Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
26 กันยายน 2554

Bye bye Japan : Bye bye Fuji-san



ครั้งแรกที่ผมเห็นภูเขาไฟฟูจินั้น เกิดขึ้นในปี 2001 ปีที่ผมมีโอกาศได้มาญี่ปุ่นครั้งแรก
เป็นการนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรกด้วย แบบว่าภาวนาตอนเครื่องขึ้นเลยทีเดียว
จากนั้นเพียงหนึ่งอาทิตย์ เซนเซก็ถามว่าเสาร์-อาทิตย์นี้ไป Kumamoto กันมั๊ย
แม้ไม่รู้ว่าอยู่ทีไหน ผมก็ตอบตกลงไปอย่างไม่ต้องลังเล

เช้าวันเสาร์ตื่นแต่เช้าตรู่ โทรหาเซนเซ นัดพบกันที่สถานีรถไฟ พานั่งไปไหนก็ไม่รู้
โผล่มาอีกทีก็ถึงสนามบิน Haneda ซึ่งตอนนั้นก็มีแค่เที่ยวบินภายในประเทศแล้ว
หลังจากผ่านการตรวจสัมภาระ เซนเซก็แวะซื้อขนมแล้วเพื่อเป็นของฝากยัดใส่มือ
ซึ่งหลังจากนั้นอีกหลายปีได้ดูซีรีย์ถึงได้สังเกตว่า การซื้อของฝากถือว่าเป็นมารยาท

ห่างจากการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตเพียงหนึ่งสัปดาห์
ความหวาดกลัวยังมิได้จางหาย ระหว่าง ANA เชิดหัวขึ้น
ทะลุก้อนเมฆไม่ถึง 15 นาที สัญญาณรัดเข็มขัดยังคงอยู่
เซนเซก็สะกิดให้ผมที่นั่งข้างหน้าต่างมองไปยังท้องฟ้าด้านนอก

เชื่อว่าทุกคนคงมีจินตนาการภูเขาไฟฟูจิไว้ในใจเกือบทุกคน
เนื่องจากมันเป็นสัญลักษ์ที่โดดเด่น พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อกล่าวถึงญี่ปุ่น
แต่เมื่อผมเห็นภูเขาไฟฟูจิในครั้งแรกนั้น มันช่างน่าตกตะลึง
ในความใหญ่โตและงดงาม เกินกว่าที่เราเคยคิดหรือจินตนาการมากมาย



วันนี้เป็นวันที่สี่ของการเดินทาง และเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ที่นี่
8.00 น. เราก็ออกจากโรงแรมที่ห่างจากสนามบินนาริตะ เพียงไม่กี่นาที
หลังจาก check in เรียบร้อย มีวลาเล็กน้อยในการเดินชอบปิ้ง
แวะเข้าไปดู duty free shop ที่มีไม่มากนัก แล้วก็ลงบันไดไปรอที่ gate

เมื่อถึงเวลาประตูก็เปิดออก ไม่มีการแย่งชิงอะไรมาก เพราะทั้งหมดเป็นผู้โดยสาร
ราว 40 คนจากกรุ๊ปทัวร์เดียวกัน จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปหาที่นั่งบนเครื่องโบอิ้ง
ชื่อเทวี 4 ของสายการบิน Business Air

ไม่นานเครื่องก็พร้อมที่จะ Taxi ออกจากลานบินในตอน 11.00 น.
หลังจากขึ้นบินราว 1 ชั่วโมง กัปตันก็ประกาศให้ทราบว่าเครื่องบินกำลัง
จะบินผ่านภูเขาไฟฟูจิ ทุกคนก็เฮโลหามุมถ่ายรูปได้ตลอดความยาวเครื่อง
และแล้วภูเขาไฟฟูจิขนาดเล็กจิ๋ว ก็ปรากฏอยู่ใต้ปีกด้านขวามือ

มันคือยอดภูเขาไฟทรงกรวยสีขาวสะอาดตาจากหิมะที่ปกคลุม
ผมนึกเสียดายที่มันมิได้งดงามเหมือนที่ผมเคยเห็นมันในครั้งแรก
เนื่องจากความแตกต่างในความสูงของเครื่องบินที่บินขึ้นจากต่างสนามบิน
หากใครอยากเห็นฟูจิซังที่สวยงาม ก็คงต้องโดยสารเที่ยวบินในประเทศเท่านั้น



ในขากลับนั้นเราต้องคืนเวลาให้กับนาฬิกาที่เราโกงไว้ที่ญี่ปุ่น 2 ชั่วโมงกลับไป
กว่าเครื่องิบนจะแตะสนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นเวลา ราว 4 โมงเย็น
แทนที่จะนั่งแท๊กซี่ เราเลือกที่จะลองของใหม่กับการนั่งรถไฟ Air port link
จากชานชาลาชั้นใต้ดิน หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปรวมกลุ่มกับผู้โดยสาร

สิ่งที่บ่งบอกถึงความเลวร้ายเริ่มปรากฏ ที่สถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ไม่มีตารางการเดินรถติดอยู่เลย แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเมื่อไหร่มันจะมา
หลังจากบ่นไปเรื่อยๆ เนื่องจากหลวมตัวอยากลองของใหม่ไปครึ่งชั่วโมง
เจ้ารถไฟก็มาเทียบชานชาลา เสียงปิดประตูดังจริงๆ สมคำร่ำลือ

นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ยกเว้นเราเลือกที่จะมาลงที่สถานีสุดท้าย
สถานีพญาไทโดยพบว่า ทางลงนั้นไม่มีบันไดเลื่อน คนที่ยังไม่รู้โปรดทราบ
ยกเว้นสถานีมักกะสัน ทุกสถานีรายทางของ Air port ink ไม่มีบันไดเลื่อน
แล้วผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เค้าหิ้วชะลอมใบเล็กกลับมากันหรือ ?

นี่คือความรู้สึกแรกที่คงจะจดจำไปอีกนาน แล้วใครล่ะจะกล้ากลับไปใช้บริการอีก ??



Create Date : 26 กันยายน 2554
Last Update : 26 กันยายน 2554 10:05:40 น. 3 comments
Counter : 1843 Pageviews.  

 
Thanks for sharing.I plan to visit there next year.Hope I'll get the impressive experience :-)


โดย: ดอกหญ้าพันงู วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:11:26:08 น.  

 
เขาว่าคนไทยแข็งแรง ช็อปเก่ง ช็อปได้ก็ต้องแบกได้

ภาพภูเขาไฟฟูจิ ที่เห็นก็สวยมากแล้วละค่ะ


ภาพในบล็อกเป็นเขาเวียงโกศัย ถนนจากลำปางมาเด่นชัยค่ะ



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:13:33:59 น.  

 
อิจฉาเป็นที่สุดเลยล่ะค่ะ
อยากไปญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิต
ต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ
.......


โดย: nobuta wo produce วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:22:14:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]