กันยายน 2563

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน หนิงหล่ง เขียน

28/9/2020
 

บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน (4 เล่มจบ) 

หนิงหล่ง เขียน  เจินจูไหน่ฉา แปล 

สำนักพิมพ์แจ่มใส  แนวมากกว่ารัก 

1,526 บาท  2,106 หน้า 

 

#แปลจีน #นิยายแปล #นิยายชายหญิง #บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน #หนิงหล่ง #แจ่มใส #รีวิวนิยาย #ออโอ

 

หลังปก 

 

ด้วยฉวีชิ่นเหยาดวงชะตามีเคราะห์หนัก วิญญาณชั่วร้ายรุมเร้าพัวพัน นางจึงต้องกราบท่านชิงซวีจื่อแห่งอารามลัทธิเต๋าเป็นอาจารย์ เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจและสะสมบารมีให้แก่ตนเอง! 

และเพราะการปราบปีศาจนี้เองจึงทำให้นางได้พบกับเขา ลิ่นเซี่ยวผู้เป็นหลันอ๋องซื่อจื่อ และเป็นหลานรักของฮ่องเต้  

การพบกันในครั้งนี้ทำให้เงาของนักพรตสาวสลักลึกลงไปในหัวใจของเขา เขาทั้งหาทางใกล้ชิดนางและวางแผนการต่าง ๆ เพื่อให้นาง ‘เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว’ แต่อย่างไรยศศักดิ์ตระกูลขุนนางผู้หนึ่งกับวังหลันอ๋องนั้นก็มีความต่างกันราวฟ้ากับดิน เขาจึงต้องใช้ทุกหนทางเพื่อให้ฮ่องเต้และบิดายอมรับในตัวนาง ทั้งยังต้องจัดการกับนักพรตน้อยผู้ไม่สนใจเรื่องความรักใคร่ ให้ได้รู้ว่า ‘ความสัมพันธ์ของบุรุษสตรี’ นั้นเป็นเช่นไร 

ทว่านางก็ยังมองหน้าภูตผีมากกว่ามองเขา คุยกับปีศาจมากกว่าที่คุยกับเขาอยู่ดี เช่นนี้แล้วเมื่อไรนางจะได้รับรู้ความรู้สึกที่เขามีต่อนางสักทีเล่า! 

 

 

 

 

คุยกันหลังอ่าน 

 

 

เป็นแนวปราบภูตผีปีศาจบวกกับเรื่องราวในรั้วในวังค่ะ สัดส่วนโอว่าครึ่งต่อครึ่งเลย แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้คือหัวมากกว่ารัก เพราะฉะนั้นนี่คือนิยายรักค่ะ มันจะไม่ได้ปราบผีจ๋า หรือห้ำหั่นกันแบบเชือดเฉือนมาก ๆ มันคือนิยายรักค่ะ 

 

 

ฉวีชิ่นเหยา นางเอก เป็นลูกสาวของขุนนาง และเป็นศิษย์ของอาจารย์ลัทธิเต๋าด้วย ที่เป็นอย่างนี้เพราะตอนเกิดมานางร่างกายไม่แข็งแรง พ่อแม่จึงฝากให้นางเป็นศิษย์ของอาจารย์เพื่อต่อดวงชะตาอายุขัย ตั้งแต่นั้นนางก็เลยเป็นศิษย์นอกของอารามลัทธิเต๋า เรียนรู้การปราบภูตผีปีศาจจากอาจารย์ 

 

วันหนึ่งอาจารย์มอบหมายให้นางเอกไปปราบปีศาจบนภูเขา ทำให้นางได้เจอลิ่นเซี่ยว พระเอก ตอนนั้นลิ่นเซี่ยวกำลังเจอปัญหาโดนปีศาจรังควานทำให้เขาและลูกน้องลงจากเขาไม่ได้สักที ได้เจอนางเอกที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาแบบเหมือนปีศาจสาวแสนสวย แต่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า สาวสวยความเป็นมาลึกลับ แต่นิสัยเปิดเผย กล้าหาญ ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เคยพบมา ลิ่นเซี่ยวก็ปิ๊งเลยค่ะ ปิ๊งรักแรกพบอย่างงี้แหละ แต่ตอนนั้นนางเอกยังไม่รู้อะไร นางอายุยังน้อย เพิ่งสิบสี่ (ส่วนพระเอกสิบเจ็ด) และยังไม่เคยมองความสัมพันธ์ในแง่ชายหญิง ปราบผีได้ก็โบกมือบ๊ายบายกันไป แต่พระเอกปิ๊งแล้วนี่นา เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่าย ๆ ส่งลูกน้องตามสืบสิคะ นางเอกเป็นใครมาจากไหน เดี๋ยวฉันจะตามจีบเธอเอง ลูกน้องก็มารายงาน นางเอกเป็นลูกขุนนางนี้นะ เป็นศิษย์อารามเต๋านะ เป็นคนฉางอันนะ พระเอกก็โอเค ๆ ฉางอันบ้านฉัน เดี๋ยวก็ได้เจอกันแน่  

