Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ 7 ตะลุย KYOTO - OSAKA ! ! !




วันที่ 6 ตะลุย KYOTO กันค่าาาาาาาาาา! ! ! 









08.00 น. ออกจากที่พักเตรียมตัวไปศาลเจ้า Fusiimi Inari Shrine กันค่า



(เส้นทางการเดินทางเช้านี้ค่ะ)




>> ออกจากสถานีเดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอศาลเจ้าเลยค่ะ หาไม่ยาก และภาพทแรกที่เราเห็นคือภาพนี้ค่ะ

(บริเวณทาเข้าประตู Homon ข้ามถนนจากสถานีรถไฟมาก็เจอเลยค่ะ) 




>> อ่อลืมบอก...ศาลเจ้านี้เข้าฟรี ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายนะคะ :)

(นี่คืออาคารหลัก Honden มีสุนัขจิ้งจอก Kitsune เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูด้วยค่ะ)

(เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอกับจุดขายแผ่นป้ายเขียนขอพร และพวกเครื่องรางต่างๆ เพียบเลยค่ะ :ในภาพเป็นป้ายขอพรเสาโทริอิ)





(ถึงแล้วค่า...ทางเดินเข้าสู่เสาโทริอิพันต้น )

(เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอเสาโทริอิขนาดเล็ก ตั้งขนานกันอยู่นสองทางนะคะ)



>> เราสามารถเดินเข้าฝั่งไหนก็ได้ค่ะ

(พอเดินเข้าไปจนสุด ก็จะเจอจุดชำระล้างร่างกายค่ะ อย่าลืมล้างมือ / บ้วนปากกันนะคะ :) )



(มองไปอีกทางจะเห็นมีแผ่นป้ายขอพรเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกขายอยู่ค่ะ)





>> แผ่นป้ายขอพรจะเป็นแผ่นป้ายโล่งๆ มีแต่คิ้วให้อย่างเดียว ให้เราวาดเติมหน้าลงไป 



ส่วนด้านหลังเขียนคำขอพรค่ะ อินี่ยืนดูเพลินๆ เลย น่ารักดีค่ะ...ชอบบบบ!! แล้วก็แอบคิดอยู่ในใจว่า 



คนประเทศนี้เค้าเกิดมาวาดรูปสวยแทบทุกคนเลยหรือเปล่านะ (เหมือนทุกคนเกิดมามีพรสวรรค์ทางด้านนี้><)



เกือบทุกอันที่เป็นภาษาญี่ปุ่น วาดออกมาสวยแทบทุกอันเลยค่ะ ^^"





>> จากบริเวณนี้เราสามารถเดินขึ้นไปต่อได้นะคะ...แต่แกงค์เราไม่ไปละค่ะ....เพราะรู้สึกว่าจะต้องเดินไปอีกไกลพอสมควร



แกงค์เรา...เดินกลับละค่ะ!!!! (ไม่สู้ ><)




(ถ่ายเสาโทริอิขากลับ ที่เสาจะเห็นตัวหนังสือด้วยค่ะ (จริงๆ ไม่ต้องรอขากลับก็ได้ ตอนมาแค่หันหลังก็เห็นละค่ะ) จะพูดทำไม -*-)





>> แท่น...แท๊นนนนน.....ทางเดินออกของศาลเจ้ามีของร้านรวงเพียบเลยค๊าาาาาา  (อินี่แฮปปี้มาก!!!)



(อันนี้เป็นเนื้อสไลด์บางๆ ห่อข้าวอยู่ข้างในค่ะ : ราคาประมาณ 500 เยน : ไม้นี้อร่อยมาก..ต้องลองค่ะ!!)

