ลับ! ฉบับคู่โลก : ตอนที่ 3 พี่น้องต่างอุดมการณ์ (1/2)

พี่น้องต่างอุดมการณ์

ปลายปีคริสตศักราช  2997

เบอร์ลิน  ประเทศเยอรมัน
 

ทันทีที่เหล่าเจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์แม่บ้านตรวจนับหุ่นยนต์ทุกตัวหลังตารางการทำงานภาคค่ำเสร็จสิ้น  อันได้แก่  รับใช้อาสาสมัคร  ทำความสะอาดอาคาร  และนำขยะทั้งหมดไปรวมไว้ที่โรงทิ้งขยะ  พวกเขาต้องตรวจสภาพเครื่องจักรพร้อมเปลี่ยนแบตเตอรี่ชิ้นใหม่ให้พวกมันทุกคืน

ที่ชั้น 54 ของอาคารสำนักงานสาขาย่อย บริษัทผู้ผลิตทุกสิ่งทุกอย่าง จำกัด แห่งนี้  ไม่ได้หรูหราเช่นชั้นอื่นๆ หากแต่ถูกแบ่งออกเป็นห้องย่อยประมาณสิบกว่าห้อง  ตั้งแต่ห้องทำความสะอาด  ห้องตรวจสภาพ  ห้องซ่อมแซม  และห้องนอน  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของหุ่นยนต์ทั้งสิ้น

ไรอัน  วัตต์สัน หรือที่รู้จักกันในนาม  ไรอันน้องชายสตีเฟนหัวหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์แม่บ้าน  กำลังตรวจนับหุ่นยนต์อีกครั้ง  ก่อนนำพวกมันเก็บเข้าตู้ตามรายชื่อในห้องนอนหุ่นยนต์  เขาตามพี่ชายเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานด้วยวัยเพียงยี่สิบสองปี  หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตในเหตุเพลงไหม้บ้าน  แต่เขากลับรอดชีวิตมาได้โดยการช่วยเหลือจากชายผิวสีแปลกหน้า  แม้ว่าสองพี่น้องจะดูละม้ายคล้ายกันมาก  ทั้งขนาดตัวที่สูงเพียงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร  สำเนียงการพูดจาแปล่งๆ แบบชาวคาร์ดิฟ  ผมสีเข้มตัดสั้นเรียบร้อย  และดวงตาสีฟ้าเด็ดเดี่ยว  ไรอันเป็นคนสนุกสนาน  ในขณะที่สตีเฟนเคร่งขรึม  เขายิ่งดูไม่เป็นมิตรมากขึ้นเพราะหนวดเคราหรอมแหรมนั่น

เสื้อโปโลแขนสั้นและกางเกงวอร์มสีขาวของไรอันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันหล่อลื่น  เขาผลักหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายเข้าตู้ที่มีป้ายชื่อเดซี่ติดอยู่หน้าตู้  ก่อนปิดประตูห้องนอนหุ่นยนต์ตามด้วยป้อนรหัสล็อกประตู

เจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์บางคนแยกย้ายกลับห้องพัก  ส่วนที่เหลือเดินเข้าห้องตรวจสภาพหุ่นยนต์เพื่อเก็บเครื่องมือเข้าที่  ไรอันเดินไปทางห้องซ่อมแซมหุ่นยนต์  ที่มีเครื่องมือและชิ้นส่วนหุ่นยนต์มากมายวางระเกะระกะบนโต๊ะ  พี่ชายของเขายังอยู่ที่นี่ตามคาด  เจ้าหน้าที่อีกสองคนยังคงซ่อมแซมหุ่นยนต์แม่บ้านแม้ว่าจะเลยเวลาเลิกงานมาสิบห้านาทีแล้ว  สตีเฟนวางหูโทรศัพท์พอดีกับที่ไรอันทำทีเคาะประตูห้องที่เปิดค้างอยู่

เขายืนพิงประตูเก๊กท่าเลียนแบบนายแบบในทีวีห้ามิติเมื่อคืน  “เสร็จหรือยังครับ  คุณหัวหน้าควบคุมหุ่นยนต์แม่บ้าน”  พูดจาล้อเลียนพี่ชายด้วยถูกสั่งให้มีสัมมาคารวะต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน

“ทะลึ่ง”  ชาวคาร์ดิฟคนพี่ส่งสายตาดุ  แต่น้องชายกลับกรอกตาล้อเลียนใส่

“ช่างเทคนิคคริส เพิ่งโทรมาบอกว่ามีอาสาสมัครในความดูแลของเขาทำของหาย  คงบังเอิญทำตกลงในถังขยะแล้วหุ่นยนต์แม่บ้านเก็บมา  งี่เง่าจริงๆ”  สตีเฟนสะบัดหัวอย่างหงุดหงิด

“แล้วไง”  ไรอันเดินตรงมาด้วยท่าเดินเลียนแบบนายแบบคนนั้น  เขานั่งลงข้างพี่ชาย  มือเท้าคางอย่างเกียจคร้าน

“ก็ต้องหาของไปคืนเขาน่ะสิ  ถามโง่ๆ”  จริงอย่างที่สตีเฟนว่า  ไรอันหัวไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ของที่ทำหายคืออะไรหรือครับหัวหน้า”  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม

“นาฬิกาข้อมือไม้โอ้ค  เห็นว่าเป็นของแท้ด้วย”  สตีเฟนกล่าวต่อ  ทำเอาคนฟังฮือฮา 

ไรอันนิ่งคิด  จะเป็นไปได้อย่างไร  สมัยนี้อย่าว่าแต่ป่าเลย  ต้นไม้จริงสักต้นก็ไม่มีหลงเหลือให้เห็น ยังมีคนที่โชคดีขนาดได้ครอบครองของที่ทำจากไม้แท้ๆ อีกหรือ  เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ เป็นบุคคลสำคัญที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลโลก  เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน  มันอาจเป็นเพียงนาฬิกาทำจากไม้เทียมที่เจ้าของแอบอ้างว่าเป็นไม้แท้  เดี๋ยวก่อน! หรือว่าเขาจะเป็น...

“ตื่นเต้นอะไรกัน  คงเป็นของตกทอดจากบรรพบุรุษน่ะ”  สตีเฟนตัดรำคาญ

“ถ้านาฬิกานั่นเพิ่งถูกหุ่นยนต์แม่บ้านเก็บมาวันนี้  พรุ่งนี้สักประมาณสิบโมงเช้าคงถูกแยกส่งไปโรงขยะรีไซเคิล”  เจ้าหน้าที่เจมส์คาดคะเน

“เราต้องรีบหาให้เจอก่อนถูกส่งไปที่เครื่องบีบอัดขยะ  ไม่อย่างนั้นก็บอกลานาฬิกาได้เลย”  มาร์คัส  เจ้าหน้าที่ที่อายุมากที่สุดออกความเห็นอย่างตื่นเต้น

“ดี  พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า  เจมส์  กับ มาร์คัส  ไปที่โรงขยะรีไซเคิล  หานาฬิกานั่นให้เจอ  ฉันจะส่งต่อให้ช่างเทคนิคคริสเอง”  สตีเฟนออกคำสั่งและให้ทุกคนแยกย้ายกลับห้องพัก

          “พี่ครับ  พรุ่งนี้ให้ผมไปช่วยหานาฬิกาด้วยนะ  ผมอยากเห็น”  ไรอันออดอ้อนขณะสองพี่น้องเดินกลับห้องพัก  หัวหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์พยักหน้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ


 

โรงขยะรีไซเคิลอยู่ทางด้านหลังของอาคารสำนักงานเช่นเดียวกับโรงขยะอื่นๆ  มันไม่ใหญ่โตเหมือนที่ไรอันคิด  เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่มีรูกลมโตอยู่ด้านหนึ่ง  ซึ่งเชื่อมต่อมาจากช่องทิ้งขยะที่ชั้น 54  ขยะมากมายทั้งกระป๋องอะลูมิเนียม  กล่องนมกระดาที่ทำจากเยื่อไม้เทียม  จานพลาสติกแตก  ห่วงยางชิ้นส่วนเครื่องจักรขนาดเล็กใหญ่  ต่างก็ไหลจากรูกลมนั้นลงสู่หลุมขยะที่อยู่กลางห้อง  หุ่นยนต์แยกขยะกำลังคัดแยกขยะที่ทำจากวัสดุต่างชนิด  ส่งต่อไปยังเครื่องบีบอัดขยะของแต่ละประเภท  ไรอันเดินตามเจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์  เจมส์  และมาร์คัส  ไต่บันไดลงไปในหลุมขยะ  ทั้งสามสวมชุดและถุงมือป้องกันของมีคม  และรองเท้าบู้ทส้นหนา

