Bloggang.com : nzmum : ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ดูมันให้ถึงที่...ภูเขาไฟพูจิ ที่ Fuji Five Lakes (ใช่ที่ๆที่ดีที่สุดแล้วเหรอ)

ทัวร์แม่ลูกอ่อน…ดูมันให้ถึงที่...ภูเขาไฟพูจิ ที่ Fuji Five Lakes (ใช่ที่ๆที่ดีที่สุดแล้วเหรอ)

ด้วยความที่อยากจะทำตัวให้ได้ชื่อว่า “มาถึงญี่ปุ่น” พวกเราจึงมีทริปนี้ขึ้นมา ซึ่งจนป่านนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่า มันเป็นความคิดที่ถูกหรือผิด

ก่อนจะมาญี่ปุ่นฉันคิดแล้วคิดอีกว่าโลเคชั่นที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟประจำชาติลูกนี้น่าจะอยู่ที่ไหน จากการสำรวจ บ.ทัวร์ส่วนใหญ่จะพาไปดูที่ทะเลสาบอาชิ หรือไม่ก็ที่ ฮากาเน่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก แต่ด้วยความคึกนึกว่าตัวเองยังวัยรุ่นอยู่…ทำไมต้องเหมือนใคร…ไปเลยเพ่สุดสาย…Fuji Five Lakes

วันที่ 26 พ.ย. 2007 เราเดินทางออกจากโตเกียวกันแต่เช้าตรู่ เราเดินทางด้วย JR สาย Chuo Line (สีส้ม) โดยมีจุดหมายปลายทางที่สถานีปลายทาง Otsuki ระหว่างรอรถไฟ ฉันก็ออกสำรวจบริเวณสถานีและอดไม่ได้ที่จะลองกดตู้ขายของอัตโนมัติดูซักครั้ง และโค้กในขวดที่ทำจากอลูมิเนียมก็ทำให้ฉันเป็นแฟนตัวยงเจ้าตู้เหลี่ยมๆนี่เลยทีเดียว ฉันจำได้ว่าตอนสมัยเรียนเคยได้ยินมาว่าแพคเกจชนิดนี้จะเหมาะกับการเก็บความเย็นได้นานแสนนาน พอได้เจอของจริงก็บอกได้เลยว่าขวดแบบนี้เวิร์คมากๆ แถมรสชาติของโค้กที่ญี่ปุ่นก็ดีที่สุดสำหรับแฟนโค้กตัวจริงอย่างฉัน นอกจากนี้พวกอาหารร้อน เช่น ซุปข้าวโพด ก็อร่อยไม่แพ้กัน เสียแต่ว่าปริมาณออกจะน้อยไปนิด ถ้าจะกินแบบให้อิ่มคงต้องซัดซัก 3 กระป๋อง

ด้วยความที่มัวแต่เถลไถล รถไฟขบวนนึงได้แล่นเข้ามาจอด โดยที่หัวรถจักรวิ่งผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็ว ฉันเห็นคำว่า “ Otsuki” อยู่แว้บๆ ด้วยความที่อยากไปเที่ยวเร็วๆ ฉันจึงจูงลูกและแมทโดดขึ้้นรถไฟไปทันที โดยหารู้ไม่่ว่ารถที่เราขึ้นไปนั้นเป็นแบบ local train

รถไฟที่จะไป Otsuki มีสองขบวนให้เลือกคือ direct limited express (70 minutes, 2700 Yen) ในขณะที่ local train จะต้องมีการเปลี่ยนรถและเสียเวลามาก

เวลาผ่านไปเกือบๆ 3 ชั่วโมง เราก็มาถึงสถานี Otsuki จนได้ บรรยากาศที่สถานีนี้ช่างวิเวก เก่า และ เงียบ ไม่ทันได้พักนาน เราก็รีบโดดขึ้นรถไฟสาย Fujikyu ไปยังสถานี Kawaguchiko เพื่อไปยัง Fuji Five Lake region (50 minutes, 1110 Yen). เส้นทางนี้ไม่ใช่ JR เพราะฉะนั้นจะใช้ JR Pass ไม่ได้ เรารีบร้อนกดซื้อตั๋วกันแทบไม่ทันรถไฟขบวนนี้

