กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
ทริปแม่ค้าพาเพลิน....ตอน โอตารุ มุ้งมิ้ง พาเที่ยวแบบละเอียดดดด

เช้าวันที่สอง วันนี้ ตื่นมาด้วยมีลุ้นว่า ฝนจะตก (จริงๆ ก็ลุ้นมันทั้งทริปเลย เพราะเขาว่ากันว่าใต้ฝุ่นเข้า) แต่ก็โอเคนะ มีแดดตอนเช้า ฝนตกหยุมหยิมตอนกลางวัน พอบ่ายๆ มีแดด อากาศกำลังดี 


แผนการเดินทางวันนี้ คือ นั่งรถจากซัปโปโร ไปเที่ยว โอตารุ

โอตารุ เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากซัปโปโร นั่งรถไฟ  JR  ประมาณ 45 นาที ในครั้งแรกที่หาข้อมูล ก็ไม่รู้ว่า จะชอบไหม เพราะไฮไลท์ของเมือง คือกล่องดนตรี เครื่องแก้ว อาหารทะเล  และขนมหวาน ไปๆมาๆ กลับเป็นอีกหนึ่งเมืองกลับมามองย้อนไปแล้วรู้สึกว่า มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ให้สัมผัส ใช้เวลาละเมียดละไมได้เป็นวันๆ  พอมานั่งดูรูปถ่ายทั้งหมด ปรากฏว่า รูปโอตารุ เยอะมากกก

วันก่อนแอบไปสอดส่องทัวร์ฮอกไกโด เพื่อทำแพลนให้ลูกค้าแบคแพคบัดดี้ ทัวร์ขนาด 5-6 หมื่น มีแวะไปโอตารุด้วย แต่ ใช้เวลาสั้นมากกกกกกกกก คาดว่า จะให้ไปดมๆ 2 ชม. ดูพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ดูหอนาฬิกา แล้วกลับ ขอบอกว่า พลาดดดดดดด เพราะโอตารุ เมืองมุ้งมิ้ง ควรค่าแก่การใช้เวลา อย่างน้อย ครึ่งวัน หรือ  1 วัน หรือ อยากลองดูบรรยากาศเช้าจรดค่ำ นอนสักคืนก็ได้ 
(ทีแรกคิดเหมือนกันว่าจะยิงยาว พอลง สนามบิน Shin-Shitose นั่งรถไฟมา Otaru เลยด้วยซ้ำ แต่ติดว่า ต้องขนกระเป๋าแบกไปมาหลายรอบ หากจะแยกกระเป๋าส่งแมวดำไปไว้ซัปโปโรก่อน ก็ฟุ่มเฟือยไป ถ้าใครมีงบ แนะนำว่าสามารถทำได้นะคะ ตื่นเช้ามาได้เที่ยวแต่เช้า)

วิธีการเดินทาง : เราเลือกใช้ Otaru Welcome Pass  ราคา 1500 เยน 
บัตรนี้เฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น ที่จะสามารถซื้อได้ (ต้องแสดงพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว)
ในแพค จะมี บัตร JR แบบ Unlimit ขึ้นลงได้ ระหว่างเส้นทางจากซับโปโร ไปโอตารุ คุ้มโคด
และ มีบัตร  Sapporo Day Pass ใช้นั่งรถไฟในซัปโปโรแบบไม่จำกัดเที่ยวได้อีก 1 วัน
หน้าตา Ticket Office ที่เราสามารถซื้อตั๋ว JR ได้ อยู่ตรงข้ามทางช่องปิ๊บๆ ทางเข้าสถานนีซัปโปโร 

เป็นดีลที่ คุ้มสุดๆ 
ให้มาสองใบแบบนี้...ใบบนเป็น JR เราจะใช้วันนี้ สามารถเดินทางขึ้นลงไม่จำกัดตามเส้นทางในบัตร ส่วน ใบล่าง สำหรับรถไฟใต้ดิน ซัปโปโร เก็บ ใช้วันไหนก็ได้ 

นั่งรถไฟมาถึง ระหว่างทางพอใกล้ๆ โอตารุ รถไฟจะวิ่งเลียบๆ ทะเล  สถานี มาจากซัปโปโรแล้ว ที่ถึงก่อนคือ Minami Otaru จริงๆ แนะนำให้ลงที่นี่ค่ะ แล้วเดินเที่ยวไล่ๆ ไป ทางขวา เที่ยวเสร็จแล้ว หารถเมล์เลือกขึ้นได้หลากหลาย ไปลง JR Otaru แล้วนั่งกลับซัปโปโร
แผนการเที่ยวของเราวันนี้คือ
เช้า ไปจุดชมวิว Suitengu เพราะกินข้าวเช้ามาจาก รร. ยังมีแรง แดดเช้า ไม่แรงเท่าแดดบ่าย ทำให้ไม่ร้อนมาก 
จากนั้นเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ดูหอนาฬิกาไอน้ำ อะไรไปเรื่อยๆ จนถึงบ่าย
เย็น อาจจะกินอาหารเย็นที่นี่เลยถ้าใช้เวลาเดินเที่ยวนาน โอตารุมีโรงเบียร์ ริมแม่น้ำ ที่วงเอาไว้ให้ด้วยค่ะ 
สำหรับทริปพวกเราไหวตัวช้า มุ่งมั่นว่าจะไปลงสถานีโอตารุแต่แรก เลยมะได้ดูว่าลง มินามิโอตารุก็สามารถเดินเที่ยวตามแผนเช้าได้ง่าย แต่ข้อดีคือ เมื่อเรามาลงสถานีใหญ่อย่างโอตารุจึงมีข้อมูล เอกสารให้หยิบมากมาย รวมถึงสายรถเมล์ด้วย
เส้นสีน้ำเงิน คือ เส้นที่เราเดินเที่ยวใน 1 วันค่ะ แบบแวะดูโน่นนี่นั่น ตลอดทาง มาจบตรงริบคลองประมาณ 4 โมงเย็น กว่าๆ 