“ฉันจะดักที่รางส่งต่อขยะ  น่าจะเป็นรางวัสดุทำจากไม้เทียม  ไม่น่าจะถูกแยกไปที่รางอื่นได้”  เจมส์กล่าว

“ไรอัน  นายค้นในกองขยะกลาง  ส่วนมาร์คัส  นายไปเฝ้าดูที่รูส่งขยะก็แล้วกัน  เผื่อมันยังมาไม่ถึง”  เจมส์ออกคำสั่ง  ไรอันอดขำไม่ได้กับท่าออกคำสั่งของเขาที่ดูคล้ายสตีเฟน

เจมส์คุ้ยหานาฬิกาบนรางส่งต่อขยะทุกรางสลับกัน  ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่งที่เข้ามาซ่อมรางส่งขยะในห้องสี่เหลี่ยมนี้  มาร์คัสกวาดวัตถุชิ้นน้อยใหญ่ตรงหน้ารูกลมโตออกเพื่อให้มองเห็นขยะที่เพิ่งถูกส่งมาได้ง่ายขึ้น  ไรอันใช้นิ้วเขี่ยถุงพลาสติกเปียกส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปอีกทาง  ก่อนจะใช้สองมือคุ้ยขยะกองโตหานาฬิกาไม้โอ้ค

 ทุกคนทำงานโดยไม่เอ่ยปากพูดสักคำ  มีเพียงเสียงขยะกระทบกัน  เสียงหุ่นยนต์แยกขยะเคลื่อนที่ไปมา  กับเสียงครืดๆ ของรางส่งขยะเท่านั้น  สามชั่วโมงผ่านไป  ไม่มีแม้แต่วี่แววของนาฬิกาไม้

ไรอันนั่งยองลงบนกองขยะอย่างหมดแรง  “สงสัยถูกส่งไปเครื่องบีบขยะแล้วมั้ง”  เขาบ่น

 “ฉันว่ามันกำลังถูกแยกจากโรงทิ้งขยะมาที่นี่  ต้องใช้เวลาอีกเกือบวันถึงจะถูกส่งไปเครื่องบีบขยะ”  ทันทีที่มาร์คัสกล่าวจบ  เขาเห็นห่วงไม้สีน้ำตาลเข้มร่วงลงมาจากรูกลมโตพร้อมกับขยะชิ้นอื่นๆ 

เจ้าหน้าที่สูงวัยก้มลงหยิบวัตถุที่ทำจากไม้ชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยไม่เชื่อสายตา

“ดูนี่”  เขาชูมันขึ้นให้เจ้าหน้าที่อีกสองคนดู  ทุกคนวิ่งพรวด  ไรอันสะดุดถุงพลาสติกเปียกล้ม

ไม่น่าเชื่อ  มันคือนาฬิกาไม้โอ้คแท้สีน้ำตาลเข้มที่มีเฉดสีน้ำตาลอ่อนแซมอยู่ประปราย  ตัวเรือนเป็นรูปวงกลม เลขหนึ่งถึงสิบสองถูกสลักเป็นรอยลึกลงไปอย่างประณีต  เข็มนาฬิกาไม้นั้นมีขนาดเล็กมากทว่าดูแข็งแรง 

“เกิดมาจะครบหกทศวรรษแล้วยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย”  กล่าวพลางเปิดด้านหลังของนาฬิกาออกดู

แม้แต่กลไกและฟันเฟืองที่ซ้อนทับกันก็ทำจากไม้  แต่น่าจะเป็นไม้ชนิดอื่นเพราะสีของมันแตกต่างจากตัวนาฬิกา  มันหมุนติ๊กๆ ตามจังหวะให้เข็มวินาทีเคลื่อนตาม

