จงยิ้มเถิดน้องสาวเจ้าผมนิ่ม เพราะรอยยิ้มเจ้าเติมแต้มโลกแจ่มใส
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
เที่ยวเกาะอังกฤษ....วันที่ 2 : จานด่วนชมลอนดอน

ตื่นตามาแต่เช้า อาบน้ำอาบท่า เรียบร้อย เกินอาการเสี้ยนกาแฟขึ้นมาอย่างติดหมัด เดินวนเวียนลงไปที่ครัว เห็นคุณป้า กำล้งทำอาหารเช้าอยู่ ยังไม่มีใครลงมาเลย ฉันก็เลยเก้อๆ นิดหน่อย ที่แสดงความตะกละของตัวเองแต่เช้า วนเวียนรอดูทีท่าสักพักก็เริ่มมีสมาชิก ที่เข้าพักทยอยกันลงมา กินข้าวเช้า ข้าวต้มหมูสับ หอมฉุยชวนน้ำลายสอ ปกติฉันจะกินเค้ก กับกาแฟใส่นมเป็นอาหารเช้า ไม่ก็ มุสลีกับนม (ที่กินประจำคือ เค้กมะนาว ช่วงที่เบื่อเค้กมะนาวแล้วก็จะ กิน.....เค้กส้ม......ไม่พ้นพืชสกุลนี้ ฉันก็อัศจรรย์ใจในความจำเจ ของตัวเองเหมือนกัน...) วันนี้ข้าวต้มหมูสับหอมเหลือเกิน มีตั้งฉ่ายกับต้นหอมซอย และพริกน้ำปลาพริกขี้หนูสวนซะด้วย ขอกินแบบไทยละกันนะ แต่ยังไงก็ขาด กาแฟ ไม่ได้ เพราะ คาเฟอีน เป็น ตัวขับเคลื่อนชีวิตในแต่ละวัน


เด็ก น้องๆ ลงมากินอาหารเช้า น่ารักทุกคน วัยใสมากค่ะ สอบถามว่ามาเรียนอะไรกันคะ น้องตอบว่ามาเรียน A level เอ่อ แล้ว มันอีหยังวะ น้องขยายความให้ ว่า เป็น เหมือน high school แหละค่ะ เรียนก่อนเข้ามหาลัย กุสุมา อึ้ง.....รู้สึกเหมือนช้อน..... ข้าวต้มในมือ.... กลายเป็นตะบันหมากไปในบัดดล.....พร้อมกับเกิดมหาสมุทร ที่เรียกว่า Generation gap ขยายวงกว้างบนโต๊ะอาหาร ....ทำไมฉันแก่อย่างนี้วะ......... แต่นึกดีใจอยู่อย่าง...ในที่สุดข้าน้อยก็ได้ expereince ว่า เด็กแนว เขาคุยกันยังไง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ของเป็นแนวร่วมสูงวัย ของเด็กแนวก็ยังดีวะ


เสร็จจากกินข้าวเช้า ก็มานั่งคิด ว่า เราจะไปไหนดี วันนี้ ตอนแรกพี่ที่สถานทูต (ฉันว่าฉันอาจจะเป็นพี่เขาก็ได้นะ อ๋ายยยย) บอกว่า วันนี้มีทำบุญเทศน์มหาชาติ ก็เกิดอยากไปทำบุญ เพราะซวยหลายเรื่องเกิน สุดท้ายก็เปลี่ยนใจเพราะ เดี๋ยว 4 โมงเย็นต้องขึ้นเครื่องไป Manchester วิ่งมา วิ่งไป แบบไม่รู้อะไร จะพลอยตกเครื่อง เสียการเปล่าๆ.....เอาเป็น ชมเมืองแล้วกัน มีเวลาแค่ 4-5 ชั่วโมง เองนี่นา เก็บข้าวของเสร็จ ฉันก็เดินเตร็ดเตร่ ออกมาที่ แถว Royal Albert Hall เมื่อคืนอยากถ่ายรูปแต่ไม่ได้หยิบกล้องไป.... ฉันเข้าไปเดินเล่นใน Hyde park ดูนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปหน้าอนุสาวรีย์ เจ้าชาย อัลเบิร์ต พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย แล้วก็ดูชาวลอนดอนเดินเล่นจูงหมา .... บ้างก็มาวิ่งออกกำลัง ..... ชีวิตในเมืองใหญ่ มีพื้นที่สีเขียวนี่ คุณภาพชีวิตดีขึ้นเยอะ ...... เดินอยู่ดีๆ ก็มีเป้าหมาย วิ่งผ่านหน้าไป........ อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่ หนุ่มลอนดอนหรอกค่ะ แต่เป็นกระรอกตัวสีเทา กำลังสาละวนวิ่งเก็บลูกไม้อยู่ ก็เลยสวมวิญญาณช่างภาพของ National Geographic ถ่ายรูปมา.....ได้เท่าที่เห็นล่ะค่ะ

