มีนาคม 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
19 มีนาคม 2560
 

พยายามอย่างที่สุด



ทไวไลท์
ในฤดูร้อน : เมื่อเบลล่าอายุ 17 ปี ก้ได้ออกจากฟินิกซ์เพื่อไปอยู่กับพ่อของเธอในฟอร์ค วอชิงตัน เธอได้พบกับผู้ชายรูปงามที่โรงเรียนนั่น ซึ่งเป็นคนที่ดูมีเสน่ห์มากกว่าคนอื่นและทำให้เธอไม่สามารถมองใครได้อีกเลย
คำนำ : ฉันไม่เคยคิดว่าฉันต้องตายยังไง แม้ว่าจะมีบทเรียนที่เพียงพอที่ฉันได้รับเมื่อไม่มีเดือนที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันได้จินตนาการมันได้เลย 
 ฉันจ้องมองปราศจากลมหายใจข้ามไปยังห้องกว้าง ไปถึงสายตามืดมนของผู้ล่า และเขาก็มองมาที่ฉันอย่างอ่อนโยน แน่นอนว่านี่เป็นทางที่ดีที่ฉันจะตายกับสถานที่ที่มีผู้ชายรูปงามที่ฉันรัก 
ฉันรุ้ว่า ฉันไม่เคยไปจากฟอร์ค ฉันไม่ต้องการตายตรงหน้าตอนนี้ แต่ฉันกลัวมาก ฉันไม่อาจนำร่างกายของตัวเองออกจากการตัดสินใจที่น่าเสียใจนี้
 เมื่อชีวิตได้เสนอฝันที่เกินความคาดหมายให้กับคุณ มันก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะเสียใจเมื่อมันได้มาถึงและจากไป
 ผู้ล่ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เขาเดินทอดน่องเข้ามาและฆ่าฉัน
บทที่ 1 แรกพบ
แม่ของฉันขับรถรุ่น 57 ในฟินิคซ์มาส่งฉันที่สนามบินพร้อมกับกระจกรถที่ลดลง ท้องฟ้าสวยงาม เมฆสีฟ้า ฉันสวมเสื้อเชิ้ตไม่มีแขนตัวโปรด ที่เป็นลายลูกไม้ มาอำลา มันเป็นไอเท็มติดตัวของฉันที่เป็นเสื้อแบบปราเกอะ
 ในโอลิมปิกแพนซูลาทางตะวันออกเฉียงเหนือของวิชิงตัน มีเมืองเล็กๆชื่อฟอร์คที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ ฝนตกที่นั่นมากกว่าทุกที่ในอเมริกา มันเป็นเมืองที่มืดมน แม่ของฉันหนีฉันไปจากเมืองนี้ตอนที่ฉันยังเด็ก และฉันมีความกดดันที่จะต้องใช้เวลาในทุกเดือนฤดูร้อนของเมืองนี้จนอายุได้ 14 ปี และในที่สุด ฉันก็ต้องมาอยู่อีก 3 ปี โดยพ่อของฉันที่ชื่อชาลีเขาได้มาเที่ยวหาฉันในแคลิฟอเนียเป็นเวลา 2 สัปดาห์แทน
  มันคือฟอร์คที่ฉันต้องเนรเทศตัวเองเข้าไป มันเป็นการกระทำที่น่ากลัวอยู่นะ ฉันเกลียดฟอร์ค
 แล้วฉันรักฟินิกซ์ ฉันรักแสงแดดและหัวใจที่พองโต ฉันรักเมืองที่มีชีวิตชีวาและกว้างขวางนี้
