พฤศจิกายน 2563

1
3
4
6
9
11
14
15
16
17
18
19
20
22
24
26
28
29
 
 
All Blog
แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ มู่กวาหวง เขียน
15/11/2020


 






 

แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ (2 เล่มจบ) 

มู่กวาหวง เขียน  HY แปล 

สำนักพิมพ์ Rose  ในเครืออมรินทร์ 

พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2563 

850 บาท  945 หน้า 

 

#yaoi #BoysLove #นิยายวาย #นิยายแปล #แปลจีน #แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วยๆ #มู่กวาหวง #Rose #รีวิวนิยาย #ออโอ



*นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักระหว่างชายกับชาย


 

หลังปก 

 

เซี่ยอวี๋ เด็กหนุ่มจอมเย็นชาราวกับเป็นหมาป่าผู้โดดเดี่ยว ต้องเก็บความเป็นอัจริยะของตัวเองไว้แล้วทำเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ มีเป้าหมายคือสอบให้ได้ที่หนึ่งนับจากท้าย! แต่กลับต้องเจออุปสรรคชิ้นใหญ่เข้าให้ เมื่อเจอกับขุนศึกไร้พ่ายอย่าง เฮ่อจาว เด็กเกเรหน้าตาหล่อเหลาผู้โด่งดังในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งครองตำแหน่งบ๊วยแบบไม่มีใครโค่นล้มได้มานาน 

 

ทั้งคู่จับพลัดจับผลูมานั่งโต๊ะติดกัน เซี่ยอวี๋ต้องเจอกับคู่ปรับคนสำคัญที่ปากว่ามือถึงและไร้ยางอายแบบสุด ๆ กระนั้นเซี่ยอวี๋กลัเริ่มหวั่นไหวไปกับความเพี้ยนของเฮ่อจาว ซึ่งขยันโชว์พลังความห่วยแบบไร้ขีดจำกัดเสียเหลือเกิน! 




 

คุยกันหลังอ่าน 

 

ทุกคน โอชอบเรื่องนี้มาก ตอนอ่านไปก็แบบ มันน่ารักมาก ดีมาก อ่าน ๆ ไปก็มีแต่คำนี้โผล่ออกมาตลอด เป็นเรื่องที่ใช้คำว่า “น่ารัก” ได้เปลืองมาก และโอเสียดายมาก ๆ เพราะเรื่องนี้แปลไม่ดีเลย  

แปดหน้ากระดาษโน้ต (สมุดเท่าขนาดหน้าหนังสือ) คือความยาวที่โอโน้ตไว้ว่าติดขัด มีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด 

แปลเหมือนถอดความมาเป็นท่อน ๆ ตามต้นทาง บางครั้งขาดการใช้คำเชื่อมโยง บางครั้งใช้คำเชื่อมที่ไม่ตรงความหมาย หลายครั้งเหมือนเลือกใช้คำที่ไม่เหมาะกับใจความของเรื่อง รูปแบบประโยคประหลาด เวลาอ่านต้องอ่านแบบย้อนกลับ ซึ่งนอกจากต้องเรียงประโยคให้ใหม่ในใจแล้ว บางครั้งยังดูคล้ายขยายความผิดที่ ทำให้ความหมายผิดเพี้ยนไปด้วย บทสนทนาบางครั้งไม่เป็นธรรมชาติ บางครั้งเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อ เลยไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่ผู้เขียนบอกออกมาได้ ภาษาไทยไม่แข็งแรงด้วย 

ต้องอ่านแบบหาความเชื่อมโยงเอาเอง เดาว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไร มีจุดที่แปลได้ชวนสับสนหลายจุด 

 

มองไปที่ ‘หนังสือคุณภาพโดยอมรินทร์กรุ๊ป’ แล้วได้แต่เหม่อลอย 

 

เราหลงลืมกันไปแล้วหรือเปล่า ว่าหัวใจของหนังสือคือเรื่องราวที่ผู้เขียนถ่ายทอด ทุกสำนักพิมพ์พยายามทำปกสวย ๆ แถมของพรีเมี่ยมต่าง ๆ  เพิ่มปัจจัยดึงดูดกำลังซื้อของคนอ่าน กลายเป็นว่า คุณภาพงานเป็นเงื่อนไขที่โดนทิ้งไว้หลังสุด 

 

เศร้ามากเลย 

 

โอไม่อยากโทษไปที่คนใดคนหนึ่ง เพราะการทำหนังสือหนึ่งเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของคนคนเดียวอยู่แล้ว 

 

... 

 

เอาละ กลับมาที่นิยายเรื่องนี้ 

 

‘แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ’ เป็นนิยายฟีลกู๊ดค่ะ ถ่ายทอดชีวิตวัยรุ่นที่เป็นวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง มีอารมณ์ที่พลุ่งพ่าน มีความสดใส สับสน ใช้อารมณ์เป็นหลัก เหตุผลเป็นรอง เป็นช่วงวัยที่เปราะบาง ทั้งสำหรับตัวของวัยรุ่นเอง และคนรอบข้างของพวกเขา 

คำพูดของเหล่าถัง อาจารย์ประจำชั้น ม.5 ห้องสาม ที่พูดออกมาขณะจิบชาที่โปรดปราน “วัยรุ่นนี่มันดีจริง ๆ “ คือประโยคที่แทนเรื่องนี้ได้ดีที่สุด 

 

ให้อารมณ์เหมือนซีรีส์ หนัง หรือการ์ตูนแนวมิตรภาพ อ่านแล้วรู้สึกอุ่น ๆ เย็น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง อบอุ่น เย็นสบาย ตัวละครแทบทุกตัวน่ารัก มีแต่ความหวังดี มีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน 

 

โอชอบวิธีเล่าของผู้เขียน เขาจะเขียนแบบตัดฉากไปสลับไปมา เป็นคล้ายฉากระลึกย้อนอดีต แต่ระยะเวลาที่ย้อนจะไม่นาน อาจจะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ก่อนจะตัดมาปัจจุบันอีกรอบ ถ้าเป็นในหนังหรือซีรีส์ ก็จะเป็นฉากที่ตัวละครเหม่อแล้วนึกย้อนเล็ก ๆ ทำให้เป็นลูกเล่นของเรื่อง เวลาอ่านเรื่องนี้เลยทำให้นึกถึงภาพที่เคลื่อนไหวค่อนข้างมาก 

 

ชอบการทิ้งคำ ทิ้งประโยค เป็นการเว้นระยะ วางช่องให้คิดต่อ การตัดจบแต่ละบททำได้ดี จังหวะของเรื่องดีมาก อารมณ์ของตัวละครและอารมณ์ของเรื่องดีมาก แต่โอรู้สึกว่าผู้แปลไม่เข้าใจรูปแบบวิธีคิดของผู้เขียน บวกกับเลือกใช้คำไม่ดี พลังของผู้เขียนที่ควรจะส่งมาถึงคนอ่านเลยแผ่วไปอย่างน่าเสียดาย  

 

อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนฉากเข้าพระนายได้สวยมาก เปลือยแบบไม่โป๊ เขียนแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด ไม่ได้ตัดเข้าโคมแล้วหาย แต่ก็ไม่ได้บรรยายออกมาหมด อ่านแล้วเหมือนมองภาพงานศิลป์ 

 

ดีมาก 

 

เสียดายมาก 

 

 

เซี่ยอวี๋ นายเอก แม่ของเขาแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ชายคนนั้นมีลูกติดหนึ่งคน ชื่อจงเจี๋ย จงเจี๋ยเกลียดเซี่ยอวี๋ มักจะหาเรื่องพูดจากระทบแดกดันอยู่เป็นประจำ เซี่ยอวี๋จึงไม่ชอบใช้เวลาอยู่ที่บ้านใหม่มากนัก เขามีความผูกพันกับคนที่ถนนเฮยสุ่ยมากกว่า สมัยก่อนเขากับแม่เคยหลบเจ้าหนี้ไปอยู่ที่นั่น ที่แห่งนั้น ผู้คนพูดจาหยาบคาย สถานที่เก่าโทรม เป็นแหล่งรวมของนักเลงหัวไม้และการใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย  แต่ก็เป็นที่ถนนเฮยสุ่ยนี้เอง ที่หยิบยื่นไมตรียามทุกข์ยากให้แก่เขา เซี่ยอวี๋จึงไม่เคยลืมผู้คนที่นี่ ทุกคนเหมือนครอบครัว 

ยามว่าง เซี่ยอวี๋มักไปเยี่ยม ไปช่วยงานกิจการของพวกแม่อุปถัมป์ ไปเล่น ไปพูดคุยกับโจวต้าเหลย เพื่อนสมัยเด็ก มีแชตกลุ่มไว้พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับคนที่ถนนเฮยสุ่ย 

ตอนปิดภาคเรียน เซี่ยอวี๋ก็ไปที่ถนนเฮยสุ่ยเช่นเคย และได้เก็บใบปลิวชวนเข้าเล่นแอปพลิเคชันเกม ‘ราชาโจทย์ข้อสอบ’ มาโดยบังเอิญ 

ตลอดช่วงปิดเทอม เซี่ยอวี๋ใช้เวลาเล่นเกมนี้เป็นส่วนใหญ่ ถึงจะบอกว่าเกม แต่จริง ๆ ก็คือการตะลุยข้อสอบ พิชิตโจทย์ปัญหา เป็นแหล่งรวมของผู้ทรงปัญญาและรักการเรียน เซี่ยอวี๋ตะลุยโจทย์จนในที่สุดก็ชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งมากจากเจ้าของไอดี ‘ราชาโจทย์ข้อสอบ’ แต่ระยะเวลาแห่งความน่ายินดีอยู่ไม่นานนัก เจ้าของไอดีชื่อเหมือนเกมนี้ไม่ยอมแพ้ พวกเขาแข่งกันชิงอันดับหนึ่ง ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ไม่ทันรู้ผล แอปพลิเคชันนี้ก็ปิดปรับปรุง ช่วงปิดเทอมก็สิ้นสุดลงเช่นกัน 

ในโรงเรียน เซี่ยอวี๋มีฉายาว่าพี่ใหญ่แห่งอาคารตะวันตก ฉายานี้ได้มาจากการที่มีข่าวว่าเขาทุจริตในการสอบเข้า บวกกับการโดดเรียนไปต่อสู้กับผู้คนนอกโรงเรียน เขาเป็นคนที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว 

ส่วนเจ้าของฉายาพี่ใหญ่แห่งอาคารตะวันออกคือเฮ่อจาว 

ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าในภาคเรียนใหม่นี้ เซี่ยอวี๋กับเฮ่อจาวอยู่ห้องเดียวกัน ด้วยเหตุที่ไม่มีใครในห้องกล้านั่งติดพวกเขา หัวโจกแห่งอาคารตะวันตกและตะวันออก สองคนที่มีคะแนนเป็นอันดับห่วยที่สุดของระดับชั้น จึงต้องนั่งติดกัน 

 

ตอนเปิดเทอม อาจารย์ประจำชั้นม. 5 ห้องสาม เป็นอาจารย์ผู้หญิง ชื่อสวีเสีย อาจารย์คนนี้ไม่ชอบนักเรียนที่ไม่ได้ความอย่างเฮ่อจาวหรือเซี่ยอวี๋นัก ตอนรู้ว่าต้องเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้องนี้ก็ไม่ยินดีตั้งแต่แรก พอเฮ่อจาวโดนกล่าวหาว่าเป็นคนไปทำร้ายนักเรียนห้องอื่น ซึ่งนักเรียนคนนั้นเป็นคนที่ผลการเรียนดี อาจารย์ปักใจเชื่อเลยว่าเป็นเรื่องจริงเพราะใจมีอคติตั้งแต่แรก แต่ถึงจะถามยังไงเฮ่อจาวก็ไม่ยอมรับ ภายหลัง (ด้วยความร่วมมือของเซี่ยอวี๋) เรื่องแดงออกมาว่านักเรียนที่ผลการเรียนดีคนนั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายกุเรื่องกล่าวหาเฮ่อจาวเพราะเคยมีเรื่องกันมาก่อน เฮ่อจาวเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องถัดจากนั้นคือนักเรียนในห้องร่วมกันลงชื่อขอเปลี่ยนอาจารย์ประจำชั้น  และอาจารย์ที่มาใหม่ ก็คือ เหล่าถัง 

 

เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพื่อน ๆ ในห้องเริ่มรู้จักนิสัยของพี่ใหญ่อย่างเฮ่อจาวมากขึ้น เฮ่อจาวกับเซี่ยอวี๋ก็สนิทกันมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างรู้สีกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนดีกว่าที่คิด 

 

ความจริงแล้วทั้งเฮ่อจาวและเซี่ยอวี๋เป็นคนมีน้ำใจ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เฮ่อจาวติดจะทำอะไรก็ดูเป็นเล่นไปเสียทั้งหมด ส่วนเซี่ยอวี๋นั้นเป็นคนพูดจาไม่รักษาน้ำใจใคร หน้าตาก็ไม่ค่อยยิ้ม และไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไร ภาพลักษณ์เลยไม่ดีทั้งคู่ 

 

 

 

 

ผู้เขียนค่อย ๆ เล่าเรื่องราวของเซี่ยอวี๋กับเฮ่อจาวในชั้นม. 5 ห้องสาม โดยใช้โทนเรื่องคอมเมดี้เป็นหลัก  

 

จากนักเรียนหัวโจกผู้โด่งดังที่ทุกคนในห้องกลัว เมื่อเพื่อน ๆ รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ร้ายหรืออันตรายเหมือนในข่าวลือ จึงเริ่มกล้าเข้าไปทำความสนิทสนม และกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด  

 

แก๊งเพื่อน ๆ ในห้องตัวหลัก ๆ ก็จะมี 

 

สวี่ฉิงฉิง หญิงสาวผู้มักมีหัวใจกล้าแกร่งห้าวหาญ เพื่อน ๆ จึงเรียกเธอว่า พี่ชายฉิง เก่งวิชาภาษาอังกฤษ 

วั่นต๋า เจ้ากรมข่าวประจำห้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซุบซิบข่าวสารทุกอย่างเขารู้หมด แต่จริงไม่จริงนั้นอีกเรื่อง สนิทกับบรรดาอาจารย์ เพราะชอบเอาหูไปแนบห้องพักครู หรือไม่ก็ทำเป็นไปถามข้อสงสัยในการเรียน ทั้ง ๆ ที่ความจริงต้องการเนียนสืบข่าว 

หลิวฉุนเฮ่า หัวหน้าห้องผู้ประกาศตั้งแต่คาบแรกในวันเปิดภาคเรียนว่าไม่ต้องการเป็นหัวหน้าห้องอีกเพราะเคยเป็นมาแล้วในชั้น ม.4 แต่เนื่องจากไม่มีใครยอมทำหน้าที่นี้ เขาจึงต้องเป็นหัวหน้าห้องชั่วคราว ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครมารับช่วงต่อ 

หลัวเหวินเฉียง หัวหน้ากีฬา เนื่องจากใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับการเล่นกีฬา จึงกินเก่งมาก ถือเป็นอันตรายต่อการกินเลี้ยงอย่างยิ่ง 

เซว์สีเซิง หัวหน้าวิชาการของห้อง รักการเรียนมาก ในหัวมีแต่เรื่องเรียน มุ่งมั่นที่จะทำให้คะแนนเฉลี่ยของห้องดีขึ้น จึงพยายามยัดความรู้ใส่หัวเพื่อนในห้องให้มากที่สุด เป้าหมายสำคัญคือเฉิงฮ่าวกับเซี่ยอวี๋ เพราะทั้งคู่เป็นสองคนผู้กระตือรือร้นที่จะฉุดคะแนนเฉลี่ยของห้องอย่างร้ายกาจ เซว์สีเซิงจะเปลี่ยนชื่อตัวเองในกลุ่มแชตของห้องเป็นสูตรในบทเรียนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เพื่อนในห้องผ่านตาและเข้าสมองบ้าง 

 

ส่วนคนที่ไม่อยู่ในห้องสาม แต่ทำตัวประหนึ่งเป็นสมาชิกห้องสามคือ เสิ่นเจี๋ย เสิ่นเจี๋ยรู้จักกับเฮ่อจาวมาก่อน ให้ความนับถือพี่ใหญ่คนนี้มาก มักมาเยี่ยมเยือนและสิงอยู่ห้องสามประจำ เสิ่นเจี๋ยมักถูกใช้เป็นข้ออ้างเวลาเฮ่อจาวมาสาย 

 

แนะนำอาจารย์เด่น ๆ หน่อยดีกว่า 

 

ถังเซิน หรือเหล่าถัง อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ เหล่าถังสอนวิชาภาษาจีน มีความสามารถพิเศษในการพูดเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าหากันได้ สามารถพูดยืดยาวได้โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย นักเรียนจะกลัวมากเวลาเหล่าถังเรียกไปพบ เพราะหมายความว่าต้องนั่งฟังอย่างนั้นอีกนาน เหล่าถังไม่ได้ให้ความสำคัญกับคะแนนนัก แต่มักเน้นย้ำให้ทุกคนทำให้เต็มที่ อ่านโจทย์ให้รอบคอบ และก็ไม่อยากให้นักเรียนทุ่มกับการเรียนมากจนทำให้เครียดเกินไป อยากให้นักเรียนใช้ชีวิตแบบสมดุล ไม่หนักไป หรือหย่อนไป 

 

อาจารย์ฝ่ายปกครองเจียง หรือหมาบ้า ขยันตรวจตราเหล่านักเรียนที่มาสาย หนีเรียน หรือใช้ชั่วโมงเรียนผิดวัตถุประสงค์ หลัง ๆ พัฒนามาเป็นเสียงตามสายคอยปลุกเหล่าเด็กหอให้ตื่นแต่เช้าพร้อมรับวันใหม่เพื่ออนาคตที่สดใส เป็นเพื่อนสนิทกับถังเซิน  

 

อู่เจิ้ง หรือเหล่าอู่ สอนวิชาคณิตศาสตร์ มีทักษะปาชอล์กที่แม่นยำ อยากให้นักเรียนพัฒนาความสามารถ บางครั้งจึงสอดแทรกเนื้อหาที่เกินกว่าบทเรียนไปในคาบด้วย 

 

 

เพื่อน ๆ จะเรียกเฮ่อจาวกับเซี่ยอวี๋ว่า พี่จาว พี่อวี๋ พูดจาก็จะสุภาพด้วย เป็นการให้เกียรติผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง 

 

แต่สองผู้ยิ่งใหญ่นี้นิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

 

เซี่ยอวี๋ไม่ค่อยพูดจา หงุดหงิดง่าย วิธีระบายความหงุดหงิดที่ดีที่สุดคือกำปั้น (แถมหมัดหนักซะด้วย) มีบรรยากาศแห่งความไม่น่าใกล้ชิดแผ่อยู่รอบตัว มีฉายาว่านักฆ่าผู้เย็นชา 

 

ส่วนเฮ่อจาวนั้นยิ้มเก่ง อัธยาศัยดี ดูเข้าถึงง่าย ขี้โม หลงตัวเองอย่างหน้าไม่อาย แถมยังแถเก่ง เขาสามารถพูดเหลวไหลได้เป็นคุ้งเป็นแคว แถมไม่ละอายที่จะบอกด้วยว่าเรื่องเมื่อกี้ที่พูดนั้นมันโกหกทั้งเพ 

 

 

คนจะไม่กลัวเฮ่อจาวเท่าเซี่ยอวี๋ แต่ก็มีบางครั้งที่จะรู้สึกถึงความอันตรายที่แฝงอยู่ในตัวเฮ่อจาว 

 

เวลาเรียน ส่วนใหญ่แล้วเฮ่อจาวจะนั่งเล่นเกมในมือถือ ส่วนเซี่ยอวี๋จะหลับ ช่วงแรก ๆ ทั้งคู่ยังไม่สนิทกัน ก็จะเป็นเฮ่อจาวที่คอยหาเรื่องให้เซี่ยอวี๋โดนลงโทษไปพร้อมตัวเอง อารมณ์ประมาณว่า อยากไม่เตือนเวลาอาจารย์มาใช่ไหม ได้ งั้นมาโดนลงโทษเป็นเพื่อนกันซะโดยดี หลัง ๆ เซี่ยอวี๋เลยต้องเตือน ต้องใส่ใจเฮ่อจาวโดยปริยาย ไม่งั้นแทนที่จะได้นอนดี ๆ ก็ต้องมาโดนลากไปยืนนอกห้องเป็นเพื่อนเฮ่อจาว 

 

แต่อย่าคิดว่าคู่นี้สนิทกันแล้วด้วยดี ด้วยนิสัยของคนคู่นี้ คนหนึ่งนั้นช่างกวนโมโห อีกคนก็ต่อมหงุดหงิดระเบิดง่าย ต่อยตีกันประจำจนเพื่อนชินตา 

 

ผู้เขียนเขียนเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ดีมากเลย ไม่ว่าจะกับเพื่อน กับครอบครัว หรือกับคนรัก มันมีความละเอียดอ่อนในความรู้สึก พวกเขาใส่ใจกัน และจะไม่เข้าไปแตะประเด็นอ่อนไหวของกันและกัน  

 

ถึงเรื่องนี้จะพูดถึงความละเอียดอ่อน และอารมณ์ มีน้ำเสียงแสดงความจริงจัง ถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นออกมา แต่โทนเรื่องหลักคือคอมเมดี้ค่ะ เน้นฮาเป็นหลัก มีฉากตลก ๆ เยอะค่ะ 

 

อย่างตอนสอบวัดผลรายเดือน ห้องสอบถูกจัดตามอันดับที่สอบได้ในแต่ละวิชา กลุ่มเก่งก็จะสอบรวมกับกลุ่มเก่ง กลุ่มบ๊วยก็รวมกับกลุ่มบ๊วย (เขาว่าเพื่อผลทางจิตใจน่ะ คนที่เก่งอยู่แล้ว เห็นเพื่อนพยายาม ก็ไม่อยากยอมแพ้แล้วหลุดจากห้องเก่ง หรือคนที่ไม่เก่ง ก็จะได้พยายามเพื่อที่จะเก่งมากขึ้น) ซึ่งแน่นอนว่าเซี่ยอวี๋กับเฮ่อจาวอยู่ห้องสอบที่รวมกลุ่มอันดับรั้งท้ายของระดับชั้น ก่อนสอบกลุ่มบ๊วยก็รวมตัวกันไปชื่นชมอันดับแรก (นั่งโต๊ะแรก) ของห้องสอบรวมบ๊วย นายได้คะแนนเท่าไรอะ โห เก่งมาก คะแนนระดับนี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน (จริง ๆ คือคนนั้นคะแนนไม่ถึงครึ่งของคะแนนเต็ม แต่มันดีสุดของห้องแล้วไง) คนนั้นก็ยืดเลย แล้วมีคำอธิบายโผล่มาอีกว่า เขาไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน ชนิดที่ว่าคราวหน้า จะพยายามสอบให้ได้อยู่ห้องบ๊วยนี้เอง ... แบบ ฮามาก แล้วพวกนั้นก็สุมหัวกันหาวิธีส่งโพย เราจะส่งต่อ ๆ กันมาอย่างนี้นะ เวียนอย่างนี้นะ อะไรอย่างนี้ เซี่ยอวี๋กับเฮ่อจาวนั่งโต๊ะติดกัน (ก็อันดับหนึ่งและสองนับจากท้ายนั่นแหละ) เซี่ยอวี๋ไม่อยากได้โพย และก็ไม่อยากส่งต่อเพราะเฮ่อจาวพูดจากวนโมโห แต่เฮ่อจาวบอกประมาณว่านายจะทำลายความหวังของพวกเขา (ที่ยังไม่ได้โพย) ที่เหลือไม่ได้นะ สุดท้ายเซี่ยอวี๋ก็ยอมส่งให้ (โดยการเขวี้ยงไปตอนอาจารย์คุมสอบหันหลัง แบบหน้าบึ้ง ๆ ) เฮ่อจาวก็ยิ้ม โมเมนต์ช่วงสอบนี่มีอะไรน่ารัก ๆ เยอะค่ะ อาจารย์คุมสอบที่จริงจังก็จะระวังมากหน่อย แต่อาจารย์คุมสอบส่วนมากจะคิดประมาณว่า ถึงห้องนี้จะลอกกัน ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เพราะทุกคนคะแนนแย่เหมือนกันหมด ส่งโพยกันอย่างขมีขมัน จนหลายครั้ง ไม่ใช่โพยคำตอบ แต่เป็นข้อความชวนคุยกันซะงั้น อ่าน ๆ แล้วฮาดี เจ้าพวกนี้นี่มันจริง ๆ  

 

ฉากในเรื่องนี้มีแข่งกีฬา สอบ งานโรงเรียน ทัศนศึกษา กิจกรรมที่ในโรงเรียนควรมี ก็มีหมดเลยค่ะ อ้อ ทั้งเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวอยู่หอนะคะ ก็จะมีฉากในหอด้วย สองคนนี้อยู่ห้องตรงข้ามกัน 

มีเหล่าเพื่อน ๆ (และอาจารย์) มาป่วน เพิ่มสีสัน เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ยิ่งน่ารักเลย 

 

เล่าเรื่องผีที่หอ โดดเรียน ท้าตีท้าต่อย กินเลี้ยง ลอกข้อสอบ ลุ้นผลสอบ เล่นเกม ร้องคาราโอเกะ คร่ำเคร่งกับการเตรียมสอบเข้า รู้สึกไม่แน่ใจกับอนาคต ผิดหวังในตัวเอง ดึงเรื่องภายในครอบครัวของตัวเอกสองตัวเข้ามาด้วย เป็นวัยรุ่น วัยเรียน วัยป่วนที่แท้จริง 

 

 

ความรักของทั้งคู่ไม่ใช่รักแรกพบ ไม่ใช่แค่ถูกใจหน้าตา ไม่ใช่ว่ามีปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้นระหว่างกัน แต่เหมือนอีกฝ่ายสามารถทะลุเข้ามาในจิตใจของอีกคนได้ สามารถเข้าใจความเป็นตัวเขา  

ทุกครั้งที่เฮ่อจาวสับสน คำพูดของเซี่ยอวี๋จะเหมือนมากระแทกใจ มาเปิดมุมมอง ทำให้ภาพที่เคยพร่ามัวแจ่มชัดขึ้น 

ส่วนในใจของเซี่ยอวี๋ การแสดงออกของเฮ่อจาวนั้นชัดเจน ซื่อตรง เฮ่อจาวบุกฝ่าเกราะป้องกันของเซี่ยอวี๋อย่างไม่กลัวเกรง  

โอคิดว่าสิ่งที่แรกที่ทำให้ทั้งคู่ประทับใจกันและกันคือหัวใจที่อ่อนโยน  

 

จากที่เซี่ยอวี๋ไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับใคร พอโดนเฮ่อจาวลากเข้ามาร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ จึงสนิทกับเพื่อนในห้องมากขึ้น เพื่อนยังแอบคุยกันเลยว่า รู้สึกว่าเซี่ยอวี๋ดูอ่อนโยนขึ้นนะ (ฉายานักฆ่าผู้เย็นชาของเซี่ยอวี๋นี้ไม่ได้มาเล่น ๆ นะเออ) เฮ่อจาวให้ความสำคัญกับเซี่ยอวี๋มาก มีอะไรก็นึกถึงก่อนเสมอ เซี่ยอวี๋เองก็รับรู้ตรงจุดนี้ 

ตอนแรก ๆ เฮ่อจาวเรียกเซี่ยอวี๋ว่า “เด็กน้อย” ในเชิงล้อ ต่อมาน้ำเสียงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นปนความเอ็นดู ต่อมาเริ่มมีคำพ่วงท้าย “เด็กน้อยของฉัน” ยิ่งพอเป็นแฟนกัน กลายเป็น “เด็กน้อยของฉันน่ารักที่สุด” มันมีความเอ็นดู ความประทับใจ ปนกับความอยากอวดคละเคล้ากันไปหมด แล้วเขาเรียกแบบออกมาจากใจเลยว่ารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ  

ส่วนเซี่ยอวี๋ ส่วนใหญ่จะเรียกเฮ่อจาวด้วยคำด่าสารพัด  เจ้าโง่บ้าง พี่แรดบ้าง แต่บทจะเรียกชื่อ “เฮ่อจาว” “พี่ชาย” “พี่” ดาเมจทะลุหน้าหนังสือมาเลย เล่นเอาเฮ่อจาวน็อกสนิท เห็นน้องนิ่ง ๆ อย่างนี้ น้องยั่วเก่งใช่เล่นนะคะ  

 

เลยกลายเป็นว่า แค่คำว่า “เด็กน้อย” หรือ “พี่” ก็สามารถดึงความรู้สึกหวาน ๆ ออกมาได้เลย 

 

อ้อ ที่เขาเรียกกันอย่างนี้ เพราะเฮ่อจาวอายุมากกว่าเซี่ยอวี๋ เนื่องจากซ้ำชั้นตอน ม.3 ค่ะ 

 

บุคลิกของทั้งคู่เป็นเด็กผู้ชายเลยค่ะ เป็นธรรมชาติมาก  

 