(ไดฟุกุค่ะ : ราคา 250 เยน/ลูก : อันนี้ก็ต้องลองค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกเช่นกันค่ะ ลองให้ได้นะคะ ^^')


(ร้านนี้เป็นมันม่วงทอด แล้วเคลือบน้ำตาลค่ะ : ราคามี 2 Size คือ 400 เยน กับ 600 เยนค่ะ ตามภาพคือ 400 เยนค่ะ)





>> อันนี้สำหรับเราเฉยๆ ค่ะ (เราว่ามันแห้งไปหน่อยอ่าค่ะ)





(ร้านนี้ดึงดูดมากค่ะ เป็นเหมือนลูกชิ้นเนื้อปูย่างเสียบไม้ : ไม้ละ 500 เยน : สำหรับเรารสชาติเฉยๆ ทั่วไปค่ะไม่โดดเด่นอะไรมาก)

(พอออกมาจากศาลเจ้าก็เดินเข้าสถานีรถไฟ Inari แล้วให้เดินข้ามสะพานลอยมารอรถไฟที่อีกฝั่งนึงนะคะ)






10.30 น. Next Station Kinkakuji Temple หรือวัดทองค่ะ



>> จากสถานี Inari ให้นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเกียวโตค่ะ








>> เมื่อถึงสถานีเกียวโตให้เดินออกมาจากสถานี แล้วไปที่ป้ายรสบัสนะคะ (เค้าจะมีบอกค่ะว่าเป็นป้ายรสบัสที่ไปวัด Kinkakuji)



>> แนะนำให้ซื้อตั๋ว Kyoto City Bus & Kyoto Bus One day Pass นะคะ ราคา 500 เยนค่ะ 



เนื่องจากวันนี้เราจะใช้บริการรสบัสค่อนข้างเยอะ และ JR Pass ที่มีอยู่ในมือก็ใช้ไม่ได้ค่ะ



สามารถหากดได้ที่ตู้บริเวณป้ายรสบัสเลยค่ะ (บัตรนี้เป็นตั๋ววันของเกียวโต เราสามารถนั่งรถประจำทางคันไหนก็ได้ไม่จำกัดภายใน1 วันค่ะ)



(หน้าตาบัตรจะเป็นแบบนี้ค่ะ...ได้บัตรมาแล้วก็ต่อแถวเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่วัดทองโลดค่ะ!!!!)




>> อ่อลืมบอกค่ะ!! สายรสบัสที่จะพาเราไปวัด Kinkakuji มีบัสสาย 101, 102, 204 และ205 นะคะ



>> พอลงจากรสบัสที่ป้าย Kinkakuji ปุ๊บให้ลองมองหาร้าน Yojiya นะคะ 



(อันนี้ยืมรูปบล๊อคคุณ paribut&month อีกทีนะคะ : สาวๆ อย่าลืมแวะเข้าไปดูในร้านสักนิดนะคะ)




>> ร้านนี้เป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ของเกียวโตค่ะ เราเข้าไปลองมาค่ะ (มันดีงามมากค่ะ)



>> ผลิตภัณฑ์อันที่เราคิดว่าโอเคเลย ก็มี ครีมทามือ แป้ง และสบู่ล้างหน้าของเค้าค่ะ (ร้านนี้เค้าจะมีให้ลองทุกอย่าง ลองดูก่อนนะคะว่าชอบมั้ย)



อ่อ...มีกระดาษซับมันค่ะที่เค้าว่าดีๆ กัน (แต่เราไม่ได้เป็นคนหน้ามันอ่าค่ะ ติดจะหน้าแห้งด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ซื้อมาลองค่ะ ><)



>> ชอปปิ้งเพลินๆ เสร็จแล้วก็เดินเข้าวัดกันค่ะ (อินี่เสียตังค์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เข้าวัดเลย...สบายใจละ ^^')

(ยังค่ะ  ยังไม่ถึงวัดซะที ทัวร์แวะทุกร้านทุกที่ตลอดทางก็มา -*- อินี่แว่บมากินไอติมชาเขียวก่อนค่ะ)