'เบลล่า' แม่พูดกับฉัน เมื่อตอนหลายนาทีที่ผ่านมาก่อนที่ฉันจะขึ้นเครื่อง 'ลูกไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้'
แม่ดูเหมือนฉัน ยกเว้นผมที่สั้นและมีนิสัยตลก ฉันรู้สึกตระหนกเมื่อได้จ้องไปที่ตาซุกซนของแม่ ฉันจะสามารถออกไปจากรักของฉันได้ยังไง ความผิดปกติ ความขาดสติ แม่รักษาไว้กับตัวเองยังไง ต้องเป็นเพราะแม่มีพิลอยู่ในตอนนี้แน่นอน พิลเตรียมไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ตั๋วที่ถูกซื้อไว้ อาหารที่อยู่ในตู้เย็น รถที่เติมแก๊ส และเป็นคนที่จะคุยกับแม่เมื่อแม่ได้จากไปจากฉัน 
'หนูอยากไป' ฉันโกหก มันเป็นคำโกหกที่เลวร้าย ฉันต้องพูดคำโกหกนี้ออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้แม่เชื่อ 
'ฝากทักทายชาลีด้วย'
'ได้ค่ะ'
'แม่จะไปหาหนูในเร้ววันนี้นะ' แม่ยืนยัน 'ลูกสามารถกลับมาที่นี่ได้ทุกครั้งทีลูกต้องการ แม่จะมาหาลูกทุกครั้งที่ลูกต้องการแม่' ฉันเห็นความจริงนั่นในสายตาของแม่
'ไม่ต้องห่วงหนูนะ' ฉันเร่งคำ 'มันจะดีขึ้น หนูรักแม่ค่ะ' 
แม่กอดฉันแน่นเป็นเวลานาน จากนั้นฉันก็ขึ้นเครื่องและแม่ก็จากไป
 การบินใช้เวลา 4 ชม.จากฟอร์คไปยังแซทเทิล และอีก1ชม.ต่อจากเครื่องบินลำเล็กไปยังแองเจล และอีกชม.ในการขับรถมายังฟอร์ค การบินไม่ได้ทำให้ฉันเสียอารมณ์สักเท่าไหร่รวมไปถึงการอยู่ในรถกับชาลีด้วย ไม่รวมว่าฉันมีความกังวลกับชาลีเล็กน้อย
ชาลีเป็นคนที่มีความยุติธรรมที่ดีคนหนึ่ง เขาแสดงความดีใจอย่างจริงใจที่ฉันจะมาอยู่กับเขาเป็นครั้งแรก เขาได้เตรียมลงทะเบียนที่โรงเรียนและเตรียมที่จะไปดูรถให้กับฉันด้วย แต่มันก็เกิดความเคอะเขินขึ้นกับชาลีอย่างแน่นอน ที่เราจะคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ฉันรู้ว่าพ่อมีความสงสัยมากในการตัดสินใจของฉันเหมือนกับแม่ ซึ่งพ่อรู้ดีว่าฉันเกลียดฟอร์ค
   เมื่อฉันมาถึงสนามบินแองเจล ฝนตกลงมา ฉันไม่ได้มองว่าเป็นลางนะ แต่มันก็ไม่สามารถเลี่ยงได้ ฉันพร้อมที่จะโบกมือลาดวงอาทิตย์แล้ว
   ชาลีรอฉันอยู่บนเรือลาดตระเวน นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันหวังไว้เหมือนกัน ชาลีเป็นหัวหน้าตำรวจที่ดีคนหนึ่งในฟอร์ค และสิ่งที่เป็นการปรับปรุงขั้นแรกของฉันหลังจากได้ซื้อรถแม้ฉันจะมีเงินไม่มากพอก็ตาม นั่นก็คือได้ขับไปรอบๆเมืองไปกับแสงสีในเมือง และไม่มีอะไรที่จะให้ฉันหยุดได้นอกจากสัญญาณไฟที่เหมือนตำรวจ