เห็นเซี่ยอวี๋อย่างนี้ น้องไม่ใช่คนที่ปากไม่ตรงกับใจนะคะ ไม่ใช่หนุ่มซึนเลย ตรงกันข้าม น้องเป็นคนที่แสดงออกชัดเจน เมื่อเซี่ยอวี๋รู้เฮ่อจาวรู้สึกอย่างไรกับตนเอง และรู้ว่าตัวเองไม่ได้คิดแค่กับเฮ่อจาวแค่เพื่อน เซี่ยอวี๋ก็ไม่ได้ลังเลที่จะลุยไปกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ น้องสามารถเรียกเฮ่อจาวว่าแฟนได้เต็มปากเต็มคำ และไม่กลัวที่จะแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ พูดจาน่ารัก ๆ แสดงถึงความใส่ใจ เพื่อเอาใจเฮ่อจาว แล้วน้องทำได้ธรรมชาติมาก 

น่ารักมากเลย มีแต่คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารัก เต็มไปหมด 

 

โอคิดว่าความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของการใส่ใจกันและกันแบบนี้มันดีมากเลย 

 

ถึงเฮ่อจาวจะชอบเล่นเหลวไหล หรือเซี่ยอวี๋จะดูไม่สนใจใครหรืออะไร แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาเป็นคนจริงจังทั้งคู่ค่ะ เราจะสามารถเห็นได้จากการตัดสินใจและการกระทำหลาย ๆ อย่างในเรื่องเลย 

 

กับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เซี่ยอวี๋ก็ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่ความอยากริลอง หรือเป็นแค่การคบหากันเล่น ๆ ซึ่งเฮ่อจาวก็บอกชัดว่า เขาจริงจัง 

 

ทั้งเฮ่อจาวและเซี่ยอวี๋ไม่ได้ปิดบังความสัมพันธ์กับใคร เพียงแต่ก็ไม่ได้อยากเปิดเผย เมื่อเพื่อนสนิทถาม เฮ่อจาวก็บอกชัดว่า เซี่ยอวี๋เป็นแฟน เซี่ยอวี๋เองก็คิดอย่างเดียวกัน 

 

ก่อนหน้านี้ เพื่อน ๆ ในห้องชินกับการไปไหนมาไหนหรือจับมือถือแขนกันของพี่ใหญ่ในห้องเป็นปกติอยู่แล้ว คนที่ไม่รู้ก็เห็นเป็นเรื่องปกติ คนที่สนิทหน่อยก็พอมองออกถึงอะไรบางอย่าง ยิ่งมีเหตุการณ์ยืนยันให้มั่นใจ เพื่อนแต่ละคนเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก แต่ด้วยความกลัวพี่ใหญ่ทั้งคู่ลำบากใจ เพื่อนเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ แถมยังช่วยกันปิดบังคนอื่นที่สงสัยไว้ด้วย แม้จะออกแนวแถ ๆ แบบไม่เนียนก็ตาม ตลกมาก แต่โอชอบที่พวกเขาห่วงใยความรู้สึกเพื่อน ส่วนพี่ใหญ่ทั้งคู่นั้น ก็ยังคงหามุมสวีตได้ไม่เกรงใจเพื่อนตลอด 

 

 

 

ผู้เขียนบอกตั้งแต่ต้นเรื่อง ว่าจริง ๆ แล้วเซี่ยอวี๋นั้นเก่งนะ ตอนเล่น ‘ราชาโจทย์ข้อสอบ’ เขาก็โค่นแชมป์เก่าลงได้ แต่พอเข้าเรียน เขาแกล้งทำเป็นไม่ตั้งใจเรียน ตอนสอบก็คิดคำนวณคะแนนมาแล้วว่าตั้งใจจะเอาสักแค่นี้พอ ผลก็คือได้ที่สองรองจากสุดท้าย 

พอเปิดขึ้นม. 5 เจอเฮ่อจาว เซี่ยอวี๋ถึงค่อยตระหนักว่านักเรียนห่วย ๆ ที่ห่วยจริงนั้นเป็นยังไง เฮ่อจาวเล่นเกมในเวลาเรียน (เป็นเกมแต่งตัวตุ๊กตา เกมจีบหนุ่ม ...เซี่ยอวี๋รู้ครั้งแรกก็นิ่งไปเลย) แถมยังปรึกษาเขาด้วยว่าทำยังไงคะแนนตนเองคะแนนในเกมถึงจะดี เฮ่อจาวมีความมั่นใจในตัวเองแบบผิด ๆ เสมอ แถมยังไร้ยางอายด้วย เป็นคนที่มีความคิดบรรเจิดในแบบที่ยากจะบรรยายคนหนึ่ง  

อย่างวิชาภาษาจีนของเหล่าถัง เป็นข้อสอบเขียนเรียงความ จริง ๆ ข้อสอบแบบนี้ขอเพียงแค่ตอบให้ตรงคำถาม ถึงจะเขียนได้ไม่ดียังไง อาจารย์ก็สามารถหาที่ให้คะแนนได้ แต่เฮ่อจาวกลับสามารถเขียนเต็มหน้ากระดาษได้โดยไม่แตะโจทย์สักคำ ครองศูนย์คะแนนไปอย่างที่คนอื่นหมดคำจะพูด 

ระหว่างนั้น เซี่ยอวี๋ก็แอบสังเกตเฮ่อจาว เรียนรู้จากเฮ่อจาวว่าทำยังตนถึงจะเป็นนักเรียนห่วย ๆ ได้เนียนมากขึ้น รู้ว่าเฮ่อจาวโดดเรียนไปโต้รุ่งที่ร้านอินเตอร์เน็ต ตัวเองก็โน้ตไว้เลยว่าต้องทำบ้าง เวลาเฮ่อจาวทำข้อสอบ เซี่ยอวี๋ก็จะลอบถามแล้วประเมินว่าเฮ่อจาวจะได้สักกี่คะแนน ตนจะได้ทำคะแนนให้ได้ต่ำกว่า ปรากฏว่าเฮ่อจาวนั้นทำได้ต่ำกว่าที่เขาคิดตลอด กลายเป็นแนวคิดที่จะแข่งกันบ๊วย  

 

แต่นอกเวลาเรียน ในเวลาที่ไม่มีใครเห็น เซี่ยอวี๋ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ใต้เตียงที่หอของเขามีข้อสอบเก่าที่เขาเอามาหัดทำแทบทุกคืน เขาฝึกฟังภาษาอังกฤษเพื่อทำข้อสอบ Listening ทุกครั้งที่ว่าง เมื่อเหล่าอู่พูดถึงโจทย์คณิตศาสตร์ข้อที่ยาก เซี่ยอวี๋จะตั้งใจฟังและคิดตามในหัว 

 

เลยกลายเป็นเหมือนภาพคู่ขนานไป 

 

 

ที่เซี่ยอวี๋ทำอย่างนี้มีเหตุผลบางอย่างอยู่ค่ะ พอเฉลยแล้ว บางคนอาจจะรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมต้องทำอย่างนี้ มันคุ้มแล้วเหรอ ซึ่งโอคิดนะคะ ว่าวัยรุ่นก็อย่างนี้แหละค่ะ พวกเขาให้ความสำคัญกับความรู้สึกและหัวใจ เวลาคิด เวลาทำอะไรก็จะทุ่มเทให้หมดหน้าตัก กล้าอย่างไม่น่าเชื่อ เปราะบางอย่างที่เกินจะคิด คนที่ไม่อยู่จุดนั้น หรือตำแหน่งนั้นไม่มีทางเข้าใจ ต้องเป็นตัวของเขาเองที่จะเรียนรู้และเติบโตจากตรงนั้น คนอยู่ใกล้ทำได้แค่เพียงคอยเคียงข้าง มองพวกเขาด้วยใจเป็นกลาง ไม่ตัดสินเพียงจากมุมมองของตนเอง 

 

แล้วทุกอย่างมันจะดีเอง 

 

ดีขึ้นแน่นอน 

 

โอว่าต้องมีแหละ ที่พอเรามองย้อนกลับไปในอดีต เฮ้ย ทำไมเราทำอย่างนั้นวะ มันเป็นจุดที่ทุกคนต้องก้าวข้าม เพื่อผ่านแต่ละช่วงเวลาของชีวิต 

 

จุดนี้โอว่าผู้เขียนถ่ายทอดออกมาได้ดีมากนะ 



/// 
 

ครั้งหนึ่ง ขณะที่เฮ่อจาวสับสน เขาเคยถามเซี่ยอวี๋ว่า คิดว่าเขาเป็นคนยังไง  

เซี่ยอวี๋ตอบว่า ถ้าเรียกนายว่าเจ้าโง่ นายจะตอบไหม เฮ่อจาวก็นิ่งไปและเถียงกลับว่า นายสิโง่ เซี่ยอวี๋เลยบอกว่า เพราะฉะนั้น ไม่ต้องถามคนอื่น ให้ถามตัวเอง  

 

ไม่ต้องสนว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แค่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไรก็พอ อย่าเอาคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นมาเป็นกรอบตัดสินตัวเอง  

คนอื่นจะคิดอย่างไร จะพูดอย่างไร เป็นเรื่องของคนอื่น ส่วนจะยอมรับหรือไม่ นำมาใส่ใจหรือเปล่า เป็นเรื่องของเรา 


/// 

 

ครั้งหนึ่ง ขณะที่เฮ่อจาวเล่นเกมจีบหนุ่ม ตัวละครยายหนูจอมเชื่อฟังของเขาถูกตัวละครชายหนุ่มจอมเผด็จการปฏิเสธที่จะไปเดตด้วยเพราะเฮ่อจาวเลือกตัวเลือกตามใจตัวเอง ครั้งนั้น เซี่ยอวี๋บอกให้ตอบตัวเลือกที่ตัวละครหนุ่มเผด็จการจะพอใจ เกมถึงจะสามารถไปต่อได้ เฮ่อจาวหยิบเรื่องนี้มาพูดอีกครั้งตอนเซี่ยอวี๋กำลังสับสน 

วิธีที่นายคิดว่าดี อาจไม่ใช่วิธีที่อีกฝ่ายต้องการ 

 

/// 

 

ทำไมบางคนวัดค่าของคนจากผลการเรียน  

ทำไมแค่เพราะเรียนดีถึงได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น 

 

แต่มีคนอย่างอาจารย์สวีเสีย ก็มีคนอย่างเหล่าถัง  

ในสังคมไม่ได้มีคนเพียงแบบเดียว 


 

//// 
 

 

หลายฉากในเรื่องนี้โออ่านแล้วเหมือนมองภาพที่สวยมาก ๆ ด้วยวิธีเขียนของเขา การทิ้งจังหวะ การทิ้งคำพูด อารมณ์ ความเป็นธรรมชาติ มันละมุนละไม  อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความสมจริง มันดีจริง ๆ  เหมือนภาพที่ถูกจัดแสง สี วางองค์ประกอบดี และมีความหมาย 

 

ชอบเรื่องนี้มาก โออ่านแบบติดพันสุด ๆ อยากเขียนอยากเล่าไปหมด ตอนโอเขียนรีวิว โอต้องดูหนังสือประกอบด้วยใช่ไหม กลายเป็นว่าทุกครั้งที่ก้มลงอ่าน โออ่านเลยกว่าที่ต้องการตลอดเลย ทุกหน้าสามารถดึงโอเข้าไปอยู่ในเรื่องได้ แนวคิดดี นำเสนอดี สารของเรื่องดีมาก ถ่ายทอดความเป็นวัยรุ่นโดยใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ ผู้เขียนไม่ได้เขียนดึงให้ดราม่า ไม่ได้ทำให้รู้สึกบีบคั้น หนังสือเรื่องนี้เหมือนสายน้ำ สายลม แสงแดด ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ แก่กัน อบอุ่นใจมาก  

 

และเป็นอีกเรื่องที่เขียนถึงความสัมพันธ์พระนายได้ดีมาก ๆ เห็นพัฒนาการ เห็นความรู้สึก ทุกอย่างมันล้นออกมา มันดีไปหมด คำว่าน่ารักบินว่อนทั้งเรื่องเลย  

 

อะไรที่อยากให้มี อะไรที่อยากเห็น ในเรื่องนี้ก็มีหมดเลย มีเกินกว่าที่คาดคิดด้วยซ้ำ 

 

 

(4+5)/2 = 4.5 ดาว 

 

 

โอไม่รู้จะพูดยังไง โออยากแนะนำ แต่โอก็รู้และเห็นข้อเสียของเล่มนี้ที่ไม่สามารถมองผ่านได้ แต่ถ้าถามว่าพออ่านได้ไหม มันก็อ่านได้ ไม่งั้นโอไม่สามารถเล่าเรื่องยาวขนาดนี้ได้หรอก แค่เขียนรีวิวเล่าเนื้อหาอย่างเดียว โอใช้เวลาสองวัน นี่ไม่รวมที่โอยกอะไรที่ติดขัดมานะ โอชอบมากจริง ๆ และเสียใจมากจริง ๆ  

เรื่องนี้มันเป็นสายอารมณ์ความรู้สึกน่ะ เป็นแนวฟีลกู๊ด ภาษาสวย มีลูกเล่นในการนำเสนอ ซึ่งต้องการการถ่ายทอดที่ดี ต้องเข้าใจจุดประสงค์ จังหวะ และอารมณ์ผู้แต่ง ถึงจะออกมาสมบูรณ์  

ที่โอคิดว่าผู้เขียนภาษาดี เพราะโอดูจากลูกเล่นในการเล่าเรื่อง ลูกเล่นการใช้ภาษา อ่านแล้วรู้สึกถึงการเล่นคำหลายครั้ง  หลาย ๆ ช่วง เหมือนเขาพยายามเล่นคำคู่กับตัดสลับฉาก ใช้คำเดียวสื่อความหมายถึงสองสถานการณ์ แล้วดันสองฉากนั้นมาอยู่ด้วยกัน แต่คนอ่านอ่านแล้วจะไม่ค่อยเคลียร์ โอคิดว่าน่าจะมีที่แปลผิดด้วย เพราะอ่านแล้วไม่เข้ากับตัวของเนื้อเรื่อง อ่านแล้วงงหลายจุด  

 

เสียใจ เสียดาย  

จะร้องไห้แล้วเนี่ย 




สำหรับคนที่อ่านตัวอย่างเรื่องนี้นะคะ คลิกที่นี่

ซื้อรูปเล่ม คลิก

 

******* 
 

ส่วนสปอยล์ 


Spoiler Alert


*ลากเมาส์ค้างไว้ยาว ๆ หรือกด ctrl+A











 

 

และอย่างที่ทุกคนน่าจะเดาออก เฮ่อจาวเองก็เหมือนกับเซี่ยอวี๋ เขาแกล้งโง่ เพราะมีเหตุผลบางอย่าง 

 

เลยกลายเป็นเรื่องของคนสองคนที่แอบเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ ต้องมานั่งติดกัน เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน โดยต่างคนต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเรียนดี ภายนอกแสร้งทำเป็นไม่ตั้งใจเรียน แต่พออยู่คนเดียวก็จะทำแบบฝึกหัดอยู่เสมอ  

 

 

 

คาบของเหล่าอู่ตอนเขาทิ้งโจทย์ยากให้นักเรียนที่สนใจไปลองแก้เล่น ๆ เป็นจุดทิ้งเบาะแสให้คนอ่านและเซี่ยอวี๋สังเกต ซึ่งผู้เขียนทำได้นุ่มนวลและดีมาก 

การทิ้งเบาะแสต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งความดีงามของเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนหรือคาดเดายาก แต่ผู้เขียนทยอยใส่เบาะแสให้ตัวละครและคนอ่านเป็นรายทาง เมื่อเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวรู้ความจริงของอีกฝ่ายแล้วย้อนนึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา ทุกอย่างมันมีความหมาย ภาพที่นำมารวมกันจึงกลายเป็นภาพที่สวยงามมาก 

 

และตัวพระนายเองก็ดีมาก ๆ  

 

ทำไมพอมีคำว่าดีแล้วต้องมาคู่กับคำว่าเสียดายด้วย 

 

เฮ้อ 

 

ตอนเฮ่อจาวและเซี่ยอวี๋เป็นแฟนกันแล้ว เซี่ยอวี๋ก็เริ่มชักกังวลเรื่องผลการเรียนเฮ่อจาว ถึงกับหลอนไปฝันเลยว่าเฮ่อจาวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดแล้วต้องไปทำงานเป็นคนขับรถตักดิน จุดนี้ทั้งฮาทั้งเข้าใจเซี่ยอวี๋ น้องถึงกับไปทำสรุปประเภทที่เข้าใจง่ายส่งเมลที่สมัครใหม่ไปให้เฮ่อจาว 

พอเฮ่อจาวได้รับเมลก็เอาไปถามเพื่อน ๆ ในแชตห้อง เพื่อน ๆ ถึงกับคิดไปว่าต้องเป็นคนที่แอบชอบเฮ่อจาวแต่ไม่กล้าสารภาพ เลยส่งเมลนี้มาให้แทน เฮ่อจาวเลยส่งอีเมลปฏิเสธไปว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว จุดนี้เซี่ยอวี๋ได้แต่กระอัก ด่าในใจว่า แฟนที่ว่าก็ฉันไงล่ะ 

ส่วนเฮ่อจาวนั้นก็แอบไปหาซื้อหนังสือเตรียมสอบที่ดีและเหมาะสำหรับคนที่คนไม่มีพื้นฐาน แอบไปวางที่โต๊ะของเซี่ยอวี๋ เซี่ยอวี๋ถามคนในห้องก็ไม่มีใครรู้ว่าหนังสือเป็นของใคร พอเฮ่อจาวถามอุบอิบ ๆ ว่าจะเอายังไงกับหนังสือ เซี่ยอวี๋กลัวว่าเฮ่อจาวจะหึงเลยตอบว่า จะทิ้งไป  

สรุปแล้วแผนพัฒนาทักษะการเรียนของแฟนเลยเหลวทั้งคู่  

 

แต่ฮามากและน่ารักมาก 

 

พอรู้ความจริงของกันและกันแล้ว มองย้อนกลับไป กลายเป็นเรื่องที่ชวนให้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอย่างแท้จริง 

 

ฉากไคลแมกซ์ตอนรู้ความจริงก็เป็นอีกฉากที่ประทับใจ สวยมาก อันที่จริง โอว่าทุกฉากที่ผู้เขียนไม่ได้เขียนด้วยโทนคอมเมดี้ ภาพที่ออกมาสวยหมดเลย 

 

 

หลังจากรู้ว่าต่างคนต่างเก่ง ก็เข้าสู่ช่วงเวลาของคำถามว่า ทำไมต้องทำแบบนี้ โอชอบที่เขาเขียนให้ทั้งเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวไม่เข้าไปชี้หน้าตัดสินว่าสิ่งที่ฝ่ายทำมันไร้สาระ ไม่ได้เข้าไปตัดสินว่าผิดหรือถูก หรือไปชี้นำว่าควรทำอะไรต่อ พวกเขาทำแค่รับฟัง และเป็นกำลังใจให้กันและกัน  

 

เพื่อกลับมาเป็นตัวเองในแบบที่ไม่ต้องเนียนเป็นนักเรียนห่วย ๆ อีกต่อไป 

 

 

พอรู้ความจริง ต่อหน้าคนอื่นสองคนก็ยังแอ๊บเป็นนักเรียนห่วย ๆ อยู่ แต่เวลาอยู่ด้วยกันก็จะคุยกันเรื่องเรียน ไปอ่านหนังสือในห้องด้วยกัน มีตอนหนึ่ง ชอบมาก กำลังคุยกันเรื่องวิธีแก้โจทย์อยู่ที่โต๊ะในห้องเรียนอยู่ เพื่อนในห้องเดินมาใกล้ เฮ่อจาวเลยเสไปคุยเรื่องเกม เกมนี้นะต้องทำงี้ถึงจะผ่าน บลา ๆ สกิลแสดงละครขั้นสุด พอเพื่อนคนนั้นเดินไปแล้วเซี่ยอวี๋เลยขำไม่หยุด เฮ่อจาวเลยบ่น ๆ ว่าขำแฟนตัวเองอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ เซี่ยอวี๋ก็หยุดไป มองหน้าแล้วถามน้ำเสียงจริงจังว่า แล้วเมื่อไรฉันถึงจะไม่ต้องขำแฟนตัวเองล่ะ แบบ โห มันดีอะ น่ารักมากด้วย 

 

หรือพอสองคนตัดสินใจกลับมาเป็นนักเรียนเรียนดีแล้ว ก็แข่งกันว่าใครจะเป็นที่หนึ่ง ฟีลท้ากันอะไรงี้ จากแข่งกันห่วยมาเป็นแข่งกันว่าใครจะที่หนึ่ง อันนี้ก็ดีเลย 

 




สิ้นสุดช่วงสปอยล์

 

******** 



โอจดที่อ่านแล้วมีปัญหามา ซึ่งสปอยล์แหละ เพราะมันคือเนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งเรื่องเลยที่โอยกมา เหมาะสำหรับคนที่อ่านจบแล้วหรือคนไม่กลัวสปอยล์  โอแทรกสิ่งที่โอคิดเกี่ยวกับเนื้อหาที่มีนัยแฝงการเชื่อมโยงบางอย่างไว้ อ่านแล้วแสดงความเห็นได้นะคะ คิดเหมือนหรือต่างจากโอ บอกได้ แย้งได้ มีอะไรแนะนำได้เลย ถ้าใครได้ภาษาจีนแล้วมีอะไรอยากบอกยิ่งดีเลยค่ะ จริง ๆ อยากถามด้วยว่าโอเข้าใจถูกมั้ยที่โอเขียนไปน่ะ ไม่รู้ว่าพอเห็นคำแปลแล้วเดาคำจากต้นทางออกไหม 


 





ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งจะมีที่คั่นจิบิและโปสเตอร์แถมมาด้วย ซึ่งก็น่ารักดี
แต่ถ้าให้เลือก โอขอเลือกหนังสือที่ไม่มีปัญหาด้านเนื้อหาที่ถ่ายทอด
เจ็บหัวใจจริง ๆ เจ็บนี้ไม่มีวันลืม 


 




 

ส่วนที่ติดขัด ที่เยอะมากและชวนถอดใจ ถอดใจจนไม่รู้จะถอดใจยังไง ขนาดว่าไม่ได้จดมาหมด มีปัญหาแทบทุกหน้า 

 

คำผิดมีเล็กน้อย ที่จำได้คือ จั๊กจั่น สะกดที่ถูก ต้องเป็น จักจั่น (ไม่เหมือนจักจี้ ที่สะกดได้ทั้ง จั๊กจี้ และจักจี้) แล้วก็มีจัดหน้าเคาะ enter ผิด แถวเลยรันลงมาอีกย่อหน้าครั้งหนึ่ง 

 

ครึ่งหลังของเล่มสองดีขึ้นมานิดหน่อย แล้วกลับมาแย่อีกครั้งช่วงตอนพิเศษ ภาพรวมก็คือ ติดขัดไปหมดทุกอย่าง 

 

โอทำหลายวันมากเลย ยาวที่สุดตั้งแต่เขียนรีวิวมา Word 80 หน้า ฟอนต์ Calibri Light (หัวเรื่อง) ขนาด 14  ภูมิใจในความพยายามของตัวเองมาก และไม่อยากทำอย่างนี้อีกแล้ว จะตายจริง ๆ  

 

 

เล่ม 1 

 

 

2  

คำหยาบที่ได้ยินนั้นเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสามารถเขียนออกมาเป็นบทความสั้น ๆ แปดร้อยตัวอักษรแบบไม่ต้องหยุดหายใจ เวลานี้เซี่ยอวี๋ถึงเอ่ยคำเพื่อเป็นการเตือนว่า “ป้าเหมยครับ” 

คำหยาบทุกคำก็หายไปทันที 

สวี่เยี่ยนเหมยปัดมือไล่คนอื่น ๆ แล้วก็ปิดปากตน รวมถึงบุหรี่ที่อยู่ในมือเธอก็ดับแบบไม่ลังเล ขยี้มันลงไปที่มุมโต๊ะแบบไม่ค่อยใส่ใจ แล้วก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ให้เห็นสายที่รับแบบไม่ตั้งใจราวจะสื่อว่าการประชุมในครั้งนี้ที่เกี่ยวกับ “ของหกตู้ที่ไม่ยอมมาส่งให้ตรงตามเวลา” งั้นเลิกการประชุมได้แล้ว 

 

>> 

คำหยาบที่ได้ยินนั้นเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสามารถเขียนออกมาเป็นบทความสั้น ๆ แปดร้อยตัวอักษรแบบไม่ต้องหยุดหายใจ เวลานี้เซี่ยอวี๋ถึงเอ่ยคำเพื่อเป็นการเตือนว่า “ป้าเหมยครับ”  

คำหยาบทุกคำหายไปทันที 

สวี่เยี่ยนเหมยปัดมือไล่คนอื่น ๆ เธอไม่ลังเลที่จะดับบุหรี่ในมือ ขยี้มันลงไปที่มุมโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก จากนั้นยกมือปิดปากตนเอง แล้วก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ให้เห็นสายที่รับแบบไม่ตั้งใจ ราวจะสื่อว่า การประชุมที่เกี่ยวกับ “ของหกตู้ที่ไม่ยอมมาส่งให้ตรงตามเวลา” ในครั้งนี้นั้น ให้เลิกประชุมได้แล้ว 

 

5 สวี่เยี่ยนเหมยบริหารตลาดขายส่งเสื้อผ้าอยู่ที่ถนนเฮยสุ่ย ธุรกิจเสื้อผ้านั้นเธอเริ่มตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว ตอนแรกเริ่มก็แค่วางขายแบกะดินกับเพื่อน ๆ สองสามคน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างและเช่าร้านมาร้านหนึ่ง จนถึงวันนี้ที่ซื้อสองชั้นในตึกกว่างเม่าใจกลางถนนเฮยสุ่ย -- สองชั้นนี้รวมร้านเล็ก ๆ ไว้ร้อยกว่าร้าน จนกลายมาเป็น “ตลาดขายส่งดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้” 

 

>> สวี่เยี่ยนเหมยบริหารตลาดขายส่งเสื้อผ้าอยู่ที่ถนนเฮยสุ่ย เธอเริ่มธุรกิจเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนแรกเริ่มเพียงแค่วางขายแบกะดินกับเพื่อนสองสามคน พอเริ่มเป็นรูปเป็นร่างจึงเช่าร้านมาร้านหนึ่ง จนปัจจุบันที่สามารถซื้อสองชั้น -- สองชั้นที่ว่านี้มีร้านเล็ก ๆ รวมไว้ร้อยกว่าร้านในตึกกว่างเม่าใจกลางถนนเฮยสุ่ย  กลายมาเป็น “ตลาดขายส่ง” ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ 

 

11 ปีนี้สวีเยี่ยนเหมยก็อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว ปกติก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการสั่งซื้อการจัดส่ง ต้องดูแลเรื่องนี้ เรื่องนั้น ใครมาหาเรื่องร้านไหนหรือเรื่องไร้สาระนี่โน่นนั่น ก็เป็นเธอที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด แต่ไม่มีเวลาจัดการตัวเอง ผมที่เห็นเป็นลอนนั้นก็ทำที่ร้านทำผมตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ไม่ค่อยได้ดูแล ตอนนี้มันมีสภาพเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ยุ่งเหยิง ทั้งแห้งและเหลือง 

มองจากหน้าตาเธอแล้วก็ดูออกว่าตอนเป็นสาวคงสวยมาก แต่ว่ากาลเวลาก็ไม่เคยรอใคร 

ต่อให้โยนเธอเข้าไปในหมู่ผู้คน ก็เป็นเพียงหญิงวัยกลางคนทั่วไปคนหนึ่ง บางทีอาจทำให้ผู้คนที่เคยมองเห็นความสวยในอดีตจากใบหน้าของเธอเริ่มสงสัยว่าตนมองผิดไปหรือเปล่านะ 

 

>> ปีนี้สวีเยี่ยนเหมยก็อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว ปกติยุ่งวุ่นวายอยู่กับการสั่งซื้อการจัดส่ง ต้องดูแลเรื่องนี้ เรื่องนั้น ใครมาหาเรื่องร้านไหน เรื่องไร้สาระนี่โน่นนั่น ก็เป็นเธอที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด แต่เธอกลับไม่มีเวลาจัดการตัวเอง ผมที่เห็นเป็นลอนนั้นก็ทำที่ร้านทำผมตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ตอนนี้มันจึงมีสภาพเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ยุ่งเหยิง ทั้งแห้งและเหลือง 

จากหน้าตาเธอตอนนี้ พอมองออกว่าตอนเป็นสาวคงสวยมาก แต่ว่ากาลเวลานั้นไม่เคยรั้งรอใคร 

ต่อให้โยนเธอเข้าไปในหมู่ผู้คน ก็เป็นเพียงหญิงวัยกลางคนทั่วไปคนหนึ่ง บางทีอาจทำให้ผู้คนที่เคยมองเห็นความสวยในอดีตจากใบหน้าของเธอเริ่มสงสัยว่าตนคงมองผิดไป 

 

12 สองคนยืนอยู่ในลิฟต์ ในพื้นที่ที่คับแคบนั้นทำให้กลิ่นน้ำหอมที่คล้ายสเปรย์ดับกลิ่นฉุนยิ่งกว่าปกติ ลิฟต์สำหรับพนักงานตัวนี้น่าจะเคยขนอาหารสดด้วยแหละ นอกจากกลิ่นฉุนของน้ำหอมแล้วก็ยังมีกลิ่นคาวของปลาแอบแฝงอยู่ด้วย 

 

>> สองคนยืนอยู่ในลิฟต์ ในพื้นที่ที่คับแคบนั้นทำให้กลิ่นน้ำหอมที่คล้ายสเปรย์ดับกลิ่นฉุนยิ่งกว่าปกติ น่าจะเป็นเพราะลิฟต์สำหรับพนักงานตัวนี้เคยขนอาหารสด  นอกจากกลิ่นฉุนของน้ำหอมแล้วจึงมีกลิ่นคาวของปลาแฝงอยู่ด้วย 

 

14 เซี่ยอวี๋คว้าไปที่คอเสื้อพี่หู่แบบไม่พูดอะไรสักคำแล้วพุ่งเข้าไปหาเขาทันที ใช้เข่ากระแทกไปที่หน้าท้อง แล้วก็ใช้มือบิดข้อศอกของพี่หู่กดเอาไว้ ไม่มีเวลาให้เขาได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ลากเขาเข้าหาตัวเองทันที 

เป็นการทุ่มหัวไหล่แขนเดียวที่สวยงามมาก ชัดเจนและรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่ว่าบรรยากาศตรงนี้มันค่อนข้างตึงเครียดแล้วละก็ เจ้าของร้านทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังก็อยากจะปรบมือร้องเฮกันเลยทีเดียว 

 

>> เซี่ยอวี๋ไม่พูดอะไรสักคำ พุ่งไปคว้าคอเสื้อพี่หู่ทันที ใช้เข่ากระแทกไปที่หน้าท้อง แล้วจึงใช้มือบิดข้อศอกของพี่หู่และกดเอาไว้ จากนั้นก็ลากเข้าหาตัวเองทันที ไม่ให้เขามีเวลาได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย 

เป็นการทุ่มหัวไหล่แขนเดียวที่สวยงามมาก ชัดเจนและรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่ว่าบรรยากาศตรงนี้ค่อนข้างตึงเครียดแล้วละก็ เจ้าของร้านที่อยู่ด้านหลังทั้งหลายก็อยากจะปรบมือร้องเฮกันเลยทีเดียว 

 

 

29 เกมนี้มีฟังก์ชันลำโพงขนาดเล็กด้วย มุมล่างซ้ายมีกล่องข้อความเล็ก ๆ เลื่อนหน้าจอเพื่อส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้เล่น แต่ว่าหัวข้อที่พูดถึงกันนี่... 