>> ก่อนถึงวัดจะมีร้านไอติมอยู่ร้านนึงค่ะ (แบบ BG ด้านหลังภาพไอติมเราเลย) โคนนี้ราคา 300 เยนได้



เราจะบอกว่าให้อดใจไว้ก่อน อย่างเพิ่งซื้อที่ร้านนี้ค่ะ!!!! (อย่ารีบเหมือนเรา T^T) เดินไปอีกนิดค่ะ จะเจอร้านไอติมอีกร้านที่โอเคกว่า



ที่ว่าโอเคกว่าคือ ตัวโคนไอติมโอเคกว่าค่ะ ราคา 400 เยน (อินี่เสียดายอยากชิมร้านนี้มากเลย แต่อิโคนในมือก็ยังไม่หมด..อยากจะร้อง!!  T^T)



>> พอค่ะพอๆๆ แวะนิดแวะหน่อยตลอดทาง ไม่ถึงวัดซักทีค่ะ -*-  ไปค่ะ เดินหน้ากันต่อค่ะ (เราจะไม่วอกแวกละ ><)




(ก่อนเข้าต้องเสียค่าเข้าก่อนค่ะ : ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 300 เยน แล้วจะได้บัตรผ่านทาง พร้อมโบรชัวร์แนะนำสถานที่แบบนี้ค่ะ)

(เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอศาลาทองที่พำนักของท่านโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึแบบนี้เลยค่ะ)




>> จะบอกว่าตัวศาลาทองของจริงนั้นทองอร่ามดูสว่างไสวสวยมากๆ ค่ะ (รูปนี่ดรอปไปเลยบอกตรงๆ)



(พอเดินวนขวามาหน่อยจะถึงบริเวณด้านหลังของตัวศาลาทอง : ลองถ่ายภาพศาลาทองจากมุมนี้ก็สวยดีนะคะ)




>> ขาเดินออกมาจะเห็นเค้าตั้งซุ้มขายถั่วแบบนี้ค่ะ



(แบบนี้ค่ะ..จริงๆ มีหลายรส แต่เราซื้อมารสเดียว อันนี้รสวาซาบิค่ะ : ซื้อมาเถอะค่ะ อร่อยมาก!!)





14.30 น. Next Station Kiyomizu-dera Temple (วัดน้ำใส)



>> การเดินทางจากวัดทองมาวัดน้ำใสไม่ยากเลยค่ะ ให้เดินมาที่ป้ายรถบัสแล้วรอสาย 12 นั่งมาลงที่ป้าย Gion 



ระหว่านี้แอบงีบได้นิดหน่อยนะคะ เพราะใช้เวลาพอสมควร 



พอลงที่ป้าย Gion แล้วให้ยืนรอสาย 100 นั่งต่ออีกแปบเดียวก็ลงที่ป้าย Kiyomizu ได้เลยค่ะ








(ลงรูปเพลิน ลืมบอกว่าอย่าลืมซื้อบัตรเข้านะคะ บัตรหน้าตาแบบนี้ราคา 300 เยนค่ะ)

(ต่อค่ะต่อ...กำลังลงรูปเพลินๆ เวลานี้เริ่มจะเย็นแล้ว ได้แสงประมาณนี้จะบอกว่าย้อนแสงมากๆ ถ่ายภาพลำบากจุง ><)

(เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ วันที่เราไปคนเยอะมากค่ะ เหมือนจะเจอทัวร์ เดินชนกันเปะปะเลย -_-" )

(มาถึงด้านบนแล้ว..เราสามารถมองเห็นวิวเบื้องล่างได้ทั่วเลยค่ะ สวยดีนะคะ ^^)

(วิวเบื้องล่างอีกสักภาพค่ะ)


(เดินลงมาด้านล่างจะเจอน้ำตกโอตะวะ ที่ผู้มาเยี่ยมชมแทบทุกคนต้องมาต่อแถวดื่มน้ำ และขอพรกันค่ะ)




