BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : ปริศนาศรัทธาที่สาบสูญ : ปราสาทพระขรรค์ (4)

ปริศนาศรัทธาที่สาบสูญ : ปราสาทพระขรรค์ (4)

ความจริงผมจะจบปราสาทนี้แต่ตอนที่แล้ว แต่รู้สึกดีใจที่มีคนมาอ่าน
ทำให้ไม่อยากจบเรื่องนี้ไปแบบสรุปง่ายๆ ว่า
พระขรรค์ชัยศรีที่กล่าวถึงในจารึกวันศรีชุมไม่ใช่องค์เดียวกับในจารึกพระขรรค์
ด้วยเหตุผลเรื่องชื่อของตัวพระขรรค์เอง หากลองย้อนอกลับไปทบทวนอีกครั้ง

ชื่อของคนไทย ผาเมือง บางกลางหาว นางเสือง
ชื่อของเขมร ศิขรมหาเทวี ศรีอินทราทิตย์
จะเห็นได้ว่าคนไทยไม่ใช้คำที่เป็นสันสกฤตในสังคมเป็นแน่
ดังนั้น ขรรคชัยศรีต้องเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานมาจากเขมรอย่างแน่นอน

และขรรค์ชัยศรีที่เป็นชื่อเฉพาะคงไม่ได้มีสององอค์เป็นแน่
ต้องเป็นขรรค์ชัยศรีที่กล่าวถึงในจารึกปราสาทพระขรรค์แน่นอน
แต่เป็นคนละองค์กับพระขรรค์ทองคำซึ่งกล่าวไว้ในบันทึกของโจวต้ากวน
เพราะพระขรรค์องค์นั้น สำหรับพระมหากษัตริย์ใช้แสดงเพื่อขึ้นครองราชย์

พ่อขุนผาเมืองสามารถยกเมืองสุโขทัย และให้แก่พ่อขุนบางกลางหาว
แต่เหตุใดพระองค์จึงนำพระขรรค์ชัยศรีหายไปจากประวัติศาสตร์
เราจะย้อนกลับไปหาเงื่อนงำต่างๆ จากหลักฐานที่หลงเหลือยู่

จารึกวัดป่ามะม่วง ภาษาเขมร ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 5-13
กล่าวถึงการขึ้นครองราชย์ของพระยาลิไทซึ่งเกิดขึ้นหลังรัชกาล
ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ในราวอีก 100 ปีต่อมาว่า

วันศุกร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 7 เมื่อเสด็จมีพระบัณฑูรให้ไพร่พลทั้งหลายเข้าระดมฟันประตู
และประหารศัตรูทั้งหลาย บัดนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินเข้าเสวยราชย์ไปสูรยาธิปัตย์
ในเมืองสุโขทัยนี้แทนบิดา พระอัยกา กษัตริย์ทั้งหลายซึ่งมีในทิศทั้ง 4
นำมกุฏ พระขรรค์ชัยศรี และเศวตรฉัตร อภิเษกแล้วถวายพระนามว่า
พระบาทกัมรเตงอัญศรีสุริยพงศรามหาธรรมราชาธิราช

ถ้าเชื่อว่าพระขรรค์ชัยศรีเป็นคำเฉพาะ พระขรรค์ชัยศรีได้ตกทอดมา
เป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ สิ่งที่เราไม่รู้คือ
เกิดอะไรกับราชวงศ์นาวนำถมของพ่อขุนผาเมือง
พระขรรค์ชัยศรีจึงตกมาเป็นสมบัติของราซวงศ์พระร่วง

ย้อนกลับในสมัยเมืองพระนคร มีความเชื่อเรื่องนี้สืบทอดมาว่า
หัวหน้าพราหมณ์ที่ชื่อ Preah Esey-Phat เป็นผู้ที่อยู่มาแต่ต้นอาณาจักรฟูนัน
และทายาทรุ่นต่อๆ มาเป็นผู้รักษาอาวุธวิเศษตามตำนานของราชสำนัก
ที่ตกทอดมาแต่ครั้งพราหมณ์อินเดียเข้ามาแต่งงานและสร้างอาณาจักรฟูนัน

