Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
การถ่ายรูปที่มักผิดพลาด..ของนักถ่ายภาพมือใหม่


มือใหม่ - Bodyslam



















วันนี้ขอยกตัวอย่าง 9 ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นเสมอกับนักถ่ายภาพมือใหม่ ไม่ว่าจะใช้กล้อง Digital ธรรมดา หรือกล้อง Digital SLR ก็ตาม




1. การตั้งความละเอียดของภาพจากกล้อง Digital สูงเกินไป
มือใหม่หลายคนมักเลือกซื้อกล้อง Digital ที่มีความละเอียดสูง ๆ เพราะคิดว่าน่าจะได้ภาพที่คมชัดสมจริงและดีกว่ากล้อง Digital ที่มีความละเอียดต่ำกว่า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะความละเอียดที่บอกเป็น Megapixel นั้นไม่ได้เป็นตัวแปรเพียงอย่างเดียวของภาพที่ออกมา ยังมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากที่ส่งผลต่อคุณภาพของภาพถ่าย อาทิ คุณภาพของเลนส์, คุณภาพของโปรแกรมประมวลผลภาพเป็นต้น ที่สำคัญมือใหม่หลายคนเลือกที่จะตั้งความละเอียดให้สูงที่สุดในการถ่ายภาพ :o ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้พื้นที่ในการเก็บภาพมาก ทำให้จำนวนภาพที่ถ่ายได้น้อยเป็นเงาตามตัว หลายๆ คนก็เลยเลือกที่จะซื้อ memory card ขนาดใหญ่ หรือซื้อหลาย ๆ อันเพื่อให้เก็บภาพได้จำนวนมาก ซึ่งก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ




ในความเป็นจริงแล้ว เราควรเลือกความละเอียดของภาพให้เหมาะสมโดยพิจารณาจาก output ที่ต้องการ อาทิ ต้องการนำไปอัดภาพขนาด Jumbo (4?x6?) ความละเอียดเพียง 2MP หรือ 3MP ก็เพียงพอแล้ว การถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงกว่านั้นไม่ได้ส่งผลให้อัดภาพออกมาชัดขึ้น (ยกเว้นว่าเราจะนำไปขยาย) ส่วนการอัดภาพขนาด 8?x10? นั้นความละเอียดที่เหมาะสมคือ 4MP หรือ 5MP ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องเสียพื้นที่ในการเก็บภาพมากเกินความจำ เป็นแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าซื้อ memory ด้วย ที่สำคัญเวลาไปถ่ายภาพเพลิน ๆ ถ้าตั้งความละเอียดสูงเกินไป เกิด memory เต็มขึ้นมาอาจพลาด shot เด็ดไปเลยก็ได้ เพราะจะมัวมานั่งลบภาพอยู่ก็อาจไม่ทันการณ์

หมายเหตุ การตั้งความละเอียดเป็นคนละส่วนกับการตั้งระดับคุณภาพของภาพนะครับ หากเราต้องการคุณภาพของภาพสูง จำเป็นต้องตั้งคุณภาพของภาพให้ดีที่สุดเสมอครับ (ระดับคุณภาพของกล้อง มักจะกำหนดเป็น fine, best, super fine อะไรประมาณนี้ ก็เลือกอันที่สูงสุดไปเลยครับเพื่อให้คุณภาพของภาพออกมาดีที่สุด)





2. โฟกัสภาพไม่ชัด
สิ่งที่พบได้บ่อย ๆ กับมือใหม่ที่คิดว่ากล้องระบบอัตโนมัติน่าจะถ่ายภาพได้ชัดนั้นมักเกิดขึ้น เสมอ หลาย ๆ คนพอดูภาพที่อัดออกมาแล้วก็บ่นว่าทำไมมันไม่ชัดเลย กล้องซื้อมาแพงเสียเปล่า เอ้า…ไปโทษกล้องซะนั่น




เนื่องจากกล้องส่วนใหญ่จะมีระบบการปรับโฟกัส โดยหาโฟกัสจากวัตถุที่อยู่กลางภาพ ดังนั้นหากแบบหรือวัตถุที่เราถ่ายไม่อยู่กลางภาพแล้วล่ะก็ โอกาสที่ภาพที่ออกมาจะไม่ชัดจะมีสูง (เช่นกรณที่ถ่าพภาพคนคู่กัน อยู่ด้านซ้ายและขวาของภาพ กล้องอาจไปโฟกัสฉากหลังซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 คน) วิธีการแก้ไขก็ไม่ได้ยากอะไรครับ เพียงเลื่อนตำแหน่งกล้องให้ตัวแบบหรือวัตถุที่ต้องการถ่ายอยู่กลางภาพ กดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการ lock focus และกดค้างไว้ (อย่าเพิ่งปล่อยนะครับ) หลังจากนั้นก็เลื่อนกล้องไปยังตำแหน่งที่ต้องการแล้วกดชัตเตอร์ลงไปจนสุด เพื่อเป็นการถ่ายภาพ (ส่วนใหญ่กล้องจะแสดงไฟสัญญาณสีเขียว หรือเป็นกรอบสีแดงค้างไว้ในขณะที่เรา Lock focus) แต่สำหรับกล้องรุ่นใหม่ๆ บางตัวจะมีระบบค้นหาหน้านางแบบโดยอัตโนมัติ หรือมีจุดค้นหาโฟกัสหลายจุดก็จะช่วยแก้ปัญหาไปได้ในระดับหนึ่งครับ