กระรอกสีเทาใน Hyde park เห็นตู้โทรศัพท์สีแดงอยู่ข้างหลังด้วย

Royal Albert Hall ชาตินี้เมื่อไหร่จะได้เข้าไปดูคอนเสิร์ตก็ไม่รู้ค่ะ....



อนุสาวรีย์เจ้าชาย Albert


ออกจาก Hyde park พยายามนึกว่า มันมีอะไรในลอนดอนที่ฉันเคยได้ยิน ได้ฟังมา แคะสนิมออกจากสมอง มั่วมาได้ หลายชื่อ คือ Piccadily circus, big ben, Westminster, tower of London, British National Museum, Harrods, London eye อะไรเทือกๆ นี้ เลยตัดสินใจ นั่งรถบัสสองชั้นสีแดง สัญลักษณ์ของลอนดอน จาก ป้ายหน้า Hyde park ไปตั้งต้นที่ Picadilly circus ซึ่งมันก็เป็นเหมือนย่าน ช็อปปิ้ง ซื้อของ แล้วก็พบปะกินอาหาร (ถูกหรือเปล่าไม่รู้นะคะ เพื่อนบล็อกคนไหน รู้ลึก คม ชัด แก้ไขได้เลย) ไปถึงแล้วประชาชนก็ถ่ายรูป รูปปั้น Eros กันตรึม ฉันไม่เชี่ยวชาญเรื่องรูปปั้น และสถาปัตยกรรม เลยต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ ที่อธิบายในที่นี้ไม่ได้......(จริงๆ แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรชำนาญเลยค่ะ).

Piccadilly circus.....คนเขาพูดถึงกันจังเล้ยยยยย


แล้วฉันก็ต้องคิดว่า จะไปไหนต่อดี ระหว่างนั่งรถบัสนำเที่ยวชมกรุงลอนดอน กับ เข้าพิพิธภัณฑ์ไปชมนิทรรศการภาพเขียนของ Monet นั่งบัสนำเที่ยวน่าสนใจ เพราะอากาศดี คงถ่ายรูปได้เยอะแยะ แต่พิจารณาราคา 19 ปอนด์ (เกือบ 30 ยูโร เด้ะ) กับเวลาที่ฉันมีแค่ 4-5 ชั่วโมง ไม่คุ้มกันเลย พอถึงเวลาอยากจะกลับ บัสอาจจะพาฉันไปในที่ที่ฉันหาทางกลับมาขนของไปสนามบินยาก ไม่รวมว่าอาจจะเกิดรถติด เสียเวลา ได้ดูอะไรไม่มาก ดังนั้นตัดทิ้งไป ........ ส่วนพฤติกรรมการเช้าชม painting gallery ของฉัน...... เป็นสิ่งที่ทำให้เพื่อนร่วมทางทุกคนขยาด....เพราะฉันใช้เวลาค่อนข้างนาน ในการพิจารณาชื่นชม รูปเขียน....... โดยเฉพาะถ้าไปเจอรูปที่ชอบ..... ฉันไม่มีความรู้.... ฉันวาดไม่เป็น.... ฉันรู้แต่ว่าฉันชอบ.....และเมื่อฉันชอบ........ฉันก็จะจัดการเสพ.... เสพ... เสพ.... เสพ.... (ทางสายตา) อย่างเต็มที กว่าจะพอใจ ..... ก็ปาไปหลายชั่วโมงเอาการอยู่นะ... อาจจะไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีก ดังนั้นตัวเลือกนี้ก็ต้องพับไป.....เหลือทางออก แบบน่ารักและประหยัดอยู่หนึ่งทาง คือ ....ก็ซื้อตั๋ววันนั่งธูป ไปโผล่ตามสถานที่ต่างๆ ของลอนดอนเขาหน่อยแล้วกัน มาแล้วไม่ไปดู ก็จะกระไรอยู่ (โปรดสังเกต ว่า.....คิดสะระตะวุ่นวาย หลายเรื่อง เดินวนเวียนหลายรอบ มาลงเอยที่คำตอบง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ คนแบบนี้เหมาะที่จะไปคนเดียว เพราะใช้เวลาลังเล สับสนกะตัวเองได้เต็มที่ 555)