 

จริง ๆ แล้วลิ่นเซี่ยวเป็นลูกชายของหลันอ๋องค่ะ เป็นหลันอ๋องซื่อจื่อ (ซื่อจื่อก็คือคนที่จะรับสืบทอดตำแหน่งอ๋องต่อไป) เป็นหลานของฮ่องเต้ ฮ่องเต้คนก่อนเป็นปู่ของเขา ฮ่องเต้คนปัจจุบันเป็นลุงค่ะ หลันอ๋อง พ่อของลิ่นเซี่ยวเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องบ้านเมือง สนใจแต่ดนตรีเพลงกลอน หลันอ๋องแต่งงานใหม่ได้ไม่กี่ปีหลังจากแม่ของลิ่นเซี่ยวเสีย แม่เลี้ยงของลิ่นเซี่ยวอายุห่างจากเขาเพียงไม่กี่ปี และนางก็เพิ่งคลอดลูกชายอีกคนให้พ่อของเขา เพราะอย่างนี้ลิ่นเซี่ยวก็เลยยิ่งทำตัวเย็นชาห่างเหินจากที่บ้าน ถ้าไม่ทำงาน ก็จะไปสิงอยู่บ้านของป้า (พี่สาวแท้ ๆ ของแม่) และสนิทสนมกับลูกชายคนที่สามของป้า เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนเลย 

 

ส่วนนางเอก ที่บอกว่าเป็นศิษย์อารามเต๋า บอกแบบนี้ดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่จริง ๆ อาจารย์นางมีศิษย์แค่สองคนค่ะ คือนางเอก และศิษย์ผู้ชาย ชื่ออาหาน เป็นศิษย์พี่ของนาง ถึงจะเป็นอารามเล็ก ๆ ไม่ได้ร่ำรวย (และค่อนไปทางอนาถาอยู่บ้าง) แต่อาจารย์ของนางมีชื่อเสียงในฉางอันพอตัวเลยค่ะ ก็เลยรับงานมีเก็บเงินได้บ้าง นางเอกก็จะวิ่งไปมาระหว่างที่บ้านกับอาราม  

 

ตอนกลับมาฉางอัน นางเอกก็รู้สถานะของลิ่นเซี่ยวแล้ว ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวด้วย แต่ไป ๆ มา ๆ ก็มีเหตุให้เจอกันเรื่อย นางเอกไปปราบปีศาจให้คนที่เกี่ยวข้องกับพระเอกบ้าง พระเอกเอาตัวมาเกี่ยวข้องกับนางเองบ้าง นางเอกก็ไม่คิดอะไร ก็คิดแค่ว่าลิ่นเซี่ยวเป็นคนดี ใจกว้าง และหลายครั้งที่ทั้งคู่เผชิญอันตรายร่วมกัน เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนคู่หูที่ร่วมฝ่าฟันอันตรายกันมา ก่อเกิดเป็นความไว้ใจ เชื่อใจกัน 

อ้อ โอต้องเล่าด้วยว่า พระเอกมีกระบี่ที่เสด็จปู่ให้มา กระบี่เล่มนั้นปราบปีศาจได้ พระเอกก็เลยสามารถช่วยนางเอกรบกับภูตผีได้ด้วย (แต่ที่แล้ว ๆ มาไม่เคยมีปีศาจภูตผีโผล่มาเลย พอเจอนางเอกทีนึง ชีวิตพระเอกเปลี่ยนเลย รอบตัวมีแต่ภูตผีปีศาจ เรียกว่าเจอจนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย) 

 

วันหนึ่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หรือก็คือเสด็จลุงของพระเอก เกิดนึกอยากเปิดสถานศึกษาที่เคยถูกปิดไปอีกครั้ง ซึ่งสถานศึกษาที่ว่าเนี่ย เป็นสถานศึกษาของเหล่าสตรีลูกหลานขุนนางหรือพวกมียศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย จุดประสงค์ที่ตั้งมาเพื่อคัดเลือกสะใภ้ให้ราชวงศ์ หรือใครก็ตามที่อยากพระราชทานสมรสให้ พวกที่มีคุณงามความดีทั้งหลายแหล่แนว ๆ นั้น ฮ่องเต้ปรึกษาขุนนางกับพระเอก พระเอกก็เห็นแล้วว่าเสด็จลุงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเปิดแน่ ๆ ก็เลยรับคำ แล้วก็แอบไปเล่นตุกติก เอ้อ ก็ไม่เชิงว่าตุกติก แต่มีส่วนร่วมในการตั้งเงื่อนไขการคัดเลือกคนเข้าเรียน ซึ่งพอสรุปออกมาแล้ว ให้นางเอกได้รับการคัดเลือก ทั้งที่จริง ๆ แล้วนางไม่น่าจะอยู่ในรายชื่อได้ เพราะพ่อของนางไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่อะไร 

