ภูเขาไฟ etna อยู่ไม่ไกลเมือง Taormina ใช้เวลาเดินทาง 1-2 ชั่วโมง เป็นภูเขาไฟที่ยังประทุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วันดีคืนดีก็ระเบิดลาวาไหลอยู่บ่อยๆ 

ดังนั้นคุณ Mauro เลยโทรเช็คกับโอเปอเรเตอร์ก่อนเดินทางว่าขึ้นได้ไหม   ปรากฏว่าเคเบิลปิดให้บริการ เขาก็เลยแนะนำให้เราขับขึ้นไปบนนั้นเอง แล้วค่อยไปซื้อทัวร์รถจี๊ปขึ้นไปบนยอดเขา 

พวกเราจัดการอาหารเช้าเร็วๆ แล้วก็มุ่งหน้าไป ทางก็ไม่ได้โหดอย่างทีเราคิดไว้ ขับมาตลอดทางได้ แค่นี้สบายค่ะ 

เมื่อไปถึง เราเพิ่งทราบว่า ภูเขาไฟเพิ่งระเบิดไปเมื่อไม่เกิน 10 วันก่อน และเคเบิลคาร์สายขาด 

ป้ายด้านหน้าเป็นสีแดงแปลว่า กำลัง active

ได้ตั๋วแล้วค่ะ แพงจัง ตั้ง 60euro

ขึ้นคันนี้ไปที่สถานีด้านบนค่ะ

จี๊ปไต่ขึ้นเขาหน้าตาดินภูเขาไฟดำสนิท สลับด้วยหิมะขาวๆ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงขึ้นไปถึงเซนเตอร์ 

เห็นปากปล่องอยู่ลิบๆ ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชม.

ที่นี่ใครไม่พร้อมอะไรก็เช่าได้ที่เซ็นเตอร์ อย่างเสื้อผ้ารองเท้าบู้ทยาง มีให้เช่าหมด  ข้างๆทางก็จะมีนักเรียนที่มาหัดเดินทางไกลขึ้นเขาไปกันเป็นกลุ่มๆ ไม่ขึ้นรถก็เดินเอาค่ะ

ถึงเซ็นเตอร์ ลงไปเปลี่ยนรถ แล้วขึ้นไปต่อค่ะ อีกซัก 20 นาทีได้

ถึงตรงนี้ ใกล้สุดแล้วค่ะ

อากาศประมาณ 1 องศา เย็นๆสบายๆ เสื้อผ้าที่เราเตรียมมาก็พอทน แต่รองเท้านี้สาหัสหน่อย ไกด์พาลงไปเดินดูค่ะ เราก็เดินตามไป

ใกล้สุดแค่นี้ล่ะค่ะ

มองไกลๆเห็นลาวาสีแดงๆอยู่เล็กๆ กับควันสีขาวโขมงอยู่ราวกับว่าเป็นก้อนเมฆ  

มองเห็นวิวด้านล่างทั้งเมือง 

เล่นถ่ายรูปกันอยู่ตรงนั้นอีกพักหนึ่งจนรองเท้าเปียก เท้าเปื่อยกันหมด  จึงได้ขึ้นรถกลับลงมาที่เซ็นเตอร์ ต่อรถจี๊ปกลับลงไปด้านล่าง

ขับกลับไปที่โรงแรม ก็เป็นเวลาบ่ายแล้วเป็นเวลานอนกลางวันกันแล้ว ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณ Mauro จะงัวเงียออกมาจากที่นอนเพื่อมาดูแลเรา 

เขาก็น่ารักที่ยังมาหาน้ำร้อนมาให้พวกเราที่อยู่ๆก็อยากกินมาม่าขึ้นมา ได้ดังใจแล้ว เราก็ปล่อยแกไปนอนกลางวันต่อไป

พวกเราพากันเดินไปเที่ยวในเมือ Taormina กันต่อ 

ที่ๆเราไปถึงก็เป็นไฮไลต์ของเมืองคือโรงละครที่มองเห็นภูเขาไฟ etna 

แต่น่าเสียดาย ช่วงบ่ายเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ส่องย้อนเข้ามา เลยมองไม่เห็นภูเขาไฟ แถมยังแสบตามากๆ

ระหว่างนี้ โรงละครก็มีการก่อสร้าง ทำที่นั่ง  เหมือนกับว่าจะมีคอนเสิร์ตมาจัดที่นี่เร็วๆนี้

แต่ด้านหลังก็เป็นวิวทะเลกับเมืองน่ารักๆ

ด้วยความที่เรามาผิดเวลา ก็เลยไม่อินกับโรงละครเท่าไหร่ เดินๆพอเป็นกระศรัยก็เลยพากันไปเดินเล่นในเมืองต่อ

เมืองนี้น่ารัก มีร้านรวงยุ่บยั่บไปหมด

ไปเดินเล่นที่สวนกลางเมือง

เย็นลงคุณเมาโร บอกให้เราขึ้นไปเที่ยวเมืองบนเขาชื่อ Castello ซึ่งเป็นเมืองน่ารัก มีบาร์สำหรับชิลๆ ดูวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่เขาว่าทางขึ้นมันน่ากลัวไปหน่อย แนะนำให้เรานั่งรถเมล์ขึ้นไป

เอ้า...ตามกัน

เรานั่งรถเมล์ ซึ่งป้ายรถเมล์อยู่หน้าโรงแรม ซื้อตั๋วไปกลับขึ้นไปบนเขา ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชม.

