Group Blog All Blog
|
วันเดียว...เที่ยวสกลนคร พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมันในพุทธธรรม เหมือนเดิมอีกตามเคย เราได้ใช้คะแนนจองตั๋ว 0 บาท ไป-กลับ สกลนคร คนละ 150 บาท แบบนี้ก็จัดไปอย่าให้เสียสิ วันหยุดของแฟนก็ไม่ค่อยมี เอาว๊ะ เช้าไป-เย็นกลับ วันอาทิตย์นี่แหละ ง่ายดี ไปหาที่เที่ยวเอาดาบหน้า เชื่อสิ เดี๋ยวใกล้ ๆ วันเดินทาง ก็จะมีคนมารีวิวที่ท่องเที่ยวเองแหละ อิ ๆ จอง ๆ ไปก่อนค่อยว่ากันใหม่ สกลนคร ชื่อนี้ หลาย ๆ คนคงคุ้นหู กันดี ว่าขึ้นชื่อเรื่อง ชำแหละเนื้อสุนัข ที่ท่าแร่ แต่ปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปแล้ว คนสกลนครไม่ได้ชอบทานเนื้อสุนัขนะ แต่จะเป็นคนเขมร และคนเวียดนามแหละที่นิยมทาน มันจึงเป็นเพียงแค่คำชื่อติดปากมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนไป ก็หาข้อมูลในพันทิป ในเน็ตมาพอสมควร ไม่ต้องอะไรมาก แค่เช้าไป-เย็นกลับ เอาแบบชิว ๆ ไม่เร่งรีบก็แล้วกัน แต่การเดินทางของเรา จะนั่งรถสองแถวเที่ยวก็เกรงจะไม่สะดวก คิดจะเช่ารถยนต์ขับ แหม ที่สนามบินสกลนคร ก็ไม่มีรถเจ้าใหญ่ ๆ ให้เช่าเลย มีแต่รถพื้นเมือง ซึ่งแน่หล่ะ ราคาแพงมาก ๆ จึงเข้าไปหาข้อมูลในเน็ต เจอ รถเช่าสกลนคร เอาว๊ะ เช่ามอเตอร์ไซด์ ขับดีกว่า จึงได้ร้านเช่ามาคือ https://www.facebook.com/supachokcarrent ราคาวันละ 300 บาท รับ-ส่งสนามบิน ราคารับได้จึงตกลงเช่ารถกันเรียบร้อย วันเดินทาง ตื่นเช้ามาก ๆ ออกจากบ้านเกือบตี 5 เอารถไปจอดที่สนามบิน เสียค่าจอด 250 บาท คิดว่าคุ้มกว่านั่งรถแท็กซี่ แถมสบายใจกว่าด้วย เหมือนเดิม ถึงสนามบิน หาอะไรรองท้องที่ 7-11 และรอขึ้นเครื่อง 6.55 น. มีบัตรก็ต้องใช้เบ่งฟรีซะหน่อย อิ ๆ ถึงสนามบิน สกลนคร 8.10 น. รถมารอเรียบร้อย รับรถเสร็จ แว้นกันเลย อิ ๆ จากสนามบินจะมีรถตู้เข้าเมือง 80 บาท ถ้า 2 คนก็ 160 บาท แหม เช่ารถมอเตอร์ไซด์ขับ ประหยัดกว่าเยอะ ตามประสาคนงก ๆ อย่างเรา อิ ๆ พาหนะคู่ใจของเราในวันนี้ ออกจากสนามบิน ระยะทางประมาณ 2 กิโล ที่แรกของเรา คือ ท่าแร่ ให้เลี้ยวขวาค่ะ ระยะทางไม่ไกล ไม่เกิน 20 กิโลเอง จะผ่าน ม.