ตอนที่ 7 ตะลุย KYOTO - OSAKA ! ! !
วันที่ 6 ตะลุย KYOTO กันค่าาาาาาาาาา! ! !
08.00 น. ออกจากที่พักเตรียมตัวไปศาลเจ้า Fusiimi Inari Shrine กันค่า
(เส้นทางการเดินทางเช้านี้ค่ะ)
>> ออกจากสถานีเดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอศาลเจ้าเลยค่ะ หาไม่ยาก และภาพทแรกที่เราเห็นคือภาพนี้ค่ะ (บริเวณทาเข้าประตู Homon ข้ามถนนจากสถานีรถไฟมาก็เจอเลยค่ะ)
>> อ่อลืมบอก...ศาลเจ้านี้เข้าฟรี ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายนะคะ :) (นี่คืออาคารหลัก Honden มีสุนัขจิ้งจอก Kitsune เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูด้วยค่ะ) (เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอกับจุดขายแผ่นป้ายเขียนขอพร และพวกเครื่องรางต่างๆ เพียบเลยค่ะ :ในภาพเป็นป้ายขอพรเสาโทริอิ)
(ถึงแล้วค่า...ทางเดินเข้าสู่เสาโทริอิพันต้น ) (เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอเสาโทริอิขนาดเล็ก ตั้งขนานกันอยู่นสองทางนะคะ)
>> เราสามารถเดินเข้าฝั่งไหนก็ได้ค่ะ (พอเดินเข้าไปจนสุด ก็จะเจอจุดชำระล้างร่างกายค่ะ อย่าลืมล้างมือ / บ้วนปากกันนะคะ :) ) (มองไปอีกทางจะเห็นมีแผ่นป้ายขอพรเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกขายอยู่ค่ะ)
>> แผ่นป้ายขอพรจะเป็นแผ่นป้ายโล่งๆ มีแต่คิ้วให้อย่างเดียว ให้เราวาดเติมหน้าลงไป
ส่วนด้านหลังเขียนคำขอพรค่ะ อินี่ยืนดูเพลินๆ เลย น่ารักดีค่ะ...ชอบบบบ!! แล้วก็แอบคิดอยู่ในใจว่า
คนประเทศนี้เค้าเกิดมาวาดรูปสวยแทบทุกคนเลยหรือเปล่านะ (เหมือนทุกคนเกิดมามีพรสวรรค์ทางด้านนี้><)
เกือบทุกอันที่เป็นภาษาญี่ปุ่น วาดออกมาสวยแทบทุกอันเลยค่ะ ^^"
>> จากบริเวณนี้เราสามารถเดินขึ้นไปต่อได้นะคะ...แต่แกงค์เราไม่ไปละค่ะ....เพราะรู้สึกว่าจะต้องเดินไปอีกไกลพอสมควร
แกงค์เรา...เดินกลับละค่ะ!!!! (ไม่สู้ ><)
(ถ่ายเสาโทริอิขากลับ ที่เสาจะเห็นตัวหนังสือด้วยค่ะ (จริงๆ ไม่ต้องรอขากลับก็ได้ ตอนมาแค่หันหลังก็เห็นละค่ะ) จะพูดทำไม -*-)
>> แท่น...แท๊นนนนน.....ทางเดินออกของศาลเจ้ามีของร้านรวงเพียบเลยค๊าาาาาา (อินี่แฮปปี้มาก!!!)