 

กล่องข้อความเล็ก ๆ เลื่อนหน้าจอ คืออะไรคะ 

 

ไม่รู้ว่ากล่องเลื่อนได้ หรือข้อความเลื่อนไปมา โอเดาว่าอย่างหลัง 

 

แล้วโอไม่แน่ใจคำว่า ฟังก์ชันลำโพง ด้วย เพราะไม่เห็นในตัวละครในเรื่องใช้เสียงในการเล่นเกมด้วย แล้วมันก็ไม่ต่อเนื่องกับประโยคต่อ ๆ มาที่พูดถึงแชต มันมีความหมายนี้จริงเหรอคะ ถ้าให้โอเดานะ มันน่าจะเป็น ฟังก์ชันสนทนา หรือเปล่าคะ 

 

เดานะ 

>> เกมนี้มีฟังก์ชันสนทนาเพื่อส่งเสริมการสื่อสารระหว่างผู้เล่นด้วยกัน มุมล่างซ้ายมีกล่องเล็ก ๆ ที่มีข้อความกำลังเลื่อนที่หน้าจอ แต่ว่าหัวข้อที่พูดถึงกันนี่... 

 

 

61-62  

“นายมีส่วนร่วมในการแย่งไอเท็มด้วยเหรอ” 

“ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ อดหลับอดนอนสามวันเพื่อแอบอยู่ตรงจุดคืนชีพของบอส” เฮ่อจาวพูดอีก “แต่ว่า เพื่อน ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ความคิดนี้เป็นความคิดฉันเองแหละ ตอนนั้นก็แค่ล้อเล่น ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมุ่งมั่นขนาดนั้น” 

น่าจะเป็นอย่างนี้ 

>> “ฉันไม่ได้ว่างขนาดจะได้อดหลับอดนอนสามวันเพื่อแอบอยู่ตรงจุดคืนชีพของบอส ก็แค่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ” 

 

64  

เซี่ยอวี๋นั่งที่ร้านบะหมี่หลานโจวและดูโทรศัพท์ไปพร้อมกับรอให้โจวต้าเหลยกินบะหมี่ชามที่สอง 

“ฉันไม่กล้ามาตีกันในพื้นที่นี้อีกต่อไปแล้วนะ” โจวต้าเหลยปอกหัวหอมและกระเทียมด้วยตะเกียบ แล้วคีบเส้นบะหมี่ขึ้นมายัดเข้าไปในปากของตนแล้วพูดว่า “แม่ง น่ากลัวฉิบหาย” 

โจวต้าเหลยยัดเข้าไปอย่างไม่กลัวว่าจะร้อน “ฉัน เหลยไจ่ที่อยู่ในยุทธภพมาสิบหกปี เป็นครั้งแรกที่พบเจออะไรแบบนี้ -- ฉันรักนายนะเพื่อน จะมีหนทางให้แก่ชีวิตวัยรุ่นหน่อยไหม” 

วัยรุ่นในยุทธภพที่กำลังกินบะหมี่อยู่นี้พูดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าแย่ สุดท้ายความรู้สึกทั้งหมดก็รวมอยู่ในประโยคเดียว “ฉันไม่ยอมรับใครเลย ฉันยอมแค่่ไอ้พี่ที่ไร้ยางอายคนนั้นคนเดียว ทำไมเขาถึงทำได้สบายขนาดนั้น” 

เมื่อได้ยินว่ามีคนที่ไร้ยางอาย ใบหน้าของเซี่ยอวี๋ก็ซีดเล็กน้อย 

ในบรรดาทุกคน เฮ่อจาวเป็นคนที่ไม่เครียด และคิดเร็วทำเร็วที่สุด 

เขาคว้ามือของเซี่ยอวี๋แบบธรรมชาติและโอบไหล่ของกันและกัน กอดเขาอย่างจริงใจ พูดคำว่า “ฉันรักนายนะเพื่อน” ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ดูเหมือนคู่พี่น้องที่ถูกแยกจากกันเป็นเวลาหลายปี 

 

 

 

สถานการณ์นี้คือโจวต้าเหลยบ่นเรื่องตำรวจให้พูดคำว่า “ฉันรักนายนะเพื่อน” แล้วกอดกับคู่อริที่ยกพวกตีกัน 

>>  

เซี่ยอวี๋นั่งที่ร้านบะหมี่หลานโจว ดูโทรศัพท์ไปพร้อมกับรอให้โจวต้าเหลยกินบะหมี่ชามที่สอง 

“ฉันไม่กล้ามาตีกันในพื้นที่นี้อีกต่อไปแล้วนะ” โจวต้าเหลยปอกหัวหอมและกระเทียมด้วยตะเกียบ จากนั้นคีบเส้นบะหมี่ขึ้นมายัดเข้าไปในปากของตนแล้วพูดว่า “แม่ง น่ากลัวฉิบหาย” 

โจวต้าเหลยยัดบะหมี่เข้าไปอย่างไม่กลัวว่าจะร้อน “ฉัน เหลยไจ่ที่อยู่ในยุทธภพมาสิบหกปี เป็นครั้งแรกที่พบเจออะไรแบบนี้ -- ฉันรักนายนะเพื่อน เรอะ ช่วยมีทางเลือกให้แก่ชีวิตวัยรุ่นหน่อยไหม” 

วัยรุ่นในยุทธภพที่กำลังกินบะหมี่อยู่นี้ยิ่งพูดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าแย่ สุดท้ายความรู้สึกทั้งหมดก็มารวมอยู่ในประโยคเดียว “ฉันไม่เคยยอมรับใครมาก่อน ฉันยอมแค่ไอ้พี่ที่ไร้ยางอายคนนั้นคนเดียว ทำไมเขาถึงทำได้สบายขนาดนั้น” 

เมื่อได้ยินว่าคำว่า คนไร้ยางอาย ใบหน้าของเซี่ยอวี๋ก็ซีดเล็กน้อย 

ในบรรดาทุกคน เฮ่อจาวเป็นคนที่ไม่เครียด และคิดเร็วทำเร็วที่สุด 

เขาคว้ามือของเซี่ยอวี๋แบบธรรมชาติ โอบไหล่ของอีกฝ่าย กอดเขาอย่างจริงใจ พูดคำว่า “ฉันรักนายนะเพื่อน” ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ดูเหมือนคู่พี่น้องที่ถูกแยกจากกันเป็นเวลาหลายปี 

 

 

92 “ฉันไม่ต้องการเสียเวลาทุกคน” 

>> “ฉันไม่ต้องการให้ทุกคนเสียเวลา” 

 

102 สวีเสียออกมาจากห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา เธอไม่ได้โดนตำหนิแบบนี้มานานแล้ว เบื้องบนโกรธมาก เปิดเทอมไปแค่วันเดียวก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอถูกถามว่าจะจัดการชั้นเรียนและจัดการนักเรียนอย่างไร เธอยืนก้มหัวอยู่ตรงนั้นและโดนต่อว่านานมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะหงุดหงิดหรือละอายใจ สีหน้าของเธอประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง เมื่อเข้าไปในห้องพักครู เธอกระแทกแผนการสอนลงบนโต๊ะทันที 

 

ห้องผู้บังคับบัญชา นี่น่าจะเป็น ห้องผู้อำนวยการ หรือเปล่าคะ 

 

ลองแก้บวกเกลานะคะ 

 

>> สวีเสียออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ เธอไม่ได้โดนตำหนิแบบนี้มานานแล้ว เบื้องบนโกรธมาก เปิดเทอมไปแค่วันเดียวก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอถูกถามว่าจะจัดการชั้นเรียนและนักเรียนอย่างไร เธอยืนก้มหัวอยู่ตรงนั้นและโดนต่อว่าอยู่นานมาก ไม่แน่ใจนักว่าเพราะหงุดหงิดหรือละอายใจ สีหน้าของเธอจึงประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง เมื่อเข้าไปในห้องพักครู เธอกระแทกแผนการสอนลงบนโต๊ะทันที 

 

103 แม้ว่าเฮ่อจาวจะสวมเครื่องแบบนักเรียนอย่างถูกต้อง แต่คำว่า “กฏ” เหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เฮ่อจาวหรี่ตา ปากของเขาก็พ่นควันบุหรี่ออกมา ตอนที่เขาไม่ยิ้มนั้นสร้างความรู้สึกเย็นชาเข้าไปถึงกระดูก และยังสร้างความรู้สึกกดดันที่ไม่อาจต้านทานได้ 

 -- มันช่างแตกต่างจากยามปกติที่เขาหยอกเล่นและหัวเราะโดยสิ้นเชิง 

เขาดีดก้นบุหรี่ ภาพที่เห็นในดวงตาเต็มไปด้วยหมอกควัน จากนั้นก็นั่งยอง ๆ จิกผมของเด็กคนนั้นและบังคับให้เขามองขึ้นมา “กล้ามากเลยนะ?” 

 

“กล้ามากเลยนะ?” มันไม่ใช่คำถามนะคะ 

 

และ 

 

เขาดีดก้นบุหรี่ (เขาคนนี้คือเฮ่อจาว) 

บังคับให้เขามองขึ้นมา (เขานี้คือคนที่โดนจิกผม) 

อย่าใช้ เขา แทนคนละคนในประโยคหรือย่อหน้าเดียวกัน 

 

ลองเกลาบวกแก้นะคะ 

 

>> แม้ว่าเฮ่อจาวจะสวมเครื่องแบบนักเรียนอย่างถูกต้อง แต่คำว่า “กฏ” เหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เฮ่อจาวหรี่ตา ปากของเขาพ่นควันบุหรี่ออกมา ตอนที่เขาไม่ยิ้มนั้นให้ความรู้สึกเย็นชาเข้าไปถึงกระดูก และยังสร้างความรู้สึกกดดันที่ไม่อาจต้านทานได้ 

ช่างแตกต่างจากยามปกติที่เขาหยอกเล่นและหัวเราะโดยสิ้นเชิง 

เฮ่อจาวดีดก้นบุหรี่ ภาพในดวงตาที่เห็นเต็มไปด้วยหมอกควัน จากนั้นก็นั่งยอง ๆ จิกผมของเด็กคนนั้น บังคับให้มองขึ้นมา “กล้านักหรือไง?” 

 

106 

“เพื่อนร่วมโต๊ะครับ ช่วยหน่อย” 

การแต่งตัวก็เหมือนเล่นไพ่ มันอาจจะต้องอาศัยโชคสักหน่อย เซี่ยอวี๋รู้สึกรำคาญเขาจริง ๆ แต่ก็จิ้มไปที่เสื้อผ้าสองสามชุดแบบไม่ได้มอง “ปัญญาอ่อนเหรอวะ...เกมประเภทนี้? ชื่อแอ๊กเคานต์ว่า หัวอ่อนว่าง่าย อินกับเกมมากเลยนะ” 

 

น่าจะประมาณนี้ 

 

>> “เพื่อนร่วมโต๊ะครับ ช่วยหน่อย” 

การแต่งตัวก็เหมือนเล่นไพ่ มันอาจจะต้องพึ่งโชคสักหน่อย เซี่ยอวี๋รู้สึกรำคาญเขาจริง ๆ  แต่ก็จิ้มไปที่เสื้อผ้าสองสามชุดแบบไม่ได้มอง “เกมประเภทนี้...ปัญญาอ่อนเหรอวะ? ตั้งชื่อแอ๊กเคานต์ว่า หัวอ่อนว่าง่าย อินกับเกมเหลือเกินนะ” 

 

 

107  

เฮ่อจาวฟังเข้าใจแล้ว เขายิ้ม เก็บมือถือ ทำท่าครุ่นคิด “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” 

เสิ่นเจี๋ย “...อย่างไหน” 

เซี่ยอวี๋ตีตัวออกหาก และไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร 

 

ตีตัวออกหาก ก. ห่างเหินไปไม่ร่วมมือร่วมใจเหมือนเดิม, ตีตนจากไป, ปลีกตัวออกไป, เอาใจออกหาก ก็ว่า. 

 

โอคิดว่าในประโยคนี้ไม่ควรใช้ตีตัวออกหาก ไม่ใช่ความหมายนี้ 

น่าจะเป็นงี้ 

>> เซี่ยอวี๋ขยับออกไป ไม่แสดงท่าทีอะไร 

 

107-108  

หลังจากที่เฮ่อจาวถูกเรียกตัวไป เขาไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยในระหว่างกระบวนการสอบสวนทั้งหมด และทำตัวเหมือนอัยการ ขอรายงานอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลของหยางเหวินหย่วน และให้เขาอธิบายด้วยว่าตัวเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร 

หยางเหวินหยวนน่ะกลัวและพูดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ 

สวีเสียรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเลย คนที่มีสมองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้เฮ่อจาวยอมรับผิด ขอโทษและเขียนหนังสือรับสารภาพ ลงโทษนิดหน่อยก็จบแล้ว 

แต่ทำอย่างไรเฮ่อจาวก็ไม่ยินยอม แม้เขาจะยิ้มอยู่ แต่น้ำเสียงเย็นชามาก “ขอโทษอะไร หยางดีเด่นใส่ร้ายว่าคนอื่นทำ นายนี่เก่งนะ พอเปิดปากพูดก็บอกว่าฉันต่อยนายอะนะ” 

สวีเสียไม่อยากจะนึกย้อนแล้ว เธอโบกมือ “อย่าพูดอีกเลย พูดแล้วเจ็บหน้าอก” 

 

 

แก้หลายอย่างเลย การใช้ เขา ด้วย ประมาณนี้ 

 

>>  

หลังจากที่เฮ่อจาวถูกเรียกตัวไป เขาไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยในระหว่างกระบวนการสอบสวนทั้งหมด เขาทำตัวเหมือนอัยการ ขอผลตรวจอาการบาดเจ็บของหยางเหวินหย่วนจากโรงพยาบาล และให้หยางเหวินหย่วนอธิบายด้วยว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างไร 

หยางเหวินหยวนน่ะกลัวและพูดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ 

สวีเสียรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเลย คนที่มีสมองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้เฮ่อจาวยอมรับผิด ขอโทษและเขียนหนังสือรับสารภาพ ลงโทษสักหน่อยก็จบแล้ว 

แต่ทำอย่างไรเฮ่อจาวก็ไม่ยินยอม แม้เขาจะยิ้มอยู่ แต่น้ำเสียงเย็นชามาก “ขอโทษอะไร หยางดีเด่นต่างหากที่ใส่ร้ายคนอื่น นายนี่เก่งนะ พอเปิดปากพูดก็บอกว่าฉันต่อยนายน่ะ” 

สวีเสียไม่อยากจะนึกย้อนแล้ว เธอโบกมือ “อย่าพูดอีกเลย พูดแล้วเจ็บหน้าอก” 

 

112 เซี่ยอวี๋เห็นทักษะการเล่นเกมแต่งตัวของเฮ่อจาวดีขึ้นเรื่อย ๆ และมักจะได้คะแนนสูงหลังจากที่เลือกเสื้อผ้า 

มันช่างเหลือเชื่อ 

หรือว่าครั้งก่อนที่พูดไปแบบส่ง ๆ ทำให้เขาเจอวิธีแล้วจริงๆ ? 

“เป็นไปได้ยังไง เทคนิคของนาย ฉันลองแล้ว ช่วยอะไรไม่ได้เลย” เฮ่อจาวแคปภาพหน้าจอก่อนที่จะออกจากเกม แคปคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เขาสร้างขึ้นมา และพูดกับเพื่อนร่วมโต๊ะตามปกติว่า “ฉันเติมเงิน” 

เฮ่อจาวยังกล่าวอีกว่า “เพื่อนร่วมโต๊ะของนาย ฉัน ผู้เล่นเงินหยวนในตำนาน” 

 

>> เซี่ยอวี๋เห็นทักษะการเล่นเกมแต่งตัวของเฮ่อจาวดีขึ้นเรื่อย ๆ และมักจะได้คะแนนสูงหลังจากที่เลือกเสื้อผ้า 

ไม่น่าเชื่อเลย 

หรือว่าครั้งก่อนที่พูดไปแบบส่ง ๆ นั้นทำให้เขาเจอวิธีแล้วจริงๆ ? 

“จะเป็นไปได้ยังไง เทคนิคของนายน่ะ ฉันลองแล้ว ช่วยอะไรไม่ได้เลย” เฮ่อจาวแคปภาพหน้าจอก่อนที่จะออกจากเกม แคปคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เขาสร้างขึ้นมา และพูดกับเพื่อนร่วมโต๊ะตามปกติว่า “ฉันเติมเงินต่างหาก” 

เฮ่อจาวยังกล่าวอีกว่า “เพื่อนร่วมโต๊ะของนาย ฉันคนนี้ เป็นผู้เล่นเงินหยวนในตำนาน” 

 

114  

แอปคิวคิวของเฮ่อจาวเป็นชื่อจริงของเขา ซึ่งดูจริงจังอย่างคาดไม่ถึง  

เซี่ยอวี๋ไม่ได้เปลี่ยนหมายเหตุของเขาหลังจากที่ขอเพิ่มเพื่อน เพียงแค่โยนเขาลงในแถบหมวดหมู่อะไรสักอย่างและปล่อยให้เขานอนนิ่งอยู่ในนั้นแหละ 

 

โอติดคำว่าหมายเหตุ เดาว่ามันน่าจะเป็นช่องให้เปลี่ยนชื่อ หรือใส่คำอธิบายเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ เหมือนการเม็มเบอร์โทรฯ นะ 

 

>> เฮ่อจาวใช้แอ๊กเคานต์ในแอปคิวคิวเป็นชื่อจริงของตัวเอง ดูจริงจังอย่างคาดไม่ถึง 

เซี่ยอวี๋ไม่ได้เปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติมของเฮ่อจาวหลังจากที่เพิ่มเพื่อน เพียงแค่โยนเขาลงในแถบหมวดหมู่อะไรสักอย่างและปล่อยให้เขานอนนิ่งอยู่ในนั้น 

 

115 [ไม่ประสงค์ออกนาม B] : ...พูดตามตรงนะ เธอจะให้อาจารย์คนอื่นสอนแทน อย่างน้อยก็บอกอาจารย์เขาหน่อยว่าพวกเราเรียนถึงไหนแล้วทุกครั้งที่เรียนน่ะ นี่มันน่าอายนะ 

 

>> [ไม่ประสงค์ออกนาม B] : ...พูดตามตรงนะ เธอจะให้อาจารย์คนอื่นสอนแทน อย่างน้อยก็ควรบอกอาจารย์เขาหน่อยว่าพวกเราเรียนถึงไหนแล้ว ให้เราบอกทุกครั้งที่เรียนน่ะ มันน่าอายนะ 

 

115 [ไม่ประสงค์ออกนาม C] : เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของอาจารย์สวีหรือเปล่า 

ที่บ้านอาจารย์สวีเสียดีมาก ๆ เลย เธอเตรียมพร้อมเรื่องย้ายโรงเรียนมาตั้งแต่เปิดเทอมแรก ๆ แล้ว 

ห้องของพวกเขาเป็นห้องธรรมดาที่แย่ที่สุดในชั้นปี และสถานการณ์ก็เป็นสถานการณ์พิเศษ ในเวลานั้นโรงเรียนให้สวีเสียดูแลห้องนี้ก็เพราะเชื่อในความสามารถของเธอ...แต่สวีเสียคิดว่าทางโรงเรียนตั้งใจขัดขวางเธอ 

“ครูที่ดีเลิศ” เช่นนี้กำลังจะไปสอนที่โรงเรียนอันดับต้น ๆ ก็ต้องไม่ชอบชั้นเรียนแบบนี้เป็นธรรมดา และไม่ให้ความสนใจกับชั้นเรียนเลย เหล่านักเรียนในห้องก็ไม่ได้ตาบอด และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์สวีเสียหนักขึ้นทุกวัน 

 

‘ที่บ้านอาจารย์สวีเสียดีมาก ๆ เลย’ งงค่ะ ? 

 

น่าจะเป็นงี้หรือเปล่าคะ 

 

>> [ไม่ประสงค์ออกนาม C] : เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของอาจารย์สวีหรือเปล่า 

ที่บ้านอาจารย์สวีเสียนั้นปกติดี เธอแค่เตรียมพร้อมเรื่องย้ายโรงเรียนมาตั้งแต่เปิดเทอมแรก ๆ แล้ว 

ห้องของพวกเขาเป็นห้องธรรมดาที่แย่ที่สุดในชั้นปี และสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ก็เป็นสถานการณ์พิเศษ ในเวลานั้นโรงเรียนให้สวีเสียดูแลห้องนี้ก็เพราะเชื่อในความสามารถของเธอ...แต่สวีเสียคิดว่าทางโรงเรียนตั้งใจขัดขวางเธอ 

“ครูที่ดีเลิศ” เช่นนี้กำลังจะไปสอนที่โรงเรียนอันดับต้น ๆ ย่อมไม่ชอบชั้นเรียนแบบนี้เป็นธรรมดา เธอไม่สนใจชั้นเรียนเลย เหล่านักเรียนในห้องก็ไม่ได้ตาบอด พวกเขาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์สวีเสียหนักขึ้นทุกวัน 

 

  

116 เสิ่นเจี๋ยหาตั้งแต่ห้องน้ำไปยันดาดฟ้า ในที่สุดก็พบเฮ่อจาวอยู่ในหอพักชาย และบ่นให้เขาฟังเยอะมาก แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า “เพื่อนร่วมโต๊ะของพี่อะ ไร้มนุษยสัมพันธ์” 

 

>> เสิ่นเจี๋ยหาตั้งแต่ห้องน้ำไปยันดาดฟ้า ในที่สุดก็พบเฮ่อจาวอยู่ในหอพักชาย จึงบ่นให้เขาฟังมากมาย ในที่สุดก็สรุปออกมาว่า “เพื่อนร่วมโต๊ะของพี่อะ ไร้มนุษยสัมพันธ์” 

 

116  

เสิ่นเจี๋ยพูดจบก็พบว่าเฮ่อจาวไม่ตอบสนอง 

เมื่อเขาปิดประตูห้องนอนแล้วหันไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าพี่จาวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งและเท้าของเขาเหยียบอยู่ที่ขอบเก้าอี้ ชุดเครื่องแบบนักเรียนถูกปลดกระดุมออกหลายเม็ด ดูแล้วเป็นจิ๊กโก๋มาก 

เสิ่นเจี๋ยพูดว่า “จิ๊กโก๋เหรอ” 

“จิ๊กโก๋บ้าอะไรล่ะ ถึงเพื่อนร่วมโต๊ะฉันจะไม่ดี แกก็ไม่มีสิทธิ์มาพูด” เฮ่อจาวนอนไปสองคาบ เพิ่งลุกจากเตียง เขาเกาหัวแล้วถามว่า “นายมาทำอะไรที่นี่” 

“มาหาพี่ไปกินข้าวไงครับ กินข้าวกับพี่ไม่ต้องต่อคิวด้วย” 

 

 

เออ ข้างบนเป็นอีกวิธีที่ผู้เขียนชอบใช้ เหมือนจะโยงสองคำเข้าหากันในคนละสถานการณ์ อย่างข้างบน เสิ่นเจี๋ยคิดว่าเฮ่อจาวดูเหมือนจิ๊กโก๋ แล้วก็น่าจะสงสัยว่าเซี่ยอวี๋เป็นแบบนี้ เลยพูดออกมา เฮ่อจาวคิดว่าเสิ่นเจี๋ยพูดถึงเซี่ยอวี๋อย่างเดียวจึงตอบกลับไปแบบนั้น 

 

อะ มาแก้กันบ้าง 

 

>> เสิ่นเจี๋ยพูดจบก็พบว่าเฮ่อจาวไม่ตอบสนอง 

เมื่อเขาปิดประตูห้องนอนแล้วหันไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าพี่จาวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขาข้างหนึ่งยกขึ้นมา เท้าเหยียบอยู่ที่ขอบเก้าอี้ เครื่องแบบนักเรียนถูกปลดกระดุมออกหลายเม็ด ดูแล้วเป็นจิ๊กโก๋มาก 

เสิ่นเจี๋ยพูดว่า “จิ๊กโก๋เหรอ” 

“จิ๊กโก๋บ้าอะไรล่ะ ถึงเพื่อนร่วมโต๊ะฉันจะไม่ดี แกก็ไม่มีสิทธิ์มาพูด” เฮ่อจาวนอนไปสองคาบ เพิ่งลุกจากเตียง เขาเกาหัวแล้วถามว่า “นายมาทำอะไรที่นี่” 

“มาชวนพี่ไปกินข้าวไงครับ กินข้าวกับพี่ไม่ต้องต่อคิวด้วย” 

 

117-118 “ให้ผมพูดนะพี่จาว แค่ทำให้ไอ้หยางเหวินหย่วนมันพูดออกมาให้หมด -- นี่มันช่างกล้าจริง ๆ เลยนะ กระแทกเข้ากับปากกระบอกปืน ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะตาย” 

“จะพูดอะไรล่ะ” เฮ่อจาวพูด “เรื่องหลิ่วหยวนพูดไม่ได้” 

เสิ่นเจี๋ยสูบบุหรี่ครั้งสุดท้ายแล้วถอนหายใจ “...แม่งเอ๊ย” 

 

 

มี ‘พูด’ อยู่สองครั้ง 

 

ท่อนนี้เหมือนกำกวมจากการเล่นคำ คล้ายข้างบนเลย คำเดียวสองสถานการณ์ 

 

‘ให้ผมพูด’ นี่มันตีความได้หลายความหมายน่ะ ความหมายแรก คือเป็นการออกตัว ว่า ผมคิดอย่างนี้นะ ความหมายที่สอง คือ ขออนุญาตพูด ความหมายที่สาม คือ ขออนุญาตบอกความจริง (แก่ครู)  

และ 

‘แค่ทำให้ไอ้หยางเหวินหย่วนมันพูดออกมาให้หมด’ 

 

‘จะพูดอะไรล่ะ’ ของเฮ่อจาว จึงไม่แน่ใจว่า เฮ่อจาวหมายถึงคำพูดคำไหนของเสิ่นเจี๋ย หรือหมายถึงว่า จะให้หยางเหวินหย่วนพูดอะไร 

 

ซึ่งโอคิดว่า ‘ให้ผมพูด’ ของเสิ่นเจี๋ย มีความหมายในความหมายแรก โอตัดความหมายที่สองออก และความหมายที่สาม จากใจความ เสิ่นเจี๋ยเหมือนพร้อมอัดหยางเหวินหย่วนอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นแนวที่ไปฟ้องครู 

 

และ ‘พูด’ ของเฮ่อจาว น่าจะเป็นในความหมายว่า ‘จะให้หยางเหวินหย่วนพูดอะไร’ เพราะเฮ่อจาวบอกว่า เรื่องของหลิ่วหยวนนั้นพูดไม่ได้ (ถ้าให้หยางเหวินหย่วนสารภาพ เรื่องของหลิ่วหยวนก็จะเผยออกมา) 

 

 

>> “ผมว่านะพี่จาว แค่ทำให้ไอ้หยางเหวินหย่วนมันยอมพูดออกมาให้หมดก็พอ --หมอนี่ก็ช่างกล้าจริง ๆ เอาตัวมากระแทกกับปากกระบอกปืน ไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะตาย” 

“ให้มันพูดอะไรล่ะ” เฮ่อจาวพูด “เรื่องหลิ่วหยวนพูดไม่ได้” 

เสิ่นเจี๋ยสูบบุหรี่ครั้งสุดท้ายแล้วถอนหายใจ “...แม่งเอ๊ย” 

 

 

137 เฮ่อจาววิ่งกลับไปที่ห้องเรียนและฉวยโอกาสในขณะที่ครูสอนภาษาอังกฤษไม่สนใจ เขาก้มตัวและแอบเข้าไปในห้องเรียนจากประตูหลัง แล้วนั่งลงเบา ๆ หยิบน้ำเต้าหู้ร้อนจากกระเป๋าซึ่งไม่มีอะไรเลยที่คล้องอยู่บนไหล่ แล้วผลักไปให้เซี่ยอวี๋ “ให้” 

 

หยิบน้ำเต้าหู้ร้อนจากกระเป๋าซึ่งไม่มีอะไรเลย  คืออะไรคะ? 