 

พอนางเอกเข้าเรียนก็ง่ายสำหรับพระเอกแล้ว เพราะเท่ากับว่านางเอกมีสิทธิ์เป็นตัวเลือกของสะใภ้ราชวงศ์ ที่เหลือก็แค่หาจังหวะดี  ๆ ให้ตนสามารถขอพระราชทานสมรสให้ได้ 

 

ระหว่างนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมายในฉางอัน มีคดีประหลาด มีการตายน่าขนลุก มีปีศาจผุดโผล่เข้ามาในฉางอัน นางเอกพบว่าหลายคดีมีจุดเชื่อมโยงกัน แต่นางไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ รวมถึงท่าทีของอาจารย์ที่นับวันยิ่งแปลกไป เหมือนอาจารย์มีความลับบางอย่างที่ไม่ต้องการให้นางร่วมรับรู้ นางเอกเลยยิ่งพยายามสืบเสาะหา ซึ่งคนช่วยเหลือหลักก็จะมีใครไปได้ ถ้าไม่ใช่พระเอก ที่นอกจากหล่อ รวย เก่ง แล้วยังเส้นใหญ่มากกก 

 

ตอนแรกนางเอกไม่รู้ใช่มั้ยว่าพระเอกรู้สึกยังไง แต่คนรอบตัวพระเอกนางเอกรู้หมด แรก ๆ ไม่มีใครเห็นด้วยเลย องครักษ์ พี่ชายนางเอก อาจารย์นางเอก เพราะพระเอกกับนางเอกฐานะต่างกันเกินไป ถึงฝืนแต่งกัน นางเอกก็ไม่น่าจะมีความสุข หลัง ๆ ทุกคนเห็นความมุ่งมั่นจริงใจของพระเอกเลยยอมแพ้ นางเอกหลัง ๆ ก็รับรู้ความรู้สึกพระเอกแล้ว คุณดีกับฉันอย่างนี้ จะไม่ให้เซย์เยสได้ยังไง แต่งค่ะแต่ง ... เอ๊ะ โอเล่าข้ามขั้นไปหรือเปล่า เอาเป็นว่าเขาตกลงคบกัน ในที่สุดก็ได้แต่งกันค่ะ ชีวิตหวานชื่นดูดดื่มปนตื่นเต้น มือหนึ่งจับจูงมือหนึ่งแกว่งไกว มีปีศาจเป็นแบ็กกราวด์ส่งมินิฮาร์ตให้ 

แต่งกันช่วงเล่มสาม บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดอยู่ที่เล่มสี่ แล้วทุกคนก็จะรู้ว่า ทุกอย่างที่กล่าวถึงนั้น มีที่มาอย่างนี้นาตัวเธอ จุดร่วมคืองี้นะ เคลียร์นะ จบนะ โบกมือลา 

อย่างนี้แหละ 

 

 

 

ถามว่าโอชอบมั้ย  

 

โอว่า โอมีทั้งจุดที่ชอบ และจุดที่ไม่ชอบ เรื่องค่อนข้างกลาง ๆ สำหรับโอนะ มีช่วงเนือยพอประมาณเลย ช่วงเล่มสามกับสี่ โอหยิบ ๆ วาง ๆ คือหลังพระนางแต่งกันแล้วมันก็รู้สึกเนือย ๆ ไป 

 

 

โอรู้สึกว่าโอไม่ค่อยชอบวิธีเขียนของผู้เขียนสักเท่าไร เขาไม่ได้เขียนแย่นะ ตรงกันข้าม เขาเขียนคลีนมาก ๆ สะอาดมาก ๆ เรื่องของเขาแทบจะเดินเป็นเส้นตรงทั้งหมดเลย อ่านง่าย ชัดเจน เป็นระเบียบ ไม่ซับซ้อนคลุมเครือ ไม่พลิกแพลงมาก บรรยายเห็นภาพ  จนมันขาดเสน่ห์ ขาดลูกเล่น ขาดการดึงอารมณ์ร่วมไป เหมือนเราอ่านอะไรที่เป็นบรรยายโวหารมาก ๆ น่ะค่ะ  

 

