Myanmar : เมืองแห่งศรัทธา กับ มหาราชธานีแห่งสุดท้าย Mandalay


กราบสวัสดี้ สวัสดี เพื่อน มิตร และ สหาย แฟนบล๊อกทุกท่าน เป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีกันมั้ย  วันนี้ผม นายพัก..สบาย ขอเปิดไดอารี่หน้าใหม่อีกหน้าสำหรับเรื่องราวในต่างแดน ชวนฝันหวาน น้ำลายไหล (เลอะหมอน) กับ ประเทศแห่งมหาศรัทธา "พม่า" จุดไฮไลท์เรื่องเที่ยวเน้นๆของประเทศนี้คงไม่มีเรื่องไหนที่จะน่าสนใจเท่า มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิทั้ง 5 แห่งแล้วครับ

1 มหาเจดีย์ชเวดากอง มหาเจดีย์แห่งศรัทธา ณ.เมืองย่างกุ้ง

2 ไจก์ทิโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน เจดีย์แห่งความอัศจรรย์
ณ.เมืองไจก์โถ

3
มหาเจดีย์ชเวมอร์ดอว์ หรือพระธาตุมุเตา มหาเจดีย์แห่งศรัทธา ณ.เมืองหงสาวดี

4 พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปแห่งมหาปราชญ์ ณ.เมือง มัณฑะเลย์ ราชธานีแห่งสุดท้ายของอณาจักรพม่า

5 มหาเจดีย์ชเวสิกอง หรือ มหาเจดีย์ทองแห่งชัยชนะ  ณ.เมือง พุกาม ราชธานีแห่งแรกของอณาจักรพม่า

เอาล่ะครับ มาถึงจุดนี้แล้วเพื่อนๆอยากจะไปกราบขอหวย เอ้ย!!!! ขอพรกับ มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิ ที่ไหนกันบ้างล่ะครับ มามะ มามะ มากับผม วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปกราบมหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิลำดับที่ 4 กับ พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปแห่งมหาปราชญ์ ณ.เมือง มัณฑะเลย์ กันครับ

ป.ล. ทำมั้ยต้องไปที่นี่ก่อน ทำมั้ยไม่ไปที่อื่น มีตั้ง 5 ที่ ฉันว่าพระธาตุอินทร์แขวนกับชเวดากอง น่าสนใจกว่านะ ?คำตอบ ง่ายมากครับ ก็ทัวร์เขาพาไปที่นี่อย่างเดียวอ่ะ ส่วนที่อื่นก็มีแอบมีตุเลงๆแบคแพค หนีทัวร์ไปเองนะ ไปมายังไม่ครบเลย ร่างพัก...สบายแหลกซะก่อน ตอนนี้ขอกลับมาพักฟื้นหยอดน้ำข้าวต้มที่เมืองไทยสักพัก หวังว่าคงมีโอกาสได้กลับไปกราบมหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิที่เหลือนะ สาธุ

( ภาพของ พระธาตุอินทร์แขวน และ พระธาตุมุเตา ขอืมมาจาก Google นะครับ นายพักสบายบุญยังไม่ถึงได้ไปกราบ ร่างแหลกซะก่อน T__T )



ทำมั้ยต้องไปกับทัวร์ ไปเองได้มั้ย พม่าเนี้ยะ? คำตอบง่ายมากครับ จะไปเองก็ได้ครับ แต่ไม่แนะนำ จากประสบการณ์จริงที่หนีทัวร์ไปเที่ยวเองมา

1 ไม่มีการระบบคมมาคมสาธารณะที่ดีพอในมัณฑะเลย์และเมืองอื่นๆ คงต้องเหมาแทกซี่เที่ยวอย่างเดียวครับ
2 พม่าไม่รับแลกเงินไทยเลยยยยย แลกไปก็ไม่มี แลกกลับก็ไม่ได้  เพลียเหลือเกิน ไปกับบทัวร์เขาจัดการให้เรื่องนี้ให้ทุกอย่างครับ
   ป.ล.ส่วนใหญ่รับเงิน US ที่แบงค์ใหม่ๆเท่านั้น
3 จะดีลไปไหน ต้องผ่านโรงแรมอย่างเดียวเท่านั้น โดนบวกกระจาย T__T
4 ไปไหนไม่รู้เรื่องเลยถึงจะมีหนังสือให้อ่านก็ตามที ก็ไม่เหมือนมีไกด์ไปด้วย เพราะไกด์ที่นี่ภาษาไทยตลอดงาน เริ่ดดดดด
5. ถึงแม้พม่าจะขึ้นกับอังกฤษมาก่อน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษได้หมด บางที บางที่เล่นเอาเพลีย ละเหี่ยใจเลย

เมื่อนับข้อดี และไม่ดี มั่วๆมึนๆกันได้ 5 ข้อแล้ว ผมว่าถ้าไปครั้งแรกหรือพาผู้ใหญ่ที่เคารพรักไปขอหวย เอ้ย!!! ขอพร ยอมจ่ายไปกับทัวร์ดีกว่าครับ ปลอดภัยในทรัพย์สิน ปลอดภัยในปากท้อง ปลอดภัยในความรู้สึก และปลอดภัยจากสภาวะร่างแหลก (ชั่่วขณะ) ฟันธง & คอนเฟิร์มครับ

เมื่อเราจะไปกับทัวร์ สิ่งที่ต้องดูคือไปกับทัวร์ไหน อันนี้แล้วแต่เลือกเลยครับ สารพัน 108 1009 ทัวร์ แต่ครั้งนี้ผมมากับทัวร์ของบางกอกแอร์เวย์ครับ เราไปดูโดยรวมๆกันนะครับว่า ไปกับทัวร์แล้วโอมั้ย

ไปกับบางกอกแอร์เวย์ ก็ต้องขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ข้อดีของสายการบินนี้ ผมขอให้สโลแกนว่า "ไปไหนไม่มีอด" เพราะสายการบินนี้จัดหนักจัดเต็มเรื่องกินเหลือเกิน



ตั้งแต่ที่สนามบิน ก็จัดหนักกันไปกับเลาจน์ของบางกอก เรียกว่าอดข้าวมาจากบ้านมาหากินเอาแถวนี้ก็ได้ เอาอยู่ครับ

เลาจน์ของบางกอกแอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีด้วยกันสองระดับ คือระดับธรรมดากับระดับบูลริบบ้อน หน้าตาของเลาจน์แบบธรรมดาก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้  อาหารโดยรวมจะเป็น อาหารทานเล่น จัดเสริฟเป็นแบบบุฟเฟ่ ของเด็ดที่เขาว่ากัน คือข้าวต้มมัดจากเมืองมรดกโลก สุโขทัย





เลาจน์ระดับบูลริบบ้อน หน้าตาของเลาจน์จะเป็นหน้าตาแบบนี้  อาหารโดยรวมจะเน้นทานเอาอิ่ม ทานจริงทานจัง จัดเสริฟเป็นแบบบุฟเฟ่เหมือนกัน แต่มีบริกรคอยดูแล