** Tips **
การถ่ายภาพคนให้ดูชัดนั้น ให้เลือกโฟกัสที่ดวงตาเสมอนะครับ เพราะหากดวงตาไม่คมชัดแล้วภาพนั้นจะดูแล้วเหมือนถ่ายไม่ชัดทันที








3. นิ้วไปบังเลนส์
ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายคงพอนึกออกนะครับ เพราะหลายๆ คนไม่ระวังตอนถือกล้อง ทำให้มีนิ้วเข้าไปโผล่ในกล้องด้วย ตอนดูภาพจากจอ LCD อาจจะไม่เห็นเพราะมันเล็ก แต่พออัดออกมาเห็นนิ้วเบ้อเริ่มเลย เอาเป็นว่าให้ระวังทุกครั้งก่อนถ่ายภาพ อย่าเอานิ้วไปบังเลนส์นะครับ





4. เลนส์สกปรก-ภาพไม่ชัด
เลนส์มีส่วนสำคัญอย่างมากกับคุณภาพของภาพถ่าย ดังนั้นเราต้องระมัดระวังรักษาเลนส์อย่างดีอย่าให้เปื้อนในขณะถ่ายภาพ เพราะรอยเปื้อนจะไปบดบังและเบี่ยงเบนแสงที่เข้ามายังตัวกล้อง ทำให้คุณภาพของภาพถ่ายลดลงอย่างมาก สิ่งที่ต้องระมัดระวังไม่ให้โดนเลนส์อาทิ นิ้วมือ (อันนี้เจอบ่อยมาก ติดเป็นคราบมันเลย), ฝุ่น ควรหาที่เป่าลมเป่าออกเสมอ ๆ, ละอองน้ำ ซึ่งจะพบได้เมื่อถ่ายภาพในบริเวณใกล้น้ำตกหรือทะเล ดังนั้นก่อนถ่ายภาพและขณะถ่ายภาพต้องหมั่นดูและความสะอาดของเลนส์ถ่ายภาพทุก ครั้ง โดยใช้ผ้าสำหรับทำความสะอาดเลนส์โดยเฉพาะนะครับ เพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูงสุด






5. ลืมชาร์จแบตเตอร์รี่
อันนี้สำคัญมาก เพราะไม่มีแบตเตอร์รี่ กล้องเราก็จะกลายเป็นสากกะเบือทันที ยิ่งถ้าพลาดช็อตเด็ด ๆ ล่ะก็ยิ่งอยากฆ่าตัวตาย ดังนั้นก่อนออกถ่ายภาพทุกครั้งควรมั่นใจว่าชาร์จแบตเตอร์รี่มาจนเต็มแล้ว หรือไม่ก็พกที่ชาร์จติดตัวมาด้วยเสมอ เผื่อมีที่ให้ชาร์จได้ในยามฉุกเฉิน วิธีหนึ่งที่ช่วยในการประหยัดไฟของแบตเตอร์รี่ได้ในช่วงแบตใกล้หมดคือ ถ่ายภาพโดยมองภาพผ่านช่องมองภาพซึ่งทำให้ไม่ต้องเปิดจอ LCD (กล้องรุ่นใหม่ ๆ มักจะทำไม่ได้แล้วครับ ยกเว้นกล้อง SLR ซึ่งมองภาพผ่านช่องมองภาพอยู่แล้ว) และไม่เปิดภาพที่ถ่ายแล้วขึ้นมาดูบ่อย ๆ เพราะส่วนที่กินไฟมากที่สุดส่วนหนึ่งก็คือจะ LCD ของภาพนั่นเอง, ไม่ใช้แฟลชถ้าไม่จำเป็น เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวที่กินไฟมาก และสุดท้ายถ้าไม่จำเป็นก็ปิดกล้องไปเลย ครับอย่าเปิดทิ้งไว้






6. ถ่ายภาพย้อนแสง
มือใหม่หลายคนมักคิดว่า การถ่ายภาพย้อนแสงคือการถ่ายภาพที่มีพระอาทิตย์อยู่หลังแบบเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะการถ่ายทุกกรณีที่แสงบนตัวแบบน้อยกว่าฉากหลังมาก ๆ ถือเป็นการถ่ายภาพย้อนแสงทั้งสิ้น เช่นตัวแบบอยู่ในร่มแต่ฉากหลังเป็นแสงวิว ด้านนอกอาคาร ซึ่งการถ่ายภาพลักษณะนี้จะทำให้ภาพที่ออกมามืดไม่สวยงาน อย่างที่ใครหลายคนมักจะบอกว่าหน้ามืดนั่นแหละครับ วิธีแก้ก็คือใช้แพลชร่วมกับการถ่ายภาพเพื่อชดเชยแสงให้กับตัวแบบ หรืออีกวิธีหนึ่งคือชดเชยการรับแสงให้มากขึ้นกว่าปกติ (รับแสง over) เพื่อช่วยให้ตัวแบบได้รับแสงที่พอดีนั่นเอง ส่วนจะต้องชดเชยแสงมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นก็สภาพแสงในขณะนั้น ถ้าเป็นกล้อง digital ก็สามารถดูผลได้เลยหลังการถ่ายภาพครับ






7. ภาพสั่นไหว
เหตุการณ์นี้มักเกิดเมื่อถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อย เช่นตอนเย็น หรือถ่ายภาพตอนกลางคืนโดยไม่ใช้แฟลช ทั้งนี้สำหรับกล้อง Digitalสามารถแก้ไขได้โดยการปรับความไวแสงของกล้องให้สูงขึ้น (ปกติ 100 หรือ 200 เพิ่มเป็น 400 หรือ 800) ก็จะช่วยทำให้ความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้น โอกาสที่ภาพจะไหวก็จะน้อยลง แต่ผลที่ตามมาคืออาจเกิดจุดรบกวนในภาพสูงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะกับกล้องราคา ถูก





8. ถ่ายภาพสีขาวแล้วออกมาไม่ขาว ถ่ายภาพสีดำแล้วออกมาไม่ดำ
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของระบบวัดแสงของกล้องคือจะถูกหลอกหากวัตถุที่ ถ่ายมีสีสว่างมาก (เช่นสีขาว) หรือมืดมาก (เช่นสีดำ) เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีถ่ายภาพตึกสีขาวกลางแดด, ภาพของงานรับปริญญาที่บัณฑิตสวมชุดสีขาวหรือสีดำเป็นต้น



ถ้าวัตถุที่ถ่ายมีสีขาว กล้องจะนึกว่ามีแสงมาก จึงเปิดรับแสงน้อยกว่าปกติ ทำให้สีขาวที่ได้จะดูหม่น ๆ ออกไปทางสีเทาดูแล้วไม่สวย วิธีแก้สำหรับการถ่ายภาพวัตถุสีขาวก็คือชดเชยแสงให้ over ขึ้นอีกเล็กน้อยราว 1-1.5 stop แล้วแต่สถานการณ์ ในทางตรงข้ามถ้าวัตถุที่ถ้ายมีสีดำ กล้องจะนึกว่ามีแสงน้อย ก็เลยเปิดรับแสงนานเกินไป วัตถุที่ควรจะเป็นสีดำก็เลยกลายเป็นสีเทา ทำให้ภาพดูแล้วสีไม่อิ่มตัว วิธีแก้ก็ให้ทำในทางตรงข้ามคือปรับแสงให้ under ลงราว ๆ 1-1.5 stop ก็จะทำให้สีของภาพสวยสมจริงขึ้นครับ






9. สีเพี้ยน
มักเกิดจากการถ่ายภาพในสภาพแสงที่ไม่ใช่แสงปกติ เช่นถ่ายภาพในร้านอาหารที่ใช้ไฟทังเสตน, ถ่ายภาพภายใต้หลอดฟลูออเรสเซนต์, ถ่ายภาพในวันที่มีเมฆมาก เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากกล้องบางตัวถูกกำหนดให้ปรับสีโดยอ้างอิงจากแสงธรรมชาติ (daylight) เมื่อสภาพแสงในขณะนั้นเปลี่ยนไปก็จะทำให้ภาพที่ออกมาสีไม่ถูกต้องตามที่ควร จะเป็น วิธีแก้ไขคือให้ตั้งโหมดสมดุลแสงขาว (white balance) ให้เป็นระบบ auto เพื่อให้กล้องคำนวณสมดุลสีโดยอัตโนมัติ




ถ้าภาพที่ถ่ายยังออกมาสีเพี้ยนให้ลองเลือกจากชุดสีที่มีให้ในกล้องให้ตรงกับ สภาพที่เราถ่ายจริง เช่น ถ่ายภาพใต้แสงไฟทังเสตนก็ให้เลือกโหมดสมดุลแสงขาวไฟทังเสตน ถ้าถ่ายแล้วยังเพี้ยนอีก (เพราะบางคร้งเป็นแสงหลายแบบผสมกัน) ให้ใช้กระดาษสีขาวเป็นตัวกำหนด custom white balance ให้กับกล้อง เพื่อให้กล้องใช้วัตถุสีขาวดังกล่าวเป็นตัวเปรียบเทียบเพื่อหาค่าสมดุลแสง ขาวที่ถูกต้องนั่นเอง วิธีนี้จะแม่นยำมากที่สุดแต่อาจต้องอ่านคู่มือประกอบด้วยเพราะค่อนข้างจะ ยุ่งยากสำหรับมือใหม่ แต่ก็คุ้มค่าที่จะศึกษาเพราะจะทำให้ภาพของเราออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติมากที่ สุดครับ

ได้ทราบข้อผิดพลาดทั้ง 9 ข้อไปแล้ว หวังว่านักถ่ายภาพมือใหม่ทุกท่านคงนำไปใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพของท่านให้ สวยงามเหมือนมือโปรได้นะครับ :)












ถ่ายภาพเบื้องต้น หรือ จะ ถ่ายรูปเบื้องต้น กล้องมือใหม่
ช่างภาพมือใหม่ ถ่ายรูป มือใหม่ เริ่มตรงนี้ครับ ..

ข้อผิดพลาดของมือใหม่ 10 ประการ
ผู้มีกล้องทุกคนจะลดข้อผิดพลาดในการถ่ายภาพได้มาก หากอ่าน 10 ข้อนี้



เริ่มต้นตรงนี้ได้เลยครับ สำหรับผู้ที่พึ่งซื้อกล้องมาเป็นครั้งแรก หรือ ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ฝึกฝน
ผมได้รวมรวม 10 ข้อผิดพลาดที่มือใหม่ทุกท่านควรเรียนรู้ ทั้งหมดนี้ไม่ยากเกินไปครับ....
จากการพูดคุยกับคนมีกล้อง และ การอบรมที่ผ่านมา ผมพบว่าหลายท่านซื้อกล้องมาแล้ว
ใช้ไม่เป็น บางท่านกล้องดีมาก ๆ เลยใช้แค่ปุ่ม Auto เท่านั้น ที่น่าเสียดายยิ่งกว่า คือ
โอกาสสำคัญ ที่เราไปเที่ยวเสียค่าเดินทาง นับ 1000 บางครั้งไปต่างประเทศจ่ายเป็น 10000
ถึง หลายหมื่นบาท แต่ถ่ายภาพมาไม่ได้ดังใจเลย การกลับไปถ่ายใหม่ก็ไม่ง่ายเสียด้วยสิ....



อาจซ้ำกับเทคนิคในข้ออื่น ๆ บ้างนะครับ แต่ตัวอย่างภาพใหม่
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และ เห็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพิ่มขึ้น.....








1 ไม่ยอมใช้ขาตั้งกล้องเมื่อมีแสงน้อย

ลำดับแรกที่มือใหม่ ไม่ค่อยนึกถึง เลย คือขาตั้งกล้องครับ หลายคนนึกว่าเราใช้
ขาตั้งกล้อง เฉพาะตอนถ่ายภาพตัวเองเท่านั้น เป็นอย่างนี้จริง ๆ คือไม่นึกว่าจะใช้ทำไม
จริง ๆ แล้ว เราใช้ขาตั้งกล้อง เพื่อให้กล้องนิ่ง ขณะกดชัตเตอร์ ครับ ภาพจะได้คมชัด
ไม่ต้องตกใจ ว่าทำไม ช่างภาพหลายคนถึงแบกขาตั้งกล้องติดตัวไปด้วยเสมอ
แม้บางครั้ง กลางวันแดดออกดี เขาก็ยังใช้ขาตั้งกล้อง กันเลย ก็เพราะว่าบางสถานะการ
เราต้องบังคับให้กล้องถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ แม้มีแสงสว่างมากพอ







ภาพที่ 1 ภาพนี้ถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ผลคือภาพเบลอ






ภาพที่ 2 ผมยอมเสียเวลา ประกอบกับคนไม่มากนัก ก็เลยใช้ขาตั้งกล้องได้สะดวก
เห็นไหมครับว่า คุ้มค่าเพียงใด





สรุป
1. หากพบว่าในที่ที่เราจะถ่ายภาพมีแสงน้อย ควรใช้ขาตั้งกล้องเสมอ
2. หากให้นิ่งยิ่งขึ้น ก็ควรใช้การลั่นชัตเตอร์แบบตั้งเวลาอัติโนมัติ นะครับ








2 ถ่ายรูปแล้วแบน ไม่มีมิติ มือใหม่ส่วนใหญ่ถ่ายรูปแบบนี้

ผมกลับไปดูภาพในอดีตมากมาย และ มองดูภาพของน้อง ๆ หรือเพื่อน ๆ หลายคน
ที่ถ่าย ตอนนี้ถึงได้ซึ้ง กับคำว่า ภาพแบน หมายถึงอะไร ลองดูตัวอย่างด้านล่างซิครับ






ภาพที่ 1 เราก็ถ่ายภาพพระเอกของสถานที่มาแล้วเชียว แต่ภาพนี้ ดูแล้วขาดมิติ คือ
อุตส่าห์ไปเที่ยวมาแล้ว ลองดูภาพด้านล่างเปรียบเทียบจะเข้าใจมากขึ้นครับ...
ว่าทำไมจึงเรียกว่าขาดมิติ หรือ ภาพแบน







ภาพที่ 2 จะพบว่า ภาพเดียวกัน แต่มีความรู้สึกที่แตกต่าง ออกไป เพราะ
ภาพนี้มีฉากหน้า คือหมู่มวลดอกไม้ แล้วมองลึกเข้าไปถึงเห็น หอรัชมงคล ซึ่งเป็น
พระเอก ดูมีมิติ ตื้นลึก มากกว่า เราจะเห็นภาพที่เขาถ่ายโฆษณา และ ภาพสวย ๆ ส่วนใหญ่ที่ลง
ตามวารสาร มักจะเป็นภาพที่มีมิติ แบบนี้ทั้งสิ้นครับ ลองฝึกดูนะครับ จะได้ถ่ายภาพแล้วไม่แบน
ส่วนการให้ฟ้า สีฟ้าสวยสดใส ในเบื้องต้นแนะนำว่า ไม่ควรถ่ายภาพย้อนแสง ควรหันหลังให้ดวง
อาทิตย์ครับ แล้วฟ้าจะสวยขึ้น



สรุป
1. ถ่ายภาพให้มี ฉากหน้า และ ฉากหลัง ด้วย ทำให้ภาพมีมิติมากขึ้น
2. ศึกษาภาพเก่า ๆ ที่เราเคยถ่ายไป แล้วพัฒนาฝีมือขึ้นนะครับ








3 ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อถ่ายย้อนแสง ภาพออกมามืดหมดเลย

ภาพแบบนี้มือใหม่ พบกันมากเลย แล้วก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรด้วย คือ ถ่ายภาพออกมาแล้ว
ออกดำ มืด อย่างรูปข้างล่างนี้หมดเลย และเป็นบ่อย ๆ ด้วย สำคัญที่สุดคือ พยายามอย่า
ถ่ายรูปย้อนแสง ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้จริง ๆ ก็ให้ดูแนวทางตามรูปที่ 1 และ 2 ด้านล่างครับ





ภาพที่ 1 จะเห็นว่าฉากหลังมีความสว่างมาก ทำให้การถ่ายภาพของเราเป็นการย้อนแสง
และ ภาพแบบนี้ก็ไม่สามารถใช้ แฟลชช่วยได้ เพราะภาพขนาดใหญ่ และ อยู่ห่างไกล







ภาพที่ 2 การถ่ายภาพแบบนี้ให้ลองค้นดูในกล้อง เรื่องระบบวัดแสงให้เปลี่ยนมาใช้





ระบบวัดแสงเฉพาะจุด ตามรูปด้านบน แล้ววัดแสงไปที่ตัวอาคาร พระที่นั่ง ผลก็คือเราจะได้
ภาพที่เห็นรายละเอียดมากขึ้น แต่ท้องฟ้าก็จะขาวไปบ้างเป็นธรรมดา เพราะกล้องจะวัดแสง
และชดเชยค่าโดยยึดเอาจุดที่เราเล็งโฟกัส เป็นสำคัญ
ลองดูนะครับ กล้องส่วนใหญ่ในยุคนี้มีระบบวัดแสงเฉพาะจุดมาให้แล้วทั้งสิ้น ที่สำคัญอย่าลืม
เปลี่ยนค่ากลับไปเป็นระบบวัดแสงแบบปรกติ ด้วยนะครับ ไม่งั้นภาพถ่ายอื่นๆ จะเสียได้เพราะวัด
แสงผิด



สรุป
1. ไม่จำเป็นไม่ควรถ่ายภาพย้อนแสง
2. หากต้องถ่ายจริง ๆ ก็ให้ใช้ระบบวัดแสงเฉพาะจุด
และ ต้องไม่ลืมเปลี่ยนค่ากลับไปเป็นระบบเดิม ด้วยนะครับ







4 เปิดแฟลซแล้ว ฉากหลังหายไปหมด เห็นแต่คน เสียดายจัง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะในการถ่ายภาพเวลากลางคืน ผมขอคุยซ้ำอีกทีนะครับ
คือถ่ายมาแล้ว ฉากหลังสวย ๆ ไม่เห็นอะไรเลย ได้แต่คน กับ ฉากหลังดำ ๆ





ภาพที่ 1เปิดแฟลชถ่ายภาพ ตอนกลางคืน ทำให้ ฉากหลังหายไปหมดเลย เสียดายมากเพราะ
ฉากหลังสวยมากๆ แก้ไขอย่างไร ดูภาพที่ 2 ได้ครับ





ภาพที่ 2 ถ้ากล้องมีระบบ Slow Sync Flash ให้ใช้ตอนนี้เลยครับ แล้วลองถ่ายภาพ
ดูอีกครั้ง ที่สำคัญ Slow Sync Flash คือการถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ผลคือถ้ามือ
ไม่นิ่งภาพจะสั่นได้ ต้องระวังอย่าให้มือสั่นนะครับ
ถ้าหากไม่รู้ว่าจะหา Slow Sync Flash ได้อย่างไร ก็ให้หมุนกล้องมาที่โหมด S แล้วตั้งค่า
ความเร็วให้อยู่ที่ 30-60 ส่วนวินาทีดูครับ ตั้งต่ำกว่านี้ก็ได้แต่ควรใช้ขาตั้งกล้อง ก็จะได้ภาพ
คนพร้อมกับฉากหลังที่สวยงามอย่างในรูปครับ



สรุป
1. ถ่ายภาพกลางคืนแล้วต้องการให้เห็นฉากหลังใช้ Slow Sync Flash
2. แต่ให้ระวังกล้องสั่น หรือ ควรใช้ขาตั้งกล้อง
3. หากไม่รู้จะตั้งระบบแฟลช อย่างไร ตั้งกล้องไปที่โหมด S ก็ได้ แล้วลดเวลาลงครับ









5 พบสถานที่ห้ามใช้แฟลซ แล้วถ่ายภาพไม่ได้เลย ทำอย่างไรดี

เหตุการณ์นี้เจอบ่อย ๆ เหมือนกันเวลาไปเที่ยว คือ เขาห้ามใช้แฟลช อย่างตัวอย่างในภาพ
ไปเที่ยวที่เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี ไกด์ ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด หรืออย่างบางที่ เช่นสวนสัตว์
เชียงใหม่ เวลาดู หมีแพนด้า ทางสวนสัตว์ เขาจะเอาสติกเกอร์มาปิดแฟลซเราไว้เลยทีเดียว
มือใหม่ ทั้งหลาย หากจะต้องการถ่ายภาพให้ได้อยู่ ต้องตั้งค่าความไวแสง คือ ISO ของ
กล้องให้สูงขึ้น แต่อย่าลืมตั้งกลับมาเป็น 100 เหมือนเดิมหลังจากออกจากบริเวณแล้วนะครับ






ภาพที่ 1เนื่องจากแทบไม่มีแสงสว่างเลย ใช้ ISO 400 ยังไม่สามารถมองอะไรเห็น






ภาพที่ 2 พอเราตั้งเป็น ISO 800 ก็จะเริ่มเห็นแล้วว่ามีกวางอยู่ 1 ตัว







ภาพที่ 3 รูปนี้ตั้ง ISO ถึง 1600 ครับ จึงได้เห็นทั้งกวาง และ ลูกหมูป่า หากินดินโป่ง
ในเวลากลางคืน ซึ่งน่ารักมาก และ ไม่ค่อยเห็นภาพอย่างนี้ได้ง่าย ๆ
เห็นไหมครับว่า เราก็สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้โดยไม่ต้องใช้แฟลช แต่ สิ่งที่ต้องแลก
ก็คือภาพจะมีเกรนหยาบ หรือ ที่ภาษากล้องเรียบว่า noise ค่อนข้างมากนั้นเองครับ จึงควรใช้
ISO สูง ๆ เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น



สรุป
1. ถ้าจำเป็นต้องถ่ายภาพในที่แสงน้อย จริง ๆ แล้วใช้แฟลชไม่ได้ก็ให้ตั้ง ISO สูงขึ้น
2. ข้อเสียคือภาพจะหยาบ ขึ้นมีเกรนเล็ก ๆ เต็มภาพ ดังนั้น ควรตั้งกลับไปที่ค่า 100 หรือ
ISO 200 หลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว








6 ภาพไม่ค่อยชัด เพราะไม่ยอมกดชัตเตอร์ครึ่งหนึ่ง เพื่อโฟกัส ก่อน

มือใหม่หลายต่อหลายคนเลย ไม่รู้เรื่องนี้ คือไม่ยอมกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งก่อน ปรกติถ้า
เรากดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง กล้องจะโฟกัส และมีเสียงดัง ติ๊ด ติ๊ด ลองดูนะครับ สำคัญมาก ๆ ๆ
แล้วค่อยกดชัตเตอร์ลงไปอีกครั้ง เพื่อบันทึกภาพ ก็จะได้ภาพที่คมชัด






ภาพที่ 1 ภาพนี้ถ่ายรูปกลางวันแต่กลับเป็นภาพสั่นไปได้ เพราะว่าช่างภาพไม่ยอมโฟกัส
โดยการกดชัตเตอร์ลงไปครึ่งหนึ่งก่อน น่าเสียดาย มือใหม่ทั้งหลาย ฝึกเรื่องนี้ให้เก่งนะครับผม






ภาพที่ 2 แต่พอเราโฟกัสก่อน ให้กดค้างไว้ จนพอใจ แล้วกดชัตเตอร์ลงไปให้สุด หลังจาก
ได้ยินเสียงติด ติด หรือ มีสัญญาญไฟเขียวในกล้อง แล้วแต่กล้อง ก็จะได้ภาพที่คมชัดสวยงาม




สรุป
1. ก่อนถ่ายภาพทุกครั้งควรกดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเพื่อโฟกัสก่อนเสมอ
2. ภาพจะคมชัดขึ้น เราสามารถกดค้างไว้แล้วขยับกรอบไปมาให้พระเอกอยู่ข้าง ๆ
ไม่ต้องอยู่ตรงกลางรูปก็ได้ ทำให้พระเอกชัดแม้ไม่ต้องอยู่กลางภาพ ลองฝึกดูนะครับ








7 ถ่ายอย่างไร ให้ฉากหลังเบลอ คนโดดเด่น

อันนี้จะว่าเป็นเรื่องของมือใหม่ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป นำมาให้มือใหม่ได้รู้ไว้ก็ดี
เพราะหลายคนถ่ายภาพมาแล้วฉากหลังรก รุง รัง พระเอก นางเอก เลยไม่โดดเด่น ลองดูตัวอย่าง
ด้านล่างนี้นะครับ





ภาพที่ 1 รูปนี้ถ่ายด้วยรูรับแสง F16 ทำให้เห็นภาพฉากหลังมากเกินไปดูหลักการแก้ไข
ในภาพที่ 2 ครับ






ภาพที่ 2 ภาพนี้ตั้งกล้องที่โหมด A ใช้รูรับแสง F2.8 แล้วเลือกฉากหลังไกล ๆ ถ่ายภาพ
ด้วยการซูมให้มากที่สุด ผลก็คือได้ภาพหลังเบลอครับ กล้องบางตัวเวลาซูมมาก ๆ แล้วค่า
รูรับแสงอาจเพิ่มขึ้นเอง คือมากว่า 2.8 ตามคุณสมบัติของเลสน์ครับ



สรุป
1. การถ่ายภาพให้ฉากหลังเบลอ คือใช้รูรับแสงที่มีตัวเลขน้อย ๆ เช่น F 2.8
2. ใช้ระยะซูมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ ถ้าซูมมาก ๆ อาจทำให้ภาพดูแบนได้
แต่ก็จะเบลอดีครับ
3. เลือกฉากหลังให้ไกล ๆ แบบสักหน่อยก็จะดี
4. แถมสุดท้ายคือ เข้าไปใกล้ตัวแบบให้มากที่สุดตราบเท่าที่เรายังใช้ช่วงซูมได้เต็มที่








8 โหมด S หรือ Tv ในกล้องใช้งานเมื่อไร..

โหมด S หรือ Tv เป็นโหมดที่ควบคุมความเร็วของชัตเตอร์ ภาพที่ 1 และ 2 เป็นภาพที่
แสดงถึงการใช้ชัตเตอร์ความเร็วสูง ๆ ส่วนภาพที่ 3 และ 4 เป็นผลการของการความเร็ว
ชัตเตอร์ต่ำ ๆ ลองดูกันเลยนะครับ





ภาพที่ 1 ภาพนี้ถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ 1/100 วินาที ไม่สามารถหยุดนกที่บินได้






ภาพที่ 2 ภาพนี้ถ่ายด้วยความเร็ว 1/1250 วินาที สามารถหยุดนกได้กลางอากาศเลย
ทีเดียว เราใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง ๆ กรณีถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบนี้ครับ







ภาพที่ 3 ภาพนี้ถ่ายด้วยความเร็ว 1/128 วินาที ก็ดูไม่เสียหายอะไร แต่สังเกตุว่าสายน้ำ
จะไม่สวยงาม คือไม่พริ้วไหว นุ่มนวล ลองดูภาพที่ 4 ซิครับ







ภาพที่ 4 ภาพนี้ถ่ายด้วยความเร็ว 1/10 วินาที ผลที่ได้คือ น้ำจะนุ่มนวลเป็นสายสวยงาม
ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ๆ เขาจึงมักเอาไว้ถ่ายภาพน้ำตกกันครับ แต่ควรใช้ขาตั้งกล้องเพื่อป้องกัน
ภาพสั่น เห็นหรือยังครับว่าทำไมกลางวัน แท้ ๆ ช่างกล้องเขายังใช้ขาตั้งกล้องกัน


สรุป
1.ความเร็วชัตเตอร์สูง ๆ เอาไว้ถ่ายภาพเคลื่อนไหว
2.ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ๆ เอาไว้ถ่ายภาพจำพวก น้ำตก น้ำพุ ให้เป็นสายนุ่มนวลสวยงาม









9 ถ่ายภาพสีขาว ทำไม ไม่ยอมขาวสักที

เนื่องจากปรกติกล้องจะใช้ระบบวัดแสงแบบเฉลี่ยพื้นที่ คือ นำค่าแสงทั้งภาพมารวมกัน
ผลก็คือ ทำให้สีขาวที่เราถ่ายมักจะไม่ยอมขาว จั๊ว อย่างใจ ลองดูภาพข้างล่างสิครับ






ภาพที่ 1 ภาพนี้ถ่ายโดยไม่ชดเชยแสง ผลคือ หุ่นสีขาว กลับกลายเป็นสีเท่าหม่น ๆ






ภาพที่ 2 พอชดเชยแสง 1 ระดับ ก็ทำให้หุ่นมีสีขาวเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น


สรุป
1. บางครั้งหากกล้องไม่สามารถถ่ายทอดสีได้สมจริง ในโทนสีขาวหรือสด ให้แก้ปัญหา
โดยชดเชยแสงไปในทาง +
2.หากกล้องไม่สามารถถ่ายทอดสีได้สมจริง ในโทนสีดำหรือทึบ ให้แก้ปัญหา
โดยชดเชยแสงไปในทาง -








10 ถ่ายภาพออกโทนเขียว ทั้งภาพเลย แก้ไขอย่างไรดี

มือใหม่ หรือ มือกลาง ๆ แทบจะทั้งหมด มักจะไม่ให้ความสำคัญกับสมดุลแสงขาว หรือ ที่
ภาษากล้องเรียกว่า white balance ผลคือภาพที่ถ่ายมา ติดเขียว ติดฟ้า หรือ ติดออกแดง
หลายท่านก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผิดปรกติตรงไหน ลองดูรูปที่ 1 และ 2 ดูซิครับ






ภาพที่ 1 ภาพนี้ถ่ายด้วย สมดุลแสงขาว กลางวัน หรือ Day light
ผลคือภาพอมเขียวทั้งภาพเลย แพนด้าก็เลยไม่สวย ถ่ายมาแล้วก็เสียดาย ยิ่งเขาให้เข้าชม
ได้เพียงครั้งละ 10 นาที เท่านั้น ลองดูการแก้ไขด้านล่างซิครับ






ภาพที่ 2ภาพนี้ถ่ายด้วย สมดุลแสงขาว shade หรือ ภาพในร่ม ในอาคาร
ก็จะได้ภาพแพนด้า ที่น่ารัก ด้วยสีที่สมจริง มากขึ้น ลองเรียนรู้จากคู่มือกล้องให้มาก ๆ แล้ว
ท่านจะก้าวผ่านมือใหม่ได้โดยเร็วครับ



สรุป
1. ควรรู้ว่าสถานการณ์ที่เราอยู่นั้นควรถ่ายภาพด้วย สมดุลแสงขาวอย่างไร
2. ศึกษาเรื่องนี้ให้ดีนะครับ แล้วคุณจะถ่ายภาพได้สวยขึ้นไม่ติดเขียว ติดฟ้า หรือแดง
3. หากอ่านมาถึง ก็นี้ แล้วแก้ไขปัญหาของมือใหม่ได้ทั้ง 10 ข้อ คุณก็เป็นช่างภาพ
ที่เก่งขึ้นมากแล้วครับ การไปเที่ยวครั้งต่อไป ขอให้ได้ภาพสวย ๆ มากขึ้นนะครับ หรือหาก
ยังไม่เข้าใจ อ่านคู่มือแล้วก็ยังงง ๆ ก็มาอบรมภาพปฏิบัติกับเราได้ครับ ท่านจะได้ใช้กล้อง
เกือบทุกปุ่ม ใช้คุ้มค่าขึ้นแน่นอน.....


-------------------------------




ขอขอบคุณ รูปภาพจาก

//www.ohophoto.com























Create Date : 18 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 0:01:13 น. 14 comments
Counter : 3306 Pageviews.

 
ขอบคุณครับสำหรับเทคนิค
และความรู้การเล่นกล้อง
มีประโยขน์มากๆ



โดย: ฟ้าสดใส ทะเลสีคราม วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:1:06:31 น.  

 
ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ ที่มีน้ำใจ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย


โดย: นิกกี้ (N_silk ) วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:1:22:04 น.  

 
ได้ความรู้เยอะเลยคับ Thankssssss


โดย: เจ้าชายฟลุค วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:1:39:57 น.  

 

ขอบคุณครับ


โดย: c (chaiwatmsu ) วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:2:02:11 น.  

 
ลุงคะ

สุดยอดค่ะ จากใจจริง นัทอ่านเอาจากบล็อกลุงเนี่ย เข้าใจง่าย แล้วก็สบายใจกว่าเข้าไปถาม หรือเข้าไปอ่านในบางที่อีกค่ะ


โดย: Picike วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:2:05:53 น.  

 
ได้ความรู้อีกแระ ขอบคุณมากน๊า


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:2:20:13 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ มีประโยชน์มากเลย .. มีความสุขมากๆนะคะ (^__^ )


โดย: June4 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:6:02:37 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ตีไม่แรง ไม้แพง แต่งตัวเท่ห์ วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:9:30:29 น.  

 
ขอบคุณนะคะ เขียนได้เข้าใจง่ายดีค่ะ จะลองนำไปใช้ค่ะ


โดย: murmur (murmur072 ) วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:12:34:53 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ...เป็นคำแนะนำสั้นๆ ได้ใจความ
ได้ดั่งใจเลยล่ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:15:32:45 น.  

 
ยาก


โดย: Mermaid AI วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:16:16:42 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: น้ำเค็ม วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:16:26:13 น.  

 
เยี่ยมยอดครับ..


โดย: เอ-ซี-ยะ IP: 180.183.233.166 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:36:23 น.  

 
ขออนุญาตินำภาพสัตว์ที่กำลังกินดินโป่งไปใช้ในการสร้างสื่อสอนนักเรียนนะค่ะขอบคุณมากค่ะ


โดย: เนตรดาว IP: 49.49.105.46 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:23:35:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นอกลู่นอกทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








ภาพถ่ายดาวเทียมด้านอุตุนิยมวิทยา
ภาพสดๆจากที่ต่างๆทั่วมุมโลก
Ban Na Song BKK, Thailand
Karon Beach , Phuket , Thailand
Federal Highway, Angkasapuri ,Pantai Valley , Malaysia
Delta Estate , Singapore
Malate ,Manila , Philippines
Bandar Seri Begawan , Brunei
Guangxi Guilin, China
달빛무지개분수(Banpo Bridge Fountain )Sin’gilsa-dong , Seoul , South Korea
Hong Kong skyline from Admiralty, China
Shiomidai , Kanagawa , Japan
Cable Beach, Broome, Western Australia, Australia
Keahua Hawaii , USA
Sacramento California, USA
Washington D.C., USA
Manhattan , New York , USA
McCulloch Kelowna, Canada
Niagara Falls , Ontario , Canada
Panama Canal , Bella Vista , Panama
Santiago de Chile , Región Metropolitana , Chile
Fairbanks, Alaska Forecast Arctic
Mar del Plata Buenos Aires , Argentina
Tasiilaq , Østgrønland , Greenland
London Skyline from the Sheraton Park Tower , Knightsbridge , United Kingdom
Trafalgar Square , London , United Kingdom
Eiffel Tower Paris, France
Harstad Nordland , Norway
Halsum , Svalbarð , Iceland
Amsterdam , Netherlands
Vatican City State, Saint Peter's Basilica Borgo , Italy
Berlin, Germany
Чебоксарский залив, Yakimovo, Chuvashia , Russia
Udaipur Lake Pichola , Rājasthān , India
Mount Everest , Junbesi , Sagarmāthā , Nepal
Cape Town Sanddrift, South Africa
Orpen , Richmond , South Africa
Abū Hayl Dubai , United Arab Emirates
Kairo, Egypt
Medhufushi, Maldives
Mawson station Antarctica

Profile Visitor Map - Click to view visits
หนังทุกเรื่องหรือเพลงทุกเพลงในบล็อกนี้ เป็นเจ้าของ ของลิขสิทธินั้นๆตามเจ้าของเดิม นำมาเพื่อแบ่งปันชมกันในหมู่เพื่อนพ้อง ชาวบล็อกแก้งค์เท่านั้นครับ....
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 หากผู้ใดคิดจะ ลอกเลียน หรือนำส่วนใดส่วนหนื่ง ของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปเผยแพร่ ให้นำไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต จขบ. แต่ต้องคัดลอกแจกจ่ายให้ครบ 50 ก็อปปี้ ไม่เช่นนั้น จะมีอันเป็นไป ต่างๆนานา ถึงขั้นชีวิตตกอับ อิอิ หากแต่ว่า..นำชื่อ จขบ. ไปใช้ในทางเสียหายหรือประจาน จะถูกดำเนินคดี ตามที่ กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด นะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add นอกลู่นอกทาง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.