อย่างตอนตัวละครกำลังคิด เขาก็บรรยายว่า เขาคิด... บลา ๆ  เขาพูด... บลา ๆ ซึ่งอันที่จริง เราสามารถใช้ความคิดตัวละครใส่เข้าไปได้เลยในหลายจังหวะ มันจะทำให้เกิดจุดร่วมระหว่างคนอ่านกับตัวละครได้ง่ายขึ้น หรือหลาย ๆ ครั้งที่ให้ตัวละครพูดพร้อมกัน เขาก็จะใช้ “.../...” แสดงอาการที่ตัวละครพูดสองตัวพูดพร้อมกัน ซึ่งส่วนตัว โอไม่ชอบเลย มันค่อนข้างขาดชั้นเชิงในการเล่า และดูตลกด้วย เราสามารถใช้วิธีถ่ายทอดแบบอื่นแสดงอาการได้ดีกว่า เพราะมันเป็นนิยาย ไม่ใช่บทละครน่ะค่ะ น้ำเสียงสามารถแทรกอยู่ในภาษาของผู้เขียนได้ ไม่ได้จำกัดแค่ในเครื่องหมายคำพูด 

 

มีอะไรแปลก ๆ อย่างการที่ผู้เขียนเขียนบรรยายความรู้สึกของลิ่นเซี่ยวในความทรงจำของฉางหรงที่เป็นองครักษ์ (หน้า 49) อยู่ในตัวอย่างเลย ทำไมฉางหรงถึงไปรู้ได้ว่าลิ่นเซี่ยวคิดหรือรู้สึกอย่างไร มันไม่ใช่เลย 

 

หลาย ๆ ครั้งผู้เขียนเล่าเรื่องช้า ค่อย ๆ เล่า เหมือนกลัวคนอ่านไม่เข้าใจ เลยพยายามค่อย ๆ ให้ตัวละครทำความเข้าใจ เรื่องก็เลยเหมือนขาดความเฉียบคม ขาดการใช้ไหวพริบพลิกแพลงอย่างทันทีทันใดไป 

 

และที่บอกว่าเรื่องของเขาไม่ซับซ้อนคลุมเครือหรือพลิกแพลงมาก โอว่าผู้เขียนพยายามเขียนให้เรื่องมีจุดพลิกผันอยู่นะ แต่ด้วยความที่อาจจะเป็นวิธีเขียนของเขา หรือเขาไม่ได้พยายามซ่อนปมอะไรมาก ๆ ส่วนใหญ่แล้วเรื่องเดาได้ง่ายน่ะค่ะ อย่างเปิดตัวละครนี้มา คนอ่านจะรู้เลยว่า คนนี้จะคู่กับคนนี้นะ คนนี้ชอบคนนี้ คนนี้เกลียดคนนี้ คนนี้ดีนะ คนนี้ร้ายนะ หรือต่อให้ไม่รู้ แต่อีกไม่นานก็จะรู้ คือมันจะไม่ลากยาว แล้วพลิกตลบไปมา มันเดาได้เลย มีแค่ปมหลักที่อาจจะเดาไม่ได้เพราะไม่รู้ที่มา แต่คนอ่านก็สามารถรู้ได้เลา ๆ  

 

 ฉากบนเตียงเลยเป็นอะไรที่โออ่านแล้วอึดอัดแทน จากที่โอชอบพระเอก กลายเป็นไม่ปลื้มละ คือวิธีเขียนเขาน่ะค่ะ อย่างที่บอก บรรยายมาก ละเอียดมาก เห็นภาพมาก แต่อารมณ์มันไม่ไปด้วยไง ซึ่งฉากแบบนี้ อันที่จริงไม่ต้องบรรยายละเอียด ขั้นตอนไม่ต้องเยอะ แต่อารมณ์คุณต้องได้ แทนที่โอจะเขิน โอเลยรู้สึกว่า เมื่อไรจะจบ ยาวมาก พระเอกเหมือนนึกแต่เรื่องอย่างว่า กลายเป็นพระเอกที่เอะอะอยากจับนางเอกกดท่าเดียวเลย เสียดายพระเอกช่างเขินตอนแรกคนนั้นเลย 

 

ถ้าจะให้สรุปง่าย ๆ โอว่าวิธีเล่าของผู้เขียน ไม่สะกดใจโอน่ะค่ะ  

 

อ้อ อีกอย่างที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ นางเอกเรื่องนี้เด็กมาก สิบสี่ย่างสิบห้า ตอนแต่งงานเพิ่งสิบห้า ปักปิ่นปุ๊บแต่งเลย ทั้งที่โอน่าจะชินแล้วกับนิยายจีน ก็ยังรู้สึกไม่ชินสักที 

 

 

 

ว่ามาเหมือนมันไม่ดี มันไม่ได้ไม่ดีค่ะ  

 