ความผิดพลาดในการเลือกรถไฟในรอบแรกทำให้เราผวาไปซะทุกอย่าง รถไฟขบวนนี้แทนที่จะเดินหน้าต่อไปมันกลับวิ่งย้อนหลังซะงั้น ฉันเริ่มจิตใจไม่ดีเพราะไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปไหนอีก แต่เมื่อมาหยุดที่สถานีต่อไปเราก็รู้ว่ารถไฟได้วิ่งมาถูกทิศแล้ว

พอเวลาใกล้จะ 50 นาทีฉันก็วิตกจริตอีกครั้งว่าจะถึงหรือยัง แต่เมื่อหยุดเม้าท์กับสามีและเงยหัวขึ้นมาดูวิวด้านหน้า ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับภาพของภูเขาไฟฟูจิที่สูงใหญ่อลังการชนิดที่ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน เพราะภาพที่ฉันเห็นมันเต็มจอเหมือนในโรงหนังเลยทีเดียว ทีี่สำคัญ เพื่อนร่วมฉากที่ทำให้ภาพนี้น่าสนใจมากขึ้น ก็คือรางรถไฟเหาะที่สูงมากๆจากสวนสนุก Fujikyu Hoghland ที่ทำให้การมองฟูจิซังจากมุมนี้น่าสนใจมากขึ้นทีเดียว

เมื่อมาถึงสถานีปลายทาง เราก็งงๆว่าจะไปชมวิวกันที่ไหน บังเอิญว่าระหว่างนั้นเราเจอชายอเมริกันที่เพิ่งกลับจากการชมวิวและเตรียมตัวกลับโตเกียว เค้าแนะนำให้เราไปชมวิวจากจุดชมวิวที่ขึ้นไปโดยกระเช้าลอยฟ้าที่ Tenjou-san Ropeway ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า-5 โมงเย็น

ฉันดุเวลาก็ปาไปเกือบ 3 โมงเย็นแล้วและหลังจากเช็คตารางรถไฟที่จะกลับโตเกียว เราก็รู้แล้วว่าต้องค้างคืนที่นี่หนึ่งคืนแน่ๆ เราเลยติดต่อ Information Centre ที่สถานีรถไฟหาที่พักให้เราหนึ่งคืน

ถึงแม้ Info Centre จะบอกเราว่าเดินไป 10 นาทีก็ถึง Tenjou-san Ropeway แต่เราตัดสินใจไปโดยแท็กซี่ และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะแรงงานของเรานั้นมีไว้เพื่อภารกิจต่อไป

เราต้องแบกกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ รถเข็นเด็กหนึ่งคัน และ เด็กขวบกว่าอีกหนึ่งคน ขึ้นบันไดไปยังจุดขึ้นกระเช้า หลังจากเหนื่อยหอบและรอจำนวนคนให้มากพอควร กระเช้าจึงเริ่มออกตัวขึ้นไปยังยอดเขา ภาพของใบไม้สีแดงรอบทะเลสาบทำให้พวกเราหายเหนื่อยไปได้ซักนิด

ในที่สุดภาพอันอลังการที่อยากจะเห็นนักหนาก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า แต่เพื่อความถึงทึ่สุดเราเดินขึ้นบันไดต่อไปเพื่อให้ภูเขาแบบไร้สิ่งกีดขวาง เมื่อสูดหายใจให้หายเหนื่อย ฉันก็รับรู้ว่ารูปทรงของภูเขาไฟประจำชาติช่างได้สัดส่วนมีสมดุลย์ที่ดีเลยทีเดียว เราเถลไถลอยู่บริเวณนั้นให้คุ้มกับความดั้นด้น