เกษตรศาสต์ อยู่ฝั่งซ้าย ขับมาสักหน่อย ก็จะถึงท่าแร่ แล้ว ก็แวะถ่ายรูปตึกเก่า ทานก๋วยเตี๋ยวที่บรรยากาศร้านสุดคลาสสิค แถมราคาถูกแสนถูก แค่ 30 บาท น้ำดื่มฟรี (ก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม แคปหมู 1 ถุง = 70 บาท) แบบนี้หาในกรุงเทพฯ ไม่ได้อีกแล้ว 555 ลืมบอกไป ก๋วยเตี๋ยวจะขายเฉพาะวันหยุดนะคะ ไม่เกิน บ่าย 3 ก็หมดแล้ว แม่ค้าใจดี เค้ามาเช่าขายเฉย ๆ จร้า มีพี่ใจดี อธิบาย สถานที่แห่งนี้ให้ฟัง และถามว่าชื่อภาษาอังกฤษ อ่านว่าอะไร 555 มึนตึบสิตรู เค้าเลยบอกว่า ชื่อด้านบน คือชื่อนักบุญ ด้านล่างคือชื่อของเจ้าของบ้าน ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้ไปในตัว ก่อนทานก๋วยเตี๋ยวค่ะ "โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล" ออกจากท่าแร่ ก็กลับเส้นทางเดิมที่มาจากสนามบิน แวะอุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สักกระหน่อย แหม่ อากาศร้อนเปรี้ยง ๆ ดีจัง บัวน้อยลอยชูช่อ เต็มบึง สวยงามขนาด ที่อุทยานมีจักรยานให้เช่าปั่น แต่ร้อนขนาดนี้ ขอบายดีกว่าค่ะ กลัวจะดำไปมากกว่านี้ ขอหลบแดดหน่อยสิ จากอุทยานบัว ก็บึ่งรถไปพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ก่อนเลย เอาที่ไกลสุดก่อน แล้วค่อย แวะใกล้ ๆ แถวเทศบาล ขับมาเรื่อย ๆ จะเจอแยกบายพาส ให้เลี้ยวขวา ขับตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะถึง หาไม่ยากค่ะ เส้นทางขึ้นพระตำหนัก สวยงาม และเย็นสบาย ต่างกับเส้นทางที่ผ่านมาลิปลับ เหมือนหลุดไปอีกจังหวัดแถว ๆ ภาคเหนือเลย เส้นทางนี้ เค้าขึ้นชื่อเรื่อง "โค้งปิ้งงู" บางคนว่าโค้งจนอยากอาเจียน แบบนี้ ต้องลอง หุ หุ ทางที่เดินจะคดเคี้ยวเพียงใด แต่ขอให้มีใจก็จะสามารถฝ่าฟันไปได้ อิ ๆ สำหรับเรา มันไม่ได้น่ากลัว หรืออยากจะอาเจียน เลย ชิว ๆ สบาย ๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หรือว่าเราไปเที่ยวภาคเหนือบ่อย เลย ชินกับมันมั๊ง ขับถึงจุดโค้งปิ้งงู ก็กลับ แวะน้ำตกคำหอม สักหน่อย น้ำไม่ค่อยมีเลย แต่ก็คงเป็นน้ำตกที่ใกล้ ตัวเมืองที่สุด แต่ก็มีนักท่องเที่ยว หอบเสื่อ มานั่งทานอาหาร และปล่อยเด็ก ๆ เล่นน้ำกันสนุกสนานค่ะ ทางเข้าน้ำตก ออกจากน้ำตกคำหอม ก็แวะ พระตำหนักฯ ทางเข้าพระตำหนัก สวย และร่มรื่นดีมาก ๆ ติดต่อแลกบัตร (เข้าฟรี) และเดินเที่ยวชมได้เลยค่ะ นักท่องเที่ยวไม่มีเลย มีแค่เราสองคน นี่ขนาดเป็นวันอาทิตย์นะ ถ้าวันธรรมดา คงจะไม่มีใครเลยอ่ะ เสียดาย สถานที่สวย ๆ แบบนี้ แต่หลบซ่อนอยู่ ใครไม่ได้มาเสียดายแย่ ทางเดิน สวยงาม ต้นไม้ เขียวชะอุ่ม เดินมาสักพักก็ถึงพระตำหนักปีกไม้ เป็นเรือนไม้ ธรรมดา ๆ ซึ่งเป็นที่ประทับของ พระเจ้าอยู่หัว