อย่างที่บอกข้างบน โอชอบพระเอกช่วงเล่มหนึ่งกับสอง คืออาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยเห็นนิยายที่นำเสนอความคิดของพระเอกตรงไปตรงมาบ่อย ๆ ส่วนใหญ่มักจะเห็นนิยายที่นำเสนอมุมมองของนางเอกมากกว่า เรื่องนี้เราจะเห็นอาการว้าวุ่นใจแบบมนุษย์ธรรมดาของพระเอก ไม่เก็บงำความคิดจากเรา (แบบที่นิยายส่วนใหญ่มักจะชอบให้พระเอกดูลึกลับหน่อย ๆ น่ะ ไม่เผยความคิดพระเอกนัก ถ้าจะเผย ก็จะไม่แบไต๋ตีแผ่อะไรมาก) เรื่องนี้พระเอกมาหมดเลยจ้า พะวงคิดถึงนางเอก เจอนางเอกก็ทำตัวไม่ถูก เอ๊ะ จะพูดอะไร วางตัวยังไง ข้างนอกนิ่ง ๆ แต่ข้างในนี่เป๋ไปหมด เขินนางเอกบ่อยมาก หน้าแดง หูแดง เล่มหนึ่งกับสองนี่โออ่านไป เอ็นดูพระเอกไป (แต่อย่างที่บอก หลังจากนั้น พระเอกก็กลายร่างเป็นหมาป่าช่างหื่น ฮือ ๆ พระเอกคนนั้นที่โอปลื้มหายไปไหน) 

 

ความดีงามของพระเอก คือพอรักนางเอก ก็รักปักใจ ทุ่มเทใจให้ไม่ลังเล เขาไม่ให้อะไรมาเป็นอุปสรรคขวางความรักของเขา แสดงความจริงใจให้ทุกอย่าง นางเอกรักใคร เขารักด้วย ใครรักนางเอก เขารักด้วย นางเอกอยากปราบปีศาจ โอเค ไปด้วยกัน ช่วยกัน ดูแลดีหมด (จนองครักษ์พระเอกหน้ามืด ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านนางเอกกับวัง ต้องรายงานความเป็นไปให้พระเอกรู้ ต้องคุ้มครองนางเอก และคอยระวังไม่ให้นางเอกรู้ตัวด้วย) เรื่องนี้มีคนที่ชอบนางเอกนอกจากพระเอกหลายคน และมีคนที่ชอบพระเอกนอกจากนางเอก แต่ทั้งคู่ไม่ทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นอุปสรรค ไม่หวั่นไหว หรือหลงไปกับเล่ห์กลของคนอื่น ความรักเอาชนะทุกอย่าง 

 

อีกอย่างที่โอชอบในเรื่องมากคือตัวละครค่ะ ตัวละครของเขาแต่ละคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน และไม่ได้เป็นแบบฉาบฉวย มันจะมีความลึกมีความละเอียดของลักษณะนิสัยอยู่ มีภูมิหลังน่าสนใจ มีความเป็นมนุษย์ปุถุชน โอว่าเขาออกแบบตัวละครได้ดีเลยค่ะ เรื่องนี้ตัวละครเยอะนะคะ เพื่อนพระเอก เพื่อนนางเอก ครอบครัวพระนาง อาจารย์และศิษย์พี่ คนในวัง แต่ทำได้ดีแทบทุกตัวเลย ตัวละครที่โอชอบการออกแบบมากคือเฝิงชูเยวี่ยค่ะ ไม่ค่อยเห็นตัวละครลักษณะนี้บ่อย ๆ ในนิยาย  

 

การคุมเรื่องทำได้ดีค่ะ สามารถดึงเรื่องของภูตผีปีศาจในส่วนของนางเอก กับเรื่องราวในรั้วในวังของพระเอกมารวมกันได้ ไม่ออกทะเลออกอ่าวไปไหน สามารถขมวดปมจนจบได้ อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่หรืออลังการในแง่ความรู้สึก แต่ก็ถือว่าทำได้ครบถ้วน 

 

อ่านไม่ยาก อย่างที่บอกไปว่าไม่ซับซ้อนค่ะ ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้อ่านยาก น่าจะเป็นเรื่องของตัวละครที่ค่อนข้างมาก และหลายตัวมีชื่อหลักชื่อรอง บางทีเรียกเป็นตำแหน่ง บางทีเรียกจวนที่มาต่าง ๆ  

 

โอชอบความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของนางเอก หรือครอบครัวนางเอก มีแต่คนที่หวังดีต่อนางเอก อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นดีค่ะ ชอบมากกว่าเรื่องรัก ๆ ระหว่างพระนางด้วยซ้ำ โอว่าสำหรับเรื่องนี้ ในแง่ความรัก ยังไม่ทำให้โอประทับใจเท่าไรนัก 

 

มีหลายคู่ในเรื่อง แต่จะโฟกัสคู่พระนางเป็นหลักค่ะ 

 

