6th
ฉันนั่งกอดเข่ามองไปยังทะเลอันแสนกว้างใหญ่ด้วยสายตาเหม่อลอย คลื่นน้ำที่ซัดกระทบกับชายฝั่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนเป็นการกระทำที่ไร้ค่าและไร้ประโยชน์ แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ฉันคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ คนเก่าๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน
ฉันก็เปรียบเสมือนคลื่นน้ำ ที่ซัดหาดทรายทุกวัน ทั้งวันทั้งคืน โดยที่ไม่เคยได้รับอะไรตอบกลับมา นอกเสียจากสร้างความรำคาญ
ฉันเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีความคิดแบบเด็กๆ ว่าสักวันจะเจอกับความรักที่สมบูรณ์แบบ มีแฟนเพียงแค่คนเดียวตราบชั่วชีวิต แต่งงาน และมีลูกน่ารักๆด้วยกัน
แต่วันหนึ่งฝันของฉันมันก็พังทลายลง
เรื่องมันเริ่มต้นจาก เขา ผู้ชายคนนั้นที่เข้ามาทำความรู้จักกับฉัน เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาไม่ดี ฐานะไม่ดี เรียนไม่เก่ง และเรียนไม่จบ
เราสองคนเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางจะมาบรรจบกันได้
ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนหนึ่งที่ตัดสินคนจากหน้าตา ในตอนแรกฉันปฏิเสธการกระทำทุกอย่างของเขา ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนหรือชักชวนฉันไปไหนมาไหนมากแค่ไหน
แต่ฉันไม่เคยตอบรับคำเชื้อเชิญเหล่านั้นเลย
จนวันหนึ่ง ฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันตอบตกลง
อาจจะเพราะว่าตอนนั้น ฉันตัดสินใจโดยที่ไม่คิดอะไรเลยล่ะมั้ง
แล้วเราก็ได้เจอกันที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง เรื่องในวันนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เราแค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน และกิจกรรมสุดท้ายก่อนหมดวันก็คือ เขาขับรถมาส่งฉันที่หอพัก
ตั้งแต่วันนั้น เส้นชีวิตของเราทั้งสองคนเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น จนแทบจะบรรจบกัน
ฉันกับเขา เราได้แบ่งปันเรื่องต่างๆให้แก่กัน เราคุยกันมากขึ้น มากขึ้นจนเรียกได้ว่าแทบจะตลอดเวลา
เขามักจะชอบเล่นกีตาร์เพื่อกล่อมฉัน ส่วนฉันก็คอยเล่านิทานให้เขาฟังตอนที่เขานอนไม่หลับ
เรามีรสนิยมความชื่นชอบที่ไม่เหมือนกัน แต่เราทั้งสองคนก็อยู่ร่วมกันได้
ฉันแบ่งปันเพลงเกาหลีให้เขาฟัง ส่วนเขาแบ่งปันเพลงสากลให้ฉัน เขาชอบเล่นเกม ส่วนฉันชอบอ่านหนังสือ เขาชอบถ่ายรูป ส่วนฉันชอบวาดรูป
เราแตกต่างกันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ เราจะมีกันและกันตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเราทั้งสองคน เข้าใจกันและกันมากกว่าใคร
เขาเป็นเหมือนโลกทั้งใบ เป็นเหมือนแสงสว่างที่เข้ามาในชีวิตฉัน
แต่สุดท้าย โลกแห่งความจริงก็ทำให้ความสัมพันธ์ของฉันและเขาสิ้นสุดลง
พวกเราลดสถานะของกันและกัน ไปเป็นคำว่า พี่น้อง
แรกๆเราต่างพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายแล้ว พอลดสถานะลง เราก็มีเวลาให้กันน้อยลงเช่นเดียวกัน เมื่อมีเวลาให้กันน้อยลง ความไม่เข้าใจเพิ่มมากขึ้น เราทะเลาะกันในหลายๆเรื่อง ทั้งๆที่ในอดีต เราไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนสักครั้ง ฉันพยายามทำทุกวิถีทางให้เราทั้งสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผลที่ได้คือ ความสัมพันธ์ของเรามันจบลง
ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเส้นขนานอีกครั้ง ไม่สิ เป็นเส้นที่แยกออกจากกันเหมือนทางแยกต่างหาก
เพราะเราสองคน ไม่มีวันที่จะได้เดินเคียงคู่กันหรือเฉียดกายเข้ามาใกล้กันอีกแล้ว
นับตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาแล้วสี่เดือน ความรู้สึกของฉันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ฉันยิ้มน้อยลง มีความสุขน้อยลง ฉันใช้ชีวิตตัวคนเดียว ราวกับว่าฉันอยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้
ฉันใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเพื่อให้ไม่มีเวลาคิดถึงเขา
รวมถึงตอนนี้ที่ฉันเลือกเดินทางมาทะเลเพียงเพราะว่าอยากวาดรูปยามพระอาทิตย์ตกลงสู่ผืนน้ำ น่าเสียดายที่ฉันมัวแต่คิดถึงเรื่องในอดีต จนตอนนี้ท้องฟ้ากลับมืดมิด มีเพียงแสงจากดวงดาวและดวงจันทร์ที่ส่องสว่างพอให้เห็นบรรยากาศโดยรอบ ก้อนเมฆสีเทาเคลื่อนตัวบดบังแสงจากดวงจันทร์ เม็ดฝนเริ่มตกลงมา
หยาดฝนโปรยปรายไปทั่ว ราวกับว่ามันรับรู้ได้ถึงเรื่องราวของฉัน
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังร้องไห้ แล้วน้ำตาของฉันก็ไหลออกมา ปะปนไปกับน้ำตาจากสายฝน
ฉันหลับตา ก้มหน้าลงซุกหัวเข่า เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันไม่รู้ แต่เม็ดฝนหยุดลงแล้ว
ฉันลืมตาขึ้น กลับพบว่า ฝนยังไม่หยุดตก น่าแปลกที่มีเพียงรอบตัวฉันเท่านั้นที่เม็ดฝนไม่ตกลงมากระทบ
ฉันจึงหันไปมองรอบๆแล้วพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ถือร่มยืนกางให้ฉัน
เขายิ้มให้ฉันแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
ฉันลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้านั้น เขาทิ้งกายลงนั่งข้างฉัน ไม่มีใครเริ่มต้นบทสนทนา แต่บรรยากาศรอบตัวก็ไม่ได้น่าอึดอัด กลับกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
บางที ฉันก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกเหมือนที่ฉันเคยคิดไว้
ฉันเริ่มต้นบทสนทนา
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ...
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2560 3:09:11 น. |
|
1 comments
|
Counter : 705 Pageviews. |
|
|
|