และพระราชินี เวลาที่ท่านเสด็จมาประทับ ซึ่งสร้างแบบพอเพียง น่าชื่นชมจริง ๆ ค่ะ (ถ้าจะขอเข้าชมต้องทำเรื่อง ติดต่อล่วงหน้า) เดินชมความงามได้สักพัก ก็กลับดีกว่า แต่เวลาเราเหลือเยอะ ไปทานสเต็กโคขุน ที่ ฟาร์มฮัก กันต่อเลย เส้นทางก็กลับทางเดิม พอผ่านบายพาส ให้เลี้ยวขวา ไปทางบ้านนาแก (ป้าย บอกทางไม่มีติดเล้ย ต้องถามชาวบ้านแถวนั้นถึงจะไปถูก) ถึงแว้ว โคขุน คุณทอง / ฟาร์มฮัก สถานที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้ไม่นาน 2 ปีแล้วมั๊ง 55 แต่มาสกลนครทั้งที ก็ต้องแวะมาดูแกะ สักหน่อย น่า ดูสิว่าเป็นอย่างไร ร้านตกแต่งน่ารักดีค่ะ ถ้ามาตอนเย็น ๆ น่าจะดีกว่า อิ ๆ วันที่ไป คนแน่นร้านเชียว มีที่นั่งแบบแอร์ ชั้นล่าง และชั้นบน ชมวิว แต่มันเต็ม เราเลยได้นั่งด้านนอก แต่วิวก็สวยดีไปอีกแบบ สวนตัวดีด้วยค่ะ อาหารที่ขายก็จะเป็นสเต็ก (แพงจุงเบย) และมีพวก ส้มตำ แจ่วฮ้อน ลาภ น้ำตก แต่มาแล้วก็ต้องลอง สเต็ก เนื้อโคขุนโพนยางคํา ซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง อาหารรสชาด ธรรมดามาก ๆ (เราทานสเต็กนะ อย่างอื่นไม่ทราบ )แต่วิว และสถานที่สวย เลย ถัว ๆ กันไป ถือว่ามาชมวิวก็แล้วกัน (ถ้าใครไม่ได้ทานอาหาร ก็สามารถเข้ามาเที่ยวได้นะคะ เสียค่าเข้า 20 บาท เข้าไปชมแกะ ชมฟาร์มได้ ถ้าเป็นลูกค้า เข้าฟรีค่ะ) แกะ ที่นี่สงสัยจะหิว พอนักท่องเที่ยวเดินมา รีบเข้ามาขออาหารกันใหญ่เลย น่ารัก หรือน่าสงสารดีอ่ะ วิว รอบ ๆ ถ่ายรูปเรื่อย ๆ ระหว่างรออาหาร ถ้ามาหน้าหนาว คงจะอากาศดี และน่าเดินกว่านี้มาก ๆ ค่ะ เสร็จจากทานอาหาร (สเต็กเนื้อ โคขุน 2 ที่ น้ำอัดลม+น้ำแข็ง = 445 บาท) ออกจากฟาร์มฮัก ก็บ่าย 2 (หน้าฝน แต่ฝนไม่ตก ระหว่างทางที่ขับ ร้อนเปรี้ยงเชียวหล่ะคุณ) มีเวลาอีก 4 ชม. ที่จะคืนรถ แวะไหว้พระที่ วัดป่าสุทธาวาส มีพระอุโบสถ ที่สวยงาม และเราไปไหว้อัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ กันค่ะ ออกจากวัดป่าสุทธาวาส ก็แวะซื้อของฝาก เป็นแหนมเนือง ร้านวิลลี่แหนมเนือง ไปฝากญาติ และเพื่อน ๆ และนี่เลย สถานที่นี้แหละ ที่อยากมา คือ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร มีป้ายบอกตลอดทางค่ะ มายังไง ก็ไม่หลงชัวร์ แค่ได้เข้ามาก็พบกับความสวยงาม ของพระธาตุสีขาว ตัดกับท้องฟ้า สีฟ้า ซึ่งวันนี้ ฟ้าเป็นใจจริง ๆ ค่ะ สวยงามมั๊ก ๆ ค่ะ หลวงพ่อพระองค์แสน ออกจากวัดพระธาตุเชิงชุม