ออกจากสถานนี Otaru  เดินมาป้ายรถเมล์ ยืนงงอยู่แผ่บ ก็มีป้ามาอธิบายให้ฟังว่า เราจะไปมิวเซียมนะ ให้เรานั่งรถเมล์สายสีน้ำเงิน Marine Course ไปลงป้าย A6 ก่อนถึงห้าแยก พิพิธภัณฑ์
สังเกตไม่ยาก มีชื่อป้าย และเป็นแยกใหญ่ๆ (ก่อนหน้านั้นเป็นถนนมุ้งมิ้ง ที่เราจะเดินย้อนกลับมา ทำให้เราได้ preview เส้นทางเดินก่อน 1 รอบ รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน) 

ค่ารถ 220  เยน 

ป้ายรถเมล์ หน้าสถานนี ถึงเจ้าหน้าที่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ใจดีสุดๆ พยายามอธิบาย ชี้ๆ ทางให้ไปยืนรอรถเมล์ สายสีน้ำเงิน 


พอลงรถที่ป้ายรถเมล์  ฝั่งตรงข้ามทางขวามือ มีไปรษณีย์ เดินเข้าซอยข้างไปรษณีย์  ตรงมานิดเดียว เจอแยก เลี้ยวขวา ขึ้นมาตามทาง ไปจุดชมวิว 

ครือ คู่มือเทียว เขียนเหมือน อลังการ จริงๆ เดินมา เวิ้งว้างมั่ก  ไต่ทางชัน ผ่านบ้านคนไปเรื่อยๆ ทักทาย คุณลุง คุณป้าไปตามทาง (คงไม่ค่อยมีใครขึ้นมาสินะ 5555)

จุดที่สูงที่สุด ไม่ใช่จุดที่สวยที่สุด ด้านบนสุดเป็นวัดร้างๆ ปิดอยู่ค่ะ จะเห็นวิวโรงงานๆ 
ช่วงที่จะเห็นวิวได้สวย คือช่วงที่เดินขึ้นมาแล้วมองกลับลงไป 

ระหว่างทางลงกลับ เจอคุณลุงบ้านนี้ ออกมานอกบ้านพอดี บ้านแกวิวดีมากกกก มองเห็นทะเล และเมืองโอตารุ ลุงชวนคุยใหญ่ ถามว่าไปไหนกัน มาจากไหน และจะไปไหนต่อ คุยกันน๊าน พอบอกว่า จะไปฟุราโน คุณลุงใจดี เด็ดดอกลาเวนเดอร์หน้าบ้านให้ดู แล้วแนะนำที่เที่ยวในซัปโปโรให้อีกหลายที่...ชักภาพเป็นที่ระทึกก่อนร่ำลา คนญี่ปุ่นน่าร๊ากกก

เดินกลับลงมา ที่ห้าแยก....แวะเข้าร้านมุ้งมิ้งงงง

ข้างในร้าน...น่ารักไปไม๊อะ 

Hi-Light โอตารุ มุ้งมิ้ง ลำดับ ที่ 1  คือ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ดูข้างนอก แบบนี้ ข้างในใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกก



มีกล่องดนตรีน่ารักๆ หลายหลายให้เลือกซื้อ ชั้น 2-3-4 จัดแสดงกล่องดนตรี จากทุกมุมโลก


กล่องดนตรีสวยมากกกกกกกก  ในรูปบนซ้ายนี่ 1,300,000 เยน...(เท่านั้นเอง)

ชั้นบนๆ ของพิพิธภัณฑ์

คนชอบอะไรแบบนี้ ตายไปเลยยย

เดินกินลม ชมวิว กันไปเรื่อย 11 โมงกว่า เริ่มหิวตะหงิดๆ 

Hi-Light โอตารุ มุ้งมิ้ง ลำดับ ที่ 2 ได้แก่ สารพัด ร้านขนมอร่อย 

เช่น ร้านขนมชื่อดังของโอตารุ  La Tao (จริงๆมีหลายสาขานะคะ แล้วแต่ละสาขา เหมือนว่าจะมีขนมบางอย่างไม่เหมือนกันด้วยอะ) ขนมที่ขึ้นชื่อมีหลายอย่างมากกกก มีให้ชิมฟรี อร่อยทุกอย่าง!!!! โดยเฉพาะชีสเค้ก 