ระหว่างจูงลูกลงบันได้ด้วยความเหนื่อยอ่อน ฉันเริ่มมีคำถามในหัวมากมาย ฉันก็คิดในใจว่า ทีนี่คือจุดชมวิวที่ดีที่สุดแล้วจริงๆหรือ? ยังไม่ทันที่ฉันจะเริ่มวิเคราะห์หาคำตอบ คำถามที่สองก็แล่นมาชนิดเบรคเกือบไม่ทัน

แล้วเราจะกลับไปโรงแรมหน้าสถานีกันยังไง?

ขณะนั้นโพล้เพล้มาก รถบัสที่วิ่งไปสถานีเริ่มหยุดวิ่ง เราตัดสินใจเดินกลับไปสถานี แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็เหนื่อยมากเพราะอากาศตอนนั้นก็หนาวขึ้นๆ เราตัดสินใจเดินเลี้ยวไปยังมินิมาร์ทใกล้ๆ ฉันขอให้พนักงานในร้านช่วยโทรเรียกแทกซี่ให้ กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจเวลาผ่านไปหลายสิบนาทีและเปลี่ยนพนักงานช่วยเหลือไป 5 คน

เมื่อแท็กซี่มารับ ฉันดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่วันเหนื่อยๆของเราจะหมดลงซะที เรามาถึงโรงแรมเล็กๆแห่งนั้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างคับแคบ แต่แค่คืนเดียวเราเลยไม่บ่นกันมากนัก

เมื่อวางสัมภาระเรียบร้อย ฉันล้มตัวลงนอนจนรู้สึกว่าสันหลังเหยียดแบบเต็มที่ สมองเริ่มผ่อนคลาย ฉันบอกให้แมทเปิดม่านที่หน้าต่างให้หน่อย …ในที่สุดคำตอบที่ฉันถามว่า “ที่ Tenjou-san Ropeway เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแล้วจริงๆหรือ” ก็มาบังเกิดอยู่ตรงหน้า…

ไม่เห็นต้องปีนกระได เรียกรถให้วุ่นวาย นอนเฉยๆก็ได้เห็นฟูจิซังแบบสุดๆไปเลยเหมือนกันนี่นา เฮ้อ!

ป.ล. ถ้ามีโอกาสคราวหน้าขอไปฮาโกเน่หรืออาชิดีกว่า

Create Date : 15 ตุลาคม 2551

Last Update : 15 ตุลาคม 2551 2:04:23 น.

3 comments

Counter : 1918 Pageviews.

อืม นั้นซิค่ะมองดูรูปแล้ว มันมีแค่นั้นจริงๆเหรอ ตอนแรกเรานึกว่าต้องมีอีกซิมันต้องสวยมากๆ แต่ก้อสวยน่ะแต่มันต้องมีมากกกว่านี้ใช่ม่ะ อืมคิดเหมือนกันป่าวน๊า การเดินทางในแต่ล่ะทีไม่ใช้ง่ายเลยน่ะ มีเด็กอีกลูกน้อยด้วย ระยะการเดินทางอีก แต่พอไปถึงทีคำถามเดียวกันกับแม่อวนเลย

แม่อวนกับเด็กๆสบายดีน่ะ คิดถึงน๊า

โดย: bagarbu

วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:3:32:09 น.

ว้าว.... ฟูจิซังสวยจังเลยนะคะ

โดย: fahtsuki

วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:12:37:05 น.

อิอิ กำลัง plan ไป Hakone ค่า

เด๋วจะเที่ยวเผื่อนะคะพี่ อิอิอิอิ

ปล. ถ้าถ่ายได้งามงดแบบพี่เมื่อไหร่ จะรีบเอามาอวดทันใดเลยค่า

โดย: blueschizont IP: 58.147.53.230 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:23:16:54 น.