(อันนี้เป็นเนื้อสไลด์บางๆ ห่อข้าวอยู่ข้างในค่ะ : ราคาประมาณ 500 เยน : ไม้นี้อร่อยมาก..ต้องลองค่ะ!!) (ไดฟุกุค่ะ : ราคา 250 เยน/ลูก : อันนี้ก็ต้องลองค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกเช่นกันค่ะ ลองให้ได้นะคะ ^^') (ร้านนี้เป็นมันม่วงทอด แล้วเคลือบน้ำตาลค่ะ : ราคามี 2 Size คือ 400 เยน กับ 600 เยนค่ะ ตามภาพคือ 400 เยนค่ะ)
>> อันนี้สำหรับเราเฉยๆ ค่ะ (เราว่ามันแห้งไปหน่อยอ่าค่ะ)
(ร้านนี้ดึงดูดมากค่ะ เป็นเหมือนลูกชิ้นเนื้อปูย่างเสียบไม้ : ไม้ละ 500 เยน : สำหรับเรารสชาติเฉยๆ ทั่วไปค่ะไม่โดดเด่นอะไรมาก) (พอออกมาจากศาลเจ้าก็เดินเข้าสถานีรถไฟ Inari แล้วให้เดินข้ามสะพานลอยมารอรถไฟที่อีกฝั่งนึงนะคะ)
10.30 น. Next Station Kinkakuji Temple หรือวัดทองค่ะ
>> จากสถานี Inari ให้นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเกียวโตค่ะ
>> เมื่อถึงสถานีเกียวโตให้เดินออกมาจากสถานี แล้วไปที่ป้ายรสบัสนะคะ (เค้าจะมีบอกค่ะว่าเป็นป้ายรสบัสที่ไปวัด Kinkakuji)
>> แนะนำให้ซื้อตั๋ว Kyoto City Bus & Kyoto Bus One day Pass นะคะ ราคา 500 เยนค่ะ
เนื่องจากวันนี้เราจะใช้บริการรสบัสค่อนข้างเยอะ และ JR Pass ที่มีอยู่ในมือก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
สามารถหากดได้ที่ตู้บริเวณป้ายรสบัสเลยค่ะ (บัตรนี้เป็นตั๋ววันของเกียวโต เราสามารถนั่งรถประจำทางคันไหนก็ได้ไม่จำกัดภายใน1 วันค่ะ)
(หน้าตาบัตรจะเป็นแบบนี้ค่ะ...ได้บัตรมาแล้วก็ต่อแถวเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่วัดทองโลดค่ะ!!!!)
>> อ่อลืมบอกค่ะ!! สายรสบัสที่จะพาเราไปวัด Kinkakuji มีบัสสาย 101, 102, 204 และ205 นะคะ
>> พอลงจากรสบัสที่ป้าย Kinkakuji ปุ๊บให้ลองมองหาร้าน Yojiya นะคะ
(อันนี้ยืมรูปบล๊อคคุณ paribut&month อีกทีนะคะ : สาวๆ อย่าลืมแวะเข้าไปดูในร้านสักนิดนะคะ)
>> ร้านนี้เป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ของเกียวโตค่ะ เราเข้าไปลองมาค่ะ (มันดีงามมากค่ะ)
>> ผลิตภัณฑ์อันที่เราคิดว่าโอเคเลย ก็มี ครีมทามือ แป้ง และสบู่ล้างหน้าของเค้าค่ะ (ร้านนี้เค้าจะมีให้ลองทุกอย่าง ลองดูก่อนนะคะว่าชอบมั้ย)
อ่อ...มีกระดาษซับมันค่ะที่เค้าว่าดีๆ กัน (แต่เราไม่ได้เป็นคนหน้ามันอ่าค่ะ ติดจะหน้าแห้งด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ซื้อมาลองค่ะ ><)
>> ชอปปิ้งเพลินๆ เสร็จแล้วก็เดินเข้าวัดกันค่ะ (อินี่เสียตังค์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เข้าวัดเลย...สบายใจละ ^^') (ยังค่ะ ยังไม่ถึงวัดซะที ทัวร์แวะทุกร้านทุกที่ตลอดทางก็มา -*- อินี่แว่บมากินไอติมชาเขียวก่อนค่ะ)
>> ก่อนถึงวัดจะมีร้านไอติมอยู่ร้านนึงค่ะ (แบบ BG ด้านหลังภาพไอติมเราเลย) โคนนี้ราคา 300 เยนได้