ซื้อตั๋วแล้ว แวะใช้โทรศัพท์สาธารณะ โทรถึงเพื่อนบง แต่เพื่อนบงไม่รับสาย ความอดทนต่อความสยองในการใช้โทรศัพท์สาธารณะสูญเปล่า... จริงๆ (มารู้ทีหลัง ว่าเมื่อคืนหล่อน party ถึงตี 4) ด้วยความงก.....ไม่ยอมซื้อแผนที่ค่ะ อาศัยอ่านจากป้ายรถใต้ดิน ว่าอันไหนมันชื่อคุ้นๆ มั่ง สถานีแรกที่ขอมดำดินไปโผล่คือ สถานีที่มีชื่อว่า Westminster เอาวะ โผล่ออกมาปุ๊บเจอแม่น้ำ เทมส์ ตรงหน้าเป็นอาคาร praliment สีเหลืองสวยเชียว งานแกะสลักหินละเอี๊ยด ละเอียด สวยสมกับเอาไว้โชว์ มีหอนาฬิกาด้วยหนึ่งหอ...ก็เออ สวยดีนิ.....เล่าถึงตรงนี้ก็ปล่อยไก่หน่อย ดีกว่า ....ครือ กุสุมา มิรู้ว่า ไอ้นาฬิกา ตรง praliment เนี่ย มันคือ นาฬิกา Big ben..ค่ะ คิดๆ ในใจอยู่เหมือนกันว่า....” มันใช่อันนี้หรือเปล่าวะ” “หรือ ว่ามันมีอันอื่นๆ อีก” ความคิดก็คิดว่า มันน่าจะเป็นประมาณ หอนาฬิกา ตามวงเวียนสี่แยก เหมือนบ้านเรา ..... เสร่อ เรียกพี่จริงๆ เล้ย..... (มารู้ทีหลัง เพราะไปถามเพื่อน ถูกนังเพื่อนสรรเสริญว่า “ อีนี่ติงต๊อง ไม่รู้จัก big ben” แป่ว.... ) แม้จะสงสัย แต่ฉันก็ไม่หาคำตอบค่ะ (ยังมีน้ำหน้ามาภูมิใจ) มีอะไรให้ดู ก็ดู เดินรับลม ชมบรรยากาศริมน้ำ ดูคนเดินเล่น ดูคู่รักเขาโพสท่าถ่ายรูปกัน ฟังภาษาที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวตามถนน (คนไทยก็มีเยอะเลยค่ะ) ก็เพลินๆ ดีเหมือนกัน.... ริมน้ำฝั่งตรงข้าม preliment จะเป็นชิงช้าสวรรค์อันใหญ่มาก นี่ก็คือ London eye (อันนี้รู้ค่ะ) เลยเดินข้ามสะพานเข้าไปดูใกล้ๆ ซะหน่อย... ก็ไปเจอ คนต่อแถวยาวเป็นกิโล รอขึ้น London eye ไปชมวิว.... เราไม่มีเวลานี่คะ.......ก็ต้อง ขอบายค่ะ........ แต่สิ่งที่เห็นแล้วเกิดความรู้สึก “ เสียด๋าย จัง” กลับเป็น exhibition ของจิตรกรชาวสเปน Salvodor Dali อยู่ตรงอาคารจัดงาน ใกล้ๆ กับ London eye เพราะ ฉันหลงใหลการใช้สีสันบรรเจิด ของ Dali ประกอบกับรูปทรงพิสดาร พิลึกกึกกือ ที่แกวาดมาก อยากจะเสียเงินซื้อตั๋วเข้าไปเสพ เต็มแก่ แต่ต้องตัดใจ ให้ฉันชมลอนดอน แบบ จานด่วนน่ะ ได้ แต่ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นกับงานของ..... Dali ค่ะ และแล้วก็ต้องตัดใจ

Big ben ค่ะ (ตอนนี้รู้แล้ว)....