    ชาลีทำให้ฉันเขิน เมื่อเขาใช้มือข้างหนึ่งกอดฉันไว้เมื่อฉันสะดุดตรงทางที่ออกจากเครื่อง
"มันดีที่ได้เจอลูกนะ เบลล่า" พ่อพูดและยิ้มพร้อมยื่นมือมาจับและเดินข้างๆฉัน 
"ลูกไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย แม่เป็นไงบ้าง"
"แม่สบายดี แล้วก็ดีที่ได้เจอพ่อเหมือนกันค่ะ" ฉันพูดแบบไม่ได้มองหน้าของเขา
  ฉันมีกระเป๋าไม่มาก จะมากที่สุดก็คือเสื้อผ้าอะริโซนาของฉันที่มาจากวอชิงตัน แม่และฉันได้รวมเงินกันซื้อตู้เสื้อผ้าเก็บเสื้อผ้าฤดูหนาว แต่มันก็ไม่เพียงพอ มันน่าจะเหมาะกับรถบรรทุกหรือว่าเรือมากกว่า
"พ่อได้หารถที่ดีสำหรับลูกด้วยนะ มันถูกด้วย" พ่อพูดขึ้นเมื่อเราถึงบ้าน
"เป็นรถยี่ห้ออะไรคะ" ฉันสงสัยกับคำที่พ่อพูดว่า 'รถที่ดีสำหรับฉัน' มันดูจะตรงข้ามกับ 'รถที่ดี' นะ
"อืม...เป็นรถบรรทุก ยี่ห้อเชฟวี่"
"พ่อหามันมาจากที่ไหนคะ"
"ลูกจำลาพุชได้ไหม" ลาพุช เป็นคนอินเดียชนกลุ่มเล็กที่อาศัยยู่แถบชายฝั่ง
"ไม่ค่ะ"
"เขาเคยมาตกปลากับพวกเราระหว่างฤดูร้อนนะ" ชาลีกระตุ้น
    ฉันจะอธิบายว่าทำไมฉันถึงจำเค้าไม่ได้นะ... เพราะฉันสามารถเก็บความเจ็บปวดไว้และไม่จำสิ่งที่ไม่จำเป็นกับตัวเองได้ดีเลยน่ะสิ่
"ตอนนี้เขานั่งวิลแชร์แล้วนะ" ชาลีพูดต่อเมื่อฉันไม่ได้ตอบรับอะไร "แล้วเขาก็ไม่ได้ขับรถแล้ว เขาก็เลยเสนอราคารถให้พ่อถูกๆ"
"มันเป็นปีอะไรคะ" ฉันเห็นถึงการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของเขาว่านี่คือคำถามที่เขาหวังให้ฉันไม่ถาม
"อืม...งานของบิลลี่ไม่ได้ใช้รถมาก ก็คงไม่นานหรอกนะ"
  ฉันหวังว่าพ่อคงไม่คิดมากจนเหลือเชื่อนะ ฉันกำลังทำให้ง่ายขึ้น "เขาซื้อรถมาเมื่อไหร่คะ"
"เขาซื้อมาในปี 1984 นะพ่อว่า"
"เขาซื้อมาใหม่ใช่ไหมคะ" 
"อืม... ไม่นะ พ่อว่ามันน่าจะใหม่ในช่วง 60 ปีแรกหรือไม่ก็ 50 ปีแรกเลยล่ะ" พ่อยอมรับอย่างเคอะเขิน
"ชา... พ่อคะ หนูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถนี้เลย หนูไม่อยากซ่อมมันถ้ามีอะไรผิดพลาด และหนูไม่สามารถจ่างเงินให้กับเครื่องยนต์..."