 

เดานะ 

 

>> เฮ่อจาววิ่งกลับไปที่ห้องเรียน ฉวยโอกาสในขณะที่ครูสอนภาษาอังกฤษไม่สนใจ ก้มตัวและแอบเข้าไปในห้องเรียนจากประตูหลัง เขานั่งลงเบา ๆ หยิบน้ำเต้าหู้ร้อนจากช่องว่างในกระเป๋าที่คล้องอยู่บนไหล่ แล้วผลักไปให้เซี่ยอวี๋ “ให้” 

 

140 “...พวกเราอยู่ชั้นไหนนะ ชั้นสาม” 

น่าจะทำให้เป็นประโยคคำถามหรือเปล่าคะ 

>> “...พวกเราอยู่ชั้นไหนนะ ชั้นสามหรือเปล่า” 

 

142 วั่นต๋ายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่แถวหลังสุด เขากำลังจะเล่าเรื่องร้านตัดผมสยองขวัญและเรียกพี่ชายสองคนให้มาฟังด้วยกัน “พี่จาว พี่อวี๋ มาไหมครับ มาฟังหน่อยไหมครับ สยองแน่นอน น่าตื่นเต้นมาก หลังจากฟังแล้วถ้ากล้านอนคนเดียวตอนกลางคืนผมจะให้เงินพี่ห้าเหมา” เฮ่อจาวไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ได้ยินเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาคนนั้นที่ไม่เข้าหาใครเลย โดดเดี่ยวแทบตาย และไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมอะไรพูดว่า “ได้นะ” 

 

โอรู้สึกราง ๆ ว่าผู้เขียนน่าจะเล่นคำที่มีความหมายขั้นสุด (แน่นอน สุดยอด อย่างยิ่ง ไม่เคยเข้าหา ไม่เคยร่วมกิจกรรมใด บลา ๆ ) 

 

น่าจะแนวนี้ 

 

>> วั่นต๋ายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่แถวหลังสุด เขากำลังจะเล่าเรื่องร้านตัดผมสยองขวัญเลยเรียกพี่ชายสองคนให้มาฟังด้วยกัน “พี่จาว พี่อวี๋ มาไหมครับ มาฟังหน่อยไหมครับ สยองแน่นอน ตื่นเต้นสุดยอด หลังจากฟังแล้วถ้ากล้านอนคนเดียวตอนกลางคืนผมจะให้เงินพี่ห้าเหมาเลย” เฮ่อจาวไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ได้ยินเพื่อนร่วมโต๊ะที่ไม่เข้าหาใครเลย โดดเดี่ยวอย่างยิ่ง และไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมอะไรของเขาคนนั้น พูดว่า “ได้นะ” 

 

142 เซี่ยอวี๋มองลงมาเห็นมือของเฮ่อจาวที่ยังจับเขาอยู่ “นายไม่กะจะปล่อยมือแล้วใช่ไหม” 

 

>> “นายกะจะไม่ปล่อยมือแล้วใช่ไหม” 

 

 

 

155 เซี่ยอวี๋คิดว่า หลายปีมานี้ที่เขาแกล้งทำเป็นนักเรียนห่วย ๆ ถือว่าแสดงได้ดีแล้วจริง ๆ นะ แต่ตอนนี้เขาพบว่ายังอีกไกล นักเรียนที่ห่วยจริง ๆ ดูปัญญาอ่อนมากกว่าที่เขาคิด 

 

>> หลายปีมานี้ที่เซี่ยอวี๋แกล้งทำเป็นนักเรียนห่วย ๆ เขานึกว่าแสดงได้ดีแล้ว แต่ตอนนี้เขาพบว่าความจริงแล้วยังอีกไกล นักเรียนที่ห่วยจริง ๆ นั้น ดูปัญญาอ่อนมากกว่าที่เขาคาด 

 

159 คนที่โดดเด่นที่สุดสักงูตัวหนึ่งที่แยกเขี้ยวยิงฟันไว้ที่คอลากยาวเข้าไปจนถึงภายในเสื้อของเขา 

>> คนที่โดดเด่นที่สุดสักงูที่แยกเขี้ยวยิงฟันตัวหนึ่งไว้ที่คอลากยาวเข้าไปจนถึงภายในเสื้อของเขา 

 

165  

สวี่ฉิงฉิง ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนผู้ชายใจกล้า มาถึงก็ตบต้นขาของตัวเองและบอกว่าเธอต้องการเป็นคนถามหลัก “ฉันจะถาม!” 

พูดจบก็จับดินสอ 

วั่นต๋าจับมือของสวี่ฉิงฉิง ไม่คัดค้าน “โอเค เธอถาม” 

เฮ่อจาวไม่อยากขยับ แต่วั่นต๋าเอาแต่จ้องเขา มองดูแล้วก็รู้ว่าเขาไม่กล้าสัมผัสมือของเซี่ยอวี๋ ทำให้เฮ่อจาวรีบเอามือขึ้นมาวาง 

เซี่ยอวี๋เป็นคนเข้าถึงยาก 

ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทำอะไร เพราะต่อให้แค่นอนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าต้องหลีกให้ห่างจากเขา ในชั้นเรียนก็มีแต่เฮ่อจาวที่กล้ามาแหย่มาคุยเล่นกับเขาแล้วยังมีชีวิตที่แข็งแรงจนถึงปัจจุบัน 

เซี่ยอวี๋เป็นคนสุดท้าย 

เขายกมือขึ้นและวางไว้บนมือของเฮ่อจาว ตอนนี้เป็นฤดูร้อน แต่เฮ่อจาวกลับรู้สึกถึงความเย็นจากปลายนิ้วของเซี่ยอวี๋ 



สถานการณ์คือจับมือต่อ ๆ กันเล่นผีถ้วยแก้ว
 

ท่อนนี้ 

‘แต่วั่นต๋าเอาแต่จ้องเขา มองดูแล้วก็รู้ว่าเขาไม่กล้าสัมผัสมือของเซี่ยอวี๋’ 

เขาแรก หมายถึง เฮ่อจาว 

เขาที่สอง หมายถึง ตัวของวั่นต๋า ที่ไม่กล้าสัมผัสเซี่ยอวี๋ (เพราะเซี่ยอวี๋น่ากลัว) จึงส่งสายตาให้เฮ่อจาวจับมือตัวเองต่อ (ไม่งั้นเซี่ยอวี๋ก็ต้องเป็นคนจับมือวั่นต๋า) 


อยากให้ลองสังเกตดู ผู้เขียนกำลังล้อการกระทำของวั่นต๋าที่ไม่กล้าแตะตัวเซี่ยอวี๋ กับคำว่า เซี่ยอวี๋เป็นคนเข้าถึงยาก เข้าถึงยาก ก็คือ แตะต้องตัวยาก ความหมายตรงตามอักษรกับการกระทำของวั่นต๋า คู่ไปกับความหมายปกติที่หมายถึง ยากที่จะคบหา 
 

>>  

สวี่ฉิงฉิง ผู้หญิงที่ดูเหมือนผู้ชายใจกล้าคนนี้ มาถึงก็ตบต้นขาของตัวเองและบอกว่าเธอต้องการเป็นคนถามหลัก “ฉันถามเอง!” 

พูดจบก็จับดินสอ 

วั่นต๋าจับมือของสวี่ฉิงฉิง ไม่คัดค้าน “โอเค เธอถาม” 

เฮ่อจาวไม่อยากขยับ แต่วั่นต๋าเอาแต่จ้องเขา มองดูแล้วก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่กล้าสัมผัสมือของเซี่ยอวี๋ ทำให้เฮ่อจาวรีบเอามือขึ้นมาวาง 

เซี่ยอวี๋เป็นคนเข้าถึงยาก 

ไม่ได้หมายความว่าเขาจำต้องทำอะไร เพราะต่อให้แค่นอนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าต้องหลีกให้ห่างจากเขา ในชั้นเรียนก็มีเพียงเฮ่อจาวที่กล้ามาแหย่มาคุยเล่นกับเขาแล้วยังมีชีวิตที่แข็งแรงจนถึงปัจจุบัน 

เซี่ยอวี๋เป็นคนสุดท้าย 

เขายกมือขึ้นและวางไว้บนมือของเฮ่อจาว ตอนนี้เป็นฤดูร้อน แต่เฮ่อจาวกลับรู้สึกถึงความเย็นจากปลายนิ้วของเซี่ยอวี๋ 

 

 

187 

ถังเซินย้ายมาจากโรงเรียนอันดับต้น ๆ แม้ว่าเขามีประสบการณ์การสอนมาเกือบยี่สิบปี แต่พวกครูคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้จักเขามาก รู้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเจียง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี 

อาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงที่เป็นคน “เลือดร้อน” แต่นิสัยของเพื่อนเขาใจเย็นมากเลยนะ 

 

>>  

ถังเซินย้ายมาจากโรงเรียนอันดับต้น ๆ แม้ว่าเขามีประสบการณ์การสอนมาเกือบยี่สิบปี แต่พวกครูคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้จักเขามากนัก รู้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเจียง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี 

อาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงเป็นคน “เลือดร้อน” แต่นิสัยของเพื่อนเขานั้นใจเย็นมาก 

 

192 แม้ว่าปกติแล้วจะไม่มีอาจารย์คนไหนกล้าควบคุมพวกเขา แต่หมาบ้าเป็นข้อยกเว้น ขิงต้องเป็นขิงแก่ที่เผ็ด อาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงนั้นเผ็ดยิ่งกว่าเผ็ด จัดการนักเรียนขึ้นมาพวกเขาก็สู้ไม่ได้ รู้สึกว่าสามารถต่อสู้กับนักเรียนได้ตลอดเวลา ไม่มีกลัวอะไรเลย พวกเขามักจะรู้สึกว่าเขาต้องเป็นตัวละครดุร้ายที่ครองยุทธภพมาเมื่อตอนเขาเป็นวัยรุ่น 

ดังนั้นทุกครั้งที่หมาบ้าเข้ามาตรวจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจขนาดไหน แต่ก็จะแกล้งทำตามทุกคน 

 

>> แม้ว่าปกติแล้วจะไม่มีอาจารย์คนไหนกล้าควบคุมพวกเขา แต่หมาบ้าเป็นข้อยกเว้น ขิงต้องเป็นขิงแก่ถึงจะเผ็ด อาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงนั้นเผ็ดยิ่งกว่าเผ็ด เวลาจัดการนักเรียนขึ้นมา พวกเขาสู้ไม่ได้เลย รู้สึกว่าหมาบ้าสามารถต่อสู้กับนักเรียนได้ตลอดเวลา ไม่มีกลัวอะไร พวกเขามักจะรู้สึกว่าอาจารย์ต้องเป็นตัวละครดุร้ายที่ครองยุทธภพมาเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น 

ดังนั้นทุกครั้งที่หมาบ้าเข้ามาตรวจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจขนาดไหน แต่ก็จะแสร้งคล้อยตามทุกคน 

 

193 มีโลโก้หลายรายการที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีจุดสีแดงเล็ก ๆ เซี่ยอวี๋ถามว่า “เขาเพิ่งส่งข้อความถึงนายไม่ใช่เหรอ” 

 

สถานการณ์ที่เฮ่อจาวกำลังเล่นเกมจีบหนุ่ม แต่หนุ่มในเกมปฏิเสธเดตกับตัวละครสาวน้อยของเขา เซี่ยอวี๋จำต้องเป็นที่ปรึกษาชั่วคราวให้เฮ่อจาวผู้กำลังคร่ำครวญ จึงดูที่หน้าจอในเกมเขา ปรากฏว่ามีจุดสีแดงเล็ก ๆ บนนั้น ซึ่งโอคิดว่าไม่น่าใช้คำว่า โลโก้ 

 

>> มีเครื่องหมายหลายรายการที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีจุดสีแดงเล็ก ๆ เซี่ยอวี๋ถามว่า “เขาเพิ่งส่งข้อความถึงนายไม่ใช่เหรอ” 

 

197 

วั่นต๋ายืนขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง “อะไร ไม่เห็นมีอาจารย์สักหน่อย...ต่อให้มีอาจารย์ฉันก็ไม่กลัว” 

ไม่มีอาจารย์ แต่มีหัวหน้าวิชาการของ ม.5 ห้องสามที่ดีและน่ากลัว 

เซว์สีเซิง บุคคลนี้มีชื่อเสียงมากในระดับชั้น เขาเป็นลูกรักในสายตาของอาจารย์วิชาต่าง ๆ แต่เป็นคนแปลกในสายตาเพื่อนร่วมชั้น 

 

>> ไม่มีอาจารย์ แต่มีหัวหน้าวิชาการของ ม.5 ห้องสาม ที่ทั้งดีและน่ากลัว 

 

204 

เสิ่นเจี๋ยดูกังวล “พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรอยู่” 

เฮ่อจาวถึงแม้ว่าปกติจะไม่ค่อยได้ลงมือ แต่ทักษะก็ยังคงแข็งแกร่ง แต่เดิมเขาคิดว่าได้ชื่นชมการประลองระหว่างลูกพี่ใหญ่ของระดับชั้นเรียนกับลูกพี่ใหญ่ผู้อาวุโส ช่างเป็นอะไรยอดเยี่ยมที่สุด 

วั่นต๋าเพิ่งยอมรับสภาพเพื่อนเพศเดียวกันระหว่างคนสองคนที่แทบจะไม่มีเพื่อนคนอื่นเลย พูดออกมาสองคำ “...จีบกัน” 

 

 

เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ เฮ่อจาวบังแดดให้เซี่ยอวี๋ที่กำลังนอนหลับ อาจารย์เห็นเข้าเลยสั่งลงโทษทั้งคู่ วั่นต๋าฟ้องเซี่ยอวี๋ที่กำลังโมโห เซี่ยอวี๋หงุดหงิดขัดเขินเลยหาทางระบายด้วยการต่อยคน เสิ่นเจี๋ยแวะมาหาพี่ใหญ่แต่ไม่เห็นคนเลยถามวั่นต๋า วั่นต๋าอธิบาย เสิ่นเจี๋ยเดินตามเพราะอยากชมการต่อสู้เป็นบุญตา แต่ปรากฏว่าคนสองคนนั้นกลับไม่ได้เอาจริง ต่อย ๆ โอบ ๆ กันอยู่นั่น 

 

>> 

เสิ่นเจี๋ยดูกังวล “พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรอยู่” 

ถึงเฮ่อจาวจะไม่ค่อยได้ลงมือแต่ทักษะของเขายังคงแข็งแกร่ง เดิมเสิ่นเจี๋ยคิดว่าจะได้ชื่นชมการประลองระหว่างลูกพี่ใหญ่ของระดับชั้นเรียนกับลูกพี่ใหญ่ผู้อาวุโสซึ่งเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมที่สุด 

วั่นต๋าที่เพิ่งยอมรับสภาพของเพื่อนสองคนที่เป็นเพศเดียวกัน ที่แทบจะไม่มีเพื่อนคนอื่นเลย พูดออกมาสองคำ “...จีบกัน” 

 

(ท่อนล่างนั้น โอรู้สึกว่าเหมือนเป็นมุกย้ำคำของผู้เขียนน่ะ) 

 

205 เขาต้องแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจเรียนและหันเหความสนใจจากเกมมือถือเพื่อฟังคำถามข้อสุดท้ายของอาจารย์ เขาไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเฮ่อจาว 

 

สถานการณ์คือ เหล่าอู่กำลังสอนโจทย์ยาก เซี่ยอวี๋เลยตั้งใจฟัง พร้อมกับต้องแสดงว่าไม่ตั้งใจเรียน ทำสองอย่างพร้อมกันเลยไม่มีเวลาไปสนใจเฮ่อจาว 

 

น่าจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ 

>> เขาต้องแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจเรียน พร้อมกับต้องหันเหความสนใจจากเกมมือถือเพื่อฟังคำถามข้อสุดท้ายของอาจารย์ เขาไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเฮ่อจาว 

 

 

210 แมวส้มอ้วนตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักของคนถนนเฮยสุ่ย ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน 

ตอนที่มันเพิ่งมายังไม่ได้อ้วนขนาดนี้ ผอมโซมาก น่าจะเป็นเพราะเร่ร่อนมาเป็นเวลานานแล้ว เห็นคนก็จะหนีไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าปกติแล้วมันนอนอยู่ที่ไหน 

แมวหมาที่ถนนเฮยสุ่ยนั้นไป ๆ มา ๆ มีเยอะมาก ป้าเหมยและแม่ของเหลยจื่อมักจะเอากับข้าวที่เหลือมาคลุกเข้าด้วยกัน ถ้ามีก้างปลาก็จะใส่เข้าไปด้วย เอาไปใส่ไว้ในถ้วยเหล็กที่ไม่ใช้แล้ว วางไว้ตรงหน้าประตู 

เมื่อเวลาผ่านไป ถนนเฮยสุ่ยก็เป็นบ้านของแมวส้มไปแล้ว 

 

>> แมวอ้วนส้มตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของคนถนนเฮยสุ่ย ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน 

ตอนที่มันเพิ่งมายังไม่ได้อ้วนขนาดนี้ มันผอมโซมาก น่าจะเป็นเพราะเร่ร่อนมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นคนก็จะหนีไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าปกติแล้วมันนอนอยู่ที่ไหน 

แมวหมาที่ไป ๆ มา ๆ ที่ถนนเฮยสุ่ยนั้นมีอยู่มาก ป้าเหมยและแม่ของเหลยจื่อมักจะเอากับข้าวที่เหลือมาคลุกเข้าด้วยกัน ถ้ามีก้างปลาก็จะใส่เข้าไปด้วย เอาไปใส่ไว้ในถ้วยเหล็กที่ไม่ใช้แล้ว วางไว้ตรงหน้าประตู 

เมื่อเวลาผ่านไป ถนนเฮยสุ่ยก็เป็นบ้านของแมวส้มไปแล้ว 

 

212 “นายน่ารำคาญจังเลยวะ” 

 

โอไม่รู้ว่าประโยคนี้ตั้งใจหมายถึง ทำไมนายน่ารำคาญอย่างนี้ หรือ นายนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ  

เพราะใช้ วะ กับ ว่ะ ต่างกัน 

 

>> “ทำไมนายน่ารำคาญจังเลยวะ” 

หรือ 

>> “นายนี่มันน่ารำคาญจังเลยว่ะ” 

 

228 

ไม่ว่าจะเป็นคำถามอะไรเฮ่อจาวก็จะใช้สูตรที่ว่า “ปล่อยมันไป ข้อต่อไป” ยกเว้นวิชาภาษาจีน ภาษาจีนนั้นอย่างน้อย ๆ ก็อ่านเข้าใจและไม่ใช่ว่าจะไม่รู้หนังสือ ดังนั้นในการสอบวิชาภาษาจีนทุกครั้งเขาจะเติมกระดาษคำตอบให้เต็มเพื่อชดเชยความเสียใจที่ไม่สามารถตอบวิชาอื่น ๆ ได้ 

หลังจากจบหัวข้อก่อนหน้า เขาเริ่มเขียนเรียงความ เขียนด้วยความหลงใหลและลายมือเละ ๆ ของเขาจนช่องตารางแน่นพรืด 

 

>>  ไม่ว่าจะเป็นคำถามอะไรเฮ่อจาวก็จะใช้สูตรที่ว่า “ปล่อยมันไป ข้อต่อไป” ยกเว้นวิชาภาษาจีน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้หนังสือ อย่างน้อยก็อ่านเข้าใจ ดังนั้นในการสอบวิชาภาษาจีนทุกครั้งเขาจะเติมกระดาษคำตอบให้เต็มเพื่อชดเชยความเสียใจที่ไม่สามารถตอบวิชาอื่น ๆ ได้ 

หลังจากจบหัวข้อก่อนหน้า เขาก็เริ่มเขียนเรียงความอีกครั้ง เขียนด้วยความหลงใหลและลายมือเละ ๆ ของเขาจนช่องตารางแน่นพรืด 

 

 

 

254 

ในการสอบคณิตศาสตร์เมื่อวานตอนบ่าย เซี่ยอวี๋ถามเฮ่อจาวว่าเขาทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรควบคุมคะแนนไว้ที่เท่าไรดี 

คำถามในข้อสอบชุดนี้ส่วนมากเป็นแบบฝึกหัดหลังเลิกเรียน โดยมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเล็กน้อย เช่น การเปลี่ยน 10  ให้เป็น 20 ถ้าสอบได้คะแนนต่ำเกินไปก็จะเหมือนเด็กปัญญาอ่อนจริง ๆ นะ 

เฮ่อจาวตอบมาว่าทำได้ดีอยู่ แล้วเขาก็เชื่อจริง ๆ นะ 

ปกติแล้วเฮ่อจาวไม่ใช่คนที่ไม่สนใจเรียนเลย แต่ครั้งก่อนที่ทำให้อาจารย์สอนคณิตศาสตร์โกรธ คาบเรียนคณิตศาสาตร์ของเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก เขาไม่สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นจึงต้องเงยหน้าเพื่อมองกระดานดำ 

แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้าใจไหม อย่างไรก็ตาม คนคนนี้ก็พูดอยู่ข้าง ๆ ว่า “อย่างนี้นี่เอง ง่ายมากเลย คำถามข้อนี้นายเข้าใจยัง ฉันข้าใจแล้วนะ 

เขารู้...มะเหงกสิ 

ตอนที่เก็บข้อสอบเซี่ยอวี๋เหลือบดูคำตอบของเขาและรู้ว่าเฮ่อจาวทำให้เขาผิดหวังสุด ๆ ไปเลย 

 

 

ข้างบนนอกจากเลือกใช้คำไม่ดี มี เ ตกไป ตรง ฉันเข้าใจแล้วนะ 

และตรง ‘เขารู้...มะเหงกสิ’ ไม่น่าใช่อย่างนี้ น่าจะเป็นแนว ๆ ว่า เข้าใจบ้าอะไรล่ะ เพราะท่อนต่อมาตามด้วยข้อความว่า เฮ่อจาวทำให้เขาผิดหวังสุด ๆ ไปเลย (จริง ๆ คำนี้เหมือนเล่นคำนิด ๆ ด้วย ตรงว่า เซี่ยอวี๋นั้นเข้าใจอยู่แล้ว เพราะจริง ๆ เขาแอ๊บเป็นเด็กเรียนห่วยอยู่ ส่วนเข้าใจของเฮ่อจาวนั้น ก็อย่างที่เห็น) 

 

>> 

ในการสอบคณิตศาสตร์เมื่อวานตอนบ่าย เซี่ยอวี๋ถามเฮ่อจาวว่าเขาทำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรควบคุมคะแนนไว้ที่เท่าไรดี 

คำถามในข้อสอบชุดนี้ส่วนมากเป็นแบบฝึกหัดหลังเลิกเรียน โดยมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเล็กน้อย เช่น การเปลี่ยน 10  ให้เป็น 20 ถ้าสอบได้คะแนนต่ำเกินไปก็จะเหมือนเด็กปัญญาอ่อนแล้วจริง ๆ 

เฮ่อจาวตอบมาว่าทำได้ดีอยู่ แล้วเซี่ยอวี๋ก็เชื่ออย่างนั้นจริง 

ปกติแล้วเฮ่อจาวไม่ใช่คนที่ไม่สนใจเรียนเลย แต่ครั้งก่อนที่ทำให้อาจารย์สอนคณิตศาสตร์โกรธ คาบเรียนคณิตศาสาตร์ของเขาจึงไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาไม่สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นจึงต้องเงยหน้าเพื่อมองกระดานดำ 

แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้าใจไหม อย่างไรก็ตาม คนคนนี้ก็พูดอยู่ข้าง ๆ ว่า “อย่างนี้นี่เอง ง่ายมากเลย คำถามข้อนี้นายเข้าใจยัง ฉันเข้าใจแล้วนะ 

เข้าใจ...มะเหงกสิ 

ตอนที่เก็บข้อสอบเซี่ยอวี๋เหลือบดูคำตอบของเขาและรู้ว่าเฮ่อจาวทำให้ตนผิดหวังสุด ๆ ไปเลย 

 

 

258  

“นายสองคน นั่งสิ” ถังเซินเอาข้อสอบวางไว้บนโต๊ะ “ฉันอยากถามพวกนายหน่อย ในเรื่องการเรียน 

“เนี่ย มีตรงไหนที่เป็นปัญหาไหม พูดออกมาแล้วพวกเราลองมาหาวิธีแก้ไขกันหน่อย” 

พูดอีกแง่หนึ่งก็คือว่า ‘ทำไมพวกนายทั้งสองถึงสอบได้คะแนนต่ำเช่นนี้’ 

 

โอว่า คำสรรพนามเรียกที่อาจารย์เรียกนักเรียน ควรเป็น เธอ มากกว่า เพราะเป็นผู้ใหญ่เรียกเด็ก มันไม่ใช่แค่คำเรียกขานที่อยากพูดยังไงก็ได้ มันเกี่ยวกับความสุภาพ ความเหมาะสมอะไรอย่างนี้ด้วย เหมือนที่ถ้าคนอายุน้อยกว่ามาขาน จ๊ะจ๋า กับผู้ใหญ่ ก็จะไม่สุภาพ ไม่เหมาะสม 

(เอาจริง ๆ โอไม่เคยเห็นครูคนไหนเรียกนักเรียนว่า นาย เลย ก็เรียก เธอ หมด) 

 

>> 

“พวกเธอสองคน นั่งสิ” ถังเซินเอาข้อสอบวางไว้บนโต๊ะ “ฉันอยากถามพวกเธอหน่อย ในเรื่องการเรียน 

“เนี่ย มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่า ลองพูดออกมาแล้วพวกเรามาหาวิธีแก้ไขกัน” 

พูดอีกนัยหนึ่งก็คือว่า ‘ทำไมพวกเธอทั้งสองถึงสอบได้คะแนนต่ำอย่างนี้’ 

 

 

267  

ตอนที่เฮ่อจาวพูดถึงตัวเอง ดูเขาไม่รู้สึกอะไร 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องการหย่าร้างของครอบครัว แม่พาน้องสาวไปอยู่ต่างประเทศ ตอนที่แยกกันน้องสาวก็อายุเพียงสามขวบ ยังพูดไม่ค่อยชัดเลย เธอคอยติดตามเขาอยู่ข้างหลังแล้วเรียกว่าพี่ชาย 

 

>> 

ตอนที่เฮ่อจาวพูดถึงตัวเอง ดูเขาไม่รู้สึกอะไร 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องการหย่าร้างของครอบครัว แม่พาน้องสาวไปอยู่ต่างประเทศ ตอนที่แยกกันน้องสาวก็อายุเพียงสามขวบ เธอยังคอยติดตามเขาอยู่ข้างหลังแล้วเรียกว่าพี่ชาย พูดยังไม่ค่อยชัดเลย 

 

278 “อากาศร้อนขนาดนี้ ให้คนไปรับลูกก็ไม่ยอม ก็จะไปตากแดดเบียดคนอื่น” 

>> “ให้คนไปรับลูกก็ไม่ยอม อากาศร้อนขนาดนี้ ยังจะไปตากแดดเบียดคนอื่น” 

 

279 เซี่ยอวี๋อยู่ที่บ้านจงเป็นเวลาสามปีและทำตัวไม่มีปากมีเสียงอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนแอและไม่เป็นโล้เป็นพาย จงเจี๋ยไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ก็แอบสะใจอยู่เล็กน้อย 

 

‘จงเจี๋ยไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ก็แอบสะใจอยู่เล็กน้อย’ 

ไม่ชอบเรื่องอะไรคะ ทำไมการที่ทุกคนคิดว่าเซี่ยอวี๋เป็นคนอ่อนแอแล้วจงเจี๋ยต้องไม่ชอบด้วย เขาเกลียดเซี่ยอวี๋นี่นา อ่านแล้วงง  

 

เอ้า เดาแหลก 

 

>> เซี่ยอวี๋อยู่ที่บ้านจงเป็นเวลาสามปี เขาทำตัวไม่มีปากมีเสียงอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนแอและไม่เป็นโล้เป็นพาย แม้จงเจี๋ยจะไม่ชอบที่เซี่ยอวี๋มาอยู่ที่นี่ แต่ก็อดสะใจไม่ได้ 