>> น้ำตกโอตะวะเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ 


และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษาค่ะ




>> แต่จะแอบบอกว่าของจริงน้ำตกนี้เล็กมากค่ะ ตอนเดินลงมาแรกๆ ก็เงิบๆ งงๆ ว่าอ้าว...มันอันเท่านี้เองหรอ ><


(ดื่มน้ำกันเสร็จแล้ว เดินออกมาอีกนิด อย่าลืมมองบนค่ะ มองบนกันนิด จะเจอมุมสวยๆ แบบนี้ค่ะ)

(พอได้ลองมองบน...งานต้นไม้ใบหญ้าก็มาอีกแล้วค่ะ ขอนิดนึงค่ะ แฮ่ ><)

(ออกมาจากวัดก็เดินผ่านซอยวัดคิโยมิสึเหมือนเดิมค่ะ...จะบอกว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์ดีๆ นี่เองค่ะ/อินี่ก็แวะกินตลอดทางท้องจะแตกค่ะ -*-)




16.30 น. กลับที่พักเก็บกระเป๋า Next Station Osaka ค่าาาา!!!




(การเดินทางยังไม่จบค่ะ เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางต่อกันอีกนิดนะคะ ^^')





18.30 น. ถึงแล้วค่า OSAKA ^_____^ 



>> ที่พักของเราวันนี้ชื่อว่า "Osaka Numba Studio" ค่ะ (ที่พักวันนี้เราพักห้องเดียวกัน 4 คนเลยค่ะ)



>> จะบอกว่าที่นี่กว่าจะได้กุญแจห้องมา...อย่างกะเล่นวอคแรลลีแหนะค่ะ (ถ้าไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่แนะนำค่ะ)



>> สำหรับหน้าตาที่พักโอเคเลยค่ะ จัดว่าดีมากเลยหละ (สำหรับ 2 คนนะคะ) 



(ถ้า 4 คนอย่างเรา เราไม่แนะนำอ่าค่ะ เราว่าแอบเบียดไปนิดนึง / ให้จองแยกเป็น 2 คนจะดีงามกว่ามากค่ะ)



>> อ่อ..ลืมบอกที่พักใกล้สถานีรถไฟใต้ดินนะคะ สะดวกดีค่ะ แต่ต้องลงให้ถูกฝั่งนะคะ (ที่พักติิด Lawson 108 เลยค่ะ)




(อันนี้เป็นทางเข้าที่พักค่ะ)



(ภายในห้องพักจะแบ่งเป็น 2 โชนคือ โชนของห้องนอน และห้องนั่งเล่นค่ะ - อันนี้เป็นโซนของห้องนอนค่ะ)



(และอันนี้เป็นโซนของห้องนั่งเล่นค่ะ - หลังประตูนั่นคือห้องนอนค่ะ)




19.30 น. วางกระเป๋า พักหายเหนื่อยแปบ...แล้วเตรียมตัวไปเดินเล่นหาของกินกันค่ะ 



>> เวลาเรามีน้อยไปเดินเล่นแถวที่พัก (์Namba / Dontonburi) แล้วกันนะคะ




(นั่ง Subway จากที่พักแค่ 1 นาทีเองค่ะ ใกล้มากๆ)

(Glico ที่ฮิตฮอตคนถ่ายรูปกันแสนล้านค่ะ)




(ร้านปูนี้แอบเห็นคนไทยก็ฮิตกันนะคะ แต่เราไม่เคยลองสักทีค่ะ)

(บรรยากาศโดยรอบค่ะ...ไม่ว่าจะไปกี่รอบที่นี่ก็ยังคึกคักเหมือนเดิม)









(นี่ค่ะร้านทาโกะยากิที่เค้าฮิตๆ กัน ยืนต่อแถวกันยาวมาก : อินี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ)

(นี่ค่ะ หน้าตาทาโกะที่ไปต่อแถวมายาวนานมากกกก!!!) 