"รถคันนี้วิ่งได้ดีจริงๆนะเบลล่า พวกเขาไม่ได้สร้างมันให้เป็นแบบที่ลูกคิดนะ"
"ราคาที่ว่าถูก ถูกยังไงคะ" อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังไม่ยอมอยู่ดี
"โอ้ ลูกรัก พ่อซื้อมันมาเป็นของขวัญกลับบ้านให้กับลูกนะ" ชาลีจ้องมองไปที่ข้างตัวฉันที่เต็มไปด้วยความหวัง
  ว้าว ดีจริงๆ
"พ่อไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ หนูไปซื้อรถด้วยตัวของหนูเองได้"
"พ่อไม่ได้ซีเรียส พ่อแค่อยากให้ลูกมีความสุข"เขามองไปบนถนนเหนือศีรษะฉันตลอดการพูด ชาลีไม่ได้รู้สึกดีกับความคิดนี้ อารมณ์ของเค้ามันสื่อออกมา ฉันได้รับการถ่ยทอดสิ่งนี้มาจากพ่อ ดังนั้นฉันจึงต้องยอมรับสินะ
"มันดีค่ะพ่อ ขอบคุณนะคะ หนูซาบซึ้งมันจริงๆค่ะ" ไม่จำเป็นที่เพิ่มเติมการเริ่มต้นความสุขของฉันที่ฟอร์คที่ไม่สามารถเป็นไปได้ พ่อไม่ต้องการที่จะให้ความอดทนที่มากกับฉัน และฉันก็ไม่เคยเห็นรถบรรทุกนั่น หรือจะเรียกว่าเครื่องจักรดีล่ะ
"เอาล่ะ ยินดีต้อนรับนะลูก" พ่อพึมพำ ดูเขินกันคำขอบคุณของฉัน
    เราเปลี่ยนมาพูดเรื่องอากาศอีกไม่กี่คำ ทุกสิ่งเปียก และก็ดูน่ารักสำหรับบทสนทนา เราจ้องมองออกไปข้างหน้าต่างๆท่ามกลางความเงียบ
    แน่นอนว่ามันสวยจนฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ ทุกสิ่งเขียวขจี ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ รถบรรทุกที่โดนปกคลุมไปด้วยมอส และได้ขยายไปเกาะอยู่ตามชายคาบ้าน พื้นถูกปกคลุมไปด้วยเฟิร์น อากาศก็ถูกกรองด้วยความเขียวขจี
   มันเหมือนดาวเคราะห์ต่างดาวสีเขียวเลยล่ะ
ในที่สุดเราก็ได้มาอยู่บ้านของชาลี เขาอยู่ในบ้านเล็กๆ 2 ห้องนอน ที่เขาได้ซื้อไว้กับแม่ตอนแต่งงานใหม่ๆ  ที่สวนหน้าบ้านก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย มันใหม่สำหรับฉัน ก้ดีนะ..ใหม่สำหรับฉัน รวมทั้งรถบรรทุกนั่นด้วย มันเป็นสีแดงเรื่อๆ คันใหญ่ มีล้อและดูเหมือนรถม้า เป็นเซอไพรซ์ของฉัน ฉันรักมันนะ ฉันไม่รู้ว่าถ้ามันได้วิ่ง ฉันจะได้เห็นมันด้วยตัวเองหรือเปล่า บวกกับโลหะเหล็กที่ไม่เคยโดนทำลาย มันเป็นประเภทที่คุณเห็นรอยของอุบัติเหตุ  แต่ไม่มีรอยขีดข่วน รถหรูที่อยู่รอบๆไม่อาจทำลายได้เลย
"ว้าว พ่อ หนูรักมัน ขอบคุณมากค่ะ!" 
    ในวันพรุ่งนี้ดูจะน่ากลัวมากเลย ที่ฉันจะไม่ต้องเลือกตัวเลือกที่อยู่หน้าได้ 2 ตัวเลือกได้คือ เดินไปโรงเรียนเป็นระยะทาง 2 ไมล์ท่ามกลางฝนกับยอมขี่เรือของพ่อไป
"พ่อดีใจที่ลูกชอบมัน" เขาเขินอีกครั้ง
   การมานี่ใช้เวลาเป็นทั้งหมดของกิจกรรในวันนี้ ฉันไปที่ห้องนอนที่มองออกไปข้างหน้าเป็นลานกว้าง ห้องนี้เป็นห้องครอบครัว มันอยู่กบฉันมาตั้งแต่ฉันเกิด ทั้งพื้นไม้ ผนังสีฟ้าอ่อน เพดานที่เป็นยอดแหลม ผ้าม่านสีเหลืองที่อยู่รอบๆหน้าต่าง เหมือนกลับไปป็นเด็กอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือชาลีได้มาติดเปลสำหรับนอนพักและได้เพิ่มโต๊ะเข้ามาเมื่อฉันโตขึ้น บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์มือสองวางอยู่ พร้อมกับสายโทรศัพท์จากโมเด็มที่ถูกติดกับพื้นซึ่งใกล้กับสายแจ็คโทรศัพท์ มันเป็นข้อตกลงจากแม่ ให้เราสามารถติดต่อกันได้อย่างสะดวก เก้าอี้โยกในวันที่ฉันยังเป็นเด็กถูกวางไว้อยู่มุมห้อง