ชมวิวบนเขา มีร้านรวงน่ารัก เยอะมาก 

ตรงนี้คือที่จอดรถบัส มองเห็นวิวด้านล่างสวยมาก

ไปถ่ายรูปชมวิวเมืองบนเขา

ยังเห็นเธออยู่ไกลๆ

ค่ำนี้ อาหารเย็นของเรา ขอไม่เป็นซิซิเลี่ยน ขอเป็นอิตาเลียนธรรมดาๆเหอะ 

คุณ Mauro จึงแนะนำร้านของเพื่อนเขาอีกเหมือนกัน อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากเป็นอิตาเลียนธรรมดา 

แต่ฮีก็บอกว่า ไม่ได้อร่อยอะไรนะ พอกินได้  (พอภรรยาของเขามาได้ยินเข้าถึงกับส่ายหัวบ่นประมาณ แนะนำร้านอะไรเนี่ย จะไหวเหรอ)

แต่พอไปกินแล้วพวกเรากลับชอบแฮะ มันเป็นอาหารอิตาเลียนพื้นๆที่พวกเราคุ้นเคย ไม่แปลกตามากเกินไป มื้อนี้พวกเราแฮปปี้กว่าที่ผ่านมาเสียอีก

ถ่ายรูปมานิดหน่อย แนะนำนะคะ ชื่อร้าน  Al Giardino ร้านนี้คนไทยอย่างพวกเราหิวโซ สั่งแบบลืมตาย เชฟต้องออกมากอดคอชื่นชม เอาอะไรมาให้ก็หมด 

วันนี้นะคะ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ไปเล่นหิมะ  แม้เสื้อผ้าหน้าผมไม่ค่อยพร้อม แต่มีความสุขมากค่ะ

เช้าวันต่อมา เห็นทีต้องอำลาเมืองน่ารักแห่งนี้ไปเสียแล้วจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่เมือง Matera ซึ่งอยู่ตรงส่วนรองเท้าบู้ท 

ด้วยระยะทางประมาณ 5 ชม.กว่าๆ แถมกลางทางแวะดูได้นิดๆหน่อย 

ก่อนจะออกจากเมือง Taormina เราอำลาอาลัยกับคุณ Mauro ผู้น่ารัก สัญญิงสัญญาว่าจะกลับมาแนะนำ B&B ของเขาให้คนไทยได้รู้จัก

แล้วก็ออกเดินทางไปเยี่ยม isola bella ซึ่งอยู่ด้านล่างชายหาด

เช้าๆไม่มีคนตื่นลงมา หาดเป็นของเราน้ำใสและอากาศเย็นพอควร

ออกเดินทางจาก Sicily เสียที  

มุ่งตรงไปที่เมือง Messina เพื่อไปขึ้นเรือเฟอรี่ข้ามไปยังรองเท้าบู้ท

เรือออกเป็นรอบๆ ราคาค่าเรือ 40euro ลาแล้วนะ Sicily

เราขับรถโดยอาศัยป้า GPS ไปเรื่อยๆแวะเที่ยวกินข้าวเที่ยงกันที่เมือง Tropea ซึ่งเมืองนี้ถ้าในหน้าร้อนจะชื่อดังมากๆเรื่องที่เป็น Nude Beach ค่ะ

เช่นเคย  ที่คุณป้าพามาทางถนนเล็กๆ รถเยอะ ผ่านเมือง เลยขับได้ช้า แทนที่จะให้มาทาง highway มาถึงที่นี่ร้านปิดนอนกลางวันกันอีกแล้ว ฮ่วยยย ไม่มีข้าวเที่ยงดีๆกินกันอีกแล้ว

เที่ยงนี้ต้องมาอดทนกินอาหารอิตาเลี่ยนรสชาติแย่ที่สุดเท่าที่เคยกินมา  ไวน์รสชาติเหมือนน้ำส้มสายชู เพราะเขาเปิดอยู่ร้านเดียวเท่านั้น เฮ้อ...กรรมแท้

กินพออิ่ม เราออกเดินทางไปอีกนานมาก ไม่แวะอะไรแล้ว ไปถึง Matera ก็ค่ำแล้ว

โรงแรมที่เมือง Materaโรงแรมน่ารักเป็นโรงแรมถ้ำชื่อ Di San Martino Hotel, Matera

เมืองนี้มีสองย่านย่านเมืองเก่าและย่านเมืองใหม่ พวกเรานอนกันตรงย่านเมืองเก่า หาทางเข้ายากมาก แคบมากและโรงแรมไม่มีที่จอดรถด้วยต้องจ่ายเงินค่าที่จอดรถ

กว่าจะมุดเข้ามาถึง ก็ดึกแล้ว ฝนตกพรำๆให้อากาศเย็นลงไปอีก

โรงแรมแนะนำให้เราไปทานอาหารอิตาเลียนร้านดังของเมืองที่อยู่ใกล้มากๆชื่อNadi ร้านนี้เป็นร้านดังจริงๆ น่ารัก พวกเราชอบนะคะ

ออกจากร้านอาหารถ้ำ มาดูห้องที่โรงแรมถ้ำกัน 

ห้องดิฉันเอง เป็นห้องอยู่ชั้น 1 ในขณะที่เพื่อนได้ห้องชั้นบนเห็นวิวเมือง 

ห้องดิฉันมีสิ่งนี้อยู่ ....หลุม

ตกใจหวาดผวา ทำไมมีหลุมอยู่กลางห้อง ขาสั่นอยากจะร้องไห้ แต่ต้องอดทน เอากระเป๋าเลื่อนมาปิดเสีย จะได้ไม่เห็นว่ากลางคืนมีไรโผล่ขึ้นมา

ตื่นเช้ามาดูหลุมนี้มันเหมือนบ่อน้ำเก่าอ่ะค่ะ ตอนนี้เขาปิดไว้ เอากระจกใสมาปิดไว้เป็นกิมมิค

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 29 พฤษภาคม 2558 13:11:54 น.		0 comments
Counter : 1091 Pageviews.
Share Tweet