โดยรวมสำหรับโอจะออกไปทางกลาง ๆ ค่ะ เรื่องรักไม่ได้เด่นมาก การพัฒนาความสัมพันธ์รักยังไม่ชัดนัก พระเอกออกแนวรักแรกพบ ส่วนนางเอกก็รักในความจริงใจ ความทุ่มเทของพระเอก ช่วงเวลาดี ๆ แบบจีบกันเขินกันอะไรอย่างนี้มันขาดไป พระนางน่ะเขินกันนะ แต่คนอ่านอย่างโอไม่เขิน โอชอบพระเอกในแง่ที่เขาเป็นคนมุ่งมั่นจริงใจ แต่ถ้าถามว่าโอรักตัวละครไหม โอไม่ได้รู้สึกรักหรือรู้สึกผูกพันกับตัวละครไหนเลย อย่างที่บอก อาจจะเป็นด้วยวิธีเขียนที่ไม่ได้ดึงเราเข้าไปอยู่ในเรื่องด้วย  เรื่องสืบสวน ออกไปในทางกลาง ๆ ค่ะ ถ้าจะให้ไปสู้พวกแนวสืบสวนจ๋า ก็คงต้องบอกตามตรงว่ายังสู้ไม่ได้ อาจจะด้วยวิธีเขียนที่ไม่ได้ทำให้ซับซ้อนมาก ในแง่ของแฟนตาซีภูตผีปีศาจ ก็ยังขาดบรรยากาศของความลึกลับไปหน่อย จริง ๆ ว่าเปิดเรื่องทำส่วนนี้ได้ค่อนข้างดีนะ แต่ในเรื่อง เหมือนไปเน้นเรื่องการสืบสวนกับความสัมพันธ์เส้นสายในราชวงศ์มากกว่า บวกกับวิธีเขียนที่กระจ่างใสมันเลยขัดกันเองกับแนวเนื้อหา การปราบปีศาจของนางเอก (กับพระเอก) ก็ไม่ให้อารมณ์ที่ตื่นเต้นหรือชวนลุ้นอะไร ค่อนข้างพื้นฐานมาก ๆ แบบถ้าเป็นการ์ตูน ก็คือมีท่าไม้ตายท่าเดียวน่ะค่ะ 

 

(3.5+4+3+3.5)/4 = 3.5 ดาว เล่มสามคะแนนตกเพราะฉากเข้าพระนาง เล่มสามสี่ค่อนข้างเนือย แต่สี่ตีตื้นมาด้วยการขมวดปมจบได้ครบ 

 

ปกเล่มหนึ่งเล่มสองนี่เป็นการแต่งกายนางเอกตามคำบรรยายผู้เขียนเลย ส่วนเล่มสามสี่ ผู้เขียนไม่ได้บรรยายชัดขนาดนั้น แต่เราสามารถอนุมานได้จากฐานะและตำแหน่งของนางเอก 

 

ลองไปอ่านตัวอย่างดูก่อนได้ค่ะ ตัวอย่างที่สำนักพิมพ์ลงให้ถึงบทที่ห้า (แต่ไม่เต็มบทห้านะ) ประมาณเกือบครึ่งของเล่มหนึ่งเลย คลิก

รูปเล่ม เล่ม 1 2 3 4

 

 

มีจุดติดขัดบ้าง 

 

เล่ม 1 

 

46 ถ้าหากวันนี้ขนาดมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ไม่กี่คนยังกล้ามาขัดขวาง มันก็ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย! มันทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห อ้าปากกว้างหมายจะเขมือบพวกฉางหรงลงท้องในคราวเดียว 

 

น่าจะเว้นวรรคผิดค่ะ  

มันในที่นี้เป็นคำเรียกแทนตนของปีศาจ 

>> ถ้าหากวันนี้ขนาดมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ไม่กี่คนยังกล้ามาขัดขวางมัน ก็ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย! 

 

46 ฉางหรงเห็นศีรษะงูยักษ์ที่ใหญ่เหมือนตะกร้าสานใบโตขยับมาอยู่ตรงหน้าพร้อมลมหายใจเหม็นคาวอบอวลจนเขาแทบจะอาเจียนออกมานี้แล้ว เขาก็คำรามเสียงดังก้อน 

>> จนเขาแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว 

 

162 หลังจากชุยจิ่งเซิงแต่งงาน ภรรยาไม่ลงรอยกับน้องสาว พาลทำให้ชุยจิ่งเซิงรู้สึกว่าน้องสาวขัดหูขัดตาไปด้วย  

ควรเป็น >> พลอยทำให้ 

 

 

288 ฝ่ายตรงข้ามมีวัตถุประสงค์อะไรกัน หรือแสร้งทำเป็นวางแผนร้ายกับบุตรชาย แต่ความจริงพุ่งเป้าหมายมาที่เขา พอคิดเช่นนี้แล้วสีหน้าของเขาก็ตึงเครียดลงไปอีกหลายส่วน 