    นั่นเป็นห้องน้ำห้องเดียวที่อยู่บนบรรได และฉันก็ต้องใช้ร่วมกับพ่อด้วย ซึ่งฉันกำลังพยายามอยู่กับความเป็นจริง
    ชาลีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เขาไม่เคยแสดงพฤติกรรมน่ากลัวนั่น พ่อทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเพื่อจัดของ แต่แม่จะไม่มีทางให้ฉันจัดคนเดียวแน่ มันก็ดีนะที่ฉันได้อยู่คนเดียว แต่มันก็ไม่มีรอยยิ้มและความดีใจเลย สิ่งที่จะบรรเทาในตอนี้ได้คือการมองออกไปนอกหน้าต่างมองสายฝนนั่นและหลีกหนีจากน้ำตา ฉันไม่มีอารมณ์มานั่งร้องไห้จริงๆหรอกนะ ฉันจะเก็บมันไว้ให้กับเวลาแย่ๆ ตอนที่ฉันคิดว่าเมื่อไหร่จะเช้าสักทีนั่นแหละ
    โรงเรียนฟอร์ค มีนักเรียนที่ไม่ดีราวๆ 357 คน และตอนนี้อาจเป็น 358 คนไปแล้ว ที่นั่นมีคนมากกว่า 700 คนในชั้นของฉันที่อยู่คนเดียวที่บ้าน ทุกคนมาเติบโตด้วยกันที่นี่  ปู่ย่าตายายของพวกเขาก็คงเคยทำกันมา
   ฉันอยากจะเป็นผู้หญิงคนใหม่ในเมืองใหญ่นี้ มีความอยากรู้และการเสแสร้ง
บางที ถ้าฉันดูเหมือนผู้หญิงที่มาจากฟินิกซ์ มันอาจจะดีสำหรับฉัน แต่ทางกายภาพ ฉันไม่เหมาะกับที่นี่เลยจริงๆ ฉันควรจะมีผิวแทน ดูเป็นนักกีฬา ผมสีบลอนด์ เล่นวอลเล่บอลหรือว่าเป็นเชียลีดเดอร์อะไรนั่นก็ได้ แต่บางทีทุกสิ่งอาจจะเกิดขึ้นตอนไปเล่นวอลเล่กลางแดดก็ได้
   แต่ดูสิ่ ฉันกลับมีขาวแทน และแม้แต่ตาฉันก็เป็นสีฟ้าหรือผมที่ยังเป็นสีแดงอีกด้วย ฉันมีหุ่นที่ผอมบางเห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนนักกีฬาเลยสักนิด
   ฉันไม่สามมรถจับความสัมพันธ์ระหว่างือและตาในการเล่นวอลเล่บอลได้ มันเลยดูน่าอายและยังไปทำร้ายคนที่อยู่ข้างอีกด้วย
   เมื่อเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย ฉันก็เอาของที่จำเป็นสำหรับการอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายหลังจากที่ได้เดินทางมาทั้งวัน ฉันเงยมองหน้าของฉันในกระจก พร้อมกับแปรงผมที่ยุ่งเหยิงที่เปียก หน้าของฉันดูสว่างแต่ซีดมาก ดูสุขภาพไม่ดีเลย  ผิวของฉันน่าจะดีกว่านี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสีซึ่งฉันไม่รู้ว่าจะเอาสีอะไรมาใส่ดี
 ผิวซีดของฉันที่สะท้อนออกมาอยู่ตรงหน้าในกระจก ฉันต้องยอมรับคำโกหกของตัวเอง ทางกายภาพของฉันมันไม่เคยเหมาะกับที่นี่เลย และถ้าฉันไม่สามารถหาซอกในโรงเรียนกับ3,00 คน แล้วฉันจะสามารถมีโอกาสอะไรที่นี่บ้าง
  ฉันสร้างความสัมพันธ์ไม่เก่งกับเพื่อนวัยเดียวกัน แม้แต่แม่ของฉันที่ฉันปิดกั้นกว่าคนอื่นบนโลก แม่ไม่ค่อยสนิทกับฉัน ฉันหวังว่าถ้าฉันได้เห็นในสิ่งที่ทุกคนมองข้าม มันอาจจะเป็นความผิดพลาดกับสมองของฉันก็ได้ แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างจะแสดงผลออกมาเอง และพรุ่งนี้ก็จะเริ่มต้นขึ้น