>> สำหรับเราเจ้านี้ยังไม่โดนค่ะ เรามีความรู้สึกว่ามันแหยะไปค่ะ (อยากให้ไปลองชิมเจ้าอื่นกันดูดีกว่าค่ะ)



>> เดินมาเรื่อยเปื่อย แบบไม่มีแผนอะไรเลย อารมณ์แบบอยากเข้าร้านไหนเข้าเลยค่ะ.....



จู่ๆ ในแกงค์ก็คุยกันว่า มีใครเคยกินปลาปักเป้ามั้ย? (อินี่แหละค่ะเป็นคนต้นเรื่องถามเอง) >> ลองกันมั้ย?? >> ไม่มีใครขัด...ก็จัดเลยค่ะ 



(แบบไม่ได้รีวิวอะไรไปทั้งสิ้น มั่วๆ ไปเลย)





(พอแหงนหน้าขึ้นไป ก็เจอเจ้านี่อยู่บนหัวเลยค่ะ รออะไรหละคะ  เข้าเลยค่ะ!!!)



>> เข้ามาเท่านั้นแหละ ใจคอไม่ดีเลยค่ะ...คนมันหายไปไหนหมดนะ!!!!!!!!! 



(ข้องนอกนี่วอแวเบียดเสียดมาก ข้างในเงียบอย่างกะป่าช้า!!!)



>> สักพักพนักงานก็มารับออเดอร์ค่ะ...(พวกเราก็มองหน้ากันแบบ..ทำไมคนน้อยจังวะ??)



...เลยขอเวลาพนักงานมานั่งสุมหัวกันแปบนึงค่ะ (อินี่รีบเปิดรีวิวรัวๆเลยค่ะ!!) >> คือแกควรจะเปิดตั้งแต่ก่อนเข้าร้านมั้ย?? (ด่าตัวเองในใจ -*-) 



>> พอเปิดดูเท่านั้นแหละ...กระจ่างค่ะ!!! >> เงยหน้าบอกสมาชิก แกๆ เค้าไม่ได้กิินร้านนี้กัน เค้ากินอีกร้านนึงกันอ่า



ยังไงหละคะ...เข้ามานั่งขนาดนี้แล้ว...เลยแบบเอาวะ...ลองสั่งมานิดๆ หน่อยๆ พอแล้วกัน 



(อ่อ..นิดหน่อยที่ว่าคือขั้นต่ำ 4 ที่นะคะ เพราะไปกัน 4 คน ที่นี่เค้าบังคับต้องสั่งคนละอย่างค่ะ - แอบปวดกบาลเล็กๆ เลยครัช)

(มาถึงจานแรก...ไฮไลต์ค่ะ...ปลาปักเป้า!!!!)



>> ได้มาจานแรกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก...คือ...จานเท่าฝ่ามือน้อยๆ ค่ะ...เห็นแล้วไม่กล้าหายใจเลยค่ะ (กลัวมันจะปลิวหายไปซะหมด)



>> คิดในใจ...เอาวะ ของอร่อยมันก็มีน้อยแบบนี้แหละ อินี่หยิบตะเกียบคนแรกคีบเข้าปากไปเลยค่ะ 1 ชิ้นเต็ม!!!!



>> รสชาติมันช่าง...เหมือน...เคี้ยวหมากฝรั่งที่คายออกมาแล้ว แล้วเราเอามาเคี้ยวใหม่ยังไงยังงั้นเลยค่ะ (แค่ไม่มีรสมิ้นส์เท่านั้นเอง!!)



>> จะบอกว่าจานนี้ราคา 1,400 เยนเชียวนะคะ!!!! T^T (ร้องไห้หนักมากกกกกกกกกกกกก!!!!)



>> ไปต่อค่ะ อาจจะพลาดไปแล้ว จานต่อไปค่ะ มันไม่พลาดไปหมดซะทุกจานหรอกค่ะ!!

