไปแฮะ แล้วก็มีร้านไอศกรีมด้วยค่ะ น้องหมาเห็นอยู่สองตัว มีเพื่อนร่วมทริปเอาขนมปังไส้หมูหยอง (แอบเอาเข้ามาซะงั้น) ให้กินด้วย น้องหมาติดใจใหญ่เลย คนให้บอกว่า สงสัยไม่เคยกินหมู 555
จากนั้นก็ออกเดินทางกลับสู่โรงแรมเพื่อกินอาหารเย็นกันค่ะ
Dinner and Anemon Hotel
จากปามุคคาเลเดินทางไปรร.ก็ราวๆ 20 นาทีค่ะ วันนี้เข้าที่พักไม่ค่ำมากเหมือนวันอื่นๆ นะคะ ดีหน่อย
ล็อบบี้ที่นี่ไม่ใหญ่มากนักนะคะ มีลิฟท์อยู่สองตัวค่ะ
อาหารค่ำวันนี้เป็นเซ็ตเมนูค่ะ ก็ครบคอร์สหละ ส่วนรสชาติก็..โอเคค่ะ ไม่แย่ พอกินได้อยู่ค่ะ
อิ่มแล้วก็ได้เวลาขึ้นห้องค่าา เราอยู่ชั้นสี่นะคะ (โรงแรมนี้มีทั้งหมด 8 ชั้น) ตัวห้องก็แบ่งออกเป็นสองฝั่งตามป้ายในรูปเลยค่ะ
ไปชมห้องกันค่าา ห้องคืนนั้นที่เราได้ ตัวห้องน้ำกับเตียงจะอยู่ทางขวามือนะคะ
ภายในห้องจะมีโต๊ะทำงานให้ด้วย แต่ไม่มีกระจกค่ะ ต้องใช้ในห้องน้ำเอาหละ
ตัวห้องน้ำเป็นกระจกใส แต่มีม่านเอาลงมาปิดได้ค่ะ
มีน้ำเปล่าฟรีบริการ มีกาน้ำร้อนให้นะคะ ส่วนอย่างอื่นในตู้เย็นเสียเงินค่ะ โทรศัพท์นี่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ค่ะ เพราะเราไปเที่ยวคนเดียวอ้ะ 555 มีแค่เคยโทร.ไปถามไกด์เรื่องอะไรสักอย่างอยู่ครั้งเดียวหละค่ะ แหะๆ
ตู้เสื้อผ้าค่ะ มีตู้เซฟด้วยนะคะ แต่ของใช้เราว่าน้อยไปอะนะ ถ้าเทียบกับความเป็นห้าดาวอ้ะ
ห้องน้ำค่ะ ที่นี่ไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ มีแต่ชาวเวอร์ค่ะ แล้วก็มีเป็นบ็อกซ์เลย ซึ่งดีค่ะ พื้นจะได้ไม่เฉอะแฉะง่ะ toileteries ก็มีให้ตามภาพ ก็ยังคงน้อยไปสำหรับห้าดาวอยู่ดีง่ะนะ ตัวไดร์เป่าผมอยู่ที่อ่างล้างหน้าเช่นกันค่ะ แต่เป็นแบบเคลื่อนย้ายไม่ได้อ้ะ
ตัดฉับมาที่อาหารเช้าเลยแล้วกันนะคะ
ไลน์อาหารก็ตามภาพค่ะ มาตรฐานปกติของตุรกีเลย
หมวดเครื่องดื่มค่ะ
วันนั้นหัวหน้าทัวร์เอาน้ำสลัดยี่ห้อนี้มาค่ะ เลยได้กินสลัดค่ะ แหะๆ จะเห็นว่าเตรียมแม็กกี้กับมาม่ามาด้วยนะคะ เป็นหัวหน้าทัวร์ที่ดีมาก 555
แล้วก็เดินขึ้นบันไดจากล็อบบี้ไปสำรวจฟิตเนสหน่อยค่ะ เห็นมีทางไปสระว่ายน้ำด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ออกไปดูสระว่ายน้ำ เพราะได้เวลานัดแล้วค่ะ
ก็จบการเที่ยววันนี้แต่เพียงเท่านี้นะคะ อีกวันจะเดินทางไปคัปปาโดเกียแล้ว ซึ่งเป็นอีกวันที่นั่งรถย้าวยาววววววค่ะ
สรุปสำหรับวันนี้นะคะ
ปามุคคาเล่สวย แต่ถ้ามีน้ำทุกแอ่งจะสวยยิ่งกว่านี้ค่ะ 555 ส่วนร้านอาหาร Hitit นี่ก็โอเคค่ะ แต่ไม่ได้ว้าวมาก แต่การเดินทางในตุรกี ถ้าไม่ใช่ตามเมืองใหญ่ๆ แล้วต้องกินระหว่างเมือง ตัวเลือกก็ไม่ได้เยอะมากหรอกค่ะ ส่วนรร.เรียกว่าดีน้อยสุดของทริปเลยค่ะ แหะๆ
เอนทรี่หน้าจะพาไปเที่ยวอะไรยังไงจะพยายามรีบปั่นมานะคะ (นี่ดูจากสถิติ สามเดือนลงเอนทรี่หนึ่ง จะจบวันไหนนนน 5555)
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)
1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.
ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2562
1. ตักบาตรพระกรรมฐาน
ณ ปราสาทจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 11 และ 25 สิงหาคม 2562 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)
1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562
1. ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระป่า 9 วัด เสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
ณ บ้านลานเสียงธรรม
เลขที่ 7/44 หมู่4 ซอยนาคนิวาส 40 แขวงเขตลาดพร้าว กทม
วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2562 (จัดทุกอาทิตย์ที่สามของเดือน)
1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2562
1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)
เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 24-25 สิงหาคม 2562 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1469696+7266230=8735926/14212/1856
ประกาศ
ท่านใดประสงค์จะโหวต โหวตได้นะคะ แต่เจ้าของบล็อกนี้จะไม่ได้โหวตกลับให้ทุกคนที่โหวตค่ะ จะโหวตเฉพาะบล็อกที่เราอยากโหวตให้เท่านั้นนะคะ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาเองว่าจะโหวตให้บล็อกนี้หรือไม่ค่ะ