  ฉันนอนไม่หลับในคืนนี้ หลังจากที่ร้องไห้ออกมา ฝนกำลังตกและมีลมเข้ามายังชายคาบ้าน ฉันหยิบหมอนขึ้นมา และหลับลงไปในกลางดึกเมื่อฝนได้ซาลง
  ฉันมองเห็นกบจำนวนมากที่อยู่นอกหน้าต่างยามเช้า และฉันก็รู้สึกว่าเหมือนมีโรคประสาทคลานเข้ามาหาฉันในตอนที่มองท้องฟ้า คุณคงไม่เคยเห็นท้องฟ้าที่นี่ ... มันเหมือนกับกรงขังเลย
  อาหารมื้อเช้าของฉันกับพ่ออยู่ท่ามกลางความเงียบเหมือนเคย พ่อขอให้ฉันโชคดีกับโรงเรียนใหม่ ฉันขอบคุณขาและรู้ว่าความโชคดีนั้นมันได้หนีจากฉันไปแล้ว พ่อออกไปก่อนฉัน เพื่อไปยังสถานีตำรวจแล้วไปหาภรรยาใหม่และครอบครัวของเขา ฉันเก็บโต๊ะเข้ากับเก้าอี้ และไปสำรวจครัวเล็กๆนั่น ผนังครัวสีดำถูกนำตู้ใส่ของสีเหลืองเข้ามาติดไว้ และยังมีเสื่อน้ำมันสีขาวบนพื้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย รอยที่แม่วาดไว้ที่ตู้เมื่อ 18 ปีก่อนในความตั้งใจที่จะนำความสุขมาให้กับครอบครัว และบนเตาผิงนั่นก็มีรูปวัยเด็กของฉันตอนที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเมื่อหลายปีมาแล้ว มันดูเขินนะที่ได้ดูมันอีกครั้ง และฉันก็อยากรู้อีกว่าชาลีได้เก็บรูปไว้ที่ไหนอีกรึเปล่า เพราะเท่าที่ฉันเห็นมันคือส่วนหนึ่งเท่านั้น
   มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะเริ่มต้นในบ้านหลังนี้  มันไม่ได้ตระหนักว่าชาลีไม่เคยไม่ลืมแม่ มันทำให้ฉันไม่สบายใจสักนิด
   ฉันไม่ต้องการที่จะไปโรงเรียนแต่เช้า แต่ฉันก็อยู่ที่บ้านไม่ได้อีก ฉันใส่เสื้อแจ๊คเกตของฉันและมุ่งหน้าออกไปหาฝน
   ฝนตกแบบปรอยๆอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ทำให้ฉันเปียกมากนัก ฉันก้าวผ่านประตูไปทันทีก่อนที่จะหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้ชายคาบ้านบนประตูเสมอ และหันมาล็อคบ้าน โคลนเข้ามาในร้องเท้ากันฝนคู่ใหม่ของฉัน เพราะฉันพลาดไปเดินเร็ว มันทำให้ฉันเสียประสาทมาก ฉันไม่สามารถหยุดเดินได้และเดินไปที่รถบรรทุกของฉันอย่างชื่นชม ฉันจึงรีบขึ้นไปบนรถเพื่อหนีออกไปจากหมอกที่อยู่รอบๆหัวและที่มาจับกับผมของฉันใต้ฮูท
   ในรถ มันดีและแห้ง น่าจะเป็นบิลลี่หรือชาลีนี่แหละที่มาทำความสะอาดมัน แต่เบาะสีน้ำตาลก็ยังมีกลิ่นยาสูบ น้ำมัน และเปเปอร์มิ้นอยู่ เครื่องจักรสตาร์ทอย่างรวดเร็ว เป้นความโล่งอกของฉัน แต่เสียงมันดังแล้วก็ทำงานไม่ดังสักเท่าไหร่ อืม... รถบรรทุกนี่ดูเก่าน่าจะมีข้อบกพร่องนั่นแหละ เครื่องเสียงโบราณดังขึ้น ฉันเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก ซึ่งฉันก้ไม่อยากรับมันสักเท่าไหร่ล่ะนะ
  การค้นหาโรงเรียนไม่ยากนัก แม้ว่าฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เป็นโรงเรียนที่เหมือนกับที่อื่นๆ เพียงไม่ถึงทางด่วน แต่เมื่อมาถึงมันไม่ได้เป็นแบบโรงเรียนจริงๆ มีป้ายเพียงอย่างเดียวที่บอกว่านี่คือ โรงเรียนฟอร์ค มันดูเหมือนบ้านที่สร้างด้วยอิฐสีแดง มีต้นไม้เยอะมากและก็พุ่มไม้อีก และฉันก็สงสัยอีกว่าที่นี่ไม่มีรั้วหรือยังไง หรือว่าจะมีเครื่องตรวจจับโลหะอยู่?
  ฉันขับรถมาจอดที่หน้าตึกแรก มีป้ายเล็กติดไว้บนประตูไว้ให้อ่านข้างหน้าที่ทำงาน ไม่มีใครจอดรถที่นี่เลยและฉันก็มั่นใจว่ามันไม่ได้มีจำกัดอะไร ฉันจึงตัดสินเดินไปข้างในแทนที่จะขับรถวนไปท่ามกลางฝนแสนงี่เง่านี่ ฉันสูดลมหายใจลึกๆพร้อมกับเปิดประตูออก
  ข้างในสว่างและอุ่นกว่าข้างนอก มีโล่และรางวัลมากมายติดอยู่ที่ผนัง มีเคาท์เตอร์อยู่กลางห้องและหลังเคาท์เตอร์ก็มีเบาะนั่งที่กว้าง แล้วก็มีผู้หญิงผมสีแดงใส่แว่นตานั่งอยู่ เธอใส่เสื้อสีม่วง และมันทำให้ฉันคิดทันทีว่าแต่งตัวเว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย
  ผู้หญิงผมแดงเงยหน้ามองฉัน "มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"
"ฉัน อิสซาเบลล่า สวอนค่ะ " ฉันแนะนำตัวกับเธอ แววตาของเธอฉายความรับรู้ ฉันคาดหวังว่าเรื่องที่พูดไปจะไม่น่าสงสัยนะ นี่ลูกสาวของอดีตภรรยานายตำรวจใหญ่เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านค่ะ! 
"แน่นอนแน่ๆ" เธอพูด จากนั้นก็หันไปค้นกองกระดาษที่อยู่บนโต๊ะเพื่อหาบางสิ่งบางอย่าง "ฉันมีตารางเรียนของคุณ แล้วก็แผนที่โรงเรียน" เธอยื่นแผ่นกระดาษทั้งหมดมาให้ฉัน
 เธอยื่นคาบเรียนของฉันมาให้ พร้อมกับไฮไลท์ทางที่ดีลงในแผนที่ และก็ให้แผ่นกระดาษที่มีลายเซนอาจารย์ท่านอื่นมา นี่เป็นสิ่งที่ฉันจะนำไปด้วยจนจบวันนี้ เธอยิ้มให้ฉัน 
(ขอไว้แค่นี้ก่อนนะคะพี่ปุ้ม จริงๆหนูอ่านแล้วแปลจบบท1 แล้วค่ะ แต่ว่าไม่ได้พิมไปพร้อมแปลก็เลยมานั่งพิมใหม่ แต่ว่าตอนนี้มีงานทำส่งอาจารย์พี่ หนูอ่านทุกวันจริงๆค่ะพี่ แล้วหนูจะพยายามทำให้ได้ทุกวันนะคะ)




Create Date : 19 มีนาคม 2560
Last Update : 19 มีนาคม 2560 20:01:04 น. 0 comments
Counter : 550 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

สมาชิกหมายเลข 3751594
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 3751594's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com