แต่ตำนานเล่าว่าอาวุธที่พราหมณ์โกณทัณยะใช้คือ ธนูวิเศษ
ดังนั้นพระขรรค์อาจจะเป็นของที่ทำขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
และตกทอดกันเรื่อยมา เป็นพระขรรค์ที่กล่าวถึงในบันทึกของโจวต้ากวน
เป็นพระขรรค์ขนาดใหญ่ที่ใช้เฉพาะในการประกอบพิธีกรรม
ชาวเขมรเรียกว่า เพรี๊ยะขรรค์เรียจ แปลเป็นไทยว่า พระขรรค์ราช

หลังได้รับชัยชนะ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยกพระขรรค์ประจำพระองค์
ขึ้นเป็นพระขรรค์ชัยศรี จัดเป็นพระขรรค์ชั้นรองจากพระขรรค์ราช
พระขรรค์นี้ต่อมาในอีกสองรัชกาล จะพระราชทานให้แก่พ่อขุนผาเมือง
กมรเตงศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็นชื่อที่สูงมาก ไม่พบว่าเจ้าเมืองไหนได้ชื่อเช่นนี้

เพราะหลังรัชกาลของพ่อขุนผาเมือง ในช่วงที่สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ
รุ่นลูกของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังใช้ชื่อเพียง รามคำแหง
ในขณะที่โอรสของพ่อขุนผาเมืองใช้ชื่อเพียง กำแหงพระราม
แม้เป็นนามของวิษณุอวตาร แต่ฐานะก็เป็นเพียงมนุษย์

ต้องรอถึงรุ่นหลานในรัชกาลของพระยาลิไท ที่พระนามนั้นยกขึ้นสูงชั้นเทพ
กลับมาที่อาณาจักรพระนครในอีก 100 ปีต่อมา
หลังจากรชกาลพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวร ในราวปี พ.ศ. 1896
ก็ไม่พบการจดศิลาจารึกอีกเลย ทำให้เป็นช่วงยุคมืดของประวัติศาสตร์

ซึ่งสอดคล้องกับพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยาที่กล่าวว่า
พระเจ้าอู่ทองโปรดให้พระราเมศวรยกทัพไปจัดการกับขอมแปรพักตร์
แต่พระองค์ทำการไม่สำเร็จ พระเจ้าอู่ทองจึงต้องส่งขุนหลวงพะงั่วไปช่วย

ซึ่งตรงจุดนี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เพราะไม่ปรากฏในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐซึ่งเป้นฉบับที่น่าเชื่อถือที่สุด
แต่มีความเป็นไปได้สูง หากเชื่อว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากเมืองละโว้ลพบุรี
หากพระองค์ต้องการที่จะประกาศเอกราชไม่ขึ้นกับอาณาจักรพระนคร
พระองค์ย่อมต้องการทำลายเจ้าประเทศราชเดิมให้หายไปจากประวัติศาสตร์

แต่ที่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับแน่ๆ เกิดขึ้นในสมัยเจ้าสามพระยา

ศักราช ๗๙๓ กุนศก สมเด็จพระบรมราชเจ้า เสด็จไปเอาเมือง (นครหลวง) ได้
และท่านจึงให้พระราชกุมารท่านพระนครอินทร์เจ้าเสวยราชสมบัติ ณ เมืองนครหลวงนั้น
ครั้งนั้นท่านจึงให้พระยาแก้ว พระยาไทยและรูปภาพทั้งปวง มายังพระนครศรีอยุธยา

สอดคล้องกับจารึกที่เพิ่งพบใหม่ ขุนศรีไชยราชมงคลเทพ
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพงศาวดารถึงการไปตีเมืองยโศธรปุระว่า