เราจะบอกว่าให้อดใจไว้ก่อน อย่างเพิ่งซื้อที่ร้านนี้ค่ะ!!!! (อย่ารีบเหมือนเรา T^T) เดินไปอีกนิดค่ะ จะเจอร้านไอติมอีกร้านที่โอเคกว่า
ที่ว่าโอเคกว่าคือ ตัวโคนไอติมโอเคกว่าค่ะ ราคา 400 เยน (อินี่เสียดายอยากชิมร้านนี้มากเลย แต่อิโคนในมือก็ยังไม่หมด..อยากจะร้อง!! T^T)
>> พอค่ะพอๆๆ แวะนิดแวะหน่อยตลอดทาง ไม่ถึงวัดซักทีค่ะ -*- ไปค่ะ เดินหน้ากันต่อค่ะ (เราจะไม่วอกแวกละ ><)
(ก่อนเข้าต้องเสียค่าเข้าก่อนค่ะ : ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 300 เยน แล้วจะได้บัตรผ่านทาง พร้อมโบรชัวร์แนะนำสถานที่แบบนี้ค่ะ) (เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอศาลาทองที่พำนักของท่านโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึแบบนี้เลยค่ะ)
>> จะบอกว่าตัวศาลาทองของจริงนั้นทองอร่ามดูสว่างไสวสวยมากๆ ค่ะ (รูปนี่ดรอปไปเลยบอกตรงๆ)
(พอเดินวนขวามาหน่อยจะถึงบริเวณด้านหลังของตัวศาลาทอง : ลองถ่ายภาพศาลาทองจากมุมนี้ก็สวยดีนะคะ)
>> ขาเดินออกมาจะเห็นเค้าตั้งซุ้มขายถั่วแบบนี้ค่ะ
(แบบนี้ค่ะ..จริงๆ มีหลายรส แต่เราซื้อมารสเดียว อันนี้รสวาซาบิค่ะ : ซื้อมาเถอะค่ะ อร่อยมาก!!)
14.30 น. Next Station Kiyomizu-dera Temple (วัดน้ำใส)
>> การเดินทางจากวัดทองมาวัดน้ำใสไม่ยากเลยค่ะ ให้เดินมาที่ป้ายรถบัสแล้วรอสาย 12 นั่งมาลงที่ป้าย Gion
ระหว่านี้แอบงีบได้นิดหน่อยนะคะ เพราะใช้เวลาพอสมควร
พอลงที่ป้าย Gion แล้วให้ยืนรอสาย 100 นั่งต่ออีกแปบเดียวก็ลงที่ป้าย Kiyomizu ได้เลยค่ะ
(ลงรูปเพลิน ลืมบอกว่าอย่าลืมซื้อบัตรเข้านะคะ บัตรหน้าตาแบบนี้ราคา 300 เยนค่ะ) (ต่อค่ะต่อ...กำลังลงรูปเพลินๆ เวลานี้เริ่มจะเย็นแล้ว ได้แสงประมาณนี้จะบอกว่าย้อนแสงมากๆ ถ่ายภาพลำบากจุง ><) (เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ วันที่เราไปคนเยอะมากค่ะ เหมือนจะเจอทัวร์ เดินชนกันเปะปะเลย -_-" ) (มาถึงด้านบนแล้ว..เราสามารถมองเห็นวิวเบื้องล่างได้ทั่วเลยค่ะ สวยดีนะคะ ^^) (วิวเบื้องล่างอีกสักภาพค่ะ)
(เดินลงมาด้านล่างจะเจอน้ำตกโอตะวะ ที่ผู้มาเยี่ยมชมแทบทุกคนต้องมาต่อแถวดื่มน้ำ และขอพรกันค่ะ)
>> น้ำตกโอตะวะเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษาค่ะ
>> แต่จะแอบบอกว่าของจริงน้ำตกนี้เล็กมากค่ะ ตอนเดินลงมาแรกๆ ก็เงิบๆ งงๆ ว่าอ้าว...มันอันเท่านี้เองหรอ ><
(ดื่มน้ำกันเสร็จแล้ว เดินออกมาอีกนิด อย่าลืมมองบนค่ะ มองบนกันนิด จะเจอมุมสวยๆ แบบนี้ค่ะ) (พอได้ลองมองบน...งานต้นไม้ใบหญ้าก็มาอีกแล้วค่ะ ขอนิดนึงค่ะ แฮ่ ><) (ออกมาจากวัดก็เดินผ่านซอยวัดคิโยมิสึเหมือนเดิมค่ะ...จะบอกว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์ดีๆ นี่เองค่ะ/อินี่ก็แวะกินตลอดทางท้องจะแตกค่ะ -*-)
16.30 น. กลับที่พักเก็บกระเป๋า Next Station Osaka ค่าาาา!!!