น่าจะเป็น >> ตึงเครียดขึ้น (ตึงเครียดมากขึ้น) 

 

เล่ม 3 

 

16 ฉวีเฉินซื่อบอกว่าไม่กี่วันก่อนก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ครั้งนี้นางตั้งใจเตรียมเสื้อผ้าเข้ากับฤดูให้ฉวีชิ่นเหยาเพิ่มสักหน่อย 

 

>> ฉวีเฉินซื่อบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว  

หรือ >> ฉวีเฉินซื่อบอกว่าเหลือเพียงไม่กี่วันก่อนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ 

 

520 ฉวีชิ่นเหยาทอดมองไปยังใบหน้าเด็กอายุประมาณสามขวบที่แนบอยู่ข้างแก้มของหลิวปิงอวี้ 

>> ทอดตามอง 

 

เล่ม 4 

 

118 ระหว่างที่นางกำลังผูกคอฆ่าตัวตาย เพื่อให้ร่างกายของตนเองสูงไปถึงขื่อของห้อง จึงตั้งใจนำเก้าอี้มาวางบนโต๊ะอีกทอด เนื่องจากห้องพักทั้งสองอยู่ติดกัน นางข้าหลวงห้องข้างเคียงจึงเคยได้ยินเสียงเก้าอี้โดนเตะล้มด้วย ตอนนั้นยังสะดุ้งตกใจยกใหญ่ 

>> นางข้าหลวงห้องข้างเคียงจึงได้ยินเสียงเก้าอี้โดนเตะล้ม 

 

136 ชิงซวีจื่อมมีสีหน้าบึ้งตึงลง 

>> บึ้งตึงขึ้น (บึ้งตึงมากขึ้น หรือเปล่าคะ) 

 

333 “อยู่กับเจ้าได้แค่อีกครู่เดียวจริง ๆ พอสวี่เซิ่นหมิงจะนำกำลังคนมาสมทบ ข้าต้องอยู่ข้างนอกเพื่อประสานงานกับพวกเขา” 

>> อยู่กับเจ้าได้แค่อีกครู่เดียวจริง ๆ พอสวี่เซิ่นหมิงนำกำลังคนมาสมทบ ข้าต้องอยู่ข้างนอกเพื่อประสานงานกับพวกเขา 

หรือ >> อยู่กับเจ้าได้แค่อีกครู่เดียวจริง ๆ สวี่เซิ่นหมิงจะนำกำลังคนมาสมทบ ข้าต้องอยู่ข้างนอกเพื่อประสานงานกับพวกเขา 

 

 

อีกอย่าง โอรู้สึกว่าเรื่องนี้ผู้แปลใช้คำว่า ‘ช้อนตา’ บ่อยมาก โอไม่รู้ว่าต้นทางมายังไงนะ 

แต่ความหมายของช้อนตา คือ 

ช้อนตา ก. เหลือบตาขึ้นช้า ๆ  

ต้องช้า ๆ ด้วยนะ ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยเห็นผู้ชายใช้กิริยาช้อนตาสักเท่าไร เพราะมันให้ความหมายไปในทางนุ่มนวล หรือเอื่อยเนือยแนวนั้น ต้องดูเหตุการณ์ให้เหมาะด้วย ถ้าเหตุการณ์มันฉุกละหุก ตัวละครก็ไม่น่าจะมัวมาช้อนตามองอะไรอย่างนี้นะคะโอว่า 

 

 

 

 



 

 

นับตั้งแต่เริ่มเอ่ยวาจาปกป้องฉวีซิ่นเหยาที่หอตงไหล ต่อมาก็คุ้มกันส่งพวกเขากลับจวนด้วยตนเอง ทุกการกระทำของหลันอ๋องซื่อจื่อล้วนพิเศษกว่าปกติ เขาไม่อาจเกลี้ยกล่อมตนเองให้เชื่อได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้น้องสาวของเขา 

 

พอย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่โดยละเอียด เขาก็ลอบถอนหายใจออกมา อำนาจเป็นสิ่งที่ทรงพลังนักเชียว ซื่อจื่อลงมือกระทำสิ่งใดดูผิวเผินรอบคอบเหมาะสม ทว่าความจริงแล้วกลับสะท้อนอำนาจที่แข็งแกร่งจนไม่อาจปฏิเสธได้ พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงใดจะต่อต้านขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการตามใจชอบ 

 

น้องสาวของเขาเฉลียวฉลาดไปเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องราวระหว่างชายหญิงที่ยังไม่รู้เท่าทัน เกรงว่าคงไม่ได้ขบคิดถึงความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับเบื้องหลังการกระทำของซื่อจื่อ แต่อีกฝ่ายไม่ใช่คนทำสิ่งใดโดยไร้เป้าหมาย ในเมื่อมีใจรักชอบพอ จะไม่แสดงออกมาเลยได้อย่างไร 