 

279 ส่วนจงเจี๋ยพบว่าเซี่ยอวี๋กลายเป็นคนที่รับมือได้ยากขึ้น จากแต่ก่อนที่แหย่หน่อยก็ระเบิดแล้ว เปลี่ยนมาเป็นการตอบกลับแบบเย็นชา และครั้งนี้เขากลับมาก็ไม่สนใจตัวเอง ทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่อากาศ 

 

>> ส่วนจงเจี๋ยพบว่าเซี่ยอวี๋กลายเป็นคนที่ตนรับมือได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ  จากแต่ก่อนที่แหย่หน่อยก็ระเบิด เปลี่ยนเป็นใช้การตอบกลับแบบเย็นชา และในครั้งนี้ที่เซี่ยอวี๋กลับมา ก็ไม่สนใจเขาอีกแล้ว ทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่อากาศ 

 

284  

ในความเป็นจริงแล้วการอยู่บ้านน่าเบื่อมาก กินข้าวเสร็จก็มุดเข้าไปในห้อง บางครั้งก็เล่นเกมกับต้าเหลย 

เช่นเดียวกับโพสต์ของวั่นต๋าที่โพสต์หลังจากกลับถึงบ้าน - ถึงบ้านนอนตายเป็นศพ ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวัน ๆ เหมือนคนเมาหรือคนที่อยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน 

 

>> 

ในความเป็นจริงแล้วการอยู่บ้านน่าเบื่อมาก กินข้าวเสร็จก็มุดเข้าไปในห้อง บางครั้งก็เล่นเกมกับต้าเหลย 

ใช้ชีวิตเหมือนกับในโพสต์ของวั่นต๋าที่โพสต์หลังจากกลับถึงบ้าน - ถึงบ้านนอนตายเป็นศพ ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวัน ๆ เหมือนคนเมาหรือคนที่อยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน 

 

 

316 รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ ชีทข้อสอบจำนวนมากวางไว้ไม่รู้จักทำ มาเรียนพลศึกษาอะไร 

 

>> มาเรียนพลศึกษาทำไม 

 

321 เฮ่อจาวหยิบเสื้อผ้าออกมาแล้วสะบัดสองครั้ง โครงเสื้อธรรมดามีคำสามคำที่ว่า “ความรักและสันติสุข” โดดเด่นอยู่ข้างหลัง 

 

>> เฮ่อจาวหยิบเสื้อออกมาแล้วสะบัดสองครั้ง แบบเสื้อธรรมดา มีคำสามคำที่เขียนว่า “ความรักและสันติสุข” โดดเด่นอยู่ข้างหลัง 

 

334 ชายคนนั้นสวมชุดนักเรียนของวิทยาลัยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ชุดกีฬาขนาดใหญ่คลุมร่างของเขาเอาไว้ แม้ว่าจะสูง แต่หน้าตาธรรมดา และจะไม่เป็นที่รู้จักถ้าโยนเขาลงไปในฝูงชน สิ่งเดียวที่เป็นเอกลักษณ์คือแผลเป็นบนหน้าผากของเขาที่ยาวมาตั้งแต่ตีนผมจรดขนคิ้ว 

 

เดา 

>> ชายคนนั้นสวมชุดนักเรียนของวิทยาลัยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ชุดกีฬาขนาดใหญ่คลุมร่างของเขาเอาไว้ แม้ว่าจะสูง แต่หน้าตาธรรมดา และจะไม่มีทางเป็นที่สนใจถ้าโยนเขาลงไปในฝูงชน สิ่งเดียวที่เป็นเอกลักษณ์คือแผลเป็นบนหน้าผากของเขาที่ยาวมาตั้งแต่ตีนผมจรดขนคิ้ว 

 

 

340  

นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยอวี๋ได้เห็นเฮ่อจาวเช่นนี้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ เฮ่อจาวที่เป็นแบบนี้ 

เมื่อเขารู้จักเฮ่อจาว เจ้าโง่ตัวใหญ่คนนี้ก็เริ่มเลิกสูบบุหรี่ วัน ๆ เอาแต่อมอมยิ้มแล้วคาบแท่งอมยิ้มเอาไว้ในปาก เซี่ยอวี๋ได้กลิ่นนิโคตินในอากาศและก็สงสัยว่าเมื่อตอน ม.4 หัวโจกอาคารตะวันออกที่น่ากลัวนั้นเป็นแบบไหน 

เป็นแบบนี้เหรอ 

เขาเป็นคนที่นิสัยค่อนข้างคลุมเครือ แต่มันก็ดูคุกรุ่นจนนำมาซึ่งความรุนแรง ซึมเซาเล็กน้อยและดูอารมณ์ไม่ค่อยดี 

 

 

อะไรเนี่ย อ่านแล้วแบบ เอ่อ... 

 

โอรู้สึกว่าผู้เขียนตั้งใจให้เซี่ยอวี๋นำบุหรี่กับเฮ่อจาวมาเปรียบเทียบกัน ที่ผ่านมาเซี่ยอวี๋ไม่เคยเห็นเฮ่อจาวสูบบุหรี่เลย เหมือนกับที่ไม่เคยรู้ว่าหัวโจกอาคารตะวันออกภาคที่น่ากลัวนั้นเป็นยังไง พอเห็นภาพเฮ่อจาวสูบบุหรี่ ได้กลิ่นบุหรี่ลอยมา เลยนึกออก 

 

เดานะ 

 

>> เมื่อเขารู้จักเฮ่อจาว เจ้าโง่ตัวใหญ่คนนี้ก็เริ่มเลิกสูบบุหรี่ วัน ๆ เอาแต่อมอมยิ้มแล้วคาบแท่งอมยิ้มเอาไว้ในปาก เซี่ยอวี๋ได้กลิ่นนิโคตินในอากาศพร้อมกับสงสัยว่าเมื่อตอน ม.4 หัวโจกอาคารตะวันออกที่น่ากลัวนั้นเป็นแบบไหน 

เป็นแบบนี้เหรอ 

คลุมเครือ แต่ก็คุกรุ่นจนสามารถสร้างความเสียหายได้ มีความเปล่าเปลี่ยวปะปน แผ่อารมณ์ที่ไม่น่ายินดีออกมา 

 

(บุหรี่มีควัน ควันอำพรางทัศนวิสัย มีไฟที่สามารถทำให้สิ่งที่ติดเสียหาย บุหรี่ให้ความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และควันของมันก็มีโทษ 

เฮ่อจาวเองก็มีหลายมุม บางครั้งสดใส บางครั้งก็ดูยากเข้าถึง จึงดูคลุมเครือ เวลาอาละวาด เฮ่อจาวก็ร้ายได้ไม่แพ้ใคร เฮ่อจาวมีภาคที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง บางครั้งเฮ่อจาวก็ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้) 

 

341 ในโรงเรียนมัธยมต้น แม้ว่าเพื่อนของเฮ่อจาวจะเยอะและรู้จักทุกคน แต่ก็มีน้อยคนที่จะใส่ใจอย่างแท้จริง 

 

>> แม้ว่าเพื่อนของเฮ่อจาวตอนมัธยมต้นจะมีมากมาย และเขาก็รู้จักทุกคน แต่น้อยคนที่เขาจะใส่ใจอย่างแท้จริง 

 

342 และในตอนแรกเฮ่อจาวเป็นความหวังของทั้งหมู่บ้านจริง ๆ ศิษย์เก่าที่โดดเด่นในอนาคตในสายตาของทุกคน 

>> และในตอนแรกเฮ่อจาวเป็นความหวังของทั้งหมู่บ้านจริง ๆ เขาเป็นศิษย์เก่าที่โดดเด่นในอนาคตในสายตาของทุกคน 

 

342 เขาใส่เสื้อบาง เมื่อล้มตัวลงนอนก็รู้สึกถึงความเย็นที่ลอดมาสู่แผ่นหลังของเขา 

 

ความเย็นน่าจะแผ่มาจากพื้น ไม่ใช่ความเย็นที่มาจากลมพัด 

 

>> เขาใส่เสื้อบาง เมื่อล้มตัวลงนอนก็รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่กำจายมาสู่แผ่นหลังของเขา 

 

344 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเซี่ยอวี๋ถามว่า “ไอ้ขยะนั่นเพื่อนเก่าเหรอ” 

“พี่จี? เขาชื่อเหลยจวิ้น” เฮ่อจาวกล่าวว่า “เพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมต้น เขาไม่เลว ฉันมีเรื่องผิดใจกับเขานิดหน่อย...” 

ดูออกแล้ว 

เซี่ยอวี๋พูดในใจ ถ้ามันเป้นคนบ้าจริง ๆ พวกเขาคงไม่ได้กลับมาง่าย ๆ หรอก ต่อสู้กันก็ยุติธรรมดีนะ สู้เสร็จก็แยกย้าย 

 

สถานการณ์นี้ เฮ่อจาวกับเซี่ยอวี๋เพิ่งต่อยกับพวกพี่จีที่ว่า เฮ่อจาวบอกที่จริงพี่จีไม่ได้เป็นคนไม่ดี เซี่ยอวี๋เลยพูดในใจว่า รู้อยู่แล้ว เพราะการต่อสู้นั้นยุติธรรม 

 

>>  

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเซี่ยอวี๋ถามว่า “ไอ้ขยะนั่นเพื่อนเก่าเหรอ” 

“พี่จี? เขาชื่อเหลยจวิ้น” เฮ่อจาวกล่าวว่า “เพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมต้น เขาไม่เลว ฉันมีเรื่องผิดใจกับเขานิดหน่อย...” 

รู้อยู่แล้วละ 

เซี่ยอวี๋พูดในใจ ถ้ามันเป้นคนบ้าจริง ๆ พวกเขาคงไม่ได้กลับมาง่าย ๆ หรอก ต่อสู้กันก็ยุติธรรมดีนะ สู้เสร็จก็แยกย้าย 

 

345 ใบหน้าของอาจารย์ประจำชั้นนั้นค่อนข้างเลือนราง แต่เขาเห็นมุมปากของเธอยิ้มอย่างชัดเจน “ฉันรู้จักนายดี รู้ว่านายเป็นเด็กดี นี่เป็นแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่ง และนายก็ไม่ได้ตั้งใจ...อย่าคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย” 

 

ครูพูดกับนักเรียน แก้ นาย เป็น เธอ 

 

>> ใบหน้าของอาจารย์ประจำชั้นนั้นค่อนข้างเลือนราง แต่เขาเห็นมุมปากของเธอยิ้มอย่างชัดเจน “ฉันรู้จักเธอดี รู้ว่าเธอเป็นเด็กดี นี่เป็นแค่อุบัติเหตุครั้งหนึ่ง และเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ...อย่าคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย” 

 

345  

เช้าวันรุ่งขึ้น 

หลิวเหวียนเฉียงเป็นกำลังใจให้นักกีฬาที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ลงแข่ง แล้วก็มองรางวัลของการวิ่งระยะไกล 3,000 เมตรเอาไว้ล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้นคือจะต้องคว้ารางวัลที่หนึ่งและสองมาได้แน่ 

“ฉันสบายใจละ ห้องของเราก็เป็นที่หนึ่งที่สองของระดับชั้นนะ แม้ว่าคะแนนวิชาการของเราจะเป็นที่หนึ่งนับจากสุดท้าย แต่คะแนนกีฬาของพวกเราเจ๋งมาก! มีพี่จาวและพี่อวี๋สองคน...” 

 

งง 

>>  

เช้าวันรุ่งขึ้น 

หลิวเหวียนเฉียงให้กำลังใจนักกีฬาที่ยังไม่ได้ลงแข่งที่เหลือ เขามองรางวัลของการวิ่งระยะไกล 3,000 เมตรเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่เหนือกว่านั้นคือการคว้ารางวัลที่หนึ่งและสองที่เขามั่นจะว่าจะต้องได้แน่นอน 

“ฉันสบายใจละ ห้องของเราต้องได้เป็นที่หนึ่งที่สองของระดับชั้นแน่นอน แม้ว่าคะแนนวิชาการของเราจะเป็นที่หนึ่งนับจากสุดท้าย แต่คะแนนกีฬาของพวกเราเจ๋งมาก! มีพี่จาวและพี่อวี๋สองคน...” 

 

348 มีคนสมัครวิ่งระยะไกลไม่มาก ในแต่ละชั้นเรียนมีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น และทุกคนล้วนถูกบังคับให้เข้าร่วม ไม่มีใครอยากวิ่งจำนวนรอบมากมายขนาดนั้น หากวิ่งระยะสั้นยังสามารถเก๊กหล่อตอนถึงเส้นชัยได้ แต่สามกิโลเมตรล่ะ สีหน้าพวกเขาจะเป็นยังไง หอบเหมือนควาย ทรมานปางตายงั้นเหรอ 

 

น่าจะเป็น แต่ละห้องเรียน (ชั้นหมายถึงระดับชั้น ชั้นม.5 ห้องสาม) 

>> คนสมัครวิ่งระยะไกลไม่มาก ในแต่ละห้องเรียนมีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น และทุกคนล้วนถูกบังคับให้เข้าร่วม ไม่มีใครอยากวิ่งจำนวนรอบมากมายขนาดนั้น 

 

349 เขาไม่มีนิสัยชอบโพสต์เรื่องราวในชีวิต และตอนนี้เสียงในหูของเขากำลังตีกันวุ่น แต่ละชั้นเรียนกำลังส่งเสียงเชียร์นักกีฬา มีทั้งเสียงกรีดร้องและปลอบโยน 

 

>> เขาไม่มีนิสัยชอบโพสต์เรื่องราวในชีวิต และตอนนี้เสียงทุกอย่างกำลังตีกันวุ่นอยู่ในหูของเขา แต่ละห้องเรียนกำลังส่งเสียงเชียร์นักกีฬา มีทั้งเสียงกรีดร้องและปลอบโยน 

 

351 พออ่านถึงตรงนี้ก็หยุดไปสักพัก และลังเลหลังจากนั้นอีกสองสามวินาทีค่อยอ่านต่อไปว่า 

>> พออ่านถึงตรงนี้ก็หยุดไปสักพัก ลังเล หลังจากนั้นอีกสองสามวินาทีค่อยอ่านต่อไปว่า 

 

 

354 “จริง ๆ แล้วห้องของเรายังคงทำได้ดีในครั้งนี้นะ ที่สามหรือว่าที่สี่นี่แหละ” หลัวเหวินเฉียงพูดขณะเก็บแผ่นป้ายตัวเลขในห้องเรียน “เฮ้ เมื่อฉันกลับมาฉันถูกเยาะเย้ยโดยหัวหน้ากีฬาห้องข้าง ๆ ว่า นี่ไม่ใช่ที่หนึ่งเหรอ” 

 

>> “เฮ้ ตอนฉันจะกลับมา หัวหน้ากีฬาห้องข้าง ๆ เยาะเย้ยด้วยว่า ไม่ใช่ที่หนึ่งหรือนี่” 

 

356 หมาบ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันไม่ชัด แต่เขาเห็นว่ามือที่นักเรียนชายทั้งสองจับกันไว้ไม่เพียงแต่จะปล่อยออก กลับจับกันแน่นมาขึ้นกว่าเดิม 

 

>> หมาบ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันไม่ชัด แต่เขาเห็นว่ามือที่นักเรียนชายทั้งสองจับกันไว้ไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อยออก กลับจับกันแน่นมาขึ้นกว่าเดิม 

 

357 วิธีการลงโทษผู้คนของหมาบ้านั้นแปลกและสร้างสรรค์อยู่เสมอ ก่อนหน้านี้เขามาสายและปีนกำแพงครั้งหนึ่ง เขาได้ยินมาจากนักเรียนคนอื่นว่ากำแพงนั้นปีนง่ายมาก จึงปีนเข้ามาด้วยความกล้าหาญ แต่อีกด้านของกำแพงคือหมาบ้าที่กำลังกินข้าวเช้าไปพร้อมกับดื่มน้ำเต้าหู้ไปยืนรออยู่ พอจำเขาได้ก็ให้เขาปีนข้ามกำแพงไปมายี่สิบครั้ง 

 

>> หมาบ้ามีวิธีการลงโทษที่แปลกและสร้างสรรค์อยู่เสมอ ก่อนหน้านี้ มีครั้งหนึ่งที่เขามาสาย จำต้องปีนกำแพง  เขาได้ยินมาจากนักเรียนคนอื่นว่ากำแพงนั้นปีนง่ายมาก จึงปีนเข้ามาด้วยความกล้าหาญ แต่อีกด้านของกำแพงคือหมาบ้าที่กำลังกินข้าวเช้าไปพร้อมกับดื่มน้ำเต้าหู้ยืนรออยู่ พอจำเขาได้ก็ให้เขาปีนข้ามกำแพงไปมายี่สิบครั้ง 

 

357 ถึงแม้ขาข้างหนึ่งของเซี่ยอวี๋จะใช้งานไม่สะดวก แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาค่อนข้างน่าทึ่ง หมาบ้าเพิ่งออกไปและห้องเรียนก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เก้าอี้สองตัวของเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวถูกพลิกคว่ำและล้มอยู่กับพื้นแล้ว คนที่เดินผ่านถ้าไม่เข้าใจสถานการณ์จะคิดว่าเกิดอะไรขึ้น 

 

น่าจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า 

>> ถึงแม้ขาข้างหนึ่งของเซี่ยอวี๋จะใช้งานไม่สะดวก แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาน่าทึ่งไม่น้อย หมาบ้าเพิ่งออกไป ห้องเรียนก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เก้าอี้ของเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวทั้งสองตัวนั้นพลิกคว่ำและล้มอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว คนที่ไม่เห็นเหตุการณ์เดินผ่านมาคงงุนงนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

 

358 เด็กหนุ่มใส่เสื้อบางมากและเอาหลังพิงไปที่กำแพง มือข้างหนึ่งยังคงจับอยู่กับเซี่ยอวี๋ และมืออีกข้างก็วางอยู่บนเอวของอีกฝ่าย ก้มหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ๆ นายอย่าขยับ ฉันไม่หนีหรอก นายอยากตียังไงก็ตีเลย” 

 

>> เด็กหนุ่มใส่เสื้อบางมาก หลังของเขาพิงไปที่กำแพง มือข้างหนึ่งยังคงจับเซี่ยอวี๋ ส่วนมืออีกข้างนั้นวางอยู่บนเอวของอีกฝ่าย เขาก้มหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ๆ นายอย่าขยับ ฉันไม่หนีหรอก นายอยากตียังไงก็ตีเลย” 

 

358 หลินฉุนเฮ่าถ่ายภาพและวิดีโอสั้น ๆ มากมายในช่วงเวลาสองวันของการแข่งกีฬาฤดูใบไม้ร่วง และตั้งใจนำกล้องมาจากบ้าน เขาถ่ายรูปตัวเองก่อน แล้วตั้งกล้องถ่ายเพื่อนร่วมชั้นเรียน ปัดซ้ายทีขวาที และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่มุมแถวสุดท้ายของห้องเรียน 

 

>> หลินฉุนเฮ่าถ่ายภาพและวิดีโอสั้น ๆ มากมายในช่วงเวลาสองวันของการแข่งกีฬาฤดูใบไม้ร่วงด้วยกล้องที่เขาตั้งใจนำมาจากบ้าน เขาถ่ายรูปตัวเองก่อน จากนั้นตั้งกล้องถ่ายเพื่อนร่วมห้อง ปัดซ้ายทีขวาที และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่มุมแถวสุดท้ายของห้องเรียน 

 

359-360  

“ฉันจะลอกการบ้าน” หลังจากนั้นครู่หนึ่งเซี่ยอวี๋ก็ขยับนิ้วของเขาและหาข้ออ้าง “ปล่อย การบ้านของเมื่อวานยังลอกไม่เสร็จ” 

เซี่ยอวี๋นั่งอยู่ทางซ้าย และมือที่ถูกจับคือมือขวา เขาไม่สามารถเขียนด้วยมือซ้ายได้ 

แต่เฮ่อจาวยกตัวอย่างความจริงให้เขาเห็น คุณไม่มีทางรู้ว่าพี่แรดยั่วขึ้นมาแล้วจะไร้ยางอายได้ขนาดไหน! 

“ฉันเปลี่ยนที่กับนายดีกว่า” เฮ่อจาวพูด “นายนั่งตรงที่นั่งฉัน” 

สุดท้ายทั้งสองก็เปลี่ยนที่นั่งกันจริง ๆ  

 

 

เดา 

>> 

“ฉันจะลอกการบ้าน” หลังจากนั้นครู่หนึ่งเซี่ยอวี๋ก็ขยับนิ้วของเขาและหาข้ออ้าง “ปล่อย การบ้านของเมื่อวานยังลอกไม่เสร็จ” 

เซี่ยอวี๋นั่งอยู่ทางซ้าย และมือที่ถูกจับคือมือขวา เขาไม่สามารถเขียนด้วยมือซ้ายได้ 

แต่เฮ่อจาวนั้นเป็นตัวอย่างของความจริงที่เห็นอยู่ทนโท่ว่า เวลาพี่แรดอยากยั่วขึ้นมานั้นจะสามารถไร้ยางอายได้ไม่มีขีดจำกัด! 

“ฉันเปลี่ยนที่กับนายดีกว่า” เฮ่อจาวพูด “นายนั่งตรงที่นั่งฉัน” 

สุดท้ายทั้งสองก็เปลี่ยนที่นั่งกันจริง ๆ 

 

 

364 เฮ่อจาวไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียน เขาตรงขึ้นไปที่ชั้นหก - ดาดฟ้าของอาคารเรียนแม้ว่าจะถูกล็อกไว้ แต่แม่กุญแจนั้นสามารถเปิดได้ด้วยล้วยเส้นหนึ่ง และไม่รู้ว่าช่างกุญแจรุ่นไหนเป็นคนทำมันขึ้นมา 

เขาเปิดประตูแล้วเดินขึ้นไป บนดาดฟ้าลมแรงมาก พัดจนทำให้ผมเสียทรงและเรียกสติเขากลับมาได้เล็กน้อย 

 

>> เฮ่อจาวไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียน เขาตรงขึ้นไปที่ชั้นหก - ชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียน แม้ว่าจะถูกล็อกไว้ แต่แม่กุญแจนั้นสามารถเปิดได้ด้วยล้วยเส้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าช่างกุญแจยุคไหนเป็นคนทำมันขึ้นมา 

เขาเปิดประตูแล้วเดินขึ้นไป บนดาดฟ้าลมแรงมาก พัดจนทำให้ผมเสียทรง ลมเรียกสติเขากลับมาได้เล็กน้อย 

 

365 “ขั้นตอนเหล่านั้นในวิดีโอฉันท่องได้หมดแล้ว ไม่มีปัญหา” 

>> “ฉันท่องขั้นตอนเหล่านั้นในวิดีโอได้หมดแล้ว ไม่มีปัญหา” 

 

365-366 

เสียงต่าง ๆ วนเวียนอยู่รอบหูของเขา ลากเขาไปยังที่ที่ลึกจนไม่สามารถเห็นพื้นดินได้ 

ควันโขมง ทำให้ผู้คนไม่สามารถหายใจได้ 

เสียงของรถดับเพลิง 

และเสียงที่คุยโทรศัพท์อย่างเป็นกังวลของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 

สุดท้ายผู้หญิงคนหนึ่งถามพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม “ใครอนุญาตให้พวกนายเข้าไปทำการทดลองด้วยตนเอง?! อาจารย์หลิวอยู่ในห้องข้าง ๆ และเกือบช่วยชีวิตพวกนายไว้ไม่ทัน เรื่องนี้ใครจะรับผิดชอบ?!” 

เหตุการณ์เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก นักเรียนขโมยกุญแจเพื่อทำการทดลองทางเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เพียงแค่เกิดอุบัติเหตุ แต่เกือบเป็นเหตุทำให้ใครบางคนเสียชีวิต 

ห้องปฏิบัติการเคมีของโรงเรียนมัธยมเต๋อหยู่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด มีห้องเล็ก ๆ ในห้องปฏิบัติการซึ่งเป็นสำนักงานของอาจารย์ผู้สอน วันนั้นเป็นหน้าที่ของอาจารย์หลิว ใครจะไปรู้ว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้วอาจารย์หลิวยังไม่ได้ออกจากห้อง แต่กลับเป็นเธอเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไป เลยนอนหลับอยู่ที่โต๊ะ 

ถ้าไม่เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเตือนว่ายังไม่เห็นอาจารย์หลิวออกจากโรงเรียน พวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ข้างใน 

 

ช่วงบนเล่นคำว่าเสียง 

ส่วนช่วงล่าง อ่านแล้วสับสน อาจารย์หลิวไม่ได้เป็นคนช่วยชีวิตนักเรียน แต่เป็นคนที่ตกอยู่ในเหตุอันตรายอีกคนหนึ่ง 

 

>> 

เสียงต่าง ๆ วนเวียนอยู่รอบหูของเขา ลากเขาไปยังที่ที่ลึกจนไม่สามารถเห็นพื้นดินได้ 

ควันโขมง ทำให้ผู้คนไม่สามารถหายใจได้ 

เสียงของรถดับเพลิง 

เสียงที่คุยโทรศัพท์อย่างเป็นกังวลของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 

และสุดท้าย เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งถามพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราด “ใครอนุญาตให้พวกเธอเข้าไปทำการทดลองด้วยตนเอง?! อาจารย์หลิวยังอยู่ในห้องข้าง ๆ ชีวิตพวกเธอก็เกือบจะช่วยไว้ไม่ทันด้วยซ้ำ ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้?!” 

เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องใหญ่มาก นักเรียนขโมยกุญแจเพื่อทำการทดลองทางเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เพียงแค่เกิดอุบัติเหตุ แต่เกือบเป็นเหตุทำให้ใครบางคนเสียชีวิต 

ห้องปฏิบัติการเคมีของโรงเรียนมัธยมเต๋อหยู่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดในห้องปฏิบัติการมีห้องเล็ก ๆ ข้างในเป็นสำนักงานของอาจารย์ผู้สอน วันนั้นเป็นหน้าที่ของอาจารย์หลิว ไม่มีใครทราบว่าเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน อาจารย์หลิวยังไม่ได้ออกจากห้อง เป็นเพราะเธอเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไป จึงนอนหลับอยู่ที่โต๊ะ 

ถ้าไม่เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเตือนว่ายังไม่เห็นอาจารย์หลิวออกจากโรงเรียน พวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ข้างใน 

 

366 เหลืออีกไม่กี่วันสำหรับการสอบเข้ามัธยมปลาย เมื่อถึงเวลาที่เขารู้ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว 

>> เมื่อเขารู้ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว 

 

366 เขาติดต่อเอ้อร์เหล่ยไม่ได้ ทุกคนบอกว่าเขากลับบ้านแล้ว ในเมื่อโรงเรียนกล้าจัดการด้วยวิธีนี้ ก็รู้ว่าครอบครัวของเอ้อร์เหล่ยไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเด็กคนนี้มาก ไปเรียนรู้งานฝีมือเพื่อสร้างรายได้ให้เร็วกว่านี้น่าจะดึงดูดใจพวกเขามากกว่า 

>> ที่โรงเรียนกล้าจัดการด้วยวิธีนี้ ก็เพราะรู้ว่าครอบครัวของเอ้อร์เหล่ยไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเด็กคนนี้มาก การไปเรียนรู้งานฝีมือเพื่อสร้างรายได้ให้เร็วกว่านี้น่าจะดึงดูดใจพวกเขามากกว่า 

 

367  

เหลยจวิ้นตบหัวของเขา “โอ้โห เอ้อร์เหล่ย โตแล้วว่ะ นายจะเลือกโรงเรียนอะไร” 

“อิอิ...ฉันอยากเลือกโรงเรียนเอ้อร์จง” 

 

ใช้ อิอิ ในบทสนทนาจริงมันแปลกน่ะค่ะ ถ้าในภาษาแชตยังพอถูไถไปได้ 

>> “ฮิฮิ...ฉันอยากเลือกโรงเรียนเอ้อร์จง” 

 

369 “ไม่อยากมีขาไว้ใช้แล้วใช่ไหม นายเจ๋งมากเลยนะ ขนาดนี้แล้วยังจะปีนกำแพงอีก” 

 

สถานการณ์คือ เซี่ยอวี๋บาดเจ็บที่ขาอยู่ เลยโดนเฮ่อจาวดุเพราะเขาปีนกำแพงออกไป 

 

>> “ไม่อยากมีขาไว้ใช้แล้วใช่ไหม นายเจ๋งมากเลยนะ เป็นขนาดนี้แล้วยังจะปีนกำแพงอีก” 

 

 

372 กระดาษที่เฮ่อจาวทิ้งไว้ให้เขาตอนที่ออกไปยังอยู่บนโต๊ะ เมื่อคืนตอนที่เรียนด้วยตนเองในคาบดึก วั่นต๋าถือมันแล้วถามไปทั่วห้อง สุดท้ายนักเรียนประจำทั้งหมดก็บอกว่าอ่านไม่ออก เดากันไปเรื่อย ไม่เพียงแต่มองไม่ออกว่าบนกระดาษนั้นมีกี่คำ ยังมีคนบอกว่ามันเป็นอักษรจีนโบราณด้วยซ้ำ 

เมื่อเทียบแล้วลายมือเฮ่อจาวตอนทำข้อสอบเขาเขียนอย่างระมัดระวังมากแล้ว อย่างน้อยก็แค่น่าเกลียด ยังไม่ถึงขั้นที่คนอื่นมองว่าเป็นอักษรจีนโบราณ 

 

>> 

กระดาษที่เฮ่อจาวทิ้งไว้ให้เขาตอนที่ออกไปยังอยู่บนโต๊ะ ในคาบเรียนด้วยตนเองภาคค่ำเมื่อคืน วั่นต๋าถือมันแล้วถามไปทั่วห้อง สุดท้ายนักเรียนประจำทั้งหมดก็บอกว่าอ่านไม่ออก เดากันไปเรื่อย ไม่เพียงแต่มองไม่ออกว่าบนกระดาษนั้นมีกี่คำ ยังมีกระทั่งคนบอกว่ามันเป็นอักษรจีนโบราณด้วยซ้ำ 

เปรียบเทียบแล้ว ลายมือตอนทำข้อสอบของเฮ่อจาวนั้นนับว่าเขียนอย่างระมัดระวังมากแล้ว อย่างน้อยก็แค่น่าเกลียด ยังไม่ถึงขั้นที่คนอื่นมองว่าเป็นอักษรจีนโบราณ 

 

377 เซี่ยอวี๋ยังต้องการประเมินคะแนนอีกครั้ง เขาก้มหัวและยื่นมือออกไปขอข้อสอบของเฮ่อจาว หลังจากยื่นมือไปเป็นนาน อีกฝ่ายก็ไม่ตอบและยกหัวถามว่า “นายงงอะไร” 

 

>> เซี่ยอวี๋ยังต้องการประเมินคะแนนอีกครั้ง เขาก้มหัวอยู่ตอนยื่นมือออกไปขอข้อสอบของเฮ่อจาว หลังจากยื่นมือไปเป็นนาน อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ จึงเงยหน้าถามว่า “นายงงอะไร” 

 

379 “เพื่อนร่วมโต๊ะของพี่ เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมเสริมที่เดินได้ของไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด” สวี่ฉิงฉิงเสริมอีกว่า “ประสบการณ์การเล่นที่แย่มาก” 

 

โอไม่แน่ใจคำว่า ‘โปรแกรมเสริมที่เดินได้ของไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด’ นี้เป็นยังไง มันมีจริงไหม ตามที่เข้าใจ สวี่ฉิงฉิงน่าจะเปรียบเทียบเซี่ยอวี๋เป็นซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมโกง (ที่เดินได้) เพราะเขาดวงดีเกินไป สวี่ฉิงฉิงจึงบอกว่า การเล่นครั้งนี้ >> “ให้ประสบการณ์การเล่นที่แย่มาก” (เพราะแพ้ตลอด) 

 

382 กระดาษแผ่นนั้นเขียนขึ้นส่ง ๆ ความฝันอะไรเขียนไว้ในหัวใจดวงนี้แล้วเปิดเผยให้ทุกคนเห็น มันดูกระไรอยู่ ที่ยิ่งไปกว่านั้น โลกทั้งใบของนักเรียนมัธยมก็มีแต่คำว่า “สอบเข้ามหาวิทยาลัย” พวกวั่นต๋าได้รับกระดาษก็หัวเราะคิกคัก ไม่ได้คิดอะไรมาก “ความฝัน! ฟู่ตันคือความฝันของผม!”  