จะไปทานปากหม้อปารีส แต่เย็นแล้ว จึงไม่ไปดีกว่า จึงแวะทาน ก๋วยจั๊บญวน ที่ร้าน เด็กเส้น 2 ตอนที่เด็กมาเสริฟ ก๋วยจั๊บ น่าทานมาก ๆ ชิมน้ำซุปดู หึ อร่อยดี แต่แบบว่า เคยตัวเป็นนิสัยงัย เห็นเครื่องปรุง เลยหยิบมาปรุง ใส่พริก น้ำตาล น้ำปลา ชิมดูอีกที .... เหี้ยเลย ไม่น่าเลยตรู รู้งี้ กินตั้งแต่เสริฟจะดีกว่า 555 (ก๋วยจั๊บ 2 ชาม + เป๊บซี่ 1 ขวด น้้ำแข็งฟรี = 70 บาท) กินอิ่ม นัดส่งรถกันที่ ด้านหลังห้ามแม็คโคร (บ้านคุณลุงที่เช่ารถ) ผ่านประตูเมืองสกลนคร อื่ม.... สวยดีอีกแล้ว เมืองเล็ก ๆ แต่แอบซ่อนเสน่ห์ไว้เยอะนะเนี่ย คืนรถ คืนเงินประกัน 1000 บาทเรียบร้อย คุณลุงโชค ขับรถมาส่งสนามบิน ขึ้นเครื่อง 19.20 น.ถึงกรุงเ่ทพฯ โดยสวัสดิภาพ ..... จบทริป ง่าย ๆ แต่สวยงามและน่าค้นหา ด้วยความประทับใจ ไปอีก 1 ทริป บางครั้งการท่องเที่ยว ไม่ได้ไปเพื่อความสนุก แต่ไปเพื่อความสุข ตอนมีแรง ก็ให้รีบเที่ยว ก่อนที่จะไม่มีแรงเดินทางนะจะบอกให้ บาย เจอกันเดือนหน้า ...... เชียงคาน รอบ 3 แล้วนะ มันมีดีอะไรต้องติดตามค่ะ ค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วเครื่องบิน 300 ค่าจอดรถดอนเมือง 250 บาท ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์ 300 บาท ค่าน้ำมัน 80 บาท แซนวิส+น้ำ ที่เซเว่น = 87 บาท ค่าก๋วยเตี๋ยวหมู 70 บาท กาแฟที่ปั๊ม 55 บาท ค่าสเต็ก 445 บาท ค่าก๋วยจั๊บญวณ 70 บาท ของฝาก 520 บาท ทำบุญ 150 บาท = 2327 (ถ้าไม่รวมของฝาก ไม่กินสเต็ก ไม่กินกาแฟ คนละ 5-6 ร้อยบาทเองนะ เห็นไหม เที่ยวเมืองไทย ไม่ได้แพงอย่างที่คิด) ขอบคุณ สายการบินไทยแอร์เอเชียอีกครั้งนะ ที่ทำให้เราได้ออกไปท่องโลกกว้าง อย่างที่ต้องการ ภาพสวยดีอ่ะ..ชอบๆๆ😊😊
โดย: ตัวหมัดติดหนับ IP: 58.8.155.81 วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:22:05:47 น.
ช่วงเช้าฟ้าขาว ถ่ายไม่สวย พอตกบ่าย ได้โบนัส จากท้องฟ้า ฟ้าสวยสุดใจ ถือว่าคุ้มสุด ๆ อ่ะ
โดย: nuch9981 วันที่: 15 กันยายน 2558 เวลา:22:32:25 น.
ต้องลองบ้างแล้ว
โดย: Pokman IP: 183.89.248.222 วันที่: 11 ตุลาคม 2558 เวลา:20:48:35 น.
สอบถามเรื่องร้านเช่ามอเตอร์ไซค์หน่อยครับ ชื่อร้านอะไร รบกวนอินบ๊อกแจ้งหน่อยครับ เห็นรีวิวแล้วอยากไปบ้าง
โดย: blissfultime วันที่: 20 เมษายน 2560 เวลา:12:53:29 น.
|
nuch9981
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ไปทุกที่...ที่มีทาง | ||