ของเด็ดที่เขาว่ากัน คือบะหมี่เป็ดย่างโฟซี่ซัน  (โดยรวมรสชาติโอเคนะ แต่หน้าตา ข้อร้องเลยครับกลับไปปรับปรุงใหม่นะ)



ใครยังไม่อิ่มจากภาคพื้นดิน ตามไปอิ่มอร่อยกันต่อบนฟ้าได้ครับ ไฟล์ที่บินเป็นไฟล์เที่ยงๆบ่ายๆ จัดเต็มจัดหนักด้วยมื้อเที่ยงของที่นี่ โดยรวมก็ของดีมีคุณภาพ ติดแค่รสชาติมันยังไม่แซ่บถูกปากผมเหมือนร้านป้าเจนนี่หน้าปากซอยเท่านั้น โดยธรรมดาจะมีให้เลือกสองเมนู วิธีเลือกที่ดีที่สุดคือถามเขาเอาครับ ว่าอะไรอร่อย เพราะถ้ากินแล้วไม่อร่อย เราจะได้ไม่ต้องนั่งโทษตัวเอง ว่าไม่น่าเลือกเลย (ให้ไปโทษแอร์หรือสจ๊วตแทนเอานะงานนี้ )

อันนี้ สเต็กปลา ติดจืดไปหน่อยนะ



อันนี้บะหมี่ปลาเห็ดหอม อันนี้โอกว่าอันบนนะ อย่างน้อยก็มียำเห็ดสด (เวลาออกเสียงขอให้เน้นคำว่าสดด้วยจะดีมาก เขาจะได้รู้ว่าสดจริง) แก้เลี่ยน



ฟิ้ววววววว จากสนามบินสุวรรณภูมิผ่องอำไพ สู่ มหาราชธานี มัณฑะเลย์ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เวลาของพม่าจะช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมง หักลบตบหนี้กันแล้ว ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งครับ

ป.ล. สภาพสนามบินไม่มีภาพถ่ายให้ชมนะครับ แต่สภาพไม่งามตาอย่างสุวรรณภูมิที่จากมาอย่างแน่นอน ทำใจกันไว้ได้เลยครับ 5555 สภาพโดยรวมผมขอให้คำจำกัดความว่า "ท่ารถ บขส ที่บินได้"

ภาพจากมุมสู้งสูงจะเห็นได้ว่าผังเมืองของ มัณฑะเลย์ นั้นถูกวางแผนแปลนมาให้เป็นรูปตารางหมากรุกทั้งเมือง ทำให้เมืองดูสวยงามและเป็นระเบียบมากกกก (แต่ในความเป็นจริงภาคพื้นดิน มันช่างต่างจากภาพในมุมสูงเสียเหลือเกิน T__T)



ภาพนี้จาก ราชธานีเมืองสะกาย เมืองที่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาจนได้รับขนานนามกันว่า "แผ่นดินทองแห่งเมืองพม่า" อยู่ในโซนเดียวกับมัณฑะเลย์เลยครับห่างกันแค่ 10 กิโลเท่านั้น



เมืองนี้มีเที่ยวที่ๆน่าสนใจคือ เจดีย์มิงกุน ระฆังมิงกุน และเจดีย์เมี้ยะเต็งดาน (ที่ได้รับขนานนามกันว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดี) แอบเคืองทัวร์ไม่ยอมพาไป อยากไปอ่ะ T__T

ป.ล. ขอบคุณภาพจาก panoramio.com



เอาล่ะครับได้เวลาที่เราจะมาทำความรู้จัก มัณฑะเลย์  ราชธานีแห่งสุดท้ายของเมืองพม่า ผ่านมุมมองของผม นายพัก...สบาย กันแล้ว  มัณฑะเลย์ มีความหมายว่า กองมณี  ที่นี่ถือเป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของเมืองพม่า มีตำนานกล่าวไว้ว่าราชธานีแห่งนี้ เคยได้รับคำทำนายจากพุทธเจ้าไว้ในครั้งพุทธกาลว่า ดินแดนแห่งนี้จะเป็นราชธานี และเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาสืบต่อไป อากาศของมัณฑะเลย์ค่อนข้างจะร้อน อบอ้าว และแห้งแล้ง ช่วงกลางวันร้อนตับแลบ กลางคืนและช่วงเช้าเย็นสบาย



มัณฑะเลย์ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่ารองจาก ย่างกุ้ง ได้รับการสถาปนาโดยพระเจ้ามินดง โดยสังเวยชีวิตผู้บริสุทธิถึง 52 ชีวิต นำมาฝั่งทั้งเป็นตามจุดสำคัญต่างๆของผังเมือง แต่มหาราชธานีที่แสนยิ่งใหญ่นี้ กลับล่มสลายเพียงระยะเวลาแค่ 28 ปี เท่านั้น จนมีหลายคนกล่าวไว้ว่า เหตุที่มหาราชธานีแห่งนี้ต้องพบจุดจบ แม้กระทั้งพระราชวังที่แสนอลังการก็ราบเป็นหน้ากองด้วยไฟจากมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น คงจะมาจากบ่วงกรรมที่พระเจ้ามินดงได้ทรงก่อขึ้นไว้ในครั้งนั้น

ป.ล. ตามประวัติศาสตร์เขียนไว้ว่า เหตุมาจาก พระนางอเนนัลดอ (ชายาของพระเจ้ามินดง ที่แสนจะมักใหญ่ใฝ่สูง ) พระนางศุภยลัต (ลูกสาวของพระนางอเนนัลดอ ซูซีไทเฮาแห่งลุ่มน้ำอิระวดี ผู้สั่งฆ่าล้างราชสกุลอลองพญาทั้งหมด ) พระเจ้าสีป่อ (ลูกชายที่เขาว่าไม่เอาไหน) และ อังกฤษ (นักล่าอนานิคมตัวยง)

โอ้ยยยย!!! ประวัติศาสตร์หน้านี้ของเมืองมัณฑะเลย์ แลดูดาร์คไซด์มืดมนเสียเหลือเกิน ดูๆไปแล้วก็แทบไม่ต่างจากตอนเราเสียกรุงศรีครั้งที่ 2 สักเท่าไหร่ ใครอยากรู้ลึกรู้จริง ตามอ่านได้ที่นี่นะครับ

//www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9550000115528

พัก...สบายไม่ไหวแล้ว ดาร์คไซด์เกินทนไหว ขอพาเพื่อนๆไปรู้จักมัณฑะเลย์ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวแทนแล้วกันนะ

ผักกาด ผักกาด *** ตามธรรมเนียมของชาวพม่า จะไปไหว้พระที่วัดไหน ต้องถอดร้องเท้าและถุงเท้า กันตั้งแต่หน้าประตูวัด เพราะฉะนั้น ใครจะมาเที่ยววัดในพม่า (ทุกที) ได้โปรดเตรียมร้องเท้าแตะแบบไร้ราคาค่างวดมาด้วยจะดีมาก แนะนำว่าถุงพลาสติกใส่ร้องเท้าแตะอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดที่จะมี



พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปแห่งมหาปราชญ์

พระมหามัยมุนี ถือเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิของพม่า (ที่เหลือเป็นเจดีย์ทั้งหมด) ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นในสมัยพุทธกาล โดยพระเจ้าจันทสุริยะ กษัตริย์ของเมืองยะไข่ผู้เป็นผู้สร้าง ท่านทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้ และให้เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาต่อไปในภายหน้า



