ลิขสิทธิ์ในตัวละครต่างๆ ของ Marvel ที่ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ถือครอง
ปีนี้หนังเรื่อง The Avengers น่าจะขึ้นแท่นรายได้สูงสุดแห่งปี โดยกวาดไป 1450 ล้านเหรียญ ทิ้งอันดับสอง The Hunger Games ไปเท่าตัว ทำให้เห็นว่าอนาคตค่ายหนังน้องใหม่ Marvel Studios นั้นสดใสยิ่งนัก แต่ยังมีตัวละครอีกหลายตัวในหนังสือการ์ตูนที่พวกเค้ารอการกลับสู่อ้อมอก
การนำตัวการ์ตูนมาโลดแล่นในจอหนังเป็นหนึ่งในช่องทางการหารายได้ Marvel Entertainment groups ได้ถือกำเนิดมาในยุค 1970 โดยผลิตอนิเมชั่นฉายทางทีวี ในปี 1996 พวกเค้าตั้ง Marvel Studios และคิดการณ์ใหญ่ที่จะสร้างภาพยนตร์ แต่นั่นย่อมต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการถ่ายทำ ซึ่งพวกเค้าไม่มี
Marvel จึงเลือกที่ร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ในการที่จะสนับพลอตเรื่อง ให้ค่ายหนังฟอร์มยักษ์นำไปผลิตเป็นภาพยนต์ โดยไม่ต้องมีเงินทุนมหาศาล Marvel รับค่าลิขสิทธิ์ โดยไม่ต้องรับความเสี่ยง แต่มีเงื่อนไขว่าบริษัทเหล่านี้ ต้องผลิตภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นลิขสิทธิ์จะหมดลง
ค่าย New line Cinema ได้ทำออกมาสองเรื่องคือ Blade (1998) Blade III :Trinity(2004) ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนัก รวมทั้งสตูดิโอมีปัญหากับนักแสดงนำ จึงไม่เคยมีหนังภาคต่ออีกเลย ปัจจุบันลิขสิทธิ์ Blade จึงกลับไปอยู่กับ Marvel แล้ว
Lionsgate Entertainment มีหนัง 2 เรื่องที่ถูกสร้าง คือ The Punisher (2004) และ Punisher: Warzone (2008 ซึ่งรายได้ก็เนือยๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่า สตูดิโออาจถอดใจ ไม่ทำภาคสาม แล้วปล่อยลิขสิทธิ์คืนให้ Marvel
Universal Studio นั้นเคยถือสิทธิ์สร้างหนังของ Hulk ไว้ และสร้างหนังไปเพียงเรื่องเดียวในปี 2003 หนังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร Universal เองก็ไม่ได้สร้างภาคต่อ ลิขสิทธิ์จึงกลับมาอยู่ในมือของ Marvel
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นไม่สำคัญเท่ากับตัวละครที่เหลืออยู่ เริ่มจากค่าย 20th Century Fox ได้สิทธิ์ในการสร้าง X-Men (2000), X2(2003) X-Men: The Last Stand (2006) X-Men Origins :Wolverine (2009) และ X-Men: First Class (2011)
นอกจากนี้ยังมี Fantastic Four (2005) Fantastic Four 2 (2007) ที่มีเทพแห่งจักรวาล Silver Surfer ออกมาเป็นตัวร้ายแบบง่อยเงือก และก็หนังที่ไม่ค่อยดังอย่าง Daredevil (2003) โดยไม่มีภาคต่อ ทำให้เชื่อว่าลิขสิทธิ์เรื่องนี้น่าจะกลับไปสู่มือ Marvel แล้วเช่นกัน
ค่ายยักษ์ต่อไปคือ Sony Picture ถือลิขสิทธิ์ Ghost Rider ได้สร้างหนังเรื่องนี้ ในปี 2007 และ Ghost Rider: Spirit of Vengeance ในปี 2012 ตามสัญญา 5 ปี แต่หนังที่ทำรายได้ให้โซนี่อย่างมหาศาลคือ Spider-Man 2002, 2004 และ 2007
ในปี 2008 Marvel Studio ได้กู้เงิน 525 ล้านดอลลาร์มาลงทุนสร้างหนัง ทั้งหมด 10 เรื่องตามเป้าหมาย ได้แก่ Captain America, Nick Fury, The Avengers, Black Panther, Ant-Man, Cloak & Dagger, Dr. Strange, Hawkeye, Power Pack และ Shang-Chi ภายในเวลา 7 ปี
โดยมีเงื่อนไขว่า Marvel ไม่สามารถถอนกำไรออกมาจนกว่าหนังเรื่องที่สาม จะออกฉายและไม่ผิดเงื่อนไขด้านการเงิน และไม่สามารถสร้างหนังที่ได้รับเรตเข้มงวด กว่า PG-13 ได้ โดยงบประมาณการสร้งแต่ละเรื่องต้องไม่เกิน 165 ล้านดอลลาร์ ในปีนั้น Marvel Studio ได้สร้าง 2 เรื่อง คือ Iron Man และ The Incredible Hulk
รายได้นั้นเป็นที่น่าประทับใจ พวกเค้าหยุดพักเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนจะเข็นหนังเรื่อง Iron Man 2 และ Thor ออกมาในปี 2010 และ Captain America ในปี 2011 มองไปที่ Sony เมื่อครบไตรภาคของเจ้าแมงมุมนักแสดงก็เรียกร้องเงินมากขึ้น ผู้กำกับก็เบื่อหน่ายกับการแทรกแซงของ studio ที่ยัดเยียดตัวร้ายเข้ามาเต็มจอ
ปี 2012 ใกล้ครบสัญญา 5 ปีใน โซนี่จึงต้องรีบสร่งภาคใหม่แข่งกับเวลาด้วยการ reboot ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของไอ้แมงมุมใน The Amazing Spiderman ส่วน Marvel ก็ส่ง Captain America ออกมาเรียกกระแส เพื่อปูเรื่องของหนัง เรื่องใหม่ที่รวม super heroes โดยประสบผลสำเร็จอย่างถล่มทะลาย The Avengers
ในงาน Comic Con ค่าย Marvel ประกาศ Project หนังภาคต่อยาวเป็นหางว่าว - Iron Man 3 พฤษภาคม 2013 - Thor 2: The Dark World พฤศจิกายน 2013 - Captain America 2: The Winter Soldier เมษายน 2014 - Guardians of the Galaxy สิงหาคม 2014
และไม่กำหนดวันฉาย 2 เรื่องคือ Ant Man และ The Avenger 2 เพื่อต่อยอดความสำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าค่าย FOX กับ Sony Pictures คงไม่ยอมปล่อยให้เหล่า X-Men และ Spidyมาโลดแล่นใน The Avengers
Marvel Studios ได้แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะสร้างหนังฟอร์มยักษ์แล้ว
Create Date : 27 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 14:38:16 น. |
|
1 comments
|
Counter : 5360 Pageviews. |
|
|
|
|