ไรอันขอจับนาฬิกาบ้าง  “ถ้าได้โทรศัพท์ข้อมือไม้โอ้คสักเรือนคงเท่ห์น่าดู”  เขาง้างสายทั้งสองข้างออกเบาๆ และสวมลงไปบนข้อมือ 

เจมส์กดโทรศัพท์ข้อมือหาสตีเฟนและรายงานการค้นหานาฬิกาข้อมือให้หัวหน้าทราบ  ก่อนเดินนำทีมกลับชั้น 54


 

ค่ำคืนนี้ดูเงียบวังเวงเนื่องจากสมาชิกกว่าครึ่งในอาคารเข้าประชุมร่วมกับตัวแทนจากคณะรัฐบาลโลก  บนชั้นบนสุดของอาคาร  เป็นเวลาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครบางคนที่จะกระทำการบางอย่าง

ในห้องประชุมชั้นบนสุดนี้  เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิตทุกสิ่งทุกอย่าง จำกัด นั่งเรียงเป็นแถว  คนแปลกหน้าเกือบยี่สิบคนจากคณะรัฐบาลโลกนั่งล้อมโต๊ะใหญ่รูปครึ่งวงกลมหน้าห้อง  หญิงชาวเอเชียกำลังยืนบรรยายอยู่ทางซ้ายมือของห้องประชุม  ทุกคนต่างมุ่งสายตามายังจอนำเสนอขนาดใหญ่

สตีเฟนเข้าร่วมการประชุมในฐานะตัวแทนฝ่ายควบคุมหุ่นยนต์แม่บ้าน  จำได้ว่าชายที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของโต๊ะรูปครึ่งวงกลม คือ ดอกเตอร์ดาเรน  ฮักฮาร์ต  นักพันธุศาสตร์มือหนึ่งชาวอเมริกัน  เขาดูอิดโรยกว่าในทีวี  ชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรผมสีเหลืองเข้มที่นั่งติดกัน คือ พีท กาย  นักเทคโนโลยีสารสนเทศชาวอังกฤษที่เก่งที่สุดในโลก  เขาทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในคืนนี้  ส่วนหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่ขวามือสุดเป็นเลขาคนสนิทของนายกรัฐมนตรีโลก  ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับคณะรัฐบาลโลกครั้งนี้  แต่กลับพอใจที่จะเฝ้าดูการประชุมจากห้องพักส่วนตัว

หญิงเอเชียตัวแทนจากหน่วยทดลองคิพโตเกียว  ประเทศญี่ปุ่น จบการบรรยายพร้อมกล่าวขอบคุณสั้นๆ  เธอเดินกลับไปยังที่นั่งซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสตีเฟน

พีทประกาศเสียงดังเชิญผู้บรรยายจากหน่วยทดลองมอสโคว  ประเทศรัสเซีย ออกมาสรุปผลการทดลอง  หญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งเดินอย่างคล่องแคล่วออกมานำเสนอผลการทดลอง  แต่เธอกลับดำเนินการบรรยายได้อย่างน่าเบื่อ

“...ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันกับหน่วยทดลองโตเกียวว่า  คิพปลูกฝังสามารถปลูกฝังความคิด  ความรู้สึก  ความต้องการ  และมีประสิทธิผลดีกับกลุ่มผู้ทดลองที่อายุไม่เกิน 18 ปี”  เธอจบการบรรยายพร้อมโค้งคำนับ

“ต่อไปเชิญ คุณคริส  ดีแลน”  คริสเดินออกมาจากแถวที่นั่งอีกมุมหนึ่งของห้อง 

พีทเห็นหน้าจอนำเสนอแสดงภาพโครงสร้างต่างๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับหน่วยทดลองอื่น  ไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่  จึงก้มลงอ่านข้อมูลในกระดาษอิเลคทรอนิกส์  เขาดูไม่ให้ความสนใจกับ คริส ที่ยืนกล่าวบรรยายอยู่มากนัก

“...สมมติฐานและรายการทั้งหมดจึงเป็นไปตามที่ตั้งไว้  เราสามารถใช้คิพความจำล้างสมองของมนุษย์  ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่  โดยเน้นกลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐบาลโลก...”  ช่างเทคนิคโชว์แผนผังขั้นตอนการล้างสมองมนุษย์บนจอนำเสนอเป็นภาพการ์ตูน

“...จากนั้น  ใช้คิพปลูกฝังสร้างความศรัทธาต่อรัฐบาลโลก  หากต้องการสร้างกองทัพก็สามารถทำได้ง่าย  สรุปแล้วแผนการทั้งหมดเป็นไปตามที่วางไว้  แต่ที่ผมกังวลคือ...”