สมเด็จพระอินทรามหาบรมจักรพรรดิ์ธรรมิกราชเป็นเจ้าโปรดให้ขุนศรีไชยราช
มงคลเทพเอกมนตรีและขุนทั้งหลายนำช้างม้ารี้พลไปตีเมืองพิมาย เมืองพนมรุ้ง

แต่พระนามนั้นไม่สอดคล้องกับพงศาวดารที่ออกพระนามของเจ้าสามพระยา
แต่น่าจะสอดคล้องกับพระนามรัชกาลก่อนหน้า คือ สมเด็จพระอินทราชาเจ้า
นั่นหมายความว่า จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า

ว่าในสมัยนั้นอยุธยาใช้เส้นทางเดินทางทัพทางน้ำไปถึง ลพบุรี
ผ่านดงพญากลาง ข้ามช่องเขาไปชัยภูมิ แล้วถึงวกกลับลงมาอีสานใต้
กรุงศรีอยุธยาจะต้องตีเมืองพิมายและพนมรุ้งให้อยู่ภายใต้อำนาจเสียก่อน
ก่อนที่จะใช้เส้นทางช่องเขาพนมดงรัก มาตามเส้นทางสายราชมรรครา

ในครั้งนั้นเจ้าสามพระยาจะได้พระขรรค์ราชมาด้วยหรือไม่ ไม่ทราบได้
แต่การพบเครื่องทองใต้ปรางค์วัดราชบูรณะ
ซึ่งเชื่อว่าทำขึ้นในสมัยของสมเด็จเจ้าสามพระยา แสดงให้เห็นว่า
กรุงศรีอยุธยามีพระแสงดาบเป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์อย่างแน่นอน

สองรูปบนคือพระแสงดาบจากกรุวัดราชบูรณะ สองรูปล่างคือภาพพระขรรค์ชัยศรี
จะเห็นความแตกต่าง พระแสงดาบจะมีเพียง 2 คม ในขณะที่พระขรรค์มี 4 คม
ลวดลายนั้นก็ต่างไปจากพระขรรค์ชัยศรี แปลว่าไม่เก่าไปถึงอาณาจักรพระนคร

ถึงตรงนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงว่า เวลาอาณาจักรล้านช้างมีศึกสงคราม
สิ่งแรกที่ชาวบ้านจะทำก็คือพาพระพุทธรูปสำคัญไปซ่อนในถ้ำ
แต่ถ้าเป็นอาณาจักรกัมพูชาพวกเค้าน่าจะพาพระขรรค์หนีไป

เจ้าสามพระยาตั้งพระราชโอรสเป็นผู้ปกครองเมืองกัมพูชา
แต่ปกครองอยู่ได้ไม่นานเกิดการกบฏฆ่าพระองค์จนสิ้นพระชนม์

ผู้ปกครองใหม่ สมเด็จพระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 ย้ายเมืองหลวง
หนีภัยไปตั้งยังเมืองพนมเปญจัตุรมุข แต่อำนาจนั้นยังไม่มั่นคง
ถึง พ.ศ. 2055 ในรัชกาลของพระศรีสุคนธบท ขุนนางชื่อ Kan
ได้ชิงบัลลังก์และตั้งตนเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่

แต่พราหมณ์ได้นำพระขรรค์หนีไปซ่อนไว้ในโพรงต้นไม้ที่เมืองบาติ (Bati)
Kan จึงประกาศให้รางวัลถึง 500 ตำลึงทอง สำหรับผู้ที่พบพระขรรค์
และเพื่อให้สามารถครองราชย์ได้ จึงสร้างพระขรรค์องค์ใหม่ขึ้นมา

