จากวิศวกรกลายมาเป็นเกษตรกรได้งัยเนี่ย
หวาดดีทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ไม่ได้เขียนblogมาเป็นปี เข้ามางงเลยทำงัยหว่า
เบื่อมั๊ยกับการที่เช้าต้องไปทำงานฝ่ารถติด และตอนเย็นก็ฝ่ารถติดกลับบ้าน เราเบื่อ
เราคิดว่าเวลาที่ศูนย์เสียไปกับการเดินทาง ตอนเช้า 3 ชั่วโมง และตอนเย็นอีก 3 ชั่วโมง เราน่าจะเอาเวลามาทำอะไรได้อีกเยอะ ไหนจะต้องตื่นเช้า กว่าจะกลับบ้านมาก็ดึก ตอนเช้าไปทำงานลูกก็ยังไม่ตื่น ตอนเย็นกลับมาลูกก็หลับแล้ว มันมีความสุขจริงๆเหรอกับชีวิตแบบนี้
แล้วไหนจะค่าเดินทาง เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร หักค่าเดินทางก็เหลือไม่เท่าไหร่ คุ้มมั๊ย
แล้วไหนจะค่ากิน ค่าโน้นนั้นนี่อีก เงินเดือนที่เหลือก็แค่พอใช้ไปเดือนต่อเดือน ทำงานมาสิบปี ไม่มีตังค์เก็บสักกะบาท
นี่เรามาถูกทางจริงเหรอ........แล้วอนาคตล่ะ
และแล้ววันนึงเราก็ไปเจอเวปปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แล้วเราก็มีที่อยู่ข้างบ้านพอสมควร ว่าแล้วก็ลองปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ดูดีกว่า ซึ่งเราก็ชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็จัดการทำโรงเรือนเล็กๆเลียนแบบในเวปที่เราเจอ (ซึ่งตั้งแต่เรียนมาก็เชื่อมเหล็กแค่ตอนทำWorkShopหน่อยเดียวเอง ตอนทำงานก็สั่งเค้าทำอย่างเดียวไม่เคยทำเอง เหนื่อยมากๆ หนักด้วย ทำมัยเห็นคนงานแบกกันเหมือนมันเบาๆเลย ) หลังจากนั้นก็สั่งน้ำยาปลูกมาลองดู กะว่าลองปลูกเล่นๆว่าจะโตมั๊ย
เห็นโรงเรือนของผมแล้วเป็นงัยมันดูเบี้ยวๆมั๊ย เป็นเพราะมันโดนลมพายุฝนพัดล้มมาทีนึงแล้ว เพราะมันสูงแล้วฐานมันแคบ ( แหะๆๆๆ เสียชื่อวิศวกรหมดเลยออกแบบไม่คำนวนแรงลมก็เงี่ยแหละ...โดนพ่อล้อไปหลายวัน เซ็งเลย ) แล้วเราก็สร้างอันใหม่อันที่สอง ให้มันเตี้ยกว่าเดิมลมจะได้ไม่พัดล้มแบบอันแรกอีก ( ล้มอีกสงสัยโดนยึด ก.ว. แน่เลย ) แล้วก็ออกมาหน้าตาแบบนี้
และแล้วลมพัดก็ไม่เป็นไรฮ่าๆๆๆๆๆๆ ( เพราะมันหนักมากไม่มีทางล้มแน่นอน) หลังจากนั้นเราก็ปลูก และแล้วผักก็โตเร็วมาก เร็วกว่าปลูกในดินอีก
และแล้วเราก็เก็บไปลองกินดู ฮืม....รสชาติใช้ได้เลย ไม่ขมเลยด้วย หลังจากนั้นเราก็เอาไปให้คนโน้น คนนี้ ลองชิม ทุกคนก็บอกว่าหวานกรอบอร่อย และแล้วก็ลองเอาผักที่กินไม่ทันเนื่องจากปลูกเยอะมากไปลองขายที่ตลาดที่น้องของเพื่อนแม่เราขายผักอยู่ ปรากฎว่าขายได้ หมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จนแม่ค้าบอกว่าพรุ่งนี้เอามาขายอีกนะ.....เราได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆแล้วบอกว่า หมดแล้วมีแค่นี้แหละครับต้องรอเดือนหน้าอ่ะ แหะๆๆๆๆๆ
หลังจากนั้นเราก็มานั่งคิดว่า ถ้าสมมุติเราทำงานเป็นวิศวกรต่อไป แล้วในอนาคต แล้วสักวันเราแก่ลง ทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิม เค้าไม่อยากจ้างเราแล้วล่ะ..............แล้วเราจะไปทำอะไรต่อ
หางานใหม่..............แล้วถ้าหาไม่ได้ล่ะ
เราจะไปทำอะไรหาเลี้ยงตัวเอง หาเลี้ยงครอบครัว????????????
เราก็เลยไปคุยกับพ่อแม่เรา ถามท่านว่า ถ้าเราแก่ๆไม่มีใครจ้างเราจะไปทำอะไรกิน
พ่อกับแม่เราก็ตอบว่า ก็ทำสวนงัย ( ขอบอกก่อนว่าตอนนี้พ่อแม่เราเป็นข้าราชการเกษียณ ซึ่งข้าราชการเกษียณส่วนใหญ่ชอบไปซื้อที่ไว้ต่างจังหวัด ไม่ไกลมาก ปลูกต้นไม้ ทำสวน ปลูกทิ้งไว้เฉยๆ จ้างคนเฝ้าบ้าง ไม่ได้จ้างบ้าง นานๆไปดูทีนึง ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้ แต่พ่อแม่เราไปทุกเสาร์อาทิตย์เลย ลูกเฝ้าบ้าน ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ บลาๆๆๆๆ.....บ่นมากไปแระ ) ต่อๆๆๆ....หลังจากที่พ่อกับแม่บอกว่าทำสวนงัย เราก็มานั่งคิดว่า งั้นเราปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ดีกว่า ไม่เหนื่อย ไม่ต้องไปขุดดิน ยาฆ่าแมลงก็ไม่ต้องฉีด หญ้าก็ไม่ขึ้นมากวนใจ ( ใครชอบปลูกต้นไม้จะรู้ดีว่าทำมัย) แค่ปลูกใส่โฟมเสร็จแล้วก็ เติมปุ๋ยลงในน้ำแล้วก็ รอๆๆๆๆๆ พอผักโตก็เก็บมากิน เก็บมาขาย... แค่นั้นเอง สบาย
และแล้วหลังจากคิดได้แล้วเราก็ตัดสินใจว่า เราจะลาออกจากการเป็นวิศวกร มาเป็นเกษตรกรปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ ซึ่งเราคิดว่าถ้ารอให้เราแก่แล้วเริ่มทำ เราอาจจะไม่มีแรงเหลือพอที่จะเริ่มต้นทำก็ได้ เราเริ่มต้นทำตั้งแต่เรามีแรงเหลือนี้แหละ น่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับอนาคตของเรา
และแล้วก็เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
ที่ลาออกจากการเป็นวิศวกร พนักงานกินเงินเดือน สู่ วิถีเกษตรกร
หลายคนก็บอกว่ามันจะดีเหรอ หลายคนก็บอกเสียดายความรู้ที่เรียนมา ก็ต้องลองดูสักตั้ง..........
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ปล.1 แล้ววันหลังจะมาลงให้ดูนะว่าปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ เค้ามีขั้นตอนยังงัยบ้าง
Create Date : 15 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2555 0:04:33 น. |
|
5 comments
|
Counter : 3075 Pageviews. |
|
|
ทำส่วนตัวดีกว่าเป็นลูกจ้างเค้า แต่ต้องวีวินัยในการใช้เงินนะคะ เอาใจช่วยค่า ^^