(การเดินทางยังไม่จบค่ะ เก็บกระเป๋าแล้วเดินทางต่อกันอีกนิดนะคะ ^^')
18.30 น. ถึงแล้วค่า OSAKA ^_____^
>> ที่พักของเราวันนี้ชื่อว่า "Osaka Numba Studio" ค่ะ (ที่พักวันนี้เราพักห้องเดียวกัน 4 คนเลยค่ะ)
>> จะบอกว่าที่นี่กว่าจะได้กุญแจห้องมา...อย่างกะเล่นวอคแรลลีแหนะค่ะ (ถ้าไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่แนะนำค่ะ)
>> สำหรับหน้าตาที่พักโอเคเลยค่ะ จัดว่าดีมากเลยหละ (สำหรับ 2 คนนะคะ)
(ถ้า 4 คนอย่างเรา เราไม่แนะนำอ่าค่ะ เราว่าแอบเบียดไปนิดนึง / ให้จองแยกเป็น 2 คนจะดีงามกว่ามากค่ะ)
>> อ่อ..ลืมบอกที่พักใกล้สถานีรถไฟใต้ดินนะคะ สะดวกดีค่ะ แต่ต้องลงให้ถูกฝั่งนะคะ (ที่พักติิด Lawson 108 เลยค่ะ)
(อันนี้เป็นทางเข้าที่พักค่ะ)
(ภายในห้องพักจะแบ่งเป็น 2 โชนคือ โชนของห้องนอน และห้องนั่งเล่นค่ะ - อันนี้เป็นโซนของห้องนอนค่ะ)
(และอันนี้เป็นโซนของห้องนั่งเล่นค่ะ - หลังประตูนั่นคือห้องนอนค่ะ)
19.30 น. วางกระเป๋า พักหายเหนื่อยแปบ...แล้วเตรียมตัวไปเดินเล่นหาของกินกันค่ะ
>> เวลาเรามีน้อยไปเดินเล่นแถวที่พัก (์Namba / Dontonburi) แล้วกันนะคะ
(นั่ง Subway จากที่พักแค่ 1 นาทีเองค่ะ ใกล้มากๆ) (Glico ที่ฮิตฮอตคนถ่ายรูปกันแสนล้านค่ะ)
(ร้านปูนี้แอบเห็นคนไทยก็ฮิตกันนะคะ แต่เราไม่เคยลองสักทีค่ะ) (บรรยากาศโดยรอบค่ะ...ไม่ว่าจะไปกี่รอบที่นี่ก็ยังคึกคักเหมือนเดิม)
(นี่ค่ะร้านทาโกะยากิที่เค้าฮิตๆ กัน ยืนต่อแถวกันยาวมาก : อินี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ) (นี่ค่ะ หน้าตาทาโกะที่ไปต่อแถวมายาวนานมากกกก!!!)
>> สำหรับเราเจ้านี้ยังไม่โดนค่ะ เรามีความรู้สึกว่ามันแหยะไปค่ะ (อยากให้ไปลองชิมเจ้าอื่นกันดูดีกว่าค่ะ)
>> เดินมาเรื่อยเปื่อย แบบไม่มีแผนอะไรเลย อารมณ์แบบอยากเข้าร้านไหนเข้าเลยค่ะ.....
จู่ๆ ในแกงค์ก็คุยกันว่า มีใครเคยกินปลาปักเป้ามั้ย? (อินี่แหละค่ะเป็นคนต้นเรื่องถามเอง) >> ลองกันมั้ย?? >> ไม่มีใครขัด...ก็จัดเลยค่ะ
(แบบไม่ได้รีวิวอะไรไปทั้งสิ้น มั่วๆ ไปเลย)
(พอแหงนหน้าขึ้นไป ก็เจอเจ้านี่อยู่บนหัวเลยค่ะ รออะไรหละคะ เข้าเลยค่ะ!!!)