 

แต่ว่าทั้งสองครอบครัวฐานะแตกต่างกันมาก จะให้ตบแต่งอย่างสมเกียรติก็เป็นไปได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย หรือจะให้น้องสาวไปเป็นอนุภรรยาอีกฝ่ายกันเล่า 

 

หน้า 259  บทที่ 6 

เล่ม 1 

 

 

ลิ่นเซี่ยวเดินมาถึงประตูวังหลวง ก็มองเห็นเงาร่างเล็กอรชรในชุดนักพรตยืนอยู่หน้าราวสะพานหินฮั่นไป๋อวี้แต่ไกล 

 

ลิ่นเซี่ยวรีบชะลอฝีเท้าให้ช้าลงกว่าเดิม ปรับลมหายใจด้วยกิริยาอันสงบนิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาหา เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย และสิ่งที่มากล้นยิ่งกว่านั้นก็คือความปลาบปลื้มยินดียากจะพรรรณนา แม้ว่าจะเก็บซ่อนเอาไว้อย่างสุดกำลังแล้ว แต่สุดท้ายบนใบหน้าก็มีร่องรอยปรากฏให้เห็นอยู่ดี 

 

องครักษ์ประจำประตูวังเห็นลิ่นเซี่ยวเดินมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น อดสบสายตากันด้วยความแปลกใจไม่ได้ ผู้บัญชาการลิ่นท่านนี้เป็นที่เล่าลือว่าไม่เคยหัวเราะพูดคุยกับใคร รอยยิ้มนี้ช่างเหมือนน้ำแข็งหิมะที่หลอมละลาย จะว่าน่ามองก็น่ามองอยู่หรอก แต่ก็ทำให้คนรู้สึกสับสนคลำทางไม่ถูก 

 

หน้า 281  บทที่ 6 

 

 


 


 




มีอีบุ๊กด้วยค่ะ

เล่ม 1


 

Thumbnail Seller Link
บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน เล่ม 1
หนิงหล่ง / เจินจูไหน่ฉา
www.mebmarket.com
ด้วยฉวีชิ่นเหยาดวงชะตามีเคราะห์หนัก วิญญาณชั่วร้ายรุมเร้าพัวพัน นางจึงต้องกราบท่านชิงซวีจื่อแห่งอารามลัทธิเต๋าเป็นอาจารย์ เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจและ...



เล่ม 2

 
Thumbnail Seller Link
บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน เล่ม 2
หนิงหล่ง / เจินจูไหน่ฉา
www.mebmarket.com
ด้วยฉวีชิ่นเหยาดวงชะตามีเคราะห์หนัก วิญญาณชั่วร้ายรุมเร้าพัวพัน นางจึงต้องกราบท่านชิงซวีจื่อแห่งอารามลัทธิเต๋าเป็นอาจารย์ เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจและ...


เล่ม 3

 
Thumbnail Seller Link
บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน เล่ม 3
หนิงหล่ง / เจินจูไหน่ฉา
www.mebmarket.com
ด้วยฉวีชิ่นเหยาดวงชะตามีเคราะห์หนัก วิญญาณชั่วร้ายรุมเร้าพัวพัน นางจึงต้องกราบท่านชิงซวีจื่อแห่งอารามลัทธิเต๋าเป็นอาจารย์ เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจและ...


เล่ม 4

 
Thumbnail Seller Link
บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน เล่ม 4 (เล่มจบ)
หนิงหล่ง / เจินจูไหน่ฉา
www.mebmarket.com
ด้วยฉวีชิ่นเหยาดวงชะตามีเคราะห์หนัก วิญญาณชั่วร้ายรุมเร้าพัวพัน นางจึงต้องกราบท่านชิงซวีจื่อแห่งอารามลัทธิเต๋าเป็นอาจารย์ เพื่อปราบปรามภูตผีปีศาจและ...



Create Date : 30 กันยายน 2563
Last Update : 3 กรกฎาคม 2564 12:54:23 น.
Counter : 15014 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse

  
นิยายจีนแปลไม่ได้อ่านเลยครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 30 กันยายน 2563 เวลา:23:24:42 น.
  
คุณ สองแผ่นดิน ต้องลองดูค่ะ แนวผู้ชายก็เยอะนะคะ นอกจากกำลังภายใน พวกสืบสวน แนวเกม หรือออกแฟนตาซีก็น่าสนใจนะคะ มีหลายแนวเลยค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้โอค่ะ

คุณสายหมอกและก้อนเมฆ ขอบคุณที่โหวตบล็อกให้โอนะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 3 ตุลาคม 2563 เวลา:14:37:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments