On my way :: my blog my story :)

Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
Review HK MC ตอนที่ 4

วันที่ 2 (ต่อ)

วาร์ปมาตอนเย็นเลยฮะ ไม่รู้ว่างานนี้คุณลูกหรือคุณพ่อเป็นคนหลับกันแน่

แผนดู symphony of light ถูกกระเถิบไปเป็นวันพรุ่งนี้อีกแล้ว ทั้งที่จะไปตั้งแต่วันแรก

เอาเถอะ เรามาเที่ยวแบบ backpack ตามใจฉัน ไม่ต้องเคร่งครัดอย่างทัวร์หรอกน่า

แผนเรา flexible ได้ตลอดยิ่งกว่าเกลียวสายโทรศัพท์


ออกมาจากโรงแรมเจอร้านขายผลไม้ คุณพ่ออยากกินเชอรี่

แต่กลัวว่าตอนกลับมาแล้วร้านเค้าจะปิดก็เลยชิงซื้อมาก่อนเลย 1 ปอนด์ 60ดอลล่าร์

เราไม่เคยกินเชอรี่สดๆแบบนี้มาก่อน เพราะที่เมืองไทยราคามันก็สูงอยู่พอสมควรแน่ะ

พอได้กินอื้อหือ...

อร่อยมากๆๆๆ ติดใจเลยล่ะ ทั้งพ่อแม่ก็ติดใจ


เอาล่ะ เราเดินทางมาทานข้าวเย็นที่ร้าน Superiorrice roll pro 

ซึ่งได้อ่านรีวิวมาพอสมควร สำหรับความโด่งดังในเรื่องก๋วยเตี๋ยวหลอด

แม้ว่าจะหลุดโผจาก michiliinไปแล้วแต่ก็ยังอยากลองอยู่ว่าจะโอเคไหม


แถ่น แทน แถ๊นนน



รสชาติใช้ได้สำหรับเราว่าอร่อยเลยแหละกำลังดี อยากได้แป้งเพิ่มอีกนิดหน่อย

แต่พ่อกลับบอกว่าแป้งเยอะไปหน่อยแต่ก็อร่อยเหมือนกัน

ดูสิชิ้นเดียวกันยังคิดไม่ตรงกันเลย(หรือตรงปลายๆที่พ่อชิมมันแป้งหนาก็ไม่รู้นะ)

เห็นภาพแล้วอยากกินอีกแฮะ...

จริงๆมีผัดผักอีก ก็กรอบ รู้สึกสดใหม่มากๆ

ถ้าถามว่ามาฮ่องกงครั้งหน้าจะกินอะไรซ้ำอีกคงต้องบอกว่าร้านนี้เลยค่ะ

คงมากินก๋วยเตี๋ยวหลอดกับผัดผักอีกแต่คงไม่กินข้าวอะไรนี่หรอกนะรู้สึกมันไปหน่อย


กลับจาก Prince Edward ก็ลงสถานี mongkok ที่เก่าเจ้าเดิม เดินเล่นย่านนี้สักหน่อย

เป้าหมายคือมาซื้อ Bioderma ที่เค้าว่าใช้ดีราคาก็ถูกกว่าบ้านเรา เป็นตายร้ายดียังไง

คืนนี้ต้องสอยให้ได้ค่ะ!!


ก็เดินเปรียบเทียบราคาไปร้านนู้นนี้จนกระทั่งได้ที่ bonjour ราคา 105 ดอลล่าร์

ร้านอื่นจะ 110, 120 อะไรแบบนี้ก็ไม่ต่างกันมากนักก็เลยซื้อมาสองขวด

ไม่เอาถุง (เวลาซื้ออะไรถ้าเอาถุงเสียเพิ่มอีก 0.5 ดอลล่าร์)

ก็ต้องเอาเข้าเป้ทับเชอรี่ เสียบี้แบนหมด !!!


จริงๆเราเดินกันเรื่อยเปื่อยไปโผล่ตรงไหนไม่รู้ของมงก๊กเหมือนกัน

เจอตึกที่มีบันไดเลื่อนแล้วก็เห็นคนแถวนั้นเค้าขึ้นไปเยอะพอสมควรพวกเด็กวัยรุ่นอะ

ก็พอขึ้นบันไดเลื่อนไปก็เจอเป็นร้านขายของเป็นห้องๆและก็มีหลายชั้น

ประหนึ่งว่าแพลตตินัมบ้านเรานี่แหละค่าแต่เป็น 1 ใน 10 ส่วน นะ

คือดูๆแล้วราคาก็พอๆกับบ้านเราเลย

อันนี้หมายความว่าบ้านเราเสื้อ 200บาทเค้าก็ 200 ดอลล่าร์ฮ่องกงอะไรอย่างนี้

จริงๆแล้วค่าครองชีพเค้าก็คล้ายๆเราเลยนะแค่เปลี่ยนหน่วย

เพียงแต่ว่าถ้าเราเอามาเทียบเป็นเงินไทยมันก็เลยดูเหมือนเยอะเพราะคูณสี่กว่าๆแน่ะ

สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยแม้ว่าติดใจกระเป๋าผ้าน่ารักดี 150 ดอลล่าร์ฮ่องกง

ซึ่งมาคิดเป็นเงินไทยแล้วมันเจ็บปวดหัวใจ

กัดลิ้นก็แล้วเม้มปากก็แล้วปลอบใจตัวเองก็แล้ว

แต่ชั้นไม่สามารถควักเงินซื้อมันได้จริงๆฮือออออ

ขี้งกเหมือนใครวะ(หันมองแม่แป๊บ) -_-


พอลงมา ก็เจอเซเว่นค่ะพิกัดตามนี้

7-11便利店分店NO.0917 หาจาก google maps ได้เลย

ร้านนี้อยู่ติดห้างย่อมๆนี่แหละหรือจะเรียกให้ถูกคืออยู่ชั้นล่างเลยอะ

พ่อชักอยากลองชิมเบียร์ฮ่องกงซะแล้ว 2 ขวด 10 กว่าดอลล่าร์นี่แหละค่ะ

ส่วนเราก็ซื้อนมเมล่อนมาแม่ก็อยากเอามั่งล่ะสิ บอกหาน้ำผลไม้ให้แม่ด้วย

คือไม่อยากจะพูดว่าน้ำผลไม้นี่เป็นภาระตั้งแต่วันที่สอง

จนกระทั่งแบกเอากลับมาเมืองไทยด้วย -_- แม่น้อแม่

นอกจากนี้ซื้อมาม่าไปด้วยกะว่าถ้าอร่อยจะได้ซื้อกลับไป 5555


และแล้วเราก็ได้เจอนาทีฉุกเฉินขึ้นค่ะ

อาจจะเป็นเพราะพ่อชอบดูรายการนี้มากเลยเกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นกับตัวเลยเป็นไง

มีการปะทะกับคนบ้าฮ่องกงขึ้น!!

คือไม่ใช่ว่าเค้าหัวรุนแรงรักชาติมากนะฮะแต่ว่าเค้าคือคนบ้าแห่งเมืองฮ่องกงฮ่ะ

ตาลุงคนนี้แกโวยวายอยู่ไม่ไกลอย่างที่คงไม่มีใครทราบสาเหตุแต่มือกำไฟแช็คอยู่

ตอนแรกแกก็อยู่ไกลนะสักพัก...ทำไมเดินมาทางนี้


เอาละไง...


ตาลุงเริ่มเดินมาทางนี้และมือเริ่มจุดไฟ

เมื่อกี้ขอเอาคำพูดคืนนะคะตานี่หัวรุนแรงแน่นอน!!

แม่เรานี่เริ่มคุมสติไม่อยู่เริ่มเหมือนตาลุงละค่ะรีบ move มาหาเราอย่าง(โคตร)ผิดสังเกต

และแน่นอนมันทำให้ตาลุงหันขวับมาทาง target อย่างเรา


เอ้า ตามองตา สายตาก็จ้องมองกันSmiley


เอาละไงกรุก็คงอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วแหละ

เราสองแม่ลูกพากัน move ตัวเองออกไปจากสถานการณ์นั้นอย่างเร็ว

ก่อนที่ตาลุงจะขอกระชับพื้นที่

ช่วงเวลานี้ไม่รู้ว่าพ่อ move ไปก่อนหรือยังแต่พอ fade ตัวเองออกมาได้ค่อยโล่งใจ

คือคนที่สติไม่เต็มเต็งเราก็ไม่อาจคาดเดาได้หรอกเนอะว่าเค้าคิดและจะทำอะไร

เราแค่หวาดๆค่ะส่วนแม่นี่กลัวเค้าจะเข้ามาเผาเซเว่น 55555

ค่ำคืนที่สอง ณฮ่องกงนี่ผ่านไปกันอย่างชิวๆเช่นเคยค่ะ

เราเดินกลับมายังโรงแรมประมาณ 5 ทุ่มได้

ทว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ต้องพ่นลมหายใจอย่างแรงแล้วพูดว่า ‘หึ’ ในลำคอ


...


ร้านขายผลไม้ยังไม่ปิด !!!

และยังคงมีเพื่อนๆเชอรี่นอนกองอยู่ในตะกร้า

โอ้โหเรียกว่าเปิดร้านแบบไม่ให้เกียรติเชอรี่ที่ซุกอยู่ในกระเป๋าชั้นเลย

นี่ยังไม่รวม bioderma สองขวดกลิ้งทับไปทับมาจนบุบบิบบูบี้ไปหมด

อนิจจัง...จำไว้คืนพรุ่งนี้จะได้ไม่พลาดอีก

ปล.วันนี้เราซื้อซูชิมากินอีกแล้วววววติดใจ



วันที่ 3


วันนี้นอนกันเสียเต็มอิ่มทำให้เรากว่าจะออกจากโรงแรมได้ก็ราวๆจะสิบเอ็ดโมง

จุดหมายของวันนี้คือที่ Central เพื่อจะไปกินห่านย่างอันเลื่องชื่อ

แต่ยังเดินไปไม่ถึงเราก็พอเห็นคิวลางๆแล้ว ว่าพอมีอยู่



พ่อก็บอกกับลูกสาวคนนี้เลยว่าพ่อจะไม่ทนค่า พ่อหิว

ทำให้เราตั้งใจจะเปลี่ยนแผนไปกิน Flyingpan แทน

ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินจับทางไปตาม google maps แต่แล้วพ่อก็เปลี่ยนใจ

อาจจะเป็นเพราะเราเองที่ยืนเก้ๆกังๆดูแผนที่นานไปหน่อย T^T


สรุปหันมาทางขวามีร้านอาหารอยู่พอดีเอานี่เลยละกันฟะ

Tsui wah ร้านที่นี่ค่อนข้างใหญ่พอควรมีสองชั้นคนก็เยอะเต็มไปหมด

เป็นเพราะช่วงกลางวันด้วยมีนักธุรกิจเยอะอยู่ (สเปคเลยค่ะ)

แต่แล้วเราก็สั่งอาหารผิดแทนที่ได้ข้าวผัดกลายเป็นข้าวแฉะเสียนี่ แต่เราว่าอร่อยดี



รสชาติคล้ายๆข้าวแฉะผัดกะแม็คกี้อะ 55555 





พ่อนี่ไม่เอาข้าวแฉะเลยค่ะ เขาจัดการข้าวมันไก่ไหหนานไปอย่างปลื้มปริ่ม

ส่วนเราว่ารสชาติมัน... ก็งั้นๆนะ

ข้าวมันไก่บ้านเราอร่อยกว่าแฮะ


ออกมาจากร้าน แล้วเราก็ไปช็อป coach (เพื่อนฝากตามหากระเป๋า)

ต่อด้วย New balance 

แต่ก็ไม่มีแบบอะไรที่ถูกใจแวะช็อปปิ้งอีกหลายร้านก็ได้ซื้ออะไรบ้างประปราย




รู้สึกฟิน!!

Smiley

มากับพ่อแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง


จากนั้นเราเริ่มออกเดินทางไปยังวัดหวังต้าเซียน



ตอนนี้หายนะเริ่มบังเกิดแล้วล่ะฮะ

ฝนเทกระหน่ำตลอดไม่ขาดสายระหว่างที่เรากำลังเดินทางไป ใจก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว

แต่การเดินทางมาที่นี่เราชอบนะ

เจอรถไฟฟ้าแบบแปลกๆดีคือมันอยู่แบบ open air จริงๆอะไม่ใช่อยู่ใต้ดิน



พอมาลงสถานีเป้าหมายของเราแล้วกลับออกไปไม่ได้ เพราะว่าฝนค่ะ

คือตอนนั้นรู้สึกว่าจะมีร่มแค่คันเดียวเพราะอีกสองคันไม่ได้เอามา

ตรงนั้นก็มีเซเว่นนะแต่ไม่อยากซื้ออะ ยังไงขอดูลาดเลาสักแป๊บ

ขณะเดียวกันพ่อกับเราก็ดูแผนที่ในมือถือไปด้วย ว่ามันไกลมากไหม

ซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลอะไรมากหรอกแต่ว่าฝนมันตกและเป็นที่โล่งแจ้ง

ก็คือริมฟุตบาทธรรมดาๆนี่แหละ


เราถามพ่อว่าเอาไงดี

คือจะไปต่อหรือกลับ แต่พ่อก็บอกว่ามาถึงนี่แล้วก็ไปเถอะ

คำตอบพ่อได้ใจเรามาก Smiley

คือเรายังวัยรุ่นลุยได้อยู่แล้วแหละ แต่กลัวพ่อแม่จะไม่ไหว

เราก็เลยอาสาเดินดุ่มๆไปดูซิว่าจะข้ามถนนไปยังไง

แต่ทว่าการถามทางคนฮ่องกงค่อนข้างลำบากโดยเฉพาะคนแก่ๆเขาพูดอังกฤษไม่ได้

เราเลยถามคนที่เจอถัดไปก็เลยได้รู้ว่ามันมีทางลอดใต้ถนนอยู่นั่นเอง

รู้อย่างนั้นก็รีบกลับมาแจ้งข่าวพ่อแม่อย่างเร็วรี่


คนไทยที่ยืนอยู่แถวนั้นเป็นกลุ่มสาวๆสักสี่ห้าคนติดฝนเหมือนกันกับเราเขาก็ไม่มีร่มค่ะ

แต่ก็ใช้พวกผ้าพันคออะไรไปปิดหัวแล้วก็วิ่งไปกันเลย

เห็นแบบนี้ยอมไม่ได้เราให้ร่มพ่อกับแม่ไป ส่วนตัวเองใช้กระเป๋าบังหัว

ลุยๆๆๆ!!!


หลังจากข้ามฝั่งมาได้กลายเป็นฝนตกหนักกว่าเดิม โอย เฉอะแฉะจริงๆ

ดูท่าจะไปกันไม่รอดเลยขอพักที่ป้ายรถเมล์จิ๋วสักแป๊บ T_T

จะไปต่อก็ไม่ได้จะถอยหลังกลับก็ไม่ไหวแล้ว

พอยืนรอฝนสักครู่ก็ลุยกันต่อจนมาถึงวัดค่าาาา (ขอโล่ให้พ่อแม่ชั้นด้วย)

เข้าวัดมาได้ก็สบายใจกันละเพราะมีหลังคา 5555 



เดินเข้ามาก็เจอคนทำพิธีกรรมกันอยู่เลยเราก็เดินๆกันไป 

แต่หูนี่น้อ...ได้ยิน

"สาธุ สาธุ สาธุ"

Smiley


พ่อหันกลับมายิ้มเลยค่ะรู้ทันที คนชาติไหน ฮ่าๆๆๆ

เราก็เข้าไปด้านในไหว้พระ แล้วก็ต่อคิวหมุนกังหันไปกับเขา ทำอะไรทำตามหมดดด




ที่นี่ก็ไม่ค่อยมีอะไรค่ะหมดแล้ว อยู่ไม่เกิน 15 นาทีเห็นจะได้ แล้วก็รีบออกมา

เพราะฝนมันซาพอดีไม่อยากจะเปียกไปมากกว่านี้


เอาล่ะเราเดินทางต่อกันเถอะ

เป้าหมายต่อไปคือสุดยอดราเมนซุปกระดูกหมู หรือว่า อิจิรัน ราเมนข้อสอบนั่นเอง





ที่เขาเรียกว่าราเมนข้อสอบเพราะว่านั่งเป็นคอกกั้นค่ะแล้วก็ใส่คำตอบลงไป

ว่าจะเอาราเมนอะไรยังไงเส้นนุ่มขนาดไหน ความเผ็ด กระเทียม หัวหอม ฯลฯ

ราคาเริ่มต้น 88$ ค่ะ ถ้า add อะไรเพิ่มก็จ่ายเพิ่มไปละกัน



พ่อดูจะถูกใจมากเลยค่ะอยากกินอีกชามแต่คงเสียดายตัง 5555 

เราก็ว่าอร่อยนะความรู้สึกยังจำได้อยู่เลย แต่เหมือนมันจะเค็มไปสักนิดดดด



ก่อนที่พ่อจะงอแงไปมากกว่านี้และอยากให้พ่อหยุดถามสักทีว่า

"เมื่อไหร่จะไปซื้อApple watch พ่อล่ะ"

เราก็พาพ่อแม่เดินมาที่ช็อปใหญ่ของมันเลยยย

เอาจริงๆนะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ที่พ่อจะซื้อ และเราก็ไม่ได้มีความสนใจอะไร

เลยคิดว่าปล่อยพ่อแล้วเราไปทำอย่างอื่นดีกว่า

เพราะช็อป forever 21 ตรงหน้านี่ก็เหมือนกับเรียกร้องให้เราเข้าไปอยู่เหมือนกัน 5555

"่พ่อๆหนูจะไปรอที่ forever 21 นะ"

"..."

ดิฉันเชื่อค่ะว่าคุณได้ยินแต่ทำไม...คุณไม่ตอบ!!

พ่อหันหน้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ยอมตอบกลับ =_=

เขาเดินดุ่มๆไปก่อนใครเลยค่ะอ้าว งั้นชั้นกับแม่ก็ต้องเดินตามน่ะสิ!




พ่อมาถึงก็ทำหน้าปลื้มปริ่มเลยค่ะเลือกๆสายนาฬิกา นู่นนั่นนี่ เราก็ออกความเห็นบ้าง

จนสุดท้ายก็เลือกรุ่นคุยกับพนักงานผ่านทางเรานี่แหละ -_-

ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมไม่ยอมตอบตอนเราบอกว่าขอไปช็อปปิ้ง

ที่แท้ต้องการใช้งานลูกสาวนั่นเอง!

เจรจาธุรกิจและสุดท้ายก็ได้เวลาเสียเงินของพ่อแล้วเพื่อได้แอปเปิ้ลวอชมาครอบครอง

จะอดใจรอเข้าเมืองไทยอีกเดือนก็ไม่ได้เนอะเอาเถอะ

แล้วแต่นะ...เอาที่พ่อสบายใจเลยค่า...


โปรดติดตามตอนต่อไป




Create Date : 05 กันยายน 2558
Last Update : 5 กันยายน 2558 16:20:16 น. 0 comments
Counter : 615 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

FairyG
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




 

บางครั้งคนเราก็ต้องการพื้นที่เล็กๆ
ที่ได้ระบายอะไรภายในใจ หรือเรื่องราวที่พบพาน
ถึงแม้ว่าสิ่งที่ได้แสดงออกมาที่นี่
แล้วบังเอิญอาจจะมีคนผ่านมาทางนี้
ได้พบเจอกับเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง
ได้หยุดรับฟังแล้วจากไปแบบเงียบๆก็ตาม...


แต่ถึงอย่างไรก็ยังเฝ้าคอยเพื่อนๆที่จะมาอยู่พูดคุยกัน
ผ่านทางบล็อกนี้เสมอนะคะ :)


IG : fairygammy
FB : Sujittapa Jaroenwong






free counters

New Comments
Friends' blogs
[Add FairyG's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.