 

>> กระดาษแผ่นนั้น เขาเขียนขึ้นส่ง ๆ จะให้เขียนความฝันอะไรเหล่านั้นไว้ในหัวใจ เสร็จแล้วมาเปิดเผยให้ทุกคนเห็น มันก็ดูยังไง ๆ อยู่  ที่ยิ่งไปกว่านั้น โลกทั้งใบของนักเรียนมัธยมก็มีแต่คำว่า “สอบเข้ามหาวิทยาลัย” พวกวั่นต๋าได้รับกระดาษก็หัวเราะคิกคัก ไม่ได้คิดอะไรมาก “ความฝัน! ฟู่ตันคือความฝันของผม!” 

 

382 ในช่วงระยะเวลาของการเติบโต นิยามต่อตัวเองนั้นยังไม่ชัดเจน ความฝันนั้นอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย 

 

>> ในช่วงของการเติบโต นิยามต่อตัวเองนั้นยังไม่ชัดเจน ความฝันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่อยู่ไกลออกไป 

 

382 เซี่ยอวี๋ลืมมันไปแล้วหลังจากที่เขียน พอคิดดี ๆ ก็จำได้ “รวย” 

 

>> หลังจากที่เขียน เซี่ยอวี๋ก็ลืมมันไปแล้ว พอคิดดี ๆ ถึงจำได้ “รวย” 

 

384 ในท้ายที่สุดมันน่ารำคาญจริง ๆ เซี่ยอวี๋ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับร้านอาหารเช้าถนนข้าง ๆ เลยพูดแบบขอไปทีว่า “นายหล่อ นายไม่ใช่คนหน้าโหล” 

 

สถานการณ์คือ ป้าเหมย แม่อุปถัมป์ของเซี่ยอวี๋เห็นรูปของเฮ่อจาวในโมเมนต์ จึงถามในแชตว่าคือใคร หล่อดี โจวต้าเหลยเห็นเข้าก็แชตทักด้วยว่าเฮ่อจาวดูคุ้น ๆ เซี่ยอวี๋ตอบว่าเฮ่อจาวคือเจ้าโง่ และหน้าก็โหล เฮ่อจาวเห็นแชตเข้าจึงถามว่าคนนี้ใคร คนนั้นใคร ตอบไปตอบมา เซี่ยอวี๋ชักหมดความอดทน จึงยอมแพ้ ยอมตอบไปว่าเฮ่อจาวหล่อ และหน้าก็ไม่โหล เพื่อให้เฮ่อจาวไม่หาเรื่องถามต่อ 

 

>> น่ารำคาญจริง ๆ เซี่ยอวี๋ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับร้านอาหารเช้าถนนข้าง ๆ ในที่สุดเลยพูดแบบขอไปทีว่า “นายหล่อ นายไม่ใช่คนหน้าโหล” 

 

385 “มันเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่จะแพ้ทุกตา” 

>> “การแพ้ทุกตาก็เป็นทักษะแบบหนึ่ง” 

 

392 

เซี่ยอวี๋รู้สึกไม่สบายใจโดยไม่มีเหตุผล หลังจากเงียบลงก็รู้สึกว่ารอบข้างมีบรรยากาศแปลก ๆ มากกว่าเคอะเขินอีก 

 

ไม่แน่ใจว่าต้องการสื่ออะไร  

>> หลังจากเงียบลงก็รู้สึกว่ารอบข้างมีบรรยากาศที่แปลกไป แปลกมากกว่าความเคอะเขินด้วยซ้ำ 

 

392-393 

เซี่ยอวี๋นั่งนิ่งไม่ได้ เขาลุกขึ้นทำท่าจะกลับไปที่ห้องนอน “งั้นฉันจะกลับ...” กลับแล้วนะ 

ก่อนที่จะพูดจบ ชายเสื้อเขาก็ถูกเฮ่อจาวจับไว้ทันที 

วัยรุ่นสวมเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่ง ท่าทางราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย ดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนกับมีเรื่องราวที่น่าดีใจมากมาย 

ลูกกระเดือกของเฮ่อจาวขยับเล็กน้อย แล้วก็ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับตัวเองหรือเซี่ยอวี๋ว่า “จะเดินหน้าต่อไป” 

แล้วมันจะผ่านไป 

แม้ว่าตอนนี้จะยากลำบาก 

ขอแค่ใช้แรงนิดหนึ่ง ไม่พอก็เพิ่มอีกนิด เดินออกไป ชีวิตที่ได้ ก็จะได้คำตอบ...ทั้งหมด 

“กลับไปเถอะ” เฮ่อจาวปล่อยมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย ราตรีสวัสดิ์” 

เซี่ยอวี๋งงอยู่พักหนึ่ง ฟังแล้วก็ตอบกลับว่าราตรีสวัสดิ์ 

 

ตรงนี้เป็นตอนที่เฮ่อจาวรู้ว่ารักเซี่ยอวี๋แล้ว แต่ลังเลไม่กล้าสารภาพ เพราะกลัวอีกฝ่ายปฏิเสธ โอว่าผู้เขียนกำลังเล่นคำว่า ‘ไป’ กับ ‘กลับ’ ‘เดินหน้าต่อ’ หรือ ‘เลี้ยวกลับ’ เฮ่อจาวกำลังตัดสินใจว่าเขาจะลุยสารภาพเลย หรือถอยก่อน สุดท้ายเขาก็เลือกถอยกลับ 

 

มันคือสองความหมายในฉากเดียว คำพูด “จะเดินหน้าต่อไป” ไม่น่าใช่คำที่เฮ่อจาวพูดกับเซี่ยอวี๋ แม้ว่าจะมีความหมายอย่างนั้นด้วย 

 

โอก็เดานะ ในเมื่อเซี่ยอวี๋บอกว่า ‘จะกลับ’ เฮ่อจาวรั้งให้อยู่  คำพูดตรงข้ามคือ ‘ไปต่อ’ 

 

>> 

เซี่ยอวี๋นั่งนิ่งไม่ได้ เขาลุกขึ้นทำท่าจะกลับไปที่ห้องนอน “งั้นฉันจะกลับ...” กลับแล้วนะ 

ก่อนที่จะพูดจบ ชายเสื้อเขาก็ถูกเฮ่อจาวจับไว้ทันที 

วัยรุ่นคนนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่ง ท่าทางราวกับว่าไม่ใส่ใจอะไรเลย ดูกระเซอะกระเซิงอยู่บ้าง ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนกับมีเรื่องราวที่น่าดีใจมากมาย 

ลูกกระเดือกของเฮ่อจาวขยับเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับตัวเองหรือเซี่ยอวี๋ว่า “ไปต่อ” 

แล้วมันจะผ่านไป 

แม้ว่าตอนนี้จะยากลำบาก 

ขอแค่ใช้แรงนิดหนึ่ง ไม่พอก็เพิ่มอีกนิด ก้าวเดินออกไป ชีวิตที่ได้ ก็จะได้คำตอบ...ทั้งหมด 

“กลับไปเถอะ” เฮ่อจาวปล่อยมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย ราตรีสวัสดิ์” 

เซี่ยอวี๋งงอยู่พักหนึ่ง ฟังแล้วก็ตอบกลับว่าราตรีสวัสดิ์ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

397 เซี่ยอวี๋อ้าปากและไม่รู้ว่าเขาต้องการพูดอะไร ในท้ายที่สุดก็เรียกเขาว่า “เฮ่อจาว” 

 

เขาคือใครคะ ประโยคเดียวกัน ใช้ เขาแทนคนคนเดียว ไม่งั้นจะสับสนได้ 

 

>> เซี่ยอวี๋อ้าปาก ไม่รู้ว่าตนต้องการพูดอะไรกันแน่ ในท้ายที่สุดก็เรียกเขาว่า “เฮ่อจาว” 

 

 

400 คนกลุ่มนี้กว่าจะออกมาได้ครั้งหนึ่ง และยิ่งไม่มีใครบังคับ พวกเขาก็เหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยที่สั่งอาหารและเบียร์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้จากการดื่มเบียร์ ดูเหมือนว่าเมื่อดื่มแล้วกฏระเบียบข้อบังคับจะหายไปทันที 

 

 

งงน่ะ 

โอว่าเขาน่าจะเปรียบการดื่มเบียร์ของวัยรุ่นพวกนี้ ที่เหมือนกับผู้ใหญ่ ทั้งวิธีการ (มาถึงก็สั่งเต็มที่) และเหตุผลที่ดื่ม (ดื่มเพราะให้ความรู้สึกที่ดี ดื่มเพื่อทำให้ตัวเองหลุดพ้นการควบคุม หลุดกรอบความคิด กฎระเบียบ กฎหมาย วิถีที่เคยปฏิบัติ ดื่มให้หลุดพ้น) 

 อย่างนี้หรือเปล่านะ 

 

>> กว่าคนกลุ่มนี้จะออกมาได้ครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งไม่มีใครบังคับ พวกเขาสั่งอาหารและเบียร์จำนวนมาก เหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย ดื่มด่ำความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้จากการดื่มเบียร์ ที่ราวกับว่ากฎระเบียบและข้อบังคับจะหายไปทันที 

 

 

406  

แทบจะไม่มีเสียงดังในรถ นอกจากเสียงละเมอของวั่นต๋า เสียงรถที่อยู่ข้างนอก รวมไปถึงเสียงแตร 

เกือบจะมืดแล้ว แสงก็สลัว ๆ เมื่อรถเข้าไปในอุโมงค์ วั่นต๋าบ่น ๆ และตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความสับสนและความกลัว “แสงล่ะ เปิดไฟหน่อย” 

ทั้งร้องเพลงและเต้นรำ ตอนนี้ยังต้องการไฟส่องหน้าอีกด้วย ดูเหมือนว่าในใจเด็กผู้ชายคนนี้มีความฝันที่อยากจะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก 

 

>> 

แทบจะไม่มีเสียงดังภายในรถ นอกจากเสียงละเมอของวั่นต๋า เสียงรถที่อยู่ข้างนอก และเสียงแตร 

เกือบจะมืดแล้ว แสงก็สลัว ๆ เมื่อรถเข้าไปในอุโมงค์ วั่นต๋าตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความสับสนและความกลัว บ่นพึมพำ “แสงล่ะ เปิดไฟหน่อย” 

ทั้งร้องเพลงและเต้นรำ ตอนนี้ยังต้องการไฟส่องหน้าอีกด้วย ดูเหมือนว่าในใจเด็กผู้ชายคนนี้มีความฝันที่อยากจะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก 

 

407 ไฟแดงผ่านไป รถวิ่งต่อไปข้างหน้าและตัวเลขค่าโดยสารก็เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ฉากถนนระหว่างทางเริ่มคุ้นตามากขึ้น และในที่สุดก็กลายเป็นเส้นทางใกล้โรงเรียนมัธยมเอ้อร์จง อาคารสถานที่สำคัญของโรงเรียนมัธยมลี่หยางเอ้อร์จง - อาคารเรียนที่สูงที่สุดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ และหลังคาจารึกคติประจำโรงเรียนไว้ด้วย 

 

>> ไฟแดงผ่านไป รถวิ่งต่อไปข้างหน้า ตัวเลขค่าโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ฉากถนนระหว่างทางเริ่มคุ้นตามากขึ้น และในที่สุดก็กลายเป็นเส้นทางใกล้โรงเรียนมัธยมเอ้อร์จง สถานที่สำคัญของโรงเรียนมัธยมลี่หยางเอ้อร์จง - อาคารเรียนที่สูงที่สุด ที่หลังคาจารึกคติประจำโรงเรียนไว้ด้วยนั้น  อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้  

 

408 เซี่ยอวี๋ค่อนข้างสงบ เขามองเฮ่อจาวและขยับนิ้วมือเบา ๆ จากนั้นเฮ่อจางถึงรู้ตัว และในหัวของเขาส่งเสียงดัง “ปัง” หนึ่งเสียง จึงปล่อยมือออกแบบเลิ่กลั่ก 

 

>> เซี่ยอวี๋ค่อนข้างสงบ มองเฮ่อจาว ขยับนิ้วมือเบา ๆ ตอนนั้นเฮ่อจางถึงได้รู้ตัว ในหัวของเขาปรากฏเสียงดัง “ปัง” หนึ่งเสียง แล้วจึงปล่อยมือออกแบบเลิ่กลั่ก 

 

 

411 

ณ จุดนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกกันอีกแล้ว 

ความคิดของเซี่ยอวี๋เป็นความคิดง่าย ๆ มีเรื่องอะไรก็พูด คิดอย่างไร อยากทำอะไร 

เมื่อเดินไปถึงประตูห้องนอน สมองของเฮ่อจาวยังคงระเบิดพลุอยู่ เหมือนที่เมื่อสักครู่แค่สามสิบหยวนก็คิดเลขไม่ได้ พอเขารู้ตัวอีกทีก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไปแล้ว พร้อมกับปิดประตูห้องนอนแล้วด้วย 

 

>>  

ถึงจุดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกกันอีกแล้ว 

ความคิดของเซี่ยอวี๋นั้นเรียบง่าย คิดอย่างไร อยากทำอะไร มีเรื่องอะไรก็พูดออกไป 

เมื่อเดินไปถึงประตูห้องนอน สมองของเฮ่อจาวยังคงมีพลุระเบิดอยู่ เหมือนที่เมื่อสักครู่แค่สามสิบหยวนก็คิดเลขไม่ได้ พอเขารู้ตัวอีกทีก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไป พร้อมกับปิดประตูห้องนอนแล้วด้วย 

 

412 หลังของเซี่ยอวี๋กระแทกเข้ากับบานประตูและรู้สึกเจ็บนิดหน่อย 

 

>> หลังของเซี่ยอวี๋กระแทกเข้ากับบานประตูจีงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย 

 

414 เซี่ยอวี๋รู้สึกว่าเขาติดเชื้อจากเฮ่อจาว มุมปากของเขาก็เริ่มฉีกขึ้นเช่นกันและไม่สามารถระงับได้ เขาดูโง่มาก จากนั้นเขาเปิดประตูด้วยมือแบบไม่หันไปมองและพยายามจะออกไปข้างนอก “ฉันกลับละ” 

 

>> เซี่ยอวี๋รู้สึกว่าเขาติดเชื้อจากเฮ่อจาว มุมปากของเขาก็เริ่มฉีกขึ้นเช่นกัน ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป ดูโง่มาก เขาใช้มือเปิดประตูแบบไม่หันไปมอง พยายามจะออกไปข้างนอก “ฉันกลับละ” 

 

416  

โถงทางเดินเริ่มมีชีวิตชีวา 

ในฉากที่มีชีวิตชีวานี้มี “พี่จาว” อยู่หลายเสียง เฮ่อจาวทักทายผู้คนไปหนึ่งรอบ เดินไปที่ประตูตรงข้ามและยกมือขึ้นเคาะ “เหล่าเซี่ย นายตื่นหรือยัง” 

การตอบสนองของเซี่ยอวี๋คือนาฬิกาปลุกที่ถูกโยนมาแบบไม่มอง มันกระแทกไปที่ประตูแล้วเด้งกลับมา จากนั้นก็กลิ้งอยู่ที่พื้นอีกสองครั้ง 

เฮ่อจาว “...” 

มีคนมองฉากนี้อยู่ข้าง ๆ เพราะฉากนี้ฉายซ้ำเกือบทุกวัน และที่แปลกไปกว่านั้น เฮ่อจาวไม่ได้โกรธ เขาจะนั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูอย่างอารมณ์ดี รอให้คนที่อยู่ในห้องนั้นหายโกรธในตอนที่เพิ่งตื่นแล้วเปิดประตูให้เขา จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปถาม “พี่จาว นี่...เซี่ยอวี๋อาคารตะวันตกอารมณ์เสียแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” 

“ใช่” เฮ่อจาวยิ้ม “น่ารักเนอะ” 

ก่อนจะจากไปเขาได้แต่สงสัยซ้ำ ๆ ว่าตนเองได้ยินผิดหรือเปล่า สิ่งที่พี่จาวพูดน่าจะเป็นน่ากลัวหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือน่ารัก 

 

>> 

โถงทางเดินเริ่มมีชีวิตชีวา 

ในฉากที่มีชีวิตชีวานี้มีเสียงเรียก “พี่จาว” อยู่หลายเสียง เฮ่อจาวทักทายผู้คนไปหนึ่งรอบ เดินไปที่ประตูตรงข้ามและยกมือขึ้นเคาะ “เหล่าเซี่ย นายตื่นหรือยัง” 

การตอบสนองของเซี่ยอวี๋คือนาฬิกาปลุกที่ถูกโยนมาแบบไม่มอง มันกระแทกไปที่ประตูแล้วเด้งกลับมา จากนั้นก็กลิ้งอยู่ที่พื้นอีกสองครั้ง 

เฮ่อจาว “...” 

มีคนมองฉากนี้อยู่ข้าง ๆ เพราะฉากนี้ฉายซ้ำเกือบทุกวัน และที่แปลกไปกว่านั้น คือเฮ่อจาวไม่ได้โกรธ เขาจะนั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูอย่างอารมณ์ดี รอให้คนที่อยู่ในห้องนั้นหายโมโหตอนตื่นนอนแล้วมาเปิดประตูให้เขา จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปถาม “พี่จาว นี่...เซี่ยอวี๋อาคารตะวันตกอารมณ์เสียแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” 

“ใช่” เฮ่อจาวยิ้ม “น่ารักเนอะ” 

ก่อนจะจากไปเขาได้แต่สงสัยซ้ำ ๆ ว่าตนเองได้ยินผิดหรือไม่ สิ่งที่พี่จาวพูดน่าจะเป็นน่ากลัวหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือน่ารัก 

 

415 วันรุ่งขึ้นอาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงออกอากาศรายการในเวลาเช้า ไม่สายและไม่ขาดหาย ใช้เสียงของตัวเขาเองเพื่อปลุกพลังในตัวนักเรียนประจำทุกคนให้ตื่นขึ้นมา 

 

>> วันรุ่งขึ้นอาจารย์ฝ่ายปกครองเจียงกระจายเสียงตามสายในเวลาเช้า ไม่สาย และไม่เคยขาดหาย ใช้เสียงของตัวเขาเองปลุกพลังในตัวนักเรียนประจำทุกคนให้ตื่นขึ้นมา 

 

417 ก่อนที่จะเปิดประตู เซี่ยอวี๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง เพิ่งตัดสินใจตกลงความสัมพันธ์นี้ แต่ยังไม่ชินเลย -- ในความสัมพันธ์ใหม่นี้ เจ้าโง่คนนี้จะไม่ใช่คนอื่นนับตั้งแต่วันนี้ 

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

เขาไม่รู้ว่าเวลาคนอื่นมีแฟน พวกเขาแสดงความรักกันอย่างไร ความรักของโจวต้าเหลยสองสามครั้งที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นการแอบชอบ ไม่นับ 

ก็เคยคิดว่ามันอาจจะไม่ค่อยสบายตัว แปลก หรืออึดอัด แต่เมื่อเจ้าหมอนี่ปรากฏตัวขึ้นมา ความคิดทั้งหมดก็สูญสลายไป 

เฮ่อจาวผู้ที่สายเป็นประจำ น้อยนักที่จะไม่มาสาย 

ในชั้นเรียนภาษาจีนคาบแรกตอนเช้า ถังเซินกล่าวชื่นชม หวังว่าเฮ่อจาวจะรักษามันไว้ และวิจารณ์วั่นต๋าด้วยการเรียกชื่อ “วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงสายล่ะ” 

 

 

สังเกตข้างล่าง โอว่าผู้เขียนต้องการเชื่อม ‘เฮ่อจาวคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาในชีวิตเซี่ยอวี๋’ กับ ‘เฮ่อจาวที่ครั้งนี้ไม่มาสายในคาบแรก’ เข้าหากัน ใช้คำเดียวกัน แต่คนละความที่ต้องการสื่อสาร เพื่อเปลี่ยนฉาก แต่โอไม่รู้ว่าคำว่า มาสาย สามารถมีความหมายอื่นเพื่อโยงกับท่อนของเซี่ยอวี๋หรือเปล่า 

กลับมาเพิ่มข้อความ ในเล่ม 2 หน้า 23  

เฮ่อจาวพูดว่า  

“แต่นายไม่เหมือนกัน เพราะชอบนาย...ชอบถึงขั้นที่...ถือว่าช้าไป”  

ถึงช้ากว่านี้ก็หนีไม่พ้น 

 

มันเป็นคำว่า ช้า (หรือก็คือมาสาย) คำนี้อีกแล้ว มันมีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่าคะ หรือต้องการบอกว่า เฮ่อจาวเป็นคนความรู้สึกช้า? 

 

 

>> ก่อนที่จะเปิดประตู เซี่ยอวี๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาเพิ่งตัดสินใจตกลงความสัมพันธ์ -- ในความสัมพันธ์รูปแบบใหม่นี้ เจ้าโง่คนนี้จะไม่ใช่คนอื่นอีกต่อไป ไม่ชินเลยแฮะ 

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่ก็คล้ายว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

เขาไม่รู้ว่าเวลาคนอื่นมีแฟน พวกเขาแสดงความรักกันอย่างไร ความรักของโจวต้าเหลยสองสามครั้งที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นการแอบชอบ ไม่นับ 

ก็เคยคิดว่ามันอาจจะไม่ค่อยสบายตัว แปลก หรืออึดอัด แต่เมื่อเจ้าหมอนี่ปรากฏตัวขึ้นมา ความคิดทั้งหมดก็สูญสลายไป 

 

422 เทอมที่แล้วตอนรอบน็อกเอ๊าต์ สองห้องที่เหลือสุดท้ายความอยากเอาชนะในการแข่งขันสูงเกินไป สุดท้ายแทบจะต่อยตีกัน ทำให้ทั้งสองห้องเรียนเป็นศัตรูกันตลอดภาคการศึกษา 

>> ความอยากเอาชนะในการแข่งขันของสองห้องที่เหลือสุดท้ายนั้นสูงเกินไป 

 

425 “ดีมาก ตอนนี้เราได้เห็นพี่จาวเลย์อัพอีกครั้ง นี่เป็นการเลย์อัพที่สมบูรณ์แบบ น่าตื่นตาตื่นใจและน่าตื่นเต้นราวกับมีคนยืนขวางตรงนั้นจริง ๆ  “หลิวฉุนเฮ่าเป็นผู้เล่นสำรองในตานี้ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ว่างไม่มีอะไรทำเลยพากย์ไปด้วย “ยอดเยี่ยมมาก พวกเราปรบมือให้กับพี่จาว” 

เซี่ยอวี๋ด่าว่าเป็นโรคประสาทพร้อมรอยยิ้ม 

เฮ่อจาวชู้ตเสร็จก็หันหลังและมองไปทางเซี่ยอวี๋ เหงื่อหยดลงมาจากหน้าผาก เอานิ้วชี้และนิ้วกลางมาแนบกัน ทาบไว้ที่ปาก แล้วส่งจูบไปให้ 

 

ปิด “ ผิดที่  

และเกลา 

 

>> “ดีมาก ตอนนี้เราได้เห็นพี่จาวเลย์อัพอีกครั้ง นี่เป็นการเลย์อัพที่สมบูรณ์แบบ น่าตื่นตาตื่นใจ น่าตื่นเต้นราวกับมีคนยืนขวางตรงนั้นจริง ๆ” หลิวฉุนเฮ่าเป็นผู้เล่นสำรองในตานี้ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ว่างไม่มีอะไรทำเลยพากย์ไปด้วย “ยอดเยี่ยมมาก พวกเราปรบมือให้กับพี่จาว” 

เซี่ยอวี๋ด่าว่าประสาทพร้อมรอยยิ้ม 

เฮ่อจาวชู้ตเสร็จก็หันกลับไปมองทางเซี่ยอวี๋ เหงื่อหยดลงมาจากหน้าผาก เขาเอานิ้วชี้และนิ้วกลางมาแนบกัน ทาบไว้ที่ปาก แล้วส่งจูบไปให้ 

 

425 เฮ่อจาวเล่นมาระยะหนึ่ง คนที่เล่นกับเขารับไม่ได้แล้วจริง ๆ โดยเฉพาะวั่นต๋า เขารู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ในสนามทำอะไรไม่ได้เลย ถอดเสื้อบาสออกยังสามารถนั่งอยู่ข้าง ๆ หลิวฉุนเฮ่าได้สักพัก ถึงกระนั้นเฮ่อจาวก็รับได้ทั้งหมด แม้แต่ผู้ช่วยก็ไม่ต้องการ 

 

น่าจะเป็นงี้ 

>> เฮ่อจาวเล่นมาระยะหนึ่ง คนที่เล่นกับเขารับไม่ได้แล้วจริง ๆ โดยเฉพาะวั่นต๋า เขารู้สึกว่าตัวเองถึงยืนอยู่ในสนามก็ทำอะไรไม่ได้เลย กระทั่งถอดเสื้อบาสออกแล้วมานั่งอยู่ข้าง ๆ หลิวฉุนเฮ่าก็ทำแล้ว ถึงกระนั้นเฮ่อจาวก็รับได้ทั้งหมด แม้แต่ผู้ช่วยก็ไม่ต้องการ 

 

426  

หลัวเหวินเฉียง “ผมผิดไปแล้ว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงพูดว่าพี่แข็งแกร่งเกินไปและไม่ต้องการมา 

รบกวนเรา พี่เข้าใจตัวเองถูกเผงเลย” 

 

เคาะแบ่งย่อหน้าพลาด 

 

432 เหลืออีกสิบนาทีสำหรับการเปลี่ยนห้องสอบ ถังเซินแปะแผนภูมิอยู่บนแท่นบรรยาย 

น่าจะเป็นแผนผัง (ของที่นั่งสอบ) 

>> เหลืออีกสิบนาทีสำหรับการเปลี่ยนห้องสอบ ถังเซินแปะแผนผังอยู่บนแท่นบรรยาย 

 