(เป็นไงคะ หน้าตาดูดีสมราคาสมฐานะมากๆ (ถ้าเราจำไม่ผิดราคาพอๆ กับปักเป้าค่ะ อาจจะถุกกว่าหน่อยนึง))



>> อินี่คีบค่ะคีบๆๆ อันที่ดูเด่นที่สุดในนี้คือหอยค่ะ อินี่รีบคีบเข้าปากเคี้ยวทันที!!!



>> กึก ๆ ๆ (แม่จ้าววววววววววว...ฟันตรูยังเหลืออยู่มั้ยนะ??) หอยอะไรฟันไม่เข้า?? (หอยร้านนี้เลยค่ะ) โคดจะแข็งและแอบมีกลิ่น



>> กราบค่ะ (น้ำตานี่แทบไหลเป็นสายเลือด!!!) ยังรอที่เหลืออีก 2 จานนะคะ

(วิญญานปลาปักเป้าทอดค่ะ - เจ็บจี๊ดๆ ไม่เหมือนมดกัดนิดเดียวนะคะ..เหมือนโดนมดกัดทั้งรัง มันเจ็บมาก T^T)



>> อีกอย่างเป็นปลาหมึกย่างค่ะ (ไม่ทงไม่ถ่ายมันแล้วค่ะรูปหนะ - หมดอารมณ์!!!)



>> เรียกเก็บตังค์ทั้งน้ำตาเลยค่ะ (เลือดนองหน้า...แม่งราคาก็โคดแพงค่ะ!!!) สมงสมองนี่เบลอจนจำราคาไม่ได้ละค่ะ




สรุป (รีบๆ สรุปให้เสร็จไปค่ะ T^T)


รสชาติ :  บรรยายมาขนาดนี้คงไม่ต้องบอกแล้วนะคะว่าเป็นยังไง (-10/5 คะแนน)


ราคา :  แพงมากค่ะ เมื่อเทียบกับปริมาณ และรสชาติอาหารแต่ละจาน (-10/5 คะแนน)


บรรยากาศ : วังเวงมาก มีนั่งกินโต๊ะเดียวเนี่ยแหละค่ะ ถือว่าโล่งไม่เบียดเสียดค่ะ (ยังจะอวยได้ -*-) (1/5 คะแนน)




>> พอค่ะพอๆๆ ผ่านค่ะ ไปร้านอื่นต่อเถอะค่ะ...เดินถัดมานิดนึงฝั่งเดียวกับร้านปลาปักเป้าจะเห็นคนยืนขายทาโกะอยู่ค่ะ เดินเข้ามาในร้านนั้นแหละค่ะ



(เราลืมถ่ายหน้าร้านมาให้ดูอ่าค่ะ มัวแต่เซ็งอยู่ - แต่เดินมาแค่นิดเดียวจริงๆ ค่ะ ก็เจอเลย)


(เดิฟ ด้วยเจ้านี่ก่อนตล๊อด - ดูเป็นเมรีขี้เมายังไงก็ไม่รู้ ><)



>> อันนี้อาจจะรสชาติขมติดลิ้นหน่อยนะคะ (ใครที่ไม่ชอบรสนี้อาจจะกินไม่ได้เลยหละค่ะ)

(เริ่มด้วยอะไรง่ายๆ ก่อนค่ะ ไก่ชุบแป้งทอด - เราจำราคาไม่ได้เลยหละค่ะร้านนี้หนะ ความทรงจำหายไปชั่วขณะ)



>> รสชาติก็ทั่วไปค่ะ ไม่ได้แบบว่ากัดแล้วปลื้มปริ่มอะไรขนาดนั้น (แต่ไม่ได้แย่นะคะ กลางๆ ค่ะ)

(ถัดมาเจ้านี่เป็นทาโกะค่ะ(รึเปล่าถ้าเราจำไม่ผิด ><)...มีไข่โปะอยู่ด้านบน - รสชาติอร่อยดีใช้ได้ค่ะ)