ลอนดอนอาย อิอิ London eye



เป้าหมายต่อไปของ ขอมดำดินขี่ธูป (ธูป = tube หรือ underground) คือ สถานีที่ชื่อว่า Tower อะไรซักอย่างนี่แหละ จำได้เลาๆ ว่า เดาเอาว่า มันต้อง เป็น tower of london แน่ๆ มุดออกจากรู ก็เจอ Tower of London จริงๆ พิจารณาอยู่สักพัก เลยลงความเห็นกะตัวเองว่า “อืม เก่าดีนะ” อ่านป้ายรายละเอียด ได้ความมาเลาๆ ว่า Tower of London เดิมเป็นเหมือนหน้าด่านกรุง ลอนดอน..... เป็นที่ราชวังพำนักของกษัตริย์.... และรวมทั้งเอาไว้เป็นที่คุมขังนักโทษกิตติมศักดิ์ ทั้งหลายแหล่ เช่น พระราชินีเมรี่ สจ๊วต เป็นต้น.... ไปอ่านเพิ่มเติมมานิดโหน่ย เขาบอกว่า ไอ้ที่เขาใช้เป็นที่คุมขังเนี่ย ก็เลยเกิด สำนวนว่า “sent to the tower” แปลเป็นไทยได้ว่า “เอามันไปขังซะ” (มาจาก //en.wikipedia.org/wiki/Tower_of_Londonค่ะ)

Tower of London ค่ะ ถ่ายมาได้แค่นี้ ไม่ได้เข้าไปข้างใน และไม่ได้ไปปีนหา panorama ค่ะ



นั่งมองเด็กๆ มาทัศนศึกษา กำลังนั่งล้อมวงกินกลางวัน....น่ารักดีนะคะ




แน่นอนค่ะ....ไม่สวยแถมยังเซ่อ แบบกุสุ ก็ดำรงตนเยี่ยงเดิม คือ ค่อยๆ เดิน อภิเชษฐ์ พิจารณา โดยมิรู้ว่า สะพานอันเป็น land mark ของ ลอนดอน คือ tower bridge นั้นหนา มันอยู่ตรงหน้า tower of London นี่เอง (เอ้อระเหยอยู่ประมาณ 30 นาที จึงเดินมาเจอ เวรกรรมจริงๆๆ ถูกประณามตามเคยล่ะค่ะ) เอาล่ะค่ะ ตื่นตะลึง กับความงามและอลังการแล้ว อิฉันก็ถ่ายรูป มาฝากเพื่อนบล็อก ด้วยนะคะ กล้องความสามารถต่ำ แต่ช่างภาพความสามรถระดับต่ำมากๆค่ะ ....

Tower bridge


คุณแม่นักท่องเที่ยว ดูสิคะ ลูกก็ต้องเข็น รูปก็ต้องถ่าย.....เป็นโสดนี่สบายเนาะ (องุ่นเปรี้ยวปรี๊ด......)




แต่ความรู้สึกแบบนี้คนโสดอดสัมผัสนะคะ....แหววมาก.....มดกัดเดี๊ยนเลยค่ะ มดคันไฟด้วย เล่นเอาดวงตาร้อนผ่าว อิอิอิ



ฉากจบของวันนี้ ไม่ได้เป็นกุสุมา ยืนชมพระอาทิตย์ตกริมฝั่งน้ำเทมส์นะคะ แต่เป็นกุสุมา ตาลีตาเหลือก แบกกระเป๋าไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไป Manchester (โอ้ นั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น เช่นนี้ ต้องปลูกต้นไม้กี่พันต้นหว่า.....) ทำเปรี้ยวมากค่ะ ไป check in ก่อนเวลาเครื่องออก ครึ่งชั่วโมง พอดี (เขาจะปิด check in อยู่แล้ว) เดินทางโดย airberlin แล้วอุ่นใจมากค่ะ รู้สึกมั่นใจ ปลอดภัย เพราะเป็นของด๋อยแลนด์ อิอิ นานๆ ที จะรู้สึกรักด๋อยแลนด์ จากนี้ไปก็จะเล่าเรื่อง สัมมนาที่ Manchester และ Scotland ล่ะเด้อ........



Create Date : 10 ตุลาคม 2550
Last Update : 10 ตุลาคม 2550 17:41:15 น. 2 comments
Counter : 1223 Pageviews.

 
วันนี้เดินดูบ้านนะ



โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:23:37:33 น.  

 
......สวยงามครับ......


โดย: jetsada.999 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:20:04:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

O_Sole_mio
Location :
TH Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add O_Sole_mio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.