“...เรื่องไวรัสคิพ”  ช่างเทคนิค คริส หยุดนิ่ง  โค้งคำนับหนึ่งครั้ง  ก่อนเดินกลับไปยังที่นั่ง  ส่งผลให้ทั้งห้องประชุมฮือฮากระซิบถามต่อกัน

พีทยืนขึ้น  ทั้งห้องประชุมเงียบลง  พร้อมกับคริสที่หยุดเดิน  และหันมาทางประธานการประชุม  เขาประหลาดใจที่ได้ยินช่างเทคนิคที่ดูธรรมดาอย่าง คริส  ดีแลน เอ่ยเรื่องไรวัสคิพ 

“เลิกการประชุม  เราจะประชุมอีกครั้งคืนพรุ่งนี้  ส่วนคุณ...”  ประธานหนุ่มกล่าวปิดการประชุม  เขาชี้นิ้วตรงมายังช่างเทคนิคหนุ่ม “มากับผม”

 
  
 

ในเวลาเดียวกัน ที่ชั้น 11  ไรอันเดินทอดน่องช้าๆ ออกจากลิฟต์ไปยังห้องโถงกว้างทาสีเงินมันวาว  เขาเดินผ่านห้องที่มีรหัสประหลาดติดอยู่  แล้วหยุดตรงหน้าประตู AP11005  ใช้มือซ้ายป้อนรหัสเปิดประตู  เสียง กริ๊ก ดังขึ้น  ประตูสีเงินมันวาวแง้มออกช้าๆ  แสงสีส้มจากโถงกว้างส่องให้เห็นเงารางๆ ของใครคนหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนั้น  เขาก้าวด้วยปลายเท้าเข้าห้องอย่างเงียบที่สุด  แต่มือพลาดปัดแจกันดอกไม้ปลอมบนโต๊ะข้างประตูตกพื้น

ชายคนนั้นสะดุ้งตื่น  เห็นเงาดำยืนอยู่  มือเอื้อมแตะโคมไฟข้างเตียงนอน  แสงสลัวเพียงน้อยนิดจากโคมไฟกระทบให้พอมองเห็นอีกฝ่ายได้แม้ไม่ชัดนัก    ไรอันรีบผลักประตูห้องปิดอย่างรวดเร็วขณะที่ชายคนนั้นกระโดดออกจากเตียงมายืนประจันหน้ากับเขา  แขกที่ไม่ได้รับเชิญสูงเทียมไหล่ของแอนโทนีเท่านั้น

ชายที่เตี้ยกว่าประชิดตัวและทาบฝ่ามือซ้ายบนริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นเชิงห้ามมิให้ส่งเสียง

เจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์แม่บ้านกวาดสายตาสำรวจห้องคร่าวๆ  ก่อนหยิบนาฬิกาไม้โอ้คออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้อาสาสมัครด้วยมือขวา  ชายหนุ่มรับไว้แล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างเตียงนอนอย่างเบามือที่สุด  เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่มีท่าทีต่อต้านจึงคลายมือออกจากริมฝีปากอาสาสมัคร

“ฉันไรอัน”  เขากล่าวพลางยื่นมือขวาให้อีกฝ่ายจับ  เกรแฮมยื่นมือจับเป็นการทักทายตอบอย่างลังเล

 “ยินดีที่ได้พบ  ฉันชอบนาฬิกานายมาก  แต่เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลัง  ตอนนี้ขอรับข้อมูลก่อน”  เขาแบมือขวาออกเป็นการทวงถาม  เกรแฮมจ้องฝ่ามือนั้นสลับกับหน้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาดุดัน

“เร็วสิ”  เขาเริ่มหงุดหงิดที่เกรแฮมยังคงจ้องหน้าเขานิ่ง

สายลับจากองค์กรคู่โลกจำที่เอริคเพื่อนร่วมงานกำชับได้แม่นยำว่า  ให้สังเกตเครื่องหมายกากบาทที่ฝ่ามือด้านขวาของสายลับอีกคน  ตราบใดก็ตามที่เขายังไม่เห็นกากบาท  เขาจะไม่เปิดเผยตัวตนเด็ดขาด

“ให้ตายเหอะ  เอาปากกามา”  ไรอันขมวดคิ้ว  มือขวายังคงแบอยู่  เจ้าของห้องพักเดินไปหยิบปากกาหมึกดำในลิ้นชักยื่นให้  เขาใช้มือซ้ายวาดรูปกากบาทลงบนฝ่ามือขวาอย่างรำคาญ  แล้วชูฝ่ามือที่มีรอยหมึกเป็นรูปกากบาทใกล้จนแทบจะทาบหน้าของเกรแฮม

“ฉันมีแผลเป็นรูปกากบาทที่ฝ่ามือขวา  มืดขนาดนี้จะไปมองเห็นได้ยังไง  ทีนี้ฉันก็มีกากบาทชัดเจนแล้ว  ส่งข้อมูลมาเสียที  ตอนนี้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่กำลังประชุมอยู่กับคนจากรัฐบาลโลก  แต่ฉันไม่มีเวลาให้นายจ้องหน้าทั้งคืนหรอกนะ”  เจ้าหน้าที่หนุ่มสาธยายขณะที่เกรแฮมหยิบกระดาษไขว่างเปล่าหนึ่งแผ่นออกมาจากลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงนอน  มันเป็นกระดาษรองขนมปังจากอาหารเช้าวันนี้

ไรอันพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

“กระดาษเปล่าเนี่ยนะ”  เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสงสัย  แต่เขาไม่มีหน้าที่ถาม  หน้าที่ของเขาคือส่งข้อมูลจากสายลับให้ถึงองค์กรคู่โลกเท่านั้น  ในเมื่อข้อมูลนั้นคือกระดาษไขว่างเปล่าเขาก็จะส่งมันตามคำสั่ง  เขาคิดแล้วพับกระดาษจนเล็กพอใส่กระเป๋ากางเกงได้  เขาจะหนีออกไปจากอาคารนี้ก่อนฟ้าสาง

ไรอันเดินออกจากห้องพักของ  เกรแฮม  อย่างเงียบที่สุด  การมาเยือนห้องอาสาสมัครจะถูกเก็บเป็นความลับราวกับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น  เหมือนกับเรื่องเหตุเพลิงไหม้บ้านเมื่อต้นปี  เหมือนกับเรื่องที่ชายผิวสีนามเอริคช่วยเขาออกมาจากกองเพลิงนั้น  เหมือนกับเรื่องจดหมายที่พ่อแม่เขียนไว้ก่อนตาย  และคำสาบานที่ให้ไว้หน้าหลุมศพพวกเขาว่าจะภักดีต่อองค์กรคู่โลกจนกว่าชีวิตจะหาไม่  เรื่องราวทั้งหมดนี้จะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอดกาล  หากมันถูกเปิดเผย  จะต้องไม่ใช่จากปากของชายหนุ่มที่มีชื่อว่า ไรอัน  วัตต์สัน  อย่างแน่นอน

เขาเดินกลับมายังลิฟต์ชั้น 11  กดเรียกลิฟต์ด้วยความรู้สึกโล่งใจ  ภารกิจสำเร็จไปได้ครึ่งทางแล้ว  การพบกันของเขากับสายลับจากองค์กรคู่โลกเป็นไปอย่างราบรื่น  แต่แล้วหัวใจก็หล่นวูบลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า! เมื่อลิฟต์เปิดออกพบนักเทคโนโลยีสารสนเทศ  พีท  และช่างเทคนิค คริส ซึ่งก็ดูประหลาดใจไม่แพ้กัน

 - By Ora Lee -

 




Create Date : 13 พฤษภาคม 2557
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 21:17:12 น.
Counter : 365 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lavendia
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Welcome to my blog.