ดูเซร้ แค่ดู ก็ฟินนน

อันที่สั่งมา.....รสชาติโอเค สตอเบอรี่ช็อตเค้ก เฉยๆ อันสวยๆ เป็นเยลลี่กุหลาบด้านบน หอมๆ ดีค่ะ 


ที่นี่ เป็นอีกนึ่งร้านขนมชื่อดัง ไม่ใช่ขนมฝรั่งเป็นพวกขนมท้องถิ่น ข้าวพองกรุบกรอบ และอื่นๆ อีกมากมาย ชิมกันมันส์ กินอิ่ม เดินออก 5555555

เดินๆ มาอีก เจอร้านขายของทะเลสดๆ เป็นระยะๆ แต่ร้านนี้ย่างสดหน้าร้าน

ไม่มีโต๊ะนั่ง ยืนกิน สะใจดี 55555
ไข่หอยเม่น คนขายถามว่า จะเอาดิบ รึสุก....กลัวแหลกไม่ล่าย เลยขอว่า ลองชิมสดๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยย่าง  คนขายก็ผ่า ล้างอยู่หลายน้ำ ค่อยส่งให้พร้อมช้อน....อืมมมมมม สดดดดดไป๊  มันๆ คาวเหมือนยกทะเลมาไว้ในปาก ขอแบบย่างดีก่านะ  กร๊ากกกกกกก เค้าเลยจับไปย่างให้อีกรอบ พร้อมด้วยหอยเชลล์ เป่าฮื้อ นางรม ตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกก

ยังไม่ถึงครึ่งทาง พอรู้อ๊ะยังว่าทำไม โอตาระ เที่ยว 2 ชั่วโมงไม่พอ แวะกิน แวะชิม แวะดูแทบทุกร้าน  

Hi-Light โอตารุ มุ้งมิ้ง ลำดับ ที่ 3  ได้แก่ ร้านเครื่องแก้ว  เทคนิคการเป่าแก้ว ทำแก้วญี่ปุ่นนี่ล้ำมาก ทั้งการใช้สี และเทคนิค รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ 

ก่อนหน้านี้เคยไป เวนิซ ดูเป่าเครื่องแก้ว งานมันก็คนละฟิลเนอะ งานยุโรปจะคลาสสิคๆ หรูๆ แต่ที่โอตารุ ผสมผสานเทคนิคและความเป็นญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว มีสไตล์ของตัวเองม๊ากกกกกกกกก


WS ให้ลองเป่าแก้ว 

น่ารักโฮกกกกกก

งิ๊ดดดด น่ารัก มีหลายอย่างทีอยากซื้อกลับ แต่ถ้าไม่แพคอย่างแน่นหนา คงเละอะ


บรรยากาศสองฝั่งริมถนน ตึกสวย เก่า คลาสสิก




ระหว่างทาง มีร้านอาหารเป็นระยะๆ นะคะ แต่พวกเราเลือกเดินมาถนนซูชิ และกินร้าน Masasushi ปกติ รอคิวนานนนนเป็น ชั่วโมงๆ อย่างวันที่เราไป รอคิว 40 นาที หิวมากกกก หลังจากเดินแวะทุกร้าน กว่าจะถึงร้านข้าว ปาเข้าไป บ่ายสองกว่า 
รอคิวจริงๆ เหมือนจะไม่นาน นั่งพักเหนื่อยแป๊บเดียว พนักงานก็มาเรียก(มีห้องพักให้นั่งรอ นอนรอได้แบบสบายสุดๆ) 

สั่งอะไรไปบ้างจำไม่ได้ รู้ตะหิว กินกันไวม๊ากก มีรูปแค่เน้แหละ 55555



กินอิ่ม มีแรงเดินต่อ เราก็เดินกันมาทางฝั่งเลียบคลอง มีร้านเครื่องแก้ว เป่าแก้วมุ้งมิ้ง ให้แวะ ได้เรื่อยๆ  จนถึงฝั่งคลอง เย็นๆ อากาศกำลังดี นักท่องเที่ยวเพียบบบบ แต่พวกเราได้ไปสร้างแลนมาร์คไว้เรียบร้อย....ด้วยไม้เซลฟี่  ผู้คนฮือฮา และคงจะจดจำนักท่องเที่ยวชาวไทยไปอีกนาน T-T 


ถ้าจะรอกินลมชมวิว สองฝั่งคลองโอตารุ ต้องรออีกหลายชั่วโมง พวกเราเลยตัดสินใจ โบกมือลาโอตารุ นั่งรถเมล์ กลับมาลงที่สถานนี JR และต่อรถไฟกลับเข้า sapporo 

ยามค่ำคืนของพวกเรา เดินเล่นกันแถว สถานนีซัปโปโร และแอบไปเดิน ซูซูกิโน๊ะ กันแป๊บนุง แต่ได้ของกันมาถุงใหญ่มากเลยนะ  555




Create Date : 27 กันยายน 2557
Last Update : 11 ตุลาคม 2557 19:54:44 น. 0 comments
Counter : 3401 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.