ช่วงเวลาเช้าตรู่ของทุกวัน จะมีพิธีกรรมศักดิ์สิทธิที่ชื่อว่า พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี พิธีนี้สืบต่อกันมายาวนานกว่า 200 กว่าปีแล้ว พิธีจะเริ่มที่เวลาประมาณตี 4



ไม่น่าเชื่อเลยครับว่านี่ตี 4 เวลาที่คนส่วนใหญ่(ในบ้านเรา)ยังไม่ตื่น แต่ผู้คนชาวเมืองมัณฑะเลย์ กลับมาร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิและสวดมนต์กันอย่างมากมาย (ในทุกวัน) ที่นี่ทำให้ผมได้เห็นและเชื่อว่า พลังแห่งมหาศรัทธานั้นมีอยู่จริง บรรยากาศระหว่างขณะทำพิธีมันชวนให้ผมรู้สึกขนลุกและปลื้มปิติอย่างน่าประหลาดจริงๆ





พิธีเริ่มด้วยการประพรมพระพักต์ ด้วยน้ำผสมเครื่องหอม ที่ทำจากเปลือกไม้ทะนาคาที่ชาวบ้านนำมาถวาย



จากนั้นจึงแปรงพระโอษฐ์ด้วยแปรงทอง



สุดท้าย จีงใช้ผ้าขนหนูจากชาวบ้าน นำมาซับพระพักตร์ให้แห้ง แล้วจึงใช้พัดโบก พระพักตร์



พิธีทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม หลังจากนั้นผู้ชายเท่านั้น จึงจะสามารถที่จะเข้าไปปิดทององค์พระท่านได้ ขณะที่ปิดทองจะสังเกตุได้เลยครับว่า องค์พระท่านจะมีรอยทองที่ปิดไว้ตะปุ่มตะปำตลอดทั้งองค์พระ รอยเหล่านี้เกิดจากการที่มีคนมาปิดทองกันเป็นจำนวนมาก มากจนขนาดชาวบ้านต่างขนานนามท่านว่า องค์พระเนื้อนิ่ม

ป.ล.ส่วนผู้หญิงให้อธิษฐานผ่านแผ่นทองแล้วฝากผู้ชายเข้าไปติดนะครับ



สำหรับผมที่ไปกับทัวร์ของบางกอกแอร์เวย์ ทางทัวร์จะเตรียมขวดใส่น้ำมนต์พร้อมผ้าเช็ดพระพักตร์ไว้ให้  หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ทางทัวร์จะนำน้ำมนต์พร้อมผ้าที่ผ่านการเช็ดพระพักตร์ กลับมาให้ เพื่อนำกลับไปบูชาที่บ้าน

ป.ล.น้ำมนต์สามารถนำไปประพรมบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ เพื่อเพิ่มความเป็นศิริมงคลได้ครับ



ยอดเขามัณฑะเลย์

บางตำนานกล่าวไว้ว่า “มัณฑะเลย์” นั้นอาจเพี้ยนเสียงมาจากคำว่า “มันดาลา” ซึ่งหมายถึงมณฑลอันศักดิ์สิทธิ์ และชาวมัณฑะเลย์เชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าทรงเคยเสด็จมาโปรดสัตว์ที่ภูเขาแห่งนี้ พร้อมทั้งมีพุทธทำนายว่า ที่นี่จะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา





ปากทางขึ้นยอดเขาจะมี รูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่สองตัว ซึ่งสิงห์สองตัวนี้ถือเป็นสิงห์คู่ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์อีกด้วย 



ที่บริเวณแถวทางขึ้นดอยจะมีวัดที่มีพระหินอ่อนขนาดใหญ่ให้กราบไหว้ขอพรกันด้วย ซึ่งพระหินอ่อนทั้งองค์ขนาดใหญ่เท่านี้ในพม่านั้น เรียกได้ว่ามีอยู่แค่ไม่กี่องค์จริงๆ แวะขอพรกันก่อนเนอะ





เอาล่ะครับถึงเวลาขึ้นดอยกันแล้ว การจะขึ้นยอดเขานั้นต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 7,292 ขั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ผมมากับทัวร์ ทัวร์พาขึ้นสองแถวที่เชิงดอย ปื้ดดดดเดียวถึงยอด ต่อลิฟท์ขึ้นยอดเขา สบายไปครับงานนี้



บนยอดเขามัณฑะเลย์ จะมีวิหารซูตองพญา รูปทรงจะคล้ายๆกับมณฑปที่วัดพระมหามัยมุนี ภายใต้วิหารจะประดิษฐานพระพุทธเจ้าทั้งสี่ทิศ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสป และพระสมณโคดม(พระพุทธเจ้าในยุคของเรา)

ป.ล. มาถึง ณ จุดนี้ ใครจะถ่ายภาพที่นี่จะต้องมีค่าธรรมเนียมถ่ายภาพคนล่ะ 1000 จ๊าดด้วยครับ ( 40 บาท )



และจุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้นบริเวณระเบียงรอบวิหารสำหรับชมทัศนียภาพรอบเมืองมัณฑะเลย์แบบ 360 องศา เราจะสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดี พระราชวังมัณฑะเลย์ และวัดกุโสดอว์ได้ด้วย ยิ่งถ้าได้ขึ้นมาเวลายามอาทิตย์อัสดงด้วยแล้ว ขอบอกว่า งดงามเกินบรรยายทีเดียว





วัดกุโสดอร์

วัดกุโสดอร์ เป็นวัดที่พระเจ้ามินดง ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 (ฝ่ายเถรวาท) 



พระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อนสีขาว 729 แผ่น (ใช้เวลาสลักถึง 7 ปีด้วยกันถึงจะเสร็จ) ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลีและภาษาพม่า









และได้นำพระไตรปิฎกฉบับหินอ่อนนั้นมาประดิษฐานในมณฑป ซึ่งถูกตั้งเรียงรายอยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ได้จำลองมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม ( มหาเจดีย์ทองแห่งชัยชนะ 1 ใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิแห่งพม่า)







ตำหนักทรงธรรม วัดชเวนันดอร์

วัดชเวนันดอร์ (วัดมณเฑียรทอง) อยู่ไม่ห่างจากวัดวัดกุโสดอร์สักเท่าไหร่ เรียกว่าเดินถึงกันเลยก็ว่าได้ ตามตำนานว่าไว้ว่า ตำหนักไม้สักทองแห่งนี้เป็นตำหนักปฏิบัติธรรมในพระราชวังมัณฑะเลย์ของพระเจ้ามินดง พระองค์ทรงเจริญภาวนา และสิ้นพระชนม์ ณ ตำหนักแห่งนี้



ต่อมาพระเจ้าสีป่อ ทรงพระราชทานตำหนักแห่งนี้ถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระราชบิดาให้มานำมาตั้งใหม่ในเขตสังฆาวาส ตามที่พระเจ้ามินดงรับสั่งก่อนสวรรคต



ตำหนักแห่งนี้จึงถือเป็นตำหนักเดียวจากในวังเท่านั้น ที่รอดพ้นจากไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 ในครั้งนั้นได้