>> เข้ามาเท่านั้นแหละ ใจคอไม่ดีเลยค่ะ...คนมันหายไปไหนหมดนะ!!!!!!!!!
(ข้องนอกนี่วอแวเบียดเสียดมาก ข้างในเงียบอย่างกะป่าช้า!!!)
>> สักพักพนักงานก็มารับออเดอร์ค่ะ...(พวกเราก็มองหน้ากันแบบ..ทำไมคนน้อยจังวะ??)
...เลยขอเวลาพนักงานมานั่งสุมหัวกันแปบนึงค่ะ (อินี่รีบเปิดรีวิวรัวๆเลยค่ะ!!) >> คือแกควรจะเปิดตั้งแต่ก่อนเข้าร้านมั้ย?? (ด่าตัวเองในใจ -*-)
>> พอเปิดดูเท่านั้นแหละ...กระจ่างค่ะ!!! >> เงยหน้าบอกสมาชิก แกๆ เค้าไม่ได้กิินร้านนี้กัน เค้ากินอีกร้านนึงกันอ่า
ยังไงหละคะ...เข้ามานั่งขนาดนี้แล้ว...เลยแบบเอาวะ...ลองสั่งมานิดๆ หน่อยๆ พอแล้วกัน
(อ่อ..นิดหน่อยที่ว่าคือขั้นต่ำ 4 ที่นะคะ เพราะไปกัน 4 คน ที่นี่เค้าบังคับต้องสั่งคนละอย่างค่ะ - แอบปวดกบาลเล็กๆ เลยครัช) (มาถึงจานแรก...ไฮไลต์ค่ะ...ปลาปักเป้า!!!!)
>> ได้มาจานแรกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก...คือ...จานเท่าฝ่ามือน้อยๆ ค่ะ...เห็นแล้วไม่กล้าหายใจเลยค่ะ (กลัวมันจะปลิวหายไปซะหมด)
>> คิดในใจ...เอาวะ ของอร่อยมันก็มีน้อยแบบนี้แหละ อินี่หยิบตะเกียบคนแรกคีบเข้าปากไปเลยค่ะ 1 ชิ้นเต็ม!!!!
>> รสชาติมันช่าง...เหมือน...เคี้ยวหมากฝรั่งที่คายออกมาแล้ว แล้วเราเอามาเคี้ยวใหม่ยังไงยังงั้นเลยค่ะ (แค่ไม่มีรสมิ้นส์เท่านั้นเอง!!)
>> จะบอกว่าจานนี้ราคา 1,400 เยนเชียวนะคะ!!!! T^T (ร้องไห้หนักมากกกกกกกกกกกกก!!!!)
>> ไปต่อค่ะ อาจจะพลาดไปแล้ว จานต่อไปค่ะ มันไม่พลาดไปหมดซะทุกจานหรอกค่ะ!! (เป็นไงคะ หน้าตาดูดีสมราคาสมฐานะมากๆ (ถ้าเราจำไม่ผิดราคาพอๆ กับปักเป้าค่ะ อาจจะถุกกว่าหน่อยนึง))
>> อินี่คีบค่ะคีบๆๆ อันที่ดูเด่นที่สุดในนี้คือหอยค่ะ อินี่รีบคีบเข้าปากเคี้ยวทันที!!!
>> กึก ๆ ๆ (แม่จ้าววววววววววว...ฟันตรูยังเหลืออยู่มั้ยนะ??) หอยอะไรฟันไม่เข้า?? (หอยร้านนี้เลยค่ะ) โคดจะแข็งและแอบมีกลิ่น
>> กราบค่ะ (น้ำตานี่แทบไหลเป็นสายเลือด!!!) ยังรอที่เหลืออีก 2 จานนะคะ (วิญญานปลาปักเป้าทอดค่ะ - เจ็บจี๊ดๆ ไม่เหมือนมดกัดนิดเดียวนะคะ..เหมือนโดนมดกัดทั้งรัง มันเจ็บมาก T^T)
>> อีกอย่างเป็นปลาหมึกย่างค่ะ (ไม่ทงไม่ถ่ายมันแล้วค่ะรูปหนะ - หมดอารมณ์!!!)