องค์จันเป็นพระโอรสของพระธรรมราชาธิบดี อดีตกษัตริย์รัชกาลก่อนหน้า
ของพระศรีสุคนธบท ในขณะที่เกิดการชิงบัลลังก์พระองค์อยู่ที่กรุงศรีอยุธยา
ซึ่งน่าจะตรงกับรัชกาลของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้ทูลขอว่าจะพาทหาร
ไปจับช้างเผือก จากนั้นถือโอกาส เดินทางกลับมาทวงพระราชบัลลังก์คืน

พ.ศ. 2059 พระองค์ได้รับชัยชนะ และย้ายเมืองหลวงไปที่กรุงละแวก
กรุงศรีอยุธยาต้องการให้พระองค์ส่งช้างเผือกไปเป็นเครื่องราชบรรณาการ
แต่พระองค์ปฏิเสธ กรุงศรีอยุธยาส่งกองทัพมาโจมตีเมืองละแวก
โดยผ่านเส้นทางเดิมคือเมืองพระนคร องค์จันได้ทำลายกองทัพสยาม

ทำให้ต่อมา เมืองพระนครจึงได้ชื่อใหม่ว่า เสียมเรียบ

แต่พระขรรค์ราชยังคงหายสาบสูญ จนกระทั่ง พ.ศ. 2082
เด็กชายคนหนึ่ง ได้ไปพบเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ซ่อนไว้สมัยเหตุการณ์วุ่นวาย
พระขรรค์ถูกส่งเข้าไปถวายองค์จันราชา ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่อย่องว่า
เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่พบพระขรรค์ราช และสามารถเอาชนะกองทัพอยุธยาได้

กัมพูชาตกอยู่ในสถานการณ์การแย่งชิงราชสมบัติตลอดมาจากอยุธยาถึงธนบุรี
สู่กรุงรัตนโกสินทร์ ที่เข้าครอบครองในฐานะเจ้าประเทศราชอย่างชัดเจน

Create Date : 27 มกราคม 2560

Last Update : 30 มกราคม 2560 13:44:25 น.

5 comments

Counter : 4965 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณชีริว

อ้าว ฟอนท์ตัวเล็กอีกแล้วเหรอคะ

ยังไม่ได้อ่านนะคะ แวะมาบอกก่อนว่า วันนั้นเอา 85 ไปค่ะ มีการแสดงของภาคใต้ โนราห์ หลายชุดค่ะ สวย ๆ ทั้งนั้น ได้เท่าที่จะสามารถ กะว่า ถ้าเป็นเลนส์ช่วงยาว คงถ่ายรูปสนุกกว่านี้ เสียดายเหมือนกัน ยิ่งตกเย็นฟ้ามืด โห ภาพไหวซะ

70-200 เหมาะเหม็งดีเหมือนกันค่ะ คนเยอะก็มิมีปัญหาเนาะคะ การแสดงจากจีน ... น่าจะเป็นโซน ตรุษจีนเก๋ไก๋ แน่เลยค่ะ เดินยังไม่ถึงโซนนั้น แต่ทุกการแสดงเดาว่า อลังวังเวอร์แน่นอนค่ะ ชอบที่สุดก็นี่ล่ะค่ะ พวกการแสดงทั้งหลาย

รอชมภาพนะคะ / เดี๋ยวมาอีกรอบค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 27 มกราคม 2560 เวลา:18:51:53 น.

เก็บมาฝากค่ะ การแสดงโซนที่ 7 เวทีใหญ่ ที่เปิดงานน่ะค่ะ

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2560

เวลา 15.00-16.00 น. การแสดงนาฏศิลป์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

เวลา 16.00-17.00 น. การแสดงดนตรีแชมป์ชิงช้าสวรรค์ โรงเรียนบัวใหญ่

เวลา 17.00-18.00 น. การแสดงดนตรี Ku wind Symphony Orchestra

เวลา 18.00-19.00 น. การแสดงอัลคาซ่าร์จากภาคตะวันออก

เวลา 19.00-20.00 น. การแสดงนาฏศิลป์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

เวลา 20.00-21.00 น. การแสดงคอนเสิร์ต Koh Mr Saxman / The Sound of Siam / เจนนิเฟอร์ คิ้ม / ปุ้ย

เวลา 21.00-22.00 น. การแสดงคอนเสิร์ต Joey Boy & เก่ง The Voice

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2560

เวลา 15.00-16.00 น. การแสดงดนตรีพื้นบ้านวงกันตรึมประเดียลชมัร จ.สุรินทร์

เวลา 16.00-17.00 น. การแสดงดนตรี SL MUSIC Thailand ‘ s Got Talent

เวลา 17.00-18.00 น. การแสดงละครชาตรีจงกลโปร่งน้ำใจ

เวลา 18.00-19.00 น. การแสดงนาฏศิลป์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

เวลา 19.00-20.00 น. การแสดงคอนเสิร์ต ป๊อบ ปองกูล

เวลา 20.00-21.00 น. การแสดงคอนเสิร์ตนิว-จิ๋ว

เวลา 21.00-22.00 น. การแสดงคอนเสริต์ Burin & The Old School All Star

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 27 มกราคม 2560 เวลา:19:22:00 น.

ลงบล็อกไว้แบบนี้ คงได้มาหาอ่านซ้ำแน่ ๆ เลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อความอธิบายขยายความ พร้อมข้อสังเกตเพิ่มเติมค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 28 มกราคม 2560 เวลา:12:38:46 น.

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
Raizin Heart Movie Blog ดู Blog
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

มาอ่านเอาความรู้เช่นเคยค่ะ

พระขรรค์สำคัญจริงๆ สำหรับทางโน้นนะคะนี่

รออ่านงานไทยเที่ยวไทย น่าจะไม่ทันค่ะ 555 `เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะได้ไปมั้ย ถ้าไปคงวันสุดท้ายเลยค่ะ จะได้อ่านหลังงานเอาน่ะสิคะ 555

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ

วันที่: 28 มกราคม 2560 เวลา:14:52:07 น.

ผมเชื่อทฤษฎีที่ว่าพ่อขุนผาเมืองยอมยกราชบัลลังก์ให้พ่อขุนบางกลางหาว เพราะตนเองสมรสกับธิดาของกษัตริย์ขอม จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนไทย แล้วก็มอบชื่อศรีอินทราทิตย์พร้อมพระขรรค์ให้ด้วย
แต่ราชวงศ์นาวนำถุมก็ยังมีอำนาจอยู่ แต่ก็ไม่ได้กลับมาเป็นกษัตริย์สุโขทัยครับ
โกณทัณยะคือผู้ที่สร้างอาณาจักรฟูนันขึ้นมาใช่ไหมครับ มีอาวุธเป็นธนูประจำตัวด้วย น่าทำเป็นเกมนะเนี่ย
จากอาณาจักรสุดยิ่งใหญ่อย่างขอม ค่อยๆเสียพื้นที่ให้คนไทยทีละน้อยๆ จนถูกอยุธยาเข้ายึดครองได้ (สุโขทัยเองก็เหมือนกัน) แต่ชื่อเสียมเรียบนี่แสลงใจคนไทยดี
สุดท้ายคนที่ขีดแบ่งประเทศให้พวกเราแถวๆนี้ก็เป็นพวกล่าอาณานิคมนี่เอง

พิพิธภัณฑ์น่านเคยเห็นน้องถ่ายมามีศิลาจารึก พระพุทธรูป หินสลักต่างๆที่พบในน่าน แล้วก็ข้าวของเครื่อฝช้ของคนสมัยก่อนครับ
แต่ตอนผมไปปิดซ่อมชั้นสอง เหลือให้ดูแค่งาช้างดำ กับบอร์ดนิทรรศการเอง

โดย: ชีริว

วันที่: 29 มกราคม 2560 เวลา:20:36:33 น.