ศิลปะทั้งหมดของวัดวัดชเวนันดอร์นั้นจึงเป็นศิลปะความงดงามจากในพระราชวังมัณฑะเลย์จริงๆ ซึ่งไม่มีให้เห็นอีกแล้วในปัจจุบันแล้ว



ใครที่จะไปเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์ ผมแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่ก่อนครับ เก็บบรรยากาศทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้เอาไว้ในความทรงจำของคุณให้ดี  แล้วคุณจะได้ใช้มันที่พระราชวังมัณฑะเลย์







พระราชวังมัณฑะเลย์

พระราชวังมัณฑะเลย์หรือพระราชวังมรกต แต่เป็นที่รู้จักกันในนามพระราชวังทองคำ พระราชวังแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นมหาราชวังที่มีความงดงามไม่แพ้มหาราชวังที่ไหนในทวีปเอเซียเลย โดยพระราชวังถูกสร้างโดยไม้สักแทบทั้งหมด



ตามประวัติศาสตร์ที่กล่าวไว้ว่า ในช่วงเวลาที่อังกฤษเข้ามายึดครองพม่านั้น สมบัติทุกชิ้นในพระราชวัง รวมไปถึงราชบัลลังก์นกยูง สัญลักษณ์แห่งราชวงศ์และพระที่นั่งสิงหนาทในท้องพระโรงใหญ่ที่เป็นทองคำประดับด้วยเพชร พลอย ทับทิม อัญมณี ก็ถูกแฮบไปไว้ที่ประเทศอังกฤษ



ต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษ ได้ทิ้งระเบิดจำนวนมหาศาลถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์จนไฟลุกไหม้เป็นจุล ด้วยเหตุผลที่ว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น เรียกว่าวินาศทั้งหมด เหลือไว้แค่เพียง ป้อมปราการและคูน้ำรอบราชวังเท่านั้น



ปัจจุบัน พระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา ซึ่งไม่ได้สวยใกล้เคียงกับของเก่าสักนิด ผมแนะนำให้ใช้จินตนาการนำตำหนักทรงธรรม วัดชเวนันดอร์ กลับมาเรียงร้อยแทนที่ตำหนักต่างๆในมหาราชวังแห่งนี้ แล้วคุณจะพบว่าพระราชวังทองคำแห่งนี้งดงามเกินบรรยายจริงๆ



บอกตรงๆว่าของใหม่ดูยังไงก็งั้นๆ จุดที่ควรไปที่สุดของที่นี่คือ หอคอยแห่งนี้แหละครับ เพราะคุณจะได้เห็นภาพในมุมสูงของพระราชวังทั้งหมด เดินเหนื่อยหน่อยนะ ไม่มีลิฟท์ให้นะครับ แต่ขึ้นไปแล้วคุ้มค่าที่จะเหนื่อยแน่นอน

ป.ล.ว่ากันว่า หอคอยแห่งนี้คือหอคอยที่พระนางศุภยลัต ได้ทอดพระเนตรเห็นเรือรบของอังกฤษที่แล่นเข้ามารบกับพม่าตามแม่น้ำอิรวดี เป็นคนแรก



ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า ณ จุดที่เป็นตัวท้องพระโรงคือที่ๆพระนางศุภยลัต (ซูสีไทเฮาแห่งลุ่มอิระวดี) ได้หลอกบรรดาพระราชวงศ์อลองพญานับร้อยชีวิต มาสังหารหมู่ โดยจัดให้มีละครมาเล่นในวังชั้นในแบบข้ามวันข้ามคืนขึ้น หลอกล่อให้พระเจ้าสีป่อทอดพระเนตร โดยไม่ต้องสนใจไยดีต่อเหตุการณ์ภายนอก ส่วนอีกด้านหนึ่งของวังพระนางสั่งและคุมให้เหล่าเพชฌฆาต ไล่ฆ่าเหล่าเครือญาติอย่างโหดเหี้ยม โดยฆ่าแล้วโยนลงหลุมทับทนกันนับร้อยชีวิต 



หากช่วงเวลาในการสังหารหมู่ มีเสียงร้องของผู้ถูกฆ่าดังโหยหวนเข้ามาในวังชั้นในจนเป็นที่สงสัยแก่พระเจ้าสีป่อ ก็ให้วงปี่พาทย์อัดเสียงดนตรีระรัวให้ดังกระหึ่มเพื่อกลบเสียงหวีดร้องเหล่านั้น  การสังหารหมู่ดำเนินไปกับการเล่นละครนอกแบบนันสต๊อป 3 วัน 3 คืน การฆ่าหมู่จึงสิ้นสุด แต่ว่าความลับไม่มีในโลก เพราะหลังจากนั้นอีก 4-5 วัน ศพในหลุมที่ถูกโยนลงไปได้อืดบวมขึ้น ส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งวัง สุดท้ายความแตก แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ (เพราะเธอวใหญ่คับวัง) ได้แต่นำศพใส่เกวียนหลายสิบเล่มบรรทุกไปเททิ้งยังแม่น้ำอิระวดี

ขอบคุณข้อมูลจาก //www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9550000115528



สะพานไม้อูเบ็ง

สะพานไม้อูเบ็ง สะพานที่ทำจากไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในตอนใต้ของเมืองอมรปุระซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองมัณฑะเลย์ สร้างจากไม้สักที่รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ



แต่บอกตรงๆสำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้อเมสซิ่งกับตัวสะพานที่นี่สักเท่าไหร่ (ผมประหลาดไปมั้ย)



สำหรับที่นี่ ผมว่าผมค่อนข้างปลื้มกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดำเนินหมุนเวียนไปรอบๆตัวสะพานนี้มากกว่า ตัวสะพาน



ทุกอย่างดูมีเสน่ห์ ดูลงตัว เหมือนเป็นภาพวาดที่มีชีวิตเลย เรียกได้ว่าสำหรับคนชอบถ่ายภาพ ชอบงานอาร์ทแล้ว รับรอง เดินทนร้อนที่นี่ได้เป็นชั่วโมงๆได้อย่างแน่นอน













ช่วงเวลาที่ดีที่สุดจะมาเยือนที่นี่ ผมแนะนำเป็นช่วงเย็นๆ มารอชมอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่นี่น่าจะเริ่ดที่สุดครับ

ขอบคุณภาพจาก Google.com (จะถ่ายมุมนี้ได้ต้องเหมาเรือนั่งชมความงามของสะพานเอานะครับ)



วัดมหากันดายงค์

วิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองพม่า อยู่ไม่ไกลจากสะพานอูเบ็ง ที่นี่จะมีภิกษุและสามเณร(ทั้งคนพม่าและคนต่างชาติ)มาศึกษาเล่าเรียนทางธรรมกว่า 1,200 ชีวิต วิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้เป็นสถานที่ศึกษาพระธรรมและรักษาพระธรรมวินัยเคร่งครัดมากที่สุด ด้วยวัตรปฎิบัติอันงดงามของภิกษุสงฆ์ในวัดแห่งนี้ ทำให้มีผู้มีจิตศรัทธามานำภัตตาหารมาถวายพระทั้ง 1,200 รูปไม่เว้นแต่ละวัน

ป.ล. ขอโทษด้วที่มีรูปของที่นี่ไม่มากนัก พอดีมาสาย ตลาดจะวายล่ะ รีบใส่บาตรก่อนครับไม่มีเวลาถ่ายภาพสักเท่าไหร่ T__T





นอกจากเราจะมาไหว้พระขอพรนำบุญไปญาติฝากมิตรเพื่อนฝูงที่บ้านกันแล้ว บางทีของฝากที่เป็นรูปธรรมก็คงต้องมีกันบ้าง ชิมิ ชิมิ ว่าแต่มีอะไรที่น่าซื้อบ้างสำหรับเมืองมัณฑะเลย์แห่งนี้

อันแรกที่ผมแนะนำ โปสการ์ดครับ บางคนอาจจะดูว่าโปสการ์ดซื้อที่ไหนก็มี แต่ผมกลับชอบโปสการ์ดเหล่านี้นะครับ แนะนำให้ซื้อสถานที่ๆเราเคยไปเยือนมาแล้ว ในบางสถานที่ๆเราไป บางทีเราอาจไม่มีเลาถ่ายภาพหรือถ่ายภาพมาแล้วมันไม่สวยเหมือนอย่างของจริง โปสการ์ด นี่แหละครับที่จะเป็นตัวบ่งบอกเรื่องราวที่เราเคยได้ผ่านสถานที่นั้นๆมา เอากลับมานั่งดูใหม่ก็อดอมยิ้มคนเดียวไม่ได้ " ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดได้หลายพันคำ"



ตุ๊กตาหุ่นชักแบบพม่า
ราคาตกตัวล่ะประมาณ 120-200 บาท แล้วแต่ความสามารถในการต่อราคาเอานะครับ เลือกดูกันสักนิดเพราะบางตัวหลอนได้ใจทีเดียว เอาไปฝากนักสะสมหรือเด็กๆ น่าจะชอบกันได้ไม่ยาก ผมแนะนำเป็นม้าหรือช้างจะดีกว่าครับ น่ารักมาก



งานปักของพม่า ใครชอบเรื่องผ้าและลายปักของพม่า ลองแวะหาดูได้ครับ ผมว่างานศิลปะสไตล์พม่าก็สวยงามแปลกตาและเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ



ผ้าทอของที่นี่ โดยรวมๆไม่ได้วิจิตรอะไรมากมายนะครับ งานฝีมือยังสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ถ้าจะหาซื้อเป็นของฝากก็ดูพวกผ้าพันคอ หรือสโหร่งก็ได้ครับ



งานไม้แกะสลัก พม่าขึ้นชื่อเรื่องงานแกะสลักไม้เป็นที่สุด หากใครชอบงานไม้แกะสลักลองแวะดูหาของถูกใจกันได้ครับ เรามากับทัวร์ไม่ต้องกลัวหนัก ขนเข้าไป 555555





ส่วนถ้าเป็นของกินผมแนะนำ ลูกอมถั่วตุ๊บตับจากเมืองมัณฑะเลย์นี่ครับ สำหรับเจ้านี่ผมจัดให้อยู่ในระดับของดีเมืองมัณะเลย์กันเลยทีเดียว รสชาติของมันคือขนมตุ๊บตับที่มาในรูปแบบทอฟฟี่นั้นแหละครับ



Royal Tea ขอสารภาพเลยครับ ว่ายังไม่เคยชิม แต่เพื่อนพ้องชาวคณะทัวร์ที่ไปด้วยกันซื้อกันมาแบบที่เรียกว่าเหมาห้างกันเลยทีเดียว สอบถามไปได้ความว่า " ไปอยู่ดาวนพเคราะห์ไหนมาค้าาาาาคุณน้อง น้องไม่รู้เหรอว่ามันเริ่ดแค่ไหน มีเท่าไหร่พี่เหมาหมด แค่นี้นะ"



เอาล่ะครับ มาทัวร์ไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องเที่ยวเท่านั้นที่สำคัญ จ่ายกันมาก็ราคาหลักหมื่น เรามาดูที่พักกันบ้างดีกว่า ว่าจะคุ้มค่าราคาทัวร์ที่จ่ายกันมาสักแค่ไหน

โรงแรมที่เป็นที่พำนักพักพิงและซุกหัวซุกตัวนอน  คือที่นี่ครับ Mandalay Hill Resort จากทำเลที่ตั้งแล้ว ใกล้ทางขึ้นยอดเขามัณฑะเลย์มาก และแน่นอนไกลตัวเมืองมากโข จากประวัติที่สืบมาโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นใหม่ (ไม่น่าจะมีคนที่คุณรู้ว่าใครมารบกวนได้) และเคยอยู่ในแบรนด์ NOVOTEL ของแอคคอร์มาก่อนด้วย ประวัติโปรไฟล์โดยรวมจริงค่อนข้างดูดีทีเดียว (ตรวจสอบอย่างกับจะมาสมัครงานที่นี่ T__T ) ตามสเตตัสที่อาโกว (อโกด้า) บอกมาคือ 5 ดาวจ้า คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ราคาค่าห้องเช็คจากเดือนมกรา 57 ห้องเริ่มต้นประมาณ 8000 บาท/คืน ( อือหื้อออออออ ) เอาล่ะครับเราไปดูกันดีกว่า ว่าจะสมกํบที่อาโกวโม้ไว้มั้ย

ขอพาชมบรรยากาศภายนอกของโรงแรมก่อนเนอะ



จุดขายหลักภายนอกของโรงแรมอยู่ที่ สระว่ายน้ำนี่แหละครับ ลึก 1.2 เมตร  ขนาดและความลึกเหมาะกับการลงเล่นน้ำแบบชิลล์ๆ (ใครอยากจะว่ายแบบซ้อมแข่งซีเกมที่พม่าปีนี้ผมไม่แนะนำที่นี่ครับ อิอิ)







ช่วงบรรยากาศกลางคืนก็งามได้อีกนะ สระว่ายน้ำเนี้ยะ



ภัตคารกลางแจ้งของที่นี่ เปิดเฉพาะช่วงค่ำ บรรยากาศดีทีเดียวเห็นวิวจากยอดเขามัณฑะเลย์ด้วย



ในส่วนของสปา ก็สวยสไตล์พระราชวังมัณฑะเลย์  ถ้าจะมาถามว่าบริการสปาดีมั้ย ได้โปรดอย่าถามเพราะไม่เคยใช้บริการ





เอาล่ะครับเราไปดูห้องพักกันดีกว่า สภาพโดยรวมค่อนข้างใหม่ ตกแต่งตามสไตล์ที่เชื่อว่าท่านสว ทั้งหลายน่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก  ห้องไม่ได้กว้างนะครับ แค่ค่อนข้างยาว ข้อดีอีกข้อสำหรับคนไทยที่มาพักที่นี่ ทีวีช่อง  3 5 7 9 มาครบแถมชัดกิ๊ก





ส่วนห้องน้ำเล็กไปสักนิด มีอ่างน้ำรวมกับชาวเวอร์ที่เดียวกัน (ซึ่งผมไม่ค่อยชอบ) แต่อย่างน้อยมาเหนื่อยๆได้แช่น้ำอุ่นก็สบายตัวสบายใจล่ะ



ชักโครกไม่มีสายชำระ ไม่ปลื้มมมมม



วิวจากหน้าต่างห้องพัก เห็นพระราชวังมันฑะเลย์อยู่ลิบๆ ช่วงเช้าๆวิวจะสวยมากครับเพราะหมอกลง อย่างภาพนี้ให้อารมณ์ภาพไม่ต่างจากที่พุกามเท่าไหร่เลย



ส่วนกลางของโรงแรมก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก โซนนี้เป็นโซนลอบบี้









เอาล่ะครับถึงจุดสำคัญอีกที่ ห้องอาหารเช้า เราไปดูบรรยากาศโดยรวมกันดีกว่าครับ





สำหรับอาหารเช้าที่นี่ผมให้ผ่านฉลุย เพราะมีหมดครบแทบทุกอย่างในระดับที่โรงแรม 4 - 5 ดาวจะมีได้ เอาใจคนไทย คนจีน คนฝรั่ง ครบ แถมมีอาหารพื้นบ้านของพม่ามาให้ชิมด้วย ผมว่าไม่เลวเลยนะครับสำหรับอาหารเช้าที่โรงแรมนี้



สรุปโดยรวม

ค่อนข้างที่จะประทับใจ ที่ทัวร์นี้จัดที่พักให้ที่นี่นะครับ เพราะถ้าให้ผมเทียบแล้วอารมณ์การเข้าพักที่นี่จะคล้ายๆกับที่เซนทาราแกรนด์หัวหิน บ้านเรา (แต่ของเซนทาราจะดูอลังการกว่า) ใครเคยไปพักและชอบบรรยากาศของที่เซนทาราแกรนด์หัวหิน น่าจะชอบที่นี่ได้ไม่ยาก

ป.ล. ยังยืนยันคำเดิมว่าโรแรมที่นี่เหมาะกับท่านสว (สูงวัย) ทั้งหลายอย่างไม่ต้องสงสัย

ปิดท้ายทัวร์นี้ ด้วยเรื่องกินดี แบบอิ่มหนำสำราญกันนะครับ เปิดประเดิมด้วยร้านอาหารไทย โคคิทเช่น ที่มีเมนูเด็ดที่กุ้งเผา น่าเสียดายมากๆๆที่ผมไม่มีโอกาสไปชิม (เพราะแอบหนีทัวร์ไปเที่ยวพุกาม) แต่จากการให้ปากคำของผู้ร่วมคณะทัวร์ บล๊อกเกอร์ 1 twenty 2 " เอ็ม พี่ว่าร้านนี้มันเด็ดที่สุด จากในหลายๆมื้อที่เรากินมา ร้านต้มยำกุ้งยังสู้ไม่ได้เลย "

แต่เห็นรูปแล้ว อยากกินเลย น่าเสียดายไม่ได้ชิม T__T ขอบคุณภาพจากคุณนุก 1 twenty 2 ด้วยนะครับ



ร้านต้มยำกุ้ง ร้านอาหารไทยอีกร้านที่ทัวร์พาไปชิม ถ้าไม่นับร้าน กุ้งย่าง โคคิทเช่น (ที่ไม่ได้ชิม)  ผมให้ร้านนี้เป็นที่สุดในทริปนี้แล้ว รสไทยเป๊ะมากกกกกกก อร่อยตามแบบฉบับไทยแท้ทุกอย่าง โดยเฉพาะไข่เจียว ทอดได้กรอบ ฟู หอมมมม อื้มมมมมมมมมมมมมม อร่อยฝุดๆๆ นี่แหละจะทำอาหารไทยในต่างแดนมันต้องให้ได้อย่างเน้ เข้าใจมั้ย






โกลเด้นดั๊ก ร้านอาหารจีนชื่อดังของเมืองมัณฑะเลย์ ใครจะมาทานที่นี่ขอบอกเก้าอี้ดนตรีมากกกกก ถือเป็นร้านอาหารจีนที่ดังที่สุดของเมืองนี้แล้ว รสชาติอาหารก็สไตล์จีนอ่ะ เลี่ยนๆ มันๆ ปรุงรสมากลางๆ ไม่ค่อยเหมือนอาหารจีนบ้านเราที่รสค่อนข้างจัดจ้าน เมนูเด็ดของร้านนี้คือเป็ดย่าง และ อาลูซาเตาะ (ข้างนอกจะเป็นมันฝรั่งฝานบางๆห่อกับกุ้งปรุงรส แล้วเอาไปทอด อารมณ์จะคล้ายๆ ปอเปี้ยะ แต่แป้งห่อเป็นมันฝรั่ง) อร่อยแบบว่าลืมปอเปี้ยะบ้านเราไปเลย






อาหารพม่าจากโรงแรมหน้าสถานีรถไฟ (ที่ผมลืมชื่อ) มาพม่ายังไงก็ต้องชิมอาหารพม่าใช่มั้ยครับ อาหารพม่าจะหน้าตาคล้ายอาหารบ้านเรานะ แต่รสออกไปทางแขกๆ แต่ไม่หนักเครื่องเทศเท่า เน้น มัน จืด เค็มเป็นหลัก ไอ้ที่ดูว่าน่าจะเผ็ดก็ไม่เผ็ด ไอ้ที่ดูว่าน่าจะแซ่บจี้ดจ้าดก็ไม่ใช่ ทุกอย่าง มันๆ เลี่ยนๆ กลางๆไปหมด ผมไม่ค่อยปลื้มกับมื้อนี้สักเท่าไหร่ ระหว่างมื้อจะมีการแสดงหุ่นกระบอกพม่าและ การรำแบบพม่าให้ชมด้วยครับ




เอาล่ะครับ จบทริปทัวร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆว่ายังไงกันบ้างครับสำหรับ ทัวร์นี้ ที่พาไปกิน พาไปเที่ยว พาไปพัก สำหรับผมแล้ว เอาโดยรวมๆเลยนะ ผมว่าโอเคนะครับ แต่ขอแอบติงเรื่องสถานที่เที่ยวแลดูจะน้อยไปสักหน่อย ถ้ามีการเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเข้ามาอีกสักนิด พร้อมพาไปชิมร้านอาหารพม่าเด็ดๆ (อย่างภัตคารการเวกที่ย่างกุ้ง) ผมจะให้ผ่านฉลุยเลยครับ