445 เธอเคยคิดว่า หลังจากย้ายออกมาหนึ่งหรือสองปี สองหรือสามปี ความสัมพันธ์ของพวกเธอกับผู้คนที่ถนนเฮยสุ่ยก็น่าจะจางลง 

แต่เซี่ยอวี๋ เด็กคนนี้ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรและไม่ได้พูดมาก กลับมีความรักมั่นคง 

 

>> เธอเคยคิดว่า หลังจากย้ายออกมาสักหนึ่งหรือสองปี ไม่ก็สองหรือสามปี ความสัมพันธ์ของพวกเธอกับผู้คนที่ถนนเฮยสุ่ยก็จะจางลง 

แต่เซี่ยอวี๋ เด็กที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรและไม่ค่อยพูดจาคนนี้ กลับมีความรักมั่นคง 

 

447 

ในกลุ่มห้องสามนั้นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ หัวหน้าวิชาการเปลี่ยนชื่อของตนเองในกลุ่มเป็นสูตรต่าง ๆ ทุกวัน ขณะกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานก็ไม่ลืมที่จะบังคับให้พวกเขาได้รับความรู้ทางอ้อม 

ทุกครั้งที่วั่นต๋าโผล่มา มันก็กลายเป็นการประชุมเรื่องซุบซิบทันที ย้ายม้านั่งตัวเล็ก ๆ มานั่งและกินเมล็ดทานตะวัน 

 

 

ข้างบนยังอยู่ในช่วงของการบรรยายแชตกลุ่มค่ะ ใจความว่าคนนี้เป็นแบบนี้ คนนี้คุยเรื่องนั้น คนนั้นให้ความรู้สึกแบบนี้ 

 

น่าจะประมาณนี้ 

 

>>  

ในกลุ่มแชตของห้องสามนั้นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ หัวหน้าวิชาการเปลี่ยนชื่อของตนเองในกลุ่มเป็นสูตรต่าง ๆ ทุกวัน ขณะกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานก็ไม่ลืมที่จะบังคับให้พวกเขาได้รับความรู้ทางอ้อม 

ทุกครั้งที่วั่นต๋าโผล่มา แชตกลุ่มก็กลายเป็นแหล่งชุมนุมเรื่องซุบซิบทันที พวกเขายกม้านั่งตัวเล็ก ๆ มานั่งพร้อมแทะเมล็ดทานตะวัน 

 

448 เซี่ยอวี๋ไม่รู้จะพูดอะไร ด้วยความที่เป็นคนจบหัวข้อได้อย่างง่าย ๆ เขาจึงไม่ค่อยพูดคุยในแชตกลุ่ม “อย่าต่อยตีกัน”เหมือนกัน 

 

ความประมาณว่า เซี่ยอวี๋ไม่ค่อยพูดในแชตห้อง และในแชตถนนเฮยสุ่ย 

 

>> เซี่ยอวี๋ไม่รู้จะพูดอะไร ด้วยความที่เป็นคนจบหัวข้อสนทนาได้ง่าย ๆ เขาจึงไม่ค่อยพูดคุยในแชตกลุ่ม ในกลุ่ม “อย่าต่อยตีกัน” ก็เหมือนกัน 

 

 

 

 

เล่ม 2 

 

 

19 เซี่ยอวี๋เพิ่งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินก็ยกศีรษะขึ้น เขาเห็นเฮ่อจาวปกป้องกระดาษคำตอบของตนเองอยู่บนแท่นบรรยาย ตรงแท่นบรรยายยุ่งเหยิงมาก มีกระดาษคำตอบหลายแผ่นหล่นลงบนพื้นและโดนเหยียบไปด้วย 

 

>> เซี่ยอวี๋เพิ่งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินก็ยกศีรษะขึ้น เขาเห็นเฮ่อจาวปกป้องกระดาษคำตอบของตนเองอยู่บนแท่นบรรยาย ตรงแท่นบรรยายสับสนวุ่นวายมาก มีกระดาษคำตอบหลายแผ่นหล่นลงบนพื้นและโดนเหยียบไปด้วย 

 

 

19 การเขียนเชิงให้เหตุผล ต่อให้เขียนออกนอกเรื่องขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะเขียนไร้สาระทำนอง “แผ่นหลังของผมงดงามมาก” ตลอดบทความของเฮ่อจาวไม่มีการเชื่อมต่อระหว่างความคิดเห็นในการโต้แย้งและแง่มุมที่ใช้โต้แย้ง เขาใช้การชักแม่น้ำทั้งห้ามารวมไว้ด้วยกัน ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งทีเดียว 

 

อธิบายเพิ่มเติมสำหรับคนที่ไม่ได้อ่าน ก่อนหน้านี้ในวิชาภาษาจีน เฮ่อจาวเขียนตอบโจทย์ที่ให้อธิบายมุมมองด้านหลัง โดยร่ายยาวเกี่ยวกับแผ่นหลังของผมที่งดงามมาก 

อะไรเนี่ย เดา 

>> การเขียนเชิงให้เหตุผล ต่อให้เขียนออกนอกเรื่องขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะเขียนเรื่องไร้สาระทำนอง “แผ่นหลังของผมงดงามมาก” แต่ตลอดทั้งบทความของเฮ่อจาวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแสดงความเห็นโต้แย้งหรือมุมมองที่ใช้โต้แย้ง เขาใช้การชักแม่น้ำทั้งห้ามารวมไว้ด้วยกัน ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งทีเดียว 

 

 

19-20 

เซี่ยอวี๋เหลือบมองและรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ดีกว่า “แผ่นหลัง” มากแล้ว “พัฒนาขึ้นนะ พี่ชาย” 

เฮ่อจาวถามว่า “จริงเหรอ” 

เซี่ยอวี๋ถือปากกาไว้ในมือและแสดงความคิดเห็นสั้น ๆ “ไม่พูดถึงเนื้อหาที่เป็นการแสดงความเห็นโต้แย้ง อย่างน้อยนายก็ควรรู้ว่าต้องเขียนในเชิงให้เหตุผล” 

การเห็นแค่สองย่อหน้าแรกนั้นใช้ได้จริง ๆ แม้จะไม่รู้ว่าความเชื่อมโยงระหว่างบทนั้นเป็นอย่างไร เซี่ยอวี๋กำลังจะชมสักหน่อยเพื่อให้กำลังใจ แต่พอเขาอ่านลงไปก็เจอประโยคหนึ่งที่ว่า “เฮ่อจาวคอฟสกีกล่าวไว้ว่า” 

เซี่ยอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพับกระดาษคำตอบแล้ววางไว้ในมือของเฮ่อจาว “ของปลอม เอาไปแล้วไสหัวไปไกล ๆ เลย ศูนย์คะแนนก็คู่ควรกับชื่อแล้ว” 

 

 

เซี่ยอวี๋น่าจะตอบเฮ่อจาวว่า “ไม่จริง” หรือไม่ก็ “หลอก” ไม่ใช่ “ของปลอม” จากคำถามแรกของเฮ่อจาวที่ถามว่า “(พัฒนาขึ้น) จริงเหรอ” 

>>  

เซี่ยอวี๋เหลือบมองและรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ดีกว่า “แผ่นหลัง” มากแล้ว “พัฒนาขึ้นนะ พี่ชาย” 

เฮ่อจาวถามว่า “จริงเหรอ” 

เซี่ยอวี๋ถือปากกาไว้ในมือและแสดงความคิดเห็นสั้น ๆ “ไม่พูดถึงเนื้อหาที่เป็นการแสดงความเห็นโต้แย้ง อย่างน้อยนายก็รู้ว่าต้องเขียนในเชิงให้เหตุผล” 

จากการมองแค่สองย่อหน้าแรกนั้นใช้ได้จริง ๆ แม้จะไม่รู้ว่าความเชื่อมโยงระหว่างบทนั้นเป็นอย่างไร เซี่ยอวี๋กำลังจะชมสักหน่อยเพื่อให้กำลังใจ แต่พอเขาอ่านต่อไปก็เจอประโยคหนึ่งที่ว่า “เฮ่อจาวคอฟสกีกล่าวไว้ว่า” 

เซี่ยอวี๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพับกระดาษคำตอบแล้ววางไว้ในมือของเฮ่อจาว “ไม่จริง เอาไปแล้วไสหัวไปไกล ๆ เลย ศูนย์คะแนนก็คู่ควรกับชื่อแล้ว” 

 

22 เฮ่อจาวเดินมาตลอดทางเขาก็รู้ตัวแล้ว เขาเกาหัวแล้วพูดว่า “บางครั้งฉันก็ค่อนข้าง...เสิ่นเจี๋ยก็เคยพูดกับฉันหลายครั้ง” 

 

>> ตอนเดินตามทางมา เฮ่อจาวก็รู้ตัวแล้ว เขาเกาหัวแล้วพูดว่า “บางครั้งฉันก็ค่อนข้าง...เสิ่นเจี๋ยก็เคยพูดกับฉันหลายครั้ง” 

 

28 มีนักเรียนสิบกว่าคนเท่านั้นที่เป็นนักเรียนประจำ และเหล่าถังก็บอกให้พวกเขาขยับมาข้างหน้าให้มากที่สุด ดังนั้นเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวสองคนจึงเป็นคนกลุ่มแรกที่นั่งข้างหน้าต่างและเบียดเสียดเพื่อฟังพวกเขาพูดถึงการทัศนศึกษาในฤดูใบไม้ร่วง 

 

>> มีนักเรียนสิบกว่าคนเท่านั้นที่เป็นนักเรียนประจำ เหล่าถังจึงบอกให้พวกเขาขยับมาข้างหน้าให้มากที่สุด ดังนั้นเซี่ยอวี๋และเฮ่อจาวสองคนเลยเป็นคนกลุ่มแรกที่นั่งข้างหน้าต่างและเบียดเสียดเพื่อฟังพวกเขาพูดถึงการทัศนศึกษาในฤดูใบไม้ร่วง 

 

50 เซี่ยอวี๋เดิมทีพิมพ์ด้วยมือเดียว รู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายก็เลยเลิกแล้วหยิบหูฟังคู่หนึ่งออกมาจากกระเป๋าของตน 

 

น่าจะเป็นคำว่า ‘ไม่สบาย’ หรือ ‘ไม่สะดวก’ 

>> เซี่ยอวี๋เดิมทีพิมพ์ด้วยมือเดียว รู้สึกไม่สะดวก สุดท้ายก็เลยเลิกแล้วหยิบหูฟังคู่หนึ่งออกมาจากกระเป๋าของตน 

 

56 เฮ่อจาวไม่เคยเข้าอะไรแบบนี้มาก่อน ก็ถูกหลอกโดยคำว่าบ้านผีสิงและจินตนาการของตนเอง หลังจากที่เข้ามาแล้วจริง ๆ ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะตกใจกับคนที่ใส่หน้ากากผีเอาไว้และบอกว่าตนเองเป็นผี 

 

>> เฮ่อจาวไม่เคยเข้าสถานที่เช่นนี้มาก่อน จึงโดนคำว่าบ้านผีสิงและจินตนาการของตนเองหลอกเอา หลังจากที่เข้ามาแล้วจริง ๆ ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะตกใจกับคนที่ใส่หน้ากากผีเอาไว้และบอกว่าตนเองเป็นผี 

 

65 “แนะนำให้รู้จัก เซี่ยอวี๋ แฟนของฉัน” 

>> “ขอแนะนำให้รู้จัก เซี่ยอวี๋ แฟนของฉัน” 

 

 

115  

สำหรับคนปกติแล้ว การจะไปพบเจอผู้คนที่รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ จัดการตัวเองให้เรียบร้อย และปรากฏตัวต่อหน้าชาวเน็ตด้วยภาพลักษณ์ที่ดี 

แต่คนเหล่านี้แตกต่างกัน 

 

>>  

สำหรับคนปกติแล้ว การจะไปพบเจอผู้คนที่รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ ต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อปรากฏตัวต่อหน้าชาวเน็ตด้วยภาพลักษณ์ที่ดี 

แต่คนเหล่านี้แตกต่างออกไป 

 

 

137 เซี่ยอวี๋ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เมื่อเขาก้าวออกมาจากประตูว่า หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาจะนั่งทำแบบทดสอบอยู่ที่บันไดหนีไฟของเซ็นจูรี่ซิตี้กับเฮ่อจาว และเฮ่อจาวที่ครองตำแหน่งที่โหล่มาตลอดนั้นนั่งทำโจทย์ไปก็บ่นกับเขาว่า “คำถามชุดนี้ของนายง่ายเกินไป...” 

 

>> เซี่ยอวี๋ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าเมื่อเขาก้าวออกมาจากประตูแล้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาจะมานั่งทำแบบทดสอบอยู่ที่บันไดหนีไฟของเซ็นจูรี่ซิตี้กับเฮ่อจาว และเฮ่อจาวที่ครองตำแหน่งที่โหล่มาตลอดนั้น จะนั่งทำโจทย์ไปก็บ่นกับเขาไปด้วยว่า “คำถามชุดนี้ของนายง่ายเกินไป...” 

 

139  

เฮ่อจาวเขียนคำถามสองข้อสุดท้ายด้วยอารมณ์ที่ไม่นิ่ง 

ขณะจับปากกา ข้อนิ้วมือยกขึ้น ตัวหนังสือที่น่าเกลียดและแทบจะบินได้อยู่บนแบบทดสอบ หลังจากงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เปลี่ยนปากกาจากมือขวาเป็นมือซ้าย 

 

น่าจะเป็น เขียน ‘คำตอบ’ ไม่ใช่ ‘คำถาม’ แล้วโอไม่แน่ใจว่าเป็น ‘สองข้อสุดท้าย’ หรือ ‘สองข้อแรก’ ถ้าตามลำดับเหตุการณ์ ต้องเป็น สองข้อแรก แต่ถ้าเป็นการเล่าสลับเวลาก็อีกเรื่อง 

>> 

เฮ่อจาวเขียนคำตอบสองข้อสุดท้ายด้วยอารมณ์ที่ไม่นิ่ง 

ขณะจับปากกา ข้อนิ้วมือยกขึ้น ตัวหนังสือที่น่าเกลียดแทบจะบินได้อยู่บนแบบทดสอบ หลังจากงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เปลี่ยนปากกาจากมือขวาเป็นมือซ้าย 

 

140 ตอนที่เซี่ยอวี๋ตอบเสร็จยังไม่ถึงเวลาสิบเอ็ดโมง เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าโง่บนบันไดก็ตอบเสร็จหยุดปากกาพอดีฝ่ายนั้นวางข้อสอบลงบนหัวเข่ากำลังมองมาทางนี้ 

 

>> ตอนที่เซี่ยอวี๋ตอบเสร็จยังไม่ถึงเวลาสิบเอ็ดโมง เขาเงยหน้าขึ้นมองพอดีกับเจ้าโง่บนบันไดตอบเสร็จแล้วหยุดปากกา ฝ่ายนั้นวางข้อสอบลงบนหัวเข่า กำลังมองมาทางนี้ 

 

140 

“ฉันถนัดซ้าย” เฮ่อจาวอธิบายอย่างกลัว ๆ “แต่มือขวาของฉันก็ไม่เลวหรอก แค่สไตล์แตกต่าง มือขวาของฉันเป็นอิสระและชิลกว่า...” 

เขาใช้มือซ้ายได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่คนในครอบครัวอยากให้เขาฝึกใช้มือขวา และฉวยโอกาสตอนที่ยังเด็กอยู่แก้ให้ถนัดขวา เมื่อเวลาผ่านไป มือ “ซ้าย” ก็ไม่ค่อยได้ใช้งานอีกต่อไป 

“แก้แล้วมันห่วย” 

เซี่ยอวี๋ในใจก็คิดว่า คนคนนี้ก็มาพร้อมกับ ID ราชาโจทย์ข้อสอบแล้ว ถ้าลายมือจะสวยขึ้นทันใดก็ไม่แปลกสินะ และไม่มีอะไรที่จะต้องแปลกใจเกี่ยวกับความสามารถทางการแสดงของเขา แต่เซี่ยอวี๋ก็ยังโกรธแบบอธิบายไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดอีกครั้งว่า “นายน่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความอิสระและชิล ๆ นะ” 

 

 

โอไม่เข้าใจ “แก้แล้วมันห่วย” คืออะไร 

เปลี่ยนไปใช้มือขวาเพราะลายมือมันห่วยดี 

หรือ 

เปลี่ยนให้ไปใช้มือขวาที่ไม่ถนัด ลายมือเลยห่วย 

หรือ 

โดนบังคับให้เปลี่ยนไปใช้มือขวานั้นมันเป็นเรื่องแย่ 

หรืออะไร  

แต่เดาว่าความหมายสุดท้าย  

 

 

>> 

“ฉันถนัดซ้าย” เฮ่อจาวอธิบายอย่างกลัว ๆ “แต่มือขวาของฉันก็ไม่เลวหรอก แค่สไตล์แตกต่าง มือขวาของฉันเป็นอิสระและชิลกว่า...” 

เขาใช้มือซ้ายได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่คนในครอบครัวอยากให้เขาฝึกใช้มือขวา จึงฉวยโอกาสตอนที่เขายังเด็กอยู่แก้ให้ถนัดขวา เมื่อเวลาผ่านไป มือ “ซ้าย” ก็ไม่ค่อยได้ใช้งานอีกต่อไป 

“พอเปลี่ยนแล้วไม่ดีเลย” 

เซี่ยอวี๋ในใจก็คิดว่า ในเมื่อคนคนนี้มาพร้อมกับ ID ราชาโจทย์ข้อสอบแล้ว ถ้าลายมือจะสวยขึ้นทันใดก็ไม่ถือว่าแปลกอีกต่อไป และไม่มีอะไรที่จะต้องประหลาดใจเกี่ยวกับทักษะการแสดงของเขา แต่เซี่ยอวี๋ก็ยังโกรธแบบอธิบายไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดอีกครั้งว่า “นายน่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความอิสระและชิล ๆ นะ” 

 

 

 

142 หลังของเซี่ยอวี๋พิงกำแพง เสื้อฮู้ดหลวม ๆ คลุมหน้าผากและสายตาของเขาถูกบังอยู่นิดหน่อย ความรู้สึกลึกซึ้งเกิดขึ้นเมื่อมือของชายคนนี้บีบมาที่เอวของเขา รวมถึงท่าทางที่เขาบดเบียดริมฝีปากของเขาอย่างก้าวร้าวและเผด็จการ 

 

>> หลังของเซี่ยอวี๋พิงกำแพง เสื้อฮู้ดหลวม ๆ คลุมหน้าผาก บดบังสายตาของเขาไว้เล็กน้อย ความรู้สึกลึกซึ้งเกิดขึ้นเมื่อมือของชายคนนี้บีบมาที่เอวของเขา รวมถึงท่าทางที่เขาบดเบียดริมฝีปากของเขาอย่างก้าวร้าวและเผด็จการ 

 

142 เฮ่อจาวยังไม่ได้ปล่อยเขาเป็นอิสระ ริมฝีปากของอีกฝ่ายยังคงคลอเคลียอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาแลกจูบ และแตะไปบนริมฝีปากของเซี่ยอวี๋แบบเหมือนจะตั้งใจและก็เหมือนไม่ตั้งใจ เฮ่อจาวยกมือขึ้นดึงฮู้ดของเซี่ยอวี๋ลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอางี้ เราจูบกันยี่สิบนาทีก่อน” 

 

ส่วนที่แตะคือริมฝีปาก ริมฝีปากเลยเป็นประธาน 

>> เฮ่อจาวยังไม่ได้ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ยังคงคลอเคลียอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาแลกจูบ ริมฝีปากของเฮ่อจาวแตะไปบนริมฝีปากของอีกฝ่ายเหมือนจะตั้งใจและก็เหมือนไม่ตั้งใจ เฮ่อจาวยกมือขึ้นดึงฮู้ดของเซี่ยอวี๋ออกเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอางี้ เราจูบกันยี่สิบนาทีก่อน” 

 

 

146-147 

ในตอนแรกที่เซี่ยอวี๋ได้รับฉายาเป็นพี่ใหญ่อาคารตะวันตกก็เพราะว่า “ทุจริตในการสอบเข้าโรงเรียนมัธยม” บวกกับเรื่องการต่อสู้ 

แต่เฮ่อจาวไม่ใช่ 

เขาไม่เหมือนกับเซี่ยอวี๋ ติดอันดับท็อปตั้งแต่เมื่อเข้าโรงเรียนและเงียบไปพักหนึ่ง เรียนไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสองเดือน หลังจากการสอบกลางภาค ทันใดนั้นเขาก็มีชื่อเสียงเพราะเรื่องหนึ่งเรื่อง 

พูดง่าย ๆ คือ - ต่อยอาจารย์ 

เป็นการต่อสู้เหมือนกัน แต่ความรุนแรงนั้นมากกว่าที่เซี่ยอวี๋สู้แบบหนึ่งต่อสี่กับคนนอกมาก 

“เอ่อ...” 

“ในเวลานั้นมีใครบางคนในชั้นเรียนของเราซื้อคำตอบ เขาคิดว่าฉันเป็นคนนำ” เฮ่อจาวกัดอมยิ้ม ไม่อยากพูดถึงแม้แต่ชื่อ ดังนั้นจึงแทนด้วยคำว่า “เขา” และพูดว่า “ให้ความสำคัญกับฉันซะเหลือเกิน ซื้อคำตอบบ้าอะไรล่ะ ถ้าซื้อจริง ๆ ยังจะได้แค่สิบคะแนนเหรอวะ” 

เฮ่อจาวลองคิดดู ตอนนั้นอารมณ์ของเขารุนแรงเกินไป แม้ว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ แต่มันจบลงแล้ว ทำไมต้องลุกขึ้นมากระแทกโต๊ะแล้วส่งเสียงดังต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่อาจระงับความโกรธ จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปปล่อยหมัด 

ตอนลงมือก็ควบคุมความแรงไม่อยู่ เกือบทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล 

วันนั้นตอนเลิกเรียนเขาไม่ได้ออกไปจากโรงเรียน แต่สูบบุหรี่ครึ่งซองอยู่ในห้องน้ำ กลิ่นบุหรี่ติดตัว เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปบ้าง 

 

 

ตรงนี้เป็นจุดที่โองงที่สุดในเรื่อง เหตุผลที่เฮ่อจาวได้เป็นพี่ใหญ่อาคารตะวันออก 

เซี่ยอวี๋ได้รับฉายาเพราะเขาแอ๊บทำเป็นเรียนห่วยตั้งแต่ช่วงม.ต้น คนเลยไม่คิดว่าเขาจะสอบเข้าโรงเรียนม.ปลายแห่งนี้ได้ 

แต่เฮ่อจาวไม่ใช่ 

ตามเนื้อเรื่องคือเฮ่อจาวดรอปตอนม.3 จึงต้องเรียนซ้ำหนึ่งปี แต่ช่วงเวลาไหนที่เขาแกล้งทำเป็นนักเรียนห่วยนี่อ่านแล้วไม่เคลียร์เลย 

ถ้าตามข้างบนคือเฮ่อจาวยังสอบเข้าได้คะแนนท็อปอยู่ แสดงว่าตอนสอบเข้ายังไม่แอ๊บ  

ตรงจุดที่เขียนว่า ‘เงียบ’ ‘เรียนเงียบ ๆ’ นี้โอกำลังสงสัยว่ามันน่าจะเป็นความหมายในแนวทางที่ว่า เฮ่อจาวเริ่มทำตัวให้คะแนนตก 

ไม่งั้นจะไม่สมเหตุผลกับท่อนต่อมา ที่อาจารย์สงสัยว่าเฮ่อจาวเป็นหัวโจกซื้อข้อสอบ และที่เฮ่อจาวพูดว่า ถ้าซื้อจริง เขาจะได้คะแนนต่ำอย่างนี้เหรอ ซึ่งแสดงว่าตอนนี้เฮ่อจาวแอ๊บเรียบร้อย 

 

จะใช่อย่างนี้หรือเปล่านะ 

>> 

ในตอนแรกที่เซี่ยอวี๋ได้รับฉายาเป็นพี่ใหญ่อาคารตะวันตกก็เพราะว่า “ทุจริตในการสอบเข้าโรงเรียนมัธยม” บวกกับเรื่องการต่อสู้ 

แต่เฮ่อจาวไม่ใช่ 

เขาไม่เหมือนกับเซี่ยอวี๋ คะแนนของเขาติดอันดับท็อปตั้งแต่ตอนสอบเข้า จากนั้นก็ค่อย ๆ แผ่วไป เรียนไปอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสองเดือน หลังจากการสอบกลางภาค ทันใดนั้นเขาก็มีชื่อเสียงเพราะเรื่องหนึ่งเรื่อง 

พูดง่าย ๆ คือ - ต่อยอาจารย์ 

เป็นการต่อสู้เหมือนกัน แต่ความรุนแรงนั้นมากกว่าที่เซี่ยอวี๋สู้แบบหนึ่งต่อสี่กับคนนอกมาก 

“เอ่อ...” 

“ในเวลานั้นมีใครบางคนในชั้นเรียนของเราซื้อคำตอบ เขาคิดว่าฉันเป็นคนนำ” เฮ่อจาวกัดอมยิ้ม ไม่อยากพูดถึงแม้แต่ชื่อ ดังนั้นจึงแทนด้วยคำว่า “เขา” และพูดว่า “ให้ความสำคัญกับฉันซะเหลือเกิน ซื้อคำตอบบ้าอะไรล่ะ ถ้าซื้อจริง ๆ ยังจะได้แค่สิบคะแนนเหรอวะ” 

เฮ่อจาวคิดดูแล้ว ตอนนั้นอารมณ์ของเขารุนแรงเกินไป แม้ว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ แต่สุดท้ายก็ต้องจบลง ทำไมต้องลุกขึ้นมากระแทกโต๊ะ ส่งเสียงดังต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่อาจระงับความโกรธ แล้วพุ่งตรงเข้าไปปล่อยหมัด 

ตอนลงมือก็ควบคุมความแรงไม่อยู่ เกือบทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล 

วันนั้นตอนเลิกเรียนตนไม่ได้ออกจากโรงเรียน แต่สูบบุหรี่ครึ่งซองอยู่ในห้องน้ำ กลิ่นบุหรี่ติดตัว คิดทบทวนตลอดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปบ้าง 

 

 

179-180 

ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว นักเรียนส่วนหนึ่งที่กลัวความหนาวเริ่มใส่ชุดหน้าหนาวกันแล้ว แต่หมอนี่ยังคงใส่เสื้อผ้าบาง ๆ หากมองดูแล้ว มันกลับดูเร่าร้อนอย่างกับเตาไฟ ที่มากไปกว่านั้นเขายังถกแขนเสื้อขึ้นไปด้วย เผยให้เห็นข้อมือเล็กน้อย 

 

>> 

ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว นักเรียนส่วนหนึ่งที่กลัวความหนาวเริ่มใส่ชุดหน้าหนาวกันแล้ว แต่หมอนี่ยังคงใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ยิ่งกว่านั้นเขายังถกแขนเสื้อขึ้นไปด้วย เผยให้เห็นข้อมือเล็กน้อย มองดูแล้วดูเร่าร้อนอย่างกับเตาไฟ  

 

200 

“นายจำเกมปัญญาอ่อนที่ฉันเล่นก่อนหน้านี้ได้ไหม” 

เซี่ยอวี๋กล่าวว่า “นายเล่นเกมปัญญาอ่อนมากกว่าหนึ่งเกม” 

“...” 

เฮ่อจาวโดนแขวะอีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “ทำดีกับเขาด้วยวิธีของนายเอง...อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ” แม้ว่าบางครั้งความรักก็คือการมอบทุกสิ่งที่หามาได้ไปให้เขา 

ความดื้อดึงและคิดไปเอง 

เซี่ยอวี๋ดึงตัวกลับมาและไม่พูดอะไร 

 

>> 

 “วิธีที่นายคิดว่าดี...อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ” แม้ว่าบางครั้งความรักก็คือการมอบทุกสิ่งที่หามาได้ไปให้เขา 

รวมถึงความดื้อดึงและการคิดเอาเอง 

เซี่ยอวี๋ดึงตัวกลับมาและไม่พูดอะไร 

 

203  

สุดท้ายเฮ่อจาวก็ถอดแจ็กเก็ตออก เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางไว้ด้านใน เมื่อเล่นมาได้ครึ่งเกมเขาก็ไม่ยอมรับลูกบาสเกตบอล แล้วเข้าไปจับเอวของเซี่ยอวี๋ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ยื่นตัวไปใกล้เซี่ยอวี๋แล้วพูดอะไรบางอย่าง 

จากนั้นเซี่ยอวี๋ก็ทุ่มลูกบาสใส่อย่างแรง 

หลัวเหวินเฉียงวอร์มอัพอยู่ข้าง ๆ พลางคิดในใจว่าชายสองคนนั้นดูไม่ได้ 

 

>>  

สุดท้ายเฮ่อจาวก็ถอดแจ็กเก็ตออก เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางไว้ด้านใน เมื่อเล่นมาได้ครึ่งเกมเขาก็ไม่ยอมรับลูกบาสเกตบอลอีกต่อไป แต่เข้าไปจับเอวของเซี่ยอวี๋ แทน ยื่นตัวไปใกล้เซี่ยอวี๋แล้วพูดอะไรบางอย่าง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ 

จากนั้นเซี่ยอวี๋ก็ทุ่มลูกบาสใส่อย่างแรง 

หลัวเหวินเฉียงวอร์มอัพอยู่ข้าง ๆ พลางคิดในใจว่า ไม่สามารถดูชายสองคนนี้ได้เลย 

 

 

206 นี่ไม่ใช่คาบพลศึกษาของห้องสี่ และไม่เคยพบพวกเขามาก่อน คาดว่าน่าจะเพิ่งเปลี่ยนคาบชั่วคราวในวันนี้ 

 

>> นี่ไม่ใช่คาบพลศึกษาของห้องสี่ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยพบพวกเขามาก่อน คาดว่าน่าจะเพิ่งเปลี่ยนคาบชั่วคราวในวันนี้ 

 

303 หลิวฉุนเฮ่าหลังจากได้ประโยคว่า “พี่อวี๋ยินดีที่จะลงแข่ง” ในครึ่งแรกก็รู้สึกว่าแผนการนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ 

>> หลังจากได้ยินประโยคที่ว่า 

 

396 

เฮ่อจาวได้ยินแฟนผู้ไร้ซึ่งมโนธรรมของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคำพูดแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร หนังเรื่องนี้สนุกดี” 

วั่นต๋าถามอีกครั้ง “ใช่ไหม พี่จาวล่ะ” 

เฮ่อจาวออกแรงบีบมือเซี่ยอวี๋มากขึ้นเล็กน้อย 

“ฉันคิดว่าก็อย่างนั้นแหละ” เฮ่อจาวมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติ “รูปแบบมันเชยเกินไป การถ่ายทำก็ทำแบบขอไปที ไม่มีบรรยากาศอะไรเลย แค่นี้นายก็ไม่กล้านอนไปสองคืนเลยเหรอ” 

 

 

น่าจะเป็น “ก็งั้น ๆ แหละ”  (หมายถึง ก็ธรรมดา เฉย ๆ ) เพราะจะสอดคล้องกับที่เฮ่อจาวติข้อเสียของหนังต่อ  

 

>> “ฉันว่าก็งั้น ๆ แหละ” เฮ่อจาวมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติ “รูปแบบมันเชยเกินไป การถ่ายทำก็ทำแบบขอไปที ไม่มีบรรยากาศอะไรเลย แค่นี้นายก็ไม่กล้านอนไปสองคืนเลยเหรอ” 

 

418 

แม้ว่าสวี่ฉิงฉิงจะทำความสะอาดหน้าต่างอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 

เขาใช้ผ้าเช็ดซ้ำ ๆ อยู่เพียงจุดเดียว ทำแบบนี้ครู่ใหญ่ถึงจะรู้สึกตัว 

 

สวี่ฉิงฉิงเป็นผู้หญิง ใช้สรรพนาม ‘เธอ’ 

>> เธอใช้ผ้าเช็ดซ้ำ ๆ อยู่เพียงจุดเดียว ทำแบบนี้ครู่ใหญ่ถึงจะรู้สึกตัว 

 

421 

“...ให้ฉันจั่วไม่ได้เหรอ พี่ชายก็โชคดีเหมือนกันนะ” 

ตั้งแต่เกมแต่งตัว ไปจนถึงเกมจีบผู้ชายบ้า ๆ เซี่ยอวี๋ไม่รู้สึกว่าเขาโชคดีสักเท่าไร 

 

>> “...ให้ฉันจั่วไม่ได้เหรอ พี่ชายก็มีโชคเหมือนกันนะ” 

ตั้งแต่เกมแต่งตัว ไปจนถึงเกมจีบผู้ชายบ้า ๆ เซี่ยอวี๋ไม่รู้สึกว่าเฮ่อจาวเป็นคนโชคดีสักเท่าไร 

 

430 เหล่าถังถอนหายใจเบา ๆ “นักเรียนบางคนอาจรู้สึกว่าพวกเขาทำได้ไม่ดีในการสอบครั้งนี้ ไม่ใช่ไม่พยายาม ไม่มีคำว่าทำได้ไม่ดีอย่างที่ว่า ฉันคิดว่าพวกนายทำได้ดีมากและจะทำได้ดีกว่านี้” 

 

แอบคิดว่าเป็นการเล่นคำหรือเปล่า เหล่าถังสอนภาษาจีนด้วย 

 

>> เหล่าถังถอนหายใจเบา ๆ “นักเรียนบางคนอาจรู้สึกว่าพวกเขาทำได้ไม่ดีในการสอบครั้งนี้ แม้ไม่ใช่ไม่พยายาม แต่ฉันคิดว่าคำว่าทำได้ไม่ดีนั้นไม่มีหรอก พวกเธอทำได้ดีมาก และจะทำได้ดีกว่านี้” 

 

430 เซี่ยอวี๋วางมือลงบนพื้นยางและชายเสื้อของเขาก็ถูกใครบางคนดึงเบา ๆ 

 

อย่าใช้ และ เป็นคำเชื่อม ในประโยคที่ประธานคนละตัวหรือเหตุการณ์หรือการกระทำที่ไม่ได้ไปด้วยกัน  เรื่องนี้เหนื่อยกับการใช้คำว่า และ มาก ผิดที่ผิดทางไปหมด 

>> ตอนเซี่ยอวี๋วางมือลงบนพื้นยาง ชายเสื้อของเขาก็ถูกใครบางคนดึงเบา ๆ 

 

 

432 เสียงกรนมาพร้อมกับเสียงของจั๊กจั่น 

>> จักจั่น 

 

432 

หลังจากเดินเล่นกับชายวัยกลางคนเพื่อพูดคุยเปิดใจ บรรยากาศของห้องสามก็ผ่อนคลายลงมาก 

กลับมาเผชิญหน้ากับการเรียนรู้ที่เข้มงวดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งแต่ละคนก็มีทัศนคติที่ดีในการปรับตัวให้เข้ากับสถานะ “นักเรียนเตรียมสอบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6” และเร่งเรียนรู้จนจบบทเรียนเสริมก่อนถึงเวลาเปิดเทอม 

รอจนกระทั่งถึงวันที่เปิดเรียนจริง ๆ กลับไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นกับ “ภาคการศึกษาใหม่” 

 

>> 

หลังจากเดินเล่นกับชายวัยกลางคนเพื่อพูดคุยเปิดใจ บรรยากาศของห้องสามก็ผ่อนคลายลงมาก 

พวกเขากลับมาเผชิญหน้ากับการเรียนรู้ที่เข้มงวดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งแต่ละคนก็มีทัศนคติที่ดีในการปรับตัวให้เข้ากับสถานะ “นักเรียนเตรียมสอบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6” และเร่งเรียนรู้จนจบบทเรียนเสริมก่อนถึงเวลาเปิดเทอม 

รอจนกระทั่งถึงวันที่เปิดเรียนจริง ๆ พวกเขากลับไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นกับ “ภาคการศึกษาใหม่” 

 

446  

เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารรสเลิศและอาหารชั้นหนึ่งแล้ว รสชาติอาหารฝีมือพ่อครัวที่ใส่เกลือมากกว่าปกติช้อนสองช้อน และรสเทียบได้กับอาหารโรงอาหารนั้นรสชาติแย่เกินบรรยายเลยทีเดียว 

สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ รสชาติอาหารที่นี่เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงไปอีกหลายปี 

 

>>  

เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารรสเลิศและอาหารชั้นหนึ่งแล้ว รสชาติอาหารฝีมือพ่อครัวที่ใส่เกลือมากกว่าปกติช้อนสองช้อน ใกล้เคียงกับอาหารโรงอาหารนั้น รสชาติแย่เกินบรรยายเลยทีเดียว 

สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ รสชาติอาหารที่นี่จะเป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงไปอีกหลายปี 

 

461-462 

ภาพนี้ไม่ใช่ภาพสุดท้ายของการจบการศึกษาอย่างเป็นทางการเพราะมันสับสนเกินไป เหล่าถังจัดระเบียบไปหลายครั้ง ช่างกล้องก็น่าจะเจอ “ห้องเรียนที่ซนเหมือนลิง” เป็นครั้งแรก 

“อย่าขยับแล้วนะครับ สาม สอง หนึ่ง...” 

ภาพหยุดนิ่ง 

ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งปีคือตัวอย่างข้อสอบที่ไม่เคยทำหมด คือเสียงอ่านหนังสือและทั้งห้องเรียนก็เต็มไปด้วยฝุ่น ว่างไม่มีอะไรทำก็เก็บรวบรวมไส้ปากกาที่ใช้หมดแล้วเอาไว้ ตอนจบการศึกษาก็รวบรวมได้เป็นกองใหญ่ 

ความทรงจำอื่น ๆ ก็คือการนอนหลับ 

เมื่อทนไม่ไหวแล้วก็ฟุบลงกับโต๊ะ เหนือศีรษะคือพัดลมเพดานที่ห้อยอยู่ ทำให้เกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและพัดมุมกระดาษปลิวขึ้นเล็กน้อย 

ดูเหมือนว่าเพิ่งจะนอนไปงีบหนึ่ง 

 

 

โออยากให้สังเกตลูกเล่นของผู้เขียน 

คำว่า ภาพหยุดนิ่ง อธิบายการถ่ายรูป ภาพในภาพถ่ายเป็นภาพนิ่ง เอามาชนกับฉากใหม่ ที่ผู้เขียนอธิบายว่าเหล่านักเรียนห้องสามมีความทรงจำอะไรบ้าง เป็นภาพความทรงจำ จากนั้นก็เอาความทรงจำเรื่องการนอนหลับในห้องเรียน มาเทียบกับการเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

 

>> 

ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งปีคือตัวอย่างข้อสอบที่ไม่เคยทำหมด คือเสียงอ่านหนังสือ และคือห้องเรียนที่เต็มไปด้วยฝุ่น ยามว่างไม่มีอะไรทำก็จะเก็บรวบรวมไส้ปากกาที่ใช้หมดแล้วเอาไว้ ตอนจบการศึกษาก็รวบรวมได้เป็นกองใหญ่ 

ความทรงจำอื่น ๆ ก็คือการนอนหลับ 

เมื่อทนไม่ไหวแล้วก็ฟุบลงกับโต๊ะ เหนือศีรษะคือพัดลมเพดานที่ห้อยอยู่ เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด มุมกระดาษพะเยิบขึ้นเล็กน้อย 

ดูเหมือนว่าเพิ่งจะนอนไปงีบหนึ่ง 

 

464 เฮ่อจาว นักเรียนคณะบริหารธุรกิจที่ทำโปรเจ็กต์เหมือนเล่นเกม อายุยังน้อย ๆ แต่ขยันโอ้อวดความสามารถ ทำให้อาจารย์ทั้งภูมิใจและปวดหัวเวลาที่พูดถึงเขา 

>> อายุยังน้อย 

 

 

465 

คำว่า “ขายประกัน” เป็นคำเย้ยของเพื่อนห้องสามมาแต่ไหนแต่ไร 

เริ่มต้นจากเซี่ยอวี๋ “นายเลือกอันนี้เหรอ” 

“มีตัวเลือกมากมาย ดีสุดเลยละ” 

เฮ่อจาวแต่งตัวสบาย ๆ สวมรองเท้าแตะตอนที่กลับไปโรงเรียน หลังจากเลือกอันดับในห้องคอมพิวเตอร์เสร็จแล้วก็พูดขึ้นว่า “ลายเซ็นที่จะเหลือไว้ให้ เซ็นไว้หมดแล้วนะ รอวันที่พี่จะมีชื่อเสียงโด่งดังจะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ --” 

มีชื่อเสียงโด่งดังจะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ 

เซี่ยอวี๋ทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงรีบขัดจังหวะขึ้น “ดีมากจริง ๆ นะ ขายประกัน ธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟู” 

“...” 

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เซี่ยอวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะดูการเลือกอันดับของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก มองของตัวเองรอบหนึ่ง แล้วก็มองของเฮ่อจาวรอบหนึ่ง 

ก็ไม่รู้ว่าดูอะไรอยู่กันแน่ - 


 

สถานการณ์คือ เฮ่อจาวกับเซี่ยอวี๋กำลังเลือกคณะและมหาวิทยาลัยอยู่ คณะที่เฮ่อจาวเลือกคือคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยชิงหัว 

 

โอไม่เข้าใจคำพูดของเฮ่อจาวที่ว่า “มีตัวเลือกมากมาย ดีสุดเลยละ”  

หมายความว่า 

จากตัวเลือกคณะที่เขาเลือกได้นั้นมีมากมาย แต่คณะนี้ดีที่สุด 

หรือ 

เรียนคณะนี้ต่อยอดได้มากมาย 

หรือ 

เฮ่อจาวแค่บอกเฉย ๆ ว่าดีจังที่มีตัวเลือกคณะให้เลือกเยอะ 

 

หรืออะไรอื่นอีก  

 

คำพูด “ดีมากจริง ๆ นะ ขายประกัน ธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟู”  ของเซี่ยอวี๋ก็ยังอ่านแล้วงง  ๆ 

 

 

 

เดา จากทัศนคติเฮ่อจาว น่าจะตอบแบบนี้  

 

>>  

คำว่า “ขายประกัน” เป็นคำเย้ยของเพื่อนห้องสามมาแต่ไหนแต่ไร 

เริ่มต้นจากเซี่ยอวี๋ “นายเลือกอันนี้เหรอ” 

“เป็นตัวเลือกที่ดีสุดเลยละ ” 

เฮ่อจาวแต่งตัวสบาย ๆ สวมรองเท้าแตะตอนที่กลับไปโรงเรียน หลังจากเลือกอันดับในห้องคอมพิวเตอร์เสร็จแล้วก็พูดขึ้นว่า “ลายเซ็นที่จะเหลือไว้ให้ เซ็นไว้หมดแล้วนะ รอวันที่พี่จะมีชื่อเสียงโด่งดังจะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ --” 

มีชื่อเสียงโด่งดังจะได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ 

เซี่ยอวี๋ทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงรีบขัดจังหวะขึ้น “ขายประกันนี่ดีมากจริง ๆ นะ เป็นธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟูเลย” 

“...” 

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เซี่ยอวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะดูการเลือกอันดับของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก มองของตัวเองรอบหนึ่ง แล้วก็มองของเฮ่อจาวรอบหนึ่ง 

ก็ไม่รู้ว่าดูอะไรอยู่กันแน่ - 

 

 

466 

ทุกย่างก้าวมั่นคง อนาคตของคนกลุ่มนี้ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ  

แต่ความรู้สึกสับสน ความสูญเสีย และความหวั่นเกรงต่ออนาคตในช่วงที่เพิ่งเข้าเรียนมัธยมปลาย...สภาพจิตใจที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นคือสิ่งมีค่าที่ควรหวงแหน 

โชคดีที่ตอนนั้นเคยล้มลง 

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เคยเลือกเส้นทางที่ผิด ถึงมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ 

 

 

โอไม่แน่ใจ คำว่า ‘ความสูญเสีย’ ในเรื่องมันไม่ได้มีอะไรสูญเสียนะ เป็นไปได้ไหมคะที่จะเป็นคำจำพวกนี้ ‘ความล้มเหลว’  ‘ความผิดหวัง’ ไม่ก็ ‘ความผิดพลาด’ 

 

>>  

ทุกย่างก้าวมั่นคง อนาคตของคนกลุ่มนี้ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ  

แต่ความรู้สึกสับสน ความผิดพลาด และความหวั่นเกรงต่ออนาคตในช่วงที่เพิ่งเข้าเรียนมัธยมปลาย...สภาพจิตใจที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเหล่านั้น เป็นสิ่งมีค่าที่ควรหวงแหนเช่นกัน 

โชคดีที่ตอนนั้นเคยล้มลง 

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เคยเลือกเส้นทางที่ผิด ถึงมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ 

 

 

467 พี่แรดคนนี้มองดูแล้วเหมือนไม่คิดอะไร แต่ก็เป็นคนที่ “ใจกว้าง” หากเป็นเรื่องแฟนตัวเองละก็ เขาจะขี้หวงมาก ๆ  

 

น่าจะเป็นงี้มากกว่านะ 

>> พี่แรดคนนี้มองดูแล้วเหมือนไม่คิดอะไรมาก 

 เป็นคนที่ “ใจกว้าง” แต่หากเป็นเรื่องแฟนตัวเองละก็ เขาจะขี้หวงมาก ๆ 

 

 

471 

หลังจากที่วิดีโอสัมภาษณ์เผยแพร่ออกมา เป็นเรื่องดังมากในมหาวิทยาลัย 

ชมรมละครเห็นยอดนิยมที่สูงขนาดนี้ ก็ยื่นโอกาสมาให้นักเรียนคนนี้ 

แม้ว่าเฮ่อจาวจะชอบเล่น แต่เขาก็มีลิมิต 

การพัฒนาของแฟนคลับของเขานั้นรุนแรงเกินไปและยากที่จะได้รับตั๋วเข้าชม นักเรียนของคณะบริหารธุรกิจมีความคิดที่ฉลาดและเริ่มพัฒนาธุรกิจตั๋วผี ลอบซื้อตั๋วไปทุกที่ สวมหมวก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปเดินมาระหว่างแต่ละคณะ เมื่อมีคนออกมาเขาลดเสียงและทำท่าทางว่า “มีตั๋วเหลืออีกไหม ขอซื้อต่อราคาแพงเลย” 

เป็นอย่างนั้นเฮ่อจาวก็เลย “อำลาวงการ” ทันที 

 

 

งง 

แล้วแนวคิดตั๋วผีที่ว่านี่มันอยู่ในมุมคนขายตั๋วหรือคนซื้อตั๋วกัน หรือว่าหมายถึงการที่ไปซื้อตั๋วเพื่อมาขายต่อราคาแพง หรือเป็นการปั่นให้มูลค่าของตั๋วสูง  เดาว่าปั่น 

 

ประมาณนี้มั้ย 

>>  

หลังจากที่วิดีโอสัมภาษณ์เผยแพร่ออกมา ก็เป็นเรื่องดังมากในมหาวิทยาลัย 

ชมรมละครเห็นยอดความนิยมที่สูงขนาดนี้ จึงยื่นโอกาสมาให้นักเรียนคนนี้ 

แม้ว่าเฮ่อจาวจะชอบเล่น แต่เขาก็มีลิมิต 

การเติบโตของแฟนคลับของเขานั้นหนักหนาเกินไป อีกทั้งตั๋วเข้าชมก็หายาก นักเรียนของคณะบริหารธุรกิจมีไหวพริบดี จึงเริ่มพัฒนาธุรกิจตั๋วผี  ลอบซื้อตั๋วไปทุกที่ สวมหมวก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปเดินมาระหว่างแต่ละคณะ เมื่อมีคนออกมาก็จะลดเสียงและทำท่าทางว่า “มีตั๋วเหลืออีกไหม ขอซื้อต่อราคาแพงเลย” 

เป็นอย่างนั้นเฮ่อจาวก็เลย “อำลาวงการ” ทันที 

 

 

471 

บทเรียนทางการเงินที่น่าเบื่อและมีความซับซ้อน เซี่ยอวี๋นั่งฟังไปครึ่งชั่วโมงแล้วก็ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เหมือนมีคนนั่งสวดมนต์อยู่ข้าง ๆ และในที่สุดหลับไป 

เฮ่อจาวเปลี่ยนเป็นมือซ้ายในการจดบันทึก กลัวว่าเขาจะนอนหลับไม่สบายและวางมือขวาเบา ๆ ไว้บนหัวของเขา 

 

>> 

บทเรียนทางการเงินที่น่าเบื่อและซับซ้อนเหล่านี้ เซี่ยอวี๋นั่งฟังไปครึ่งชั่วโมงก็ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เหมือนมีคนนั่งสวดมนต์อยู่ข้าง ๆ ในที่สุดก็หลับไป 

เฮ่อจาวกลัวว่าเขาจะนอนหลับไม่สบาย จึงเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายในการจดบันทึก และวางมือขวาเบา ๆ บนหัวของเขา 

 

471 พวกเขาสองคนไม่เคยปกปิดความสัมพันธ์แต่ก็ไม่มีทางที่จะพูดออกมาอย่างจงใจ พวกเขาไม่สนใจสายตาของผู้อื่นและเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา 

 

‘ไม่มีทาง’ ความหมายมันหนักนะ หมายถึง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีวัน ไม่อย่างเด็ดขาด ซึ่งมันค่อนข้างค้านกับในเนื้อเรื่อง และค้านกับประโยคถัดมาที่บอกว่า ไม่สนสายตาคนอื่น เปิดเผยตรงไปตรงมา 

 

>> พวกเขาสองคนไม่เคยปกปิดความสัมพันธ์แม้จะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน พวกเขาไม่สนใจสายตาของคนอื่น เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

472  

ทั้งสองนั่งด้วยกันและดูราวกับเป็นวันที่ทั้งคู่ที่เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน 

แค่ว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ไร้เดียงสาเช่นแต่ก่อน เปลี่ยนมาเป็นคนที่มั่นคงมากขึ้น สวมใส่เสื้อที่เป็นทางการ ปลดกระดุมออกสองเม็ด และมีนาฬิกาที่เรียบง่ายอยู่บนข้อมือของเขา 

นาฬิกานี้คือนาฬิกาที่เซี่ยอวี๋ให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว สวมใส่ไว้อยู่กับสร้อยข้อมือสีแดง และเครื่องประดับสองชิ้นที่มีสไตล์แตกต่างกันมาก เมื่ออยู่ด้วยกันก็ดูไม่อึดอัดใจ 

 

 

อยากเขียนเฉย ๆ  

ท่อนล่างนี้ผู้เขียนเปรียบนาฬิกาและสร้อยข้อมือเป็นตัวเซี่ยอวี๋กับเฮ่อจาว 

เพราะสร้อยข้อมือเฮ่อจาวเป็นคนซื้อ ส่วนนาฬิกานั้นเซี่ยอวี๋ซื้อ 

เครื่องประดับสองชิ้น คนสองคนที่แตกต่างกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วกลับดูไม่อึดอัดใจ 

 

>> 

ทั้งสองนั่งด้วยกันราวกับเป็นวันที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน 

แค่ว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ไร้เดียงสาเช่นแต่ก่อน เปลี่ยนมาเป็นคนที่หนักแน่นขึ้น เขาสวมใส่เสื้อที่เป็นทางการ ปลดกระดุมออกสองเม็ด มีนาฬิกาที่เรียบง่ายอยู่บนข้อมือของเขา 

นาฬิกาเรือนนี้คือนาฬิกาที่เซี่ยอวี๋ให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ใส่คู่กับสร้อยข้อมือสีแดง เครื่องประดับสองชิ้นที่มีสไตล์แตกต่างกันมากนี้ เมื่ออยู่ด้วยกันกลับดูไม่อึดอัดใจ 

 

479 ร้านอาหารมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่การตกแต่งมีความสง่างามและมีเวทีอยู่ด้านหน้า 

สง่างาม ว. มีท่าทางภูมิฐานแลดูงาม 

สง่างามเขาใช้กับคนค่ะ ภูมิฐานก็ใกล้เคียงกัน 

ภูมิฐาน ว. สง่าผ่าเผย, โก้หรู เช่น แต่งตัวภูมิฐาน 

 

โอคิดว่าน่าจะเป็นคำว่า ‘หรูหรา’ มากกว่า 

>> ร้านอาหารมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ตกแต่งอย่างหรูหราและมีเวทีอยู่ด้านหน้า 

 

479  

“นายกำลังทำอะไร” 

เฮ่อจาวร้องไม่ดีในตอนแรกคำหนึ่ง หยุดและไอ ชูนิ้วชี้ของเขาขึ้นมาและทำท่าทาง “สู้” กับเขา 

ไม่มีดนตรีบรรเลงประกอบ เฮ่อจาวร้องเพลงสี่นาทีอย่างตรงไปตรงมาที่สุด 

มันเป็นตอนทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงตอนมัธยมศึกษาปีที่ห้า เพลงที่เขาร้องตอนอยู่บนรถบัส 

 

 

โอคิดว่าน่าจะเป็น “ชู่” มากกว่านะ แบบ จุ๊ ๆ เงียบหน่อย น่ะ 

แล้ว ‘ร้องไม่ดีในตอนแรกคำหนึ่ง’ นี่คืออะไร ‘ร้องเพลงอย่างตรงไปตรงมา’ นี่ก็แปลก ไม่น่าใช่ 

 

>> 

“นายกำลังทำอะไร” 

ในตอนแรก เฮ่อจาวร้องท่อนแรกได้ไม่ดีนัก เขาหยุดและไอ ชูนิ้วขึ้นมาและทำท่าทาง “ชู่” กับเขา 

ไม่มีดนตรีบรรเลงประกอบ เฮ่อจาวร้องเพลงสี่นาทีอย่างเปิดเผยที่สุด 

มันเป็นเพลงที่เขาร้องอยู่บนรถบัสในทัวร์ฤดูใบไม้ร่วงของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า  

 

 

 

 

 

 

 

 

เซี่ยอวี๋เพิ่งจะเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นเฮ่อจาวเดินมาจากฝั่งตรงข้าม 

วันนี้เขาสวมเสื้อโค้ตตัวใหญ่ รูปร่างดูดี เห็นได้ทันทีท่ามกลางฝูงชน 

แล้วมุมปากของเฮ่อจาวก็ค่อย ๆ ยกสูงขึ้น  สายตาทอดมองมาที่ร่างของเซี่ยอวี๋ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาอีกเล็กน้อย เขาเดินกางแขนเข้ามาหาเซี่ยอวี๋แล้วพูดว่า “กอดหน่อย” 

รอบข้างมีคนเยอะแยะ เจ้าหมอนี่ดันเล่นใหญ่สุด ๆ ทำให้คนที่เดินผ่านไปมามองมาที่พวกเขาทั้งโดยตั้้งใจและไม่ตั้งใจ 

เซี่ยอวี๋ทำท่าทางโอเวอร์ขนาดนั้นไม่ได้ สมองคงต้องโดนประตูหนีบมาถึงจะกล้าไปกอดเขา เซี่ยอวี๋ยกขาเตะทันที “ออกไปไกล ๆ” 

แล้วก็ไม่ได้เตะจริง ๆ เขาหยุดก่อนที่ขาจะสัมผัสเฮ่อจาว เมื่อแกล้งแหย่เสร็จแล้วก็เดินผ่านหน้าแฟนไปแบบไร้ความปรานี 

เฮ่อจาวเดินตามอยู่ข้างหลังเขา “เด็กน้อย ใจร้ายขนาดนี้ จิตใจของนายไม่รู้สึกเจ็บบ้างเหรอ” 

เด็กน้อยใจร้ายเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วชะลอฝีเท้า ยื่นมือไปข้างหลังจับมือของเฮ่อจาวแบบหน้านิ่ง ๆ  

นิ้วของเฮ่อจาวเย็นมาก เมื่อสัมผัสแล้วเหมือนจับก้อนน้ำแข็ง แต่ว่าความเย็นนี้กลับค่อย ๆ แผดเผาอยู่ที่ฝ่ามือของเขาทีละนิด 

 

หน้า 233  ตอนที่ 85 

เล่ม 2 

 


ซื้อรูปเล่ม คลิก




Create Date : 15 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 1 กรกฎาคม 2564 16:16:05 น.
Counter : 4621 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณหอมกร, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ

  
ออโอ Book Blog ดู Blog
ขอบคุณที่ไปทักทายกันค่ะ
เดี๋ยวนี้กระแสโลกมันเปลี่ยนไปมากนะคะ 55

โดย: หอมกร วันที่: 17 พฤศจิกายน 2563 เวลา:13:01:13 น.
  
จีนยอมรับนิยายวายได้ไงเนี่ยะ เห็นทางรัฐเขาต่อต้านนะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2563 เวลา:15:39:56 น.
  
มันก็คงเล็ดลอดออกมาได้บ้าง
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2563 เวลา:11:30:19 น.
  
คุณหอมกร โลกที่ไม่หมุนเป็นโลกที่ตายแล้วค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ

คุณต่อ ว่าไปโอไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไรนะคะ แต่เท่าที่ทราบ นิยายวายที่นั่นได้รับความนิยมไม่น้อยเลย หลายเรื่องเอาไปสร้างเป็นหนังหรือซีรีส์ด้วย แต่จะปรับจากวายให้เป็นไม่วาย แล้วซีรีส์หรือนักแสดงวายของบ้านเราหลายเรื่องหลายคน ดังที่จีนมากเลยค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ

คณเริงฤดีนะ หมายถึงเรื่องอะไรคะ นิยายวายเหรอ หรือพวกคำผิดงี้ แต่เรื่องนี้เกินไปกว่าคำว่าเล็ดลอดค่ะ สุ่มเปิดหน้าไหนมาก็เจอปัญหา โอว่าเป็นเรื่องของน้ำทั้งสาย ตั้งแต่ต้นยันปลายน้ำ มีบางจุดที่โอคิดเหมือนกันว่าเป็นที่กระบวนการเกลาหรือเปล่า แต่คนเกลาไม่เข้าใจเนื้อหา แก้ไปมาเลยยิ่งเพี้ยนหนักเลย ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ

ขอบคุณคุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา,คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse สำหรับโหวตบล็อกด้วยค่ะ มีกำลังใจมากเลย เรื่องนี้โอใช้เวลาเยอะกับมันเลยค่อนข้างดีใจที่อย่างน้อยก็จะมีคนเห็นมากขึ้น
โดย: ออโอ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2563 เวลา:11:38:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments