เริ่มแรกที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากสีไม้มาใช้สีน้ำเพราะราคาสีไม้มหาโหดมาก การวาดงานชิ้นนึงๆก็ใช้สีหมดไปกันทีละเกือบครึ่งกล่อง เพราะเหลาให้มันแหลมอยู่นั่นเพื่อได้งานเนี๊ยบๆแบบที่เราชอบ

แรกๆเลยก็วาดแบบเด็กนักเรียนเพราะคิดได้แค่กระดาษ 100 ปอนด์ทั่วๆไป ครั้งแรกหัดจากกระดาษเรอเนซองส์ แบบเล่มค่ะ เล่มสีทองๆนั่นล่ะค่ะ ชนิดหยาบๆ เราก็ซื้อไปไม่เคยสนใจอะไร ว่าเจ้านี่มันมีดีไม่ดีอย่างไรบ้าง ... วาดไปสัก 5-6ภาพได้ ก็เกิดความรู้สึกว่า เจ้ากระดาษนี้ไม่ตอบโจทย์เราซะละ เพราะสไตล์วาดแบบดรออิ้งของเรานี่ล่ะค่ะ อ้อ บอกก่อนว่าเราไม่ได้วาดแบบสีน้ำทั่วไปนะคะ งานเราจะมีทั้งวาดแบบ wet on wet / wet on dry และ dry on day ** พวกนี้เดี๋ยวมาเขียนเล่าอีกที ว่ามันคืออะไร วาดอย่างไรเนอะ วันนี้เอาเรื่องกระดาษก่อน

จากนั้นก็มาเปลี่ยนใช้ กระดาษ Favini กระดาษนี้ก็เหมือนๆกับเรอเนซองส์มีขายเป้นแบบแผ่นเต็มA1ค่ะ ลายกระดาษจะหยาบกว่าเรอเนซองส์ มันยิ่งไม่เหมาะกับเรามากกว่าเดิมอีก เพราะมันไม่อุ้มน้ำเอาซะเลย แห้งไวมากๆ และยุ่ยง่ายสุดๆ แค่ทดสอบสีก็เอาไว้เป็นกระดาษรองมือกันเลอะแทน

ทีนี้ก็ตัดสินใจว่าวุ้ย เราจะมามั่วๆซื้อไปแบบนี้ไม่ดีมั้ง ลองถามศิลปินที่เค้าวาดสีน้ำกันดีกว่า ... ได้ความมาว่า arche คือคำตอบ 10/10 เลยค่ะ ทุกคนใช้ และทุกคนแนะนำ ตอนนั้นก็ตัดสินใจสั่งซื้อมาใช้ดู แต่พบว่า ...เฮ้ยยย ไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่กระดาษสำหรับเรา ตอนซื้อมาก็มาแบบแผ่นนะคะ ไม่ได้มาแบบเล่ม เราเลยยังไม่รู้รายละเอียดอะไรของกระดาษเลย จนมาวันนึง เราก็ไปพบว่า ที่B2S ลำปางนี่มีเครื่องเขียนขายกระดาษส่วนใหญ่เป็น canson ได้การละ ก็เลยจัดการ จัดมาทีละเล่ม ทีละชนิด เอามาลองดูก่อนว่าอันไหนนะจะเหมาะกับเรา

และด้วยหน้าปกของกระดาษสีน้ำแบบเล่มนี้ล่ะ ทำให้เราพบบางสิ่งที่เราไม่เค๊ย ไม่เคยสนใจมาก่อน ... Rough / Cold pressed / Hot pressed คืออะไรนะ แต่ละเล่มสีปกต่างกัน เขียนบอกต่างกัน มันคืออะไรนะนึกในใจว่าร้านมันจะซีลพลาสติกมาทำไมน๊อ(เค้าก็ซีลมาเผื่อเราไปลูบกระดาษเค้าจนดำปื้นๆไง) เปิดดูเนื้อกระดาษก็ไม่ได้ กลับมาบ้านจัดการหาอากู๋ ... แล้วก็พบว่าโลกสีน้ำของฉัน สว่างจ้ามาก.....

ฉันไม่ได้วาดห่วยหรอกนะที่ผ่านมา ฝีมือฉันไม่ได้ด้อยหรอก แต่..ฉันไม่รู้จักกระดาษดีพอต่างหากฉันเลยเลือกใช้ไม่เหมาะกับตัวเอง

เท่านั้นล่ะ อะไรที่มันเขียนอยู่บนปกฉันก็เอามาถามอากู๋จนหมดสิ้นหายโง่กันเลยทีเดียว ตาสว่างราวกับโดนตบ แนวที่เราวาดนี้เหมาะกับกระดาษเรียบค่ะ

กระดาษเรียบคือ Hot pressed เป็นกระดาษที่ผ่านกระบวนการทางความร้อนทับจนเรียบเนียน เหมาะกับการวาดรายละเอียดมากๆ กระดาษอุ้มน้ำได้ดี แก้ไขได้ วาดทับได้หลายครั้ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบวาดฉ่ำๆในพื้นที่เยอะๆ เพราะด้วยคุณสมบัติของกระบวนการในการบีบอัดกระดาษ ทำให้มันอมน้ำได้ดีก็จริงแต่น้ำก็ไม่กระจายตัวไปมาก กระดาษนี้ ใช้ดรออิ้งได้เหมือนกัน มีศิลปินหลายคนใช้วาดสีไม้ ผสมกับสีน้ำ กระดาษก็ไม่เป็นขุย หรือขึ้นเงาวาวๆ นะคะ เมื่อก่อนนี้โทษสีไม้เลย ยี่ห้อนั้นนี้ไม่ดี วาดแล้วมันวาวๆ วาดทับไม่ได้ ที่แท้ตัวเองเลือกกระดาษไม่เป็นเอง เรียกได้ว่า ขึ้นเวทีไม่ถูก ตัวจะรำแต่ดันไปขึ้นเวทีมวย อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ

กระดาษยอดนิยม คือ Cold pressed ที่บอกว่ายอดนิยมคือ มันหาซื้อได้ทั่วไป และทุกยี่ห้อมีขาย หาไม่ยาก กระดาษนี้คือ กระดาษที่มีผิวหยาบเล็กน้อย บางคนเรียกว่า กระดาษกึ่งหยาบ คุณสมบัติของกระดาษแบบนี้จะอุ้มน้ำได้เยอะ ค่อนข้างแห้งช้า แก้ไขได้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่เท่าแบบ hp เพราะมันมีพื้นผิว สีจะทิ้งเกรน(คราบ)ได้ง่ายกว่าแบบ hp สีกระจายตัวไปได้มากกว่า แบบ hp ในพื้นที่กว้าง เก็บรายละเอียดได้ดีพอสมควร แต่ไม่นิยมใช้วาดงาน Botanical ด้วยตัวกระดาษมีพื้นผิวชัด เวลาถ่ายรูปเพื่อเป็นงาน print จะไม่ค่อยสวยค่ะ เดี๋ยววันหลังมาเล่าว่าทำไมงาน botanical มักทำเป็นงาน print และกระดาษ มักใช้แบบ extra white กัน

กระดาษแบบ Rough หยาบมาก ผิวสัมผัสนี่สนุกมากค่ะ ถ้าคนชอบวาดสีน้ำแบบฟู่ๆ น้ำเยอะๆ ปาดสนุกๆ นี่ก็เป็นหัวใจของเทคนิคเหมือนกันค่ะว่าต้องกระดาษชนิดนี้ ความหยาบของกระดาษ ทำให้กระดาษสามารถกระจายน้ำไปได้เยอะมาก สีแห้งช้า เพราะฉะนั้นจะทับ จะปาด จะป้าย จะโรยเกลือสร้างtexture ก็สามารถทำได้แบบสนุกๆ แต่..ไม่เหมาะเอามาวาดแบบเก็บรายละเอียดยิบๆนะคะ เส้นแตกกันเลยทีเดียว เหมาะกับงาน landscape วาดวิวทิวทัศน์ ท้องทุ่ง ทะเล กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา ฟ้าสีฟ้าปร๊าบส้มยามเย็น กระดาษนี้จัดให้ได้

อากู๋ ทำให้โลกสีน้ำของเราเบิกเนตรกันเลยทีเดียว ทีนี้ก็ได้ความรู้เรื่องกระดาษแล้วก็เลือกใช้ให้เหมาะกับงาน ยังๆๆ มันมีอีกนะคะ ในหน้าปกไม่ได้บอกแค่นี้ ...

กระดาษ แบบ 100%Cellulose คือกระดาษที่ทำมาจากเยื่อไม้ค่ะ เวลาเอามาวาดจะได้รูปแบบนึงคือ มันจะคลุมโทนสีให้อัตโนมัตินะเออ เอากะเค้าซิ ด้วยคุณสมบัติของกระดาษชนิดนี้ ซึ่งผลิตมาจากเยื่อไม้ใยไม้ทั้งหลายมันจะไม่ทำให้สีสดมาก อย่าไปโทษสีนะคะว่าทำไมสีฉันมันห่วยแตก ไม่สดเอาซะเลย สำหรับคนที่ชอบวาดงานโทนสีเน่าๆนิดๆ ทึมๆหน่อยๆ สไตล์แอนทีคเบาๆ กระดาษนี้เลยค่ะตอบโจทย์ ไม่ต้องไปผสมสีให้เน่าให้ตุ่น แค่วาดไปตามสดๆเรา นี่ล่ะมันตุ่นให้เอง เออไงล่ะตอบโจทย์คนชอบสีแนวเอิร์ทเลยนะคะ กระดาษชนิดนี้ เค้ามักผลิตมา2 แบบคือ Rough กับ Cold pressed นะคะ ยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเค้าคือ canson รุ่น montval ค่ะ ส่วนยี่ห้ออื่นๆก็มีบ้างแต่ไม่ค่อยมีเห็นในบ้านเราเท่าไหร่

กระดาษ แบบ100%Cotton คือกระดาษที่ผลิตมาจากเส้นใยฝ้ายนะคะ ดังนั้นคุณสมบัติของมันจึงมีมากกว่า กระดาษที่มาจาก cellulose หรือ fiber สีที่วาดลงไปจะสดนะคะ เรียกว่าสีไม่ดรอป หลายคนเข้าใจผิดว่าสีไม่ดีวาดแล้วซีด ส่วนหนึ่งมาจากกระดาษค่ะ ไม่ใช่แค่ตัวสีนะคะ เป็นกระดาษที่เหมาะกับคนที่ชอบสีสันสดใสค่ะ เพราะลงสีแล้วไม่เสียใจ แปร๊บเข้าตาราวกับเพชรส่องแสงกันเลย กระดาษเกรด artist จะคัดเลือกใยฝ้ายที่มีคุณภาพดีมาผลิต เราอาจจะพบเห็นบางยี่ห้อ ที่ราคาถูก(มาก) ใช้ใยฝ้ายแต่ไม่ได้บอก % ไว้ ก็จะพอเข้าใจไว้ได้ว่า มีส่วนผสมของใยฝ้าย ที่10-70 % และคุณภาพของใยฝ้ายอาจจะไม่ดีนัก เวลาวาดจึงไม่ค่อยอุ้มน้ำได้มาก หรือทำให้สีสดอย่างที่เราต้องการ เวลาเลือกซื้อก็ต้องละเอียดตรงนี้นิดนึง ไม่ใช่ว่าเห็นว่าทำจากcotton ก็คว้าได้เลยนะคะ

กระดาษแบบ Fiber คือ กระดาษที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ผสมกับเยื่อไม้ หรือ ใยcotton อันนี้มันจะมี % เขียนไว้นะคะ บางครั้งก็ไม่มีบอก ส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษเกรดstudio ที่นักศึกษาใช้กันนี่ล่ะค่ะ เพราะมีราคาถูก ถ้าเจอกระดาษที่เป็น cotton fiber ก็ให้เข้าใจว่ามันผสมcotton แค่ 10-20 % นะคะ อย่าคาดหวังกับมันว่าจะดีมาก

มาถึงความหนาของกระดาษ กระดาษสีน้ำ มีความหนามากก็ลดการบวมน้ำได้มาก ส่วนมากนิยมใช้กันที่ 300 แกรม(gsm.)ไปจนถึง 640 แกรม ราคาก็แพงตามความหนานะคะ หนามากแพงมาก

ส่วนสำคัญๆของการเลือกกระดาษก็มีประมาณนี้ล่ะค่ะ เลือกใช้ให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง ถ้ายังไม่มีสไตล์ก็คว้ามาลองมันทุกแบบดูค่ะ แล้วจะพบว่า สีน้ำมันไม่ได้ยากอะไรนักหรอกนะ แค่ทำความรู้จักกระดาษให้มากที่สุด แล้วที่เหลือ เลือกกระดาษที่เหมาะกับเรา หัวใจของการวาดสีน้ำ อันดับแรกคือกระดาษนะคะ รองมาคือ สี และพู่กัน

ส่วนยี่ห้อ แล้วแต่ความสะดวกในกระเป๋าค่ะ กระดาษเกรด artist มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อเลือกให้เหมาะกับเราก็เป็นพอเนอะ ส่วนเราลงตัวที่สุดกับ Fabriano artistico extra white แบบ hot pressed ค่ะ ตอบโจทย์ ตอบสไตล์การวาดของเราที่สุดแล้วในขณะนี้ ด้วย ราคาไม่แรงเกินไป หาซื้อไม่ยากเพราะมีคนใช้งานอยู่พอสมควร ไม่ใช่แรร์ไอเท่มนะคะ ร้านสมใจมีขาย ร้านนานาภัณฑ์มีขายค่ะ สั่งออนไลน์ก็ได้สะดวกดี

ที่สำคัญอีกประการคือ กระดาษสีน้ำมันมีหมดอายุนะเออ ... ซื้อมาแล้วอย่าดองนะคะ ใช้ๆไปให้มันหมดไวๆ กระดาษเนื้อเกรดดีๆ มันมีอายุใช้งานค่ะ เคยเจอfabriano ห่อนึง ผิวสัมผัสกระดาษมันแปลกๆ เวลาวาดมันจะฟู่ผิดปกติ เราเลยลองดูที่วันเดือนปีผลิต พบว่ามันค่อนข้างนานมาก ร้านเก็บไว้นานเกินไป กระดาษมันคงเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แม้มันจะไม่ยุ่ยไม่ย่อยสลาย แต่มันก็ไม่คงสภาพเหมือนกัน อันนี้เราก็เพิ่งรู้จากการสังเกตเวลาวาดเองนะคะ เวลาซื้อของเซลก็ต้องดูดีๆนิ้ดส์นุง เพราะมันแพงเนอะซื้อมาแล้วไม่ดีก้ต้องทำใจกันไป วันนี้พอเรื่องกระดาษก่อน ไว้มาเล่าเรื่องสี และ เรื่องการวาด botanical เนอะ