ทัวร์ที่ผมไปคือรายการแรก ทัวร์ Mandalay 3 วัน 2 คืน



สุดท้ายนี้คงต้องขอขอบคุณบางกอกแอร์เวย์ที่เชิญบล๊อกเกอร์โนเนมตัวเล็กๆ(ที่อ้วนมาก)อย่างผมไปร่วมแจมในทริปนี้ด้วย ขอบคุณมากจริงๆที่เปิดโลกในมุมมองใหม่ให้กับเคโรโระน้อยในกะลา ขอสารภาพตรงๆเลยนะครับในชีวิต ไม่เคยสนใจที่จะเหยียบพม่าเลย จากที่เคยที่คิดว่า พม่า...ล้าหลัง พม่า...บ้านป่าเมืองเถื่อน พม่า...ไร้ซึ่งอารายธรรม พม่า...รัฐบาลทหาร และพม่า..ไม่เคยอยู่ในสายตาผมเลย จนวันนี้ วันที่ผมได้ไปสัมผัสกับเมืองแห่งศรัทธานี้ด้วยตัวเอง คงยอมรับแล้วล่ะครับ...ว่า.. วันนี้ผมว่า...ผมคิดถึงและหลงรักพม่าเข้าให้ซะแล้วล่ะ หวังว่าผมคงจะมีโอกาสได้พาพ่อและแม่กลับไปเยี่ยมเยือนอณาจักรแห่งมหาศรัทธาแห่งนี้อีกสักครั้งในอนาคตนะครับ (ขอเก็บเงินก่อน)

จบทัวร์ไป แต่ยังไม่จบทริป ชีวิตคือการเดินทาง ใครอยากไปเที่ยวแบคแพคกับผมที่พุกามและย่างกุ้ง ตามมาเลยครับ รถสองแถว และสาวพม่ารออยู่แล้วครับ โดดขึ้นมากันเลยยยย.....

ป.ล. หลังจากที่หนีทัวร์มาเที่ยวเอง ทำให้ได้รู้ว่าตั้งแต่พม่าเปิดประเทศจนมาถึงปัจจุบัน เรทราคาที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวนั้นขึ้น 2 เท่าหมดแทบทุกอย่างแล้ว ค่าไกด์ ค่าเที่ยว ค่าโรงแรม ค่าเดินทาง ใครที่จะคิดว่าเที่ยวพม่าใช้เงินไม่เยอะอย่างเมื่อก่อน คงจะไม่ใช่แล้วล่ะครับ T__T



จากมหาราชธานีแห่งสุดท้าย มัณฑะเลย์ ผมเดินทางผ่านรถโดยสารแบบรถบัสปรับอากาศ ไปสู่มหาราชธานีแห่งแรก อณาจักรพุกามระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทาง 6-7 ชั่วโมง (เพราะรัฐบาลจำกัดความเร็วในการขับรถ T__T) ค่ารถจะตกอยู่ที่ประมาณ 8000 จ๊าต (320 บาทค่ารถทัวร์ราคามิตรภาพมาก)   ก่อนเข้าเมืองชาวต่างด้าวเช่นเราต้องเสียค่าเข้าเมือง 10 Us นะครับ

ป.ล.สภาพ บขส ที่ไปเยือนอย่าให้บรรยายเลยครับ มาเที่ยวกับทัวร์เหมือนอยู่สวรรค์อยู่ดีๆก็ตกมาในนรกซะงั้น 5555

มหาราชธานีแห่งแรกของพม่า อณาจักรพุกาม 

อณาจักรพุกาม ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตเมืองเก่า (เขตที่ตั้งอาณาจักรพุกาม ทะเลเจดีย์) เขตเมืองใหม่ (เขตที่อยู่อาศัยปัจจุบัน) และยองอู (เขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ) รถทัวร์รถบัสก็ขึ้นลงที่นี่แหละครับ ที่นี่มีสนามบินด้วยครับ ชื่อ สนามบินยองอู ราคาตั๋วเครื่องบินโหดมาก คิดแล้วก็เพลียจ่ายไม่ไหวหรอก

ทุ่งมหานทีเจดีย์

สำหรับผมแล้วไฮไลท์ของที่พุกาม คือ ทุ่งมหานทีเจดีย์ครับ เรียกได้ว่า อลังการ สมกับที่ต้องบากบั่นมาจริงๆครับ ถึงแม้วันที่ผมไปจะเป็นงานเทศกาลผู้คนมากมายล้นหลาน  ถึงแม้วันที่ผมไปพายุนารีจะเข้าถล่มพุกาม อาทิตย์ตก อาทิตย์ขึ้น บอลลูนไม่มีเห็นกับเขาหรอก



แต่ความงดงามของทุ่งมหานทีเจดีย์กลับไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยจริงๆ ว่ากันว่าในยุคที่พุกามเจริญรุ่งเรืองที่สุด ที่นี่มีเจดีย์อยู่นับหมื่นองค์ทีเดียว



กาลเวลาผ่านไปทุกอย่างยอมแปรเปลี่ยนตาม บ้างก็พลังทลายไปตามกาลเวลา จากเป็นหมื่นก็เหลืออยู่ที่ 4,000 กว่าองค์ และในปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เท่านั้น

ป.ล.นับโดยรวมแล้วเอาคราวๆ ราชธานีแห่งนี้ก็มีอายุก็เกือบพันปีแล้วก็ว่าได้ เจดีย์เหลือรอดมาแบบสมบูรณ์ได้หลายพันองค์ขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แล้วครับ



เจดีย์แห่งแรกของอณาจักรพุกามคือ มหาเจดีย์ชเวสิกอง หรือ มหาเจดีย์ทองแห่งชัยชนะ  หนึ่งใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิแห่งพม่า สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม



ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระเขี้ยวแก้วและพระสาลีลิกธาตุโดยอัญเชิญมาจาก ลังกา โดยช้างเผือก และพระเจ้าอโนรธามังช่อได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น



วิหารอนันดา

วิหารอนันดา ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งราชอณาจักรพุกามเลยก็ว่าได้ครับ  ตัววิหารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ใหญ่โตสง่างาม  มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน  หากดูตามผังลักษณะจะเหมือนกับไม้กางเขนแบบกรีก 







ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่แกะสลักด้วยไม้สัก  ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ  ผลงานฝีมือของช่างพม่าชั้นสูงที่ทำช่องให้แสงส่องสว่างเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ของพระองค์นั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา สร้างความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ



พระพุทธรูปประจำทิศใต้ พระกัสสปพุทธเจ้า ถือเป็นพระพุทธรูปที่ป๊อปปูล่าที่สุดของวิหารอนันดา เพราะได้สมญานามว่าพระบึ้ง-พระยิ้ม เนื่องจากเวลาเราอยูไกลๆจะเห็นพระพักต์ยิ้มแย้ม แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้จะเปลี่ยนเป็นพระพักต์บึ้งตึง



เอาล่ะครับ เที่ยวสนุกในพุกามกันมาพอสมควรแล้ว ผมขอเกริ่นบทนำเรื่องราวของมหาราชธานีแห่งแรก อณาจักรพุกาม ไว้คร่าวๆกันเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ อิอิ ไว้มีโอกาสจะมาเขียนไดอารี่ของอณาจักรพุกามกันแบบเต็มๆให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกที

ป.ล. สำหรับผมแล้วแนะนำว่าอย่าเหมารถม้านั่งกันเลยจะดีกว่าเพราะถึงแม้มันจะได้บรรยากาศ แต่มันช้ามากกกกก กว่าจะถึงแต่ล่ะที่ ผมว่าเหมาแท๊กซี่เลยจะสะดวกกว่า ราคาเท่ากัน วันเดียวเที่ยวครบเลย



จากมหาราชธานีพุกาม ผมก็หอบร่างอันสะบักสะบอม หนีขึ้นรถทัวร์ไปต่อที่นครย่างกุ้ง รถทัวร์จากพุกามไปย่างกุ้งราคาค่างวดอยู่ที่ 13000 จ๊าด (520 บาท แต่ผมแนะนำให้นั่ง JJ express 15000 จ๊าด เห็นว่ากันว่ารถดีที่สุดในตอนนี้แล้วครับ ) ระยะทางจากนครพุกามสู่นครย่างกุ้งเป็นระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง  สภาพรถที่นั่งในการเดินทางครั้งนี้ดีกว่าขามาจากมัณฑะเลย์เยอะเลยยยยยย ที่นั่งใหญ่ กว้าง และสบาย 

ป.ล.ในการเดินทางครั้งนี้ผมมีโอกาสได้เจอพี่ผู้หญิงคนไทยคนนึงที่มาแบคแพคกับน้องสาว ถึงแม้ผมจะลืมถามว่าพี่ว่าชื่ออะไร แต่ผมอยากบอกว่า ขอบคุณมากๆๆๆครับที่มีน้ำใจกับผมและเพื่อน พี่ทำให้ผมได้รับรู้ว่า คนไทย เจอกันที่ไหนก็ยิ้มให้กันและช่วยเหลือกันเสมอ ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันอีก แต่ผมอยากจะบอกว่า....ขอบคุณมากครับสำหรับมิตรภาพและน้ำใจที่มีให้กัน

เอาล่ะครับ เรามาถึงแผ่นสุดท้ายของไดอารี่หน้านี้กันแล้ว ผมขอปิดท้าย การเดินทางกับเมืองแห่งมหาศรัทธาครั้งนี้ด้วยที่นี่

มหาเจดีย์ชเวดากอง
มหาเจดีย์แห่งศรัทธา
หนึ่งใน 5 มหาบูชาสถานศักดิ์สิทธิแห่งพม่า

ตามประวัติที่เล่ากันมาแล้ว มหาเจดีย์แห่งนี้แหละครับที่เกี่ยวขัองกับพระพุทธประวัติโดยตรง เพราะมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกเลยว่า ตปุสสะ และ ภัลลิกะ พ่อค้าชาวพม่า ที่ได้ปาวรณาตนเป็นอุบาสกคู่แรกในพุทธศาสนา



หลังจากที่ได้ฟังธรรมแล้ว ทั้งคู่ยังได้รับพระเกศาติดพระหัตถ์ ๘ เส้นจากพระพุทธเจ้า พระเกศาทั้ง ๘ เส้นนี้แหละครับ ถูกนำมาประดิษฐานอยู่ในมหาเจดีย์แห่งนี้ ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่เปิดผอบที่ใส่พระเกศาออก ก็เกิดแสงปาฏิหาริย์เรืองรอง คนพิการก็หายเป็นปกติ ต้นไม้ผลิดอกออกผล และฝนตกลงมาเป็นเพชรนิลจินด



ตลอดเวลาที่อยู่ที่นครย่างกุ้ง ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่มากที่สุดเลยครับ เรียกว่าแทบจะไม่ไปไหนเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะความอ้อนล้าจากทริปการเดินทางในทริปทั้ง 5 วันที่ผ่านมา 



ถึงแม้ผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียว ซึ่งหลายๆคนอาจจะมองว่าเหนื่อยยากนั่งรถมาตั้ง 12 ชั่วโมงเพื่อมาย่างกุ้งแล้วมาอยู่ที่นี่ทีเดียวเท่านั้น ดูแล้วมันไม่ค่อยคุ้มเอาซะเลยนะ แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันเกินคุ้มแล้วครับ การที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ มันเติมเต็มให้กับผมเรียบร้อยแล้ว สำหรับผม...ทริปนี้มันจบลงอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมแหงนหน้าขึ้นมองมหาเจดีย์แห่งศรัทธาแห่งนี้แล้ว...มหาเจดีย์ที่มีชื่อว่า....ชเวดากอง

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่แสนดี ที่ไม่เคยทิ้งกัน ถึงแม้ผมจะงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม (5555) ขอบคุณมากจริงๆ นายฟ้าใส..ครับ



ปิดท้ายไดอารี่บรรทัดสุดท้ายนี้ด้วยภาพจากบนยอดของมหาเจดีย์ชเวดากอง ที่ใครๆเขาว่ากันว่ามีเพชรนิลจินดามหาศาล จะเป็นจริงสมคำรำลือมั้ยทัศนากันเอาเองเลยครับ




หากมีโอกาสผมจะเขียนบันทึกไดอารี่อีกหน้าเต็มๆในส่วนของ มหาเจดีย์แห่งศรัทธาแห่งนี้ให้ได้อ่านกันนะครับ ขอบคุณมากที่ติดตามอ่านกันมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณทุกคนมากครับ



Create Date : 29 ตุลาคม 2556
Last Update : 31 ตุลาคม 2556 12:50:19 น.
Counter : 8822 Pageviews.

8 comments
  
วัดที่นี่สวยดีนะคะ เลื่อนลงมาเรื่อยๆ ของกินชักเริ่มเยอะ หิวเบยยย
โดย: Por IP: 101.109.121.172 วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:23:03:33 น.
  
เป็นรีวิว ที่สวยที่สุด อลังการที่สุด ของพักสบาย ที่ผมเคยดูมาครับ ไม่รู้ว่าไปกี่วัน ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้ เป็นผมต้องเหนื่อยมากๆแน่ๆเลย ขอบคุณที่ทำรีวิวดีๆให้ชมครับ
โดย: แซงค์ ชายคาตะวัน IP: 58.8.82.66 วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:0:00:25 น.
  
วัดสวยและมีมนต์ขลังมากครับ น้องปอ

ขอบคุณมากครับคุณแซงค์
โดย: Paksabuy วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:0:42:48 น.
  
เห็นรีวิวนี้แล้วไอ้ที่กลัวๆ กล้าๆ
ที่จะไปพม่าหายไปเลยค่ะ
ว่าแต่ความจริงรีวิวดีๆ อย่างนี้น่าจะ
ไปแบ่งปันในห้องบลูด้วยนะคะ

สำหรับบล็อคแก๊งค์ เอโหวตให้แล้วนะคะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
โดย: เอ เองค่ะ IP: 203.155.220.236 วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:7:38:18 น.
  
สวยมากเลยจ้าน้องเอ็ม
โดย: พี่ตุ่ม (armearn) IP: 110.168.109.64 วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:8:04:39 น.
  
ขอบคุณจ้าน้องเอ ว่าจะลงในพันทิพให้อีกทีนะ

ขอบคุณครับพี่ตุ่ม
โดย: Paksabuy วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:8:23:50 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ (ตามมาจาก facebook) ไม่ผิดหวังที่ตั้งใจเข้ามาดู ทั้งโรงแรม และอาหารการกิน ทำให้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการไปเที่ยวพม่า และแล้วก็รีบไปหาราคาทัวร์บางกอกแอร์เวย์ อย่างไว
โดย: Pim Yada IP: 202.183.152.106 วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:10:02:07 น.
  
ขอบคุณครับคุณพิม ^__^
โดย: Paksabuy วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:12:38:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Paksabuy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 340 คน [?]



free counters
Free counters