>> เรียกเก็บตังค์ทั้งน้ำตาเลยค่ะ (เลือดนองหน้า...แม่งราคาก็โคดแพงค่ะ!!!) สมงสมองนี่เบลอจนจำราคาไม่ได้ละค่ะ
สรุป (รีบๆ สรุปให้เสร็จไปค่ะ T^T)
รสชาติ : บรรยายมาขนาดนี้คงไม่ต้องบอกแล้วนะคะว่าเป็นยังไง (-10/5 คะแนน)
ราคา : แพงมากค่ะ เมื่อเทียบกับปริมาณ และรสชาติอาหารแต่ละจาน (-10/5 คะแนน)
บรรยากาศ : วังเวงมาก มีนั่งกินโต๊ะเดียวเนี่ยแหละค่ะ ถือว่าโล่งไม่เบียดเสียดค่ะ (ยังจะอวยได้ -*-) (1/5 คะแนน)
>> พอค่ะพอๆๆ ผ่านค่ะ ไปร้านอื่นต่อเถอะค่ะ...เดินถัดมานิดนึงฝั่งเดียวกับร้านปลาปักเป้าจะเห็นคนยืนขายทาโกะอยู่ค่ะ เดินเข้ามาในร้านนั้นแหละค่ะ
(เราลืมถ่ายหน้าร้านมาให้ดูอ่าค่ะ มัวแต่เซ็งอยู่ - แต่เดินมาแค่นิดเดียวจริงๆ ค่ะ ก็เจอเลย)
(เดิฟ ด้วยเจ้านี่ก่อนตล๊อด - ดูเป็นเมรีขี้เมายังไงก็ไม่รู้ ><)
>> อันนี้อาจจะรสชาติขมติดลิ้นหน่อยนะคะ (ใครที่ไม่ชอบรสนี้อาจจะกินไม่ได้เลยหละค่ะ) (เริ่มด้วยอะไรง่ายๆ ก่อนค่ะ ไก่ชุบแป้งทอด - เราจำราคาไม่ได้เลยหละค่ะร้านนี้หนะ ความทรงจำหายไปชั่วขณะ)
>> รสชาติก็ทั่วไปค่ะ ไม่ได้แบบว่ากัดแล้วปลื้มปริ่มอะไรขนาดนั้น (แต่ไม่ได้แย่นะคะ กลางๆ ค่ะ) (ถัดมาเจ้านี่เป็นทาโกะค่ะ(รึเปล่าถ้าเราจำไม่ผิด ><)...มีไข่โปะอยู่ด้านบน - รสชาติอร่อยดีใช้ได้ค่ะ) (แท๊นนนนนน...โอโคโนะ มิยิกิค่ะ : อันนี้ก็รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ)
สรุป
รสชาติ : กลางๆ ค่ะ อร่อยปกติ ไม่ถึงกับหวือหวาฟู่ฟ่าอะไรมาก (แต่ไม่แย่แน่นนอนค่ะ) (3.5/5 คะแนน)
ราคา : จำราคาแต่ละจานไม่ได้ค่ะ จำได้แต่ว่าโดยรวมไม่ได้แพงมากเท่าไหร่ค่ะ รับได้ (3.5/5 คะแนน)
บรรยากาศ : ค่อนข้างแคบมากค่ะ (3/5 คะแนนค่ะ)
. . . . .
. . . .
. . .
. .
.
..... เวลาที่เหลือจากนี้ก็เดินเล่นตามอัธยาศัยเลยค่ะ วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะ :) .....
.
. .
. . .
. . . .
. . . . .
- o i l i i e -
Create Date : 30 ธันวาคม 2558 |
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:53:35 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1068 Pageviews. |
|
|