(แท๊นนนนนน...โอโคโนะ มิยิกิค่ะ : อันนี้ก็รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ)





สรุป


รสชาติ :  กลางๆ ค่ะ อร่อยปกติ ไม่ถึงกับหวือหวาฟู่ฟ่าอะไรมาก (แต่ไม่แย่แน่นนอนค่ะ) (3.5/5 คะแนน)


ราคา :  จำราคาแต่ละจานไม่ได้ค่ะ จำได้แต่ว่าโดยรวมไม่ได้แพงมากเท่าไหร่ค่ะ รับได้ (3.5/5 คะแนน)


บรรยากาศ : ค่อนข้างแคบมากค่ะ (3/5 คะแนนค่ะ)



 . . . . . 



. . . . 



. . .



. . 



.



..... เวลาที่เหลือจากนี้ก็เดินเล่นตามอัธยาศัยเลยค่ะ วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะ :) .....



.



. .



. . . 



. . . .



. . . . .



- o i l i i e -






















Create Date : 30 ธันวาคม 2558
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:53:35 น. 2 comments
Counter : 1068 Pageviews.

 
หอยในเซตไม่แน่ใจว่าหอยมือเสือหรือป่าว แต่เคยไปกินที่ตลาดคุโรมอน แบบชี้เอาสดๆในน้ำเลย เค้าหันเป็นชิ้นๆให้ มีอร่อยแค่2ชิ้น นอกนั้นกึกๆ แบบที่ว่าหมดเลยค่ะ เซงเหมือนกัน ตอนอ่านยังรู้สึกถึงตอนนั้นได้อยู่เลย ส่วนปลาปักเป้า ไปกินที่ตลาดเหมือนกัน รสชาติประมาณที่ว่าเลยค่ะ เสียความรู้สึกเหมือนกัน(แต่ก็ถือว่าลองกินซักครั้งนึงเนอะ)


โดย: หมวย IP: 58.8.154.30 วันที่: 16 มกราคม 2559 เวลา:8:25:27 น.  

 
คุณหมวยคะ...หอยมือเสือของคุณหมวยยังอร่อยตั้ง2ชิ้น...ของออยนี่ไม่อร่อยสักชิ้นเลยค่ะ 55555+

ส่วนปลาปักเป้า..ตอนเดินออกมาจากร้าน..ก็คิดในแง่ดีแบบที่คุณหมวยบอกเป๊ะๆเลยค่า....เอาหน่าครั้งนึงในชีวิตเนาะ



โดย: - o i l i i e - (สมาชิกหมายเลข 1729039 ) วันที่: 16 มกราคม 2559 เวลา:19:32:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Oiliie PlastX
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




- o i l i i e -

+ ชอบรีวิวร้านอาหาร (ทั้งคาวหวาน..ถ้าไปได้เราไปหมด)

+ ถ้าว่างๆ ชอบทำอาหารกินเอง

+ แล้วถ้าว่างมากๆ อีกชอบไปเที่ยวค่ะ
(เที่ยวไปเรื่อยตั้งแต่ใกล้ยันไกลๆ ตามงบประมาณช่วงนั้น)

+ ชอบหารีวิวร้านอาหาร..ร้านโน้น ร้านนี้ ไปเรื่อย
(ร้านไหนอร่อย ร้านไหนดี ร้านไหนสวย อินี่ไปหมด)

--- แต่ไม่เคยนึกลองอยากเขียนรีวิวเองสักที ---

+ อันนี้มีคนแนะนำ...บอกแกๆ ทำรีวิวเถอะ เลยอยากลองทำดู

มือใหม่ค่ะ ดีไม่ดียังไงรบกวนเม้นติ เม้นชมได้ค่ะ จะได้เอาไปปรับปรุง ^__^
Friends' blogs
[Add Oiliie PlastX's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.