Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
23 กันยายน 2551

มัลดีฟ : วันแห่งความจริง





Sea plan or Speed Boat


โรงแรมที่อยู่ใกล้ สามารถนั่งเรือไปในเวลาไม่เกิน 30 นาที เค้าจะใช้ speed boat
ราคาที่พักจะถูกกว่าเกาะที่ต้องนั่ง sea plane ไป ถามว่าควรไปแบบไหน ผมว่าถ้าไปแล้ว
ก็ควรเป็น sea plane เพราะมันคงสวยงามที่จะมอง Atoll ต่างๆ ทางอากาศ เหมือนรูปถ่าย

หากคุณพักโรงแรมที่นั่งเรือไป แล้วอยากจะนั่งเครื่องบินไป Photo flight ล่ะก็
ต้องจ่ายคนละ 100 เหรียญ แถมต้องมีคนร่วมเดินทางอย่างน้อย 12 คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะที่เกาะก็มีคนพักไม่กี่คน แปลว่า ตอนนั้นมีเงิน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้นั่งนะ





ควรพกอะไรไปมัลดีฟ

ทุกอย่างที่มัลดีฟนั้นแพงแน่นอน หากเอาอะไรไปได้ก็แบกไปเถอะ
น้ำขวดละ 3 เหรียญ ก็หิ้วไปซะ เคยสงสัยเหมือนกันว่าเกาะที่ไม่มีน้ำจืดเค้าทำโรงแรมได้ไง
คำตอบคือ เค้าใช้วิธี recycle น้ำ ฉนั้น คุณคงไม่เอาน้ำก๊อกมาต้มนะ สยองแน่นอน

ขนม มาม่า แต่ที่ต้องชั่งใจ คือ snorkel, mask, fin เสื้อชูชีพ ค่าเช่า 5เหรียญต่อชิ้นต่อวัน
ลองบวกลบคูณหาร ว่าควรซื้อเก็บไปไหม เพราะของพวกนี้ เอาไปเรียนดำน้ำต่อได้
ถ้าใช้กล้อง SLR ก็ไม่ควรลืม Polarized filter ไปช่วยเพิ่มสีท้องฟ้า และตัดแสงสะท้อนของน้ำ
ครีมกันแดด SPF 50+ water resistance เพื่อดำน้ำ แล้วก็แว่นกันแดดอันที่ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด





มีอะไรให้ทำเวลาอยู่บนเกาะ
ถ้าเป็นฝรั่งเค้าก็ว่ายน้ำตอนเช้า สายก็นอนอาบแดด บ่ายอ่านหนังสือ เย็นก็ดูพระอาทิตย์ตก
แล้วคนไทยล่ะ เช้าถ่ายรูป สายวิ่งหนีแดดเข้าห้อง กลางวันนอนหลับ เย็นออกไปดำน้ำ
เพราะบ้านเราโชคดีกว่าฝรั่ง เรามีแสงแดดตลอดทั้งปี ฉนั้นที่นี่ จึงมีแดดมากเกินไปสำหรับเรา
ส่วนการดำน้ำดูปลา ก็ต้องรู้ก่อนว่า ปลานั้นอาศัยอยู่ในแนวประการัง ที่ชายหาดทั่วไป
ย่อมไม่มีปลา ประการังมักจะอยู่ที่สะพานเดินไปท่าเรือ เนื่องจากเค้าเอาหินประการัง

มาถมทำสะพาน ปลาก็เลยมาอาศัย ฉนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เค้าถ่ายรูปปลา
ได้โดยไม่ต้องลงน้ำ
อีกที่หนึ่งคือ แนวกันคลื่นหน้าหาด หากถามว่าสองที่นี้เยอะแค่ไหน ผมว่ามากกว่าที่เมืองไทย
เวลาไปดำน้ำหนึ่งทริปซะอีก จะเห็นได้ว่า พื้นที่ไม่ได้บอกจำนวนปลา แต่การดูแลรักษาต่างหากที่เป็นปัจจัย
ผมจินตนาการไม่ออกว่า หากที่นี่เป็นเมืองไทยมันจะโดนคนช้อนไปขายสวนจตุจักรหมดได้ภายในกี่วัน
ปลาที่รู้จักก็พวกการ๋ตูน โนรี บลูแทงค์ แอมเพอรเร่อร์ ปลากนกแก้ว ปลาหมึก

ที่น่ากลัวสุดก็ปลาสิงห์โต ใครไม่รู้นี่อาจตายได้





แล้วจะไปไหนดี สามวันนี้น่าเบื่อเกินไป

มาตรฐานก็กล่าวไปแล้ว แต่หากเป็นเกาะใหญ่เค้าก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่านั้น
ขี่จักรยาน ทำผ้าบาติค แล้วก็ไปเที่ยวรอบเกาะ เช่น นั่งเรือไปตกปลาเวลาเย็น
sunset fishing 15 เหรียญ (ที่นี่ห้ามตกปลา ไม่ใช่ว่าเอาเบ็ดไปตกรอบเกาะได้นะ)
ไปเที่ยว sand bank 10 เหรียญ (ที่ๆเป้นกองทรายเล็กๆ โผล่พ้นทะเล มักจะไปกระโดดถ่ายรูป
แล้วก็ดำน้ำรอบๆ เพราะจะมีประการังอยู่ริมหาด ซึ่งตัดลึกลงสู่ก้นทะเลลึกมากๆ)

ไปเที่ยว sand bank+หมู่บ้านชาวประมง 35เหรียญ(คือไปเที่ยวเกาะที่มีคนอยู่อาศัยนั่นเอง)
ไป shopping ที่ Male 35 เหรียญ) (จะไปทำไมเนี่ย เกาะเล็กซะแค่นั้น ของแพงก็แค่โน้น)
ไป photo flight อย่างที่เล่าไปแล้ว 90 เหรียญ ไปนั่งเรือดำน้ำดูปลาทะเล และทุกอย่าง คุณต้องไป
เขียนกระดานแจ้งความจำนง เพราะไม่ได้มีไปทุกวัน และต้องมีตามจำนวนขั้นต่ำ
ตามที่กำหนดส่วนกิจกรรมที่หรูหราไฮโซมากกว่านี้ ก็คงต้องสอบถามจาก receiption





Surpise ????

หากไปเป็นคู่ อย่าลืมบอก agent ว่าจะไป honey moon ทางโรงแรมเค้าจะได้จัดของพิเศษให้
แล้วตอนไปถึงโรงแรม เค้าให้กรอกรายละเอียดก็ทำเป็นมึน กรอกวันเกิดให้อยู่ใน
ช่วงที่ไปพักล่ะ รับรองได้ของ surpise แน่นอน





บทสรุป

หากถามว่า ให้ไปที่นี่ฟรีอีกครั้ง จะไปไหม คำตอบคือ ไม่
ผมคงเป็นคนไทยปกติ ที่ชอบทัวร์แบบลูกเป็ด 6 7 8 แล้ววันสุดท้าย ก็ shopping เต็มวัน
เพราะคนไทยอย่างเรา ไม่ได้ชอบเที่ยวพักผ่อนแบบฝรั่ง ประเทศเรามีชายหาดสวยๆ
มากมาย แสงแดดที่อบอุ่นนั้นเล่า เราก็มีให้วิ่งหลบทุกวัน ไม่ได้หดหู่ แบบอากาศที่ยุโรป

ฉนั้น ในราคาที่เท่ากัน ผมว่าไปประเทศอื่นดีกว่ามั้ง














Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 4 มีนาคม 2553 14:56:52 น. 7 comments
Counter : 1557 Pageviews.  

 
จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นหนึ่งในความฝันที่อยากไปมากเลยนะคะเนี่ย....


โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:13:00:20 น.  

 
เป็นที่ๆ อยากไปมากจริงๆ แต่พออ่านแล้ว คงต้องขอตัดสินใจอีกที เพราะแพงมาก เหลือเกิน


โดย: แม่มินมิน (nardlada ) วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:13:14:13 น.  

 
มันก็คือดินแดนในฝันของเราเหมือนกัน แต่ให้ไปจริงก็ไม่ไปอ่ะ เสียดายเงินเน้อะ

แต่แอบอิจฉาเล็กน้อย อิอิ


โดย: nui_kiku วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:13:53:04 น.  

 
เค้าบอกว่าอีก 50 ปีจะไม่มีมัลดีฟแล้วนะ
ใครยังไม่ไปรีบไปซะนะครับ


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:22:39:29 น.  

 
ผมว่าทั้งเกาะนีสูงกว่าทะเลไม่ถึงครึ่งเมตร
แต่ก็แปลกที่ระดับน้ำขึ้น น้ำลง ไม่ค่อยต่างกันมาก
เลยไม่รู้ว่าโลกร้อน จะมีผลแค่ไหนกับเกาะเค้า


โดย: VET53 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:16:41:11 น.  

 
เอาล่ะสิ ..
เคยหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะไปให้ได้ในชาตินี้
แต่ระแวง ๆ อยู่เหมือนกันว่าจะไปทำอะไร เห็นแค่ฟ้า แค่น้ำ
เพราะเป็นคนไทยที่ไม่ค่อยนิยมความเงียบ

อ่านแล้วยืนยันเรื่องที่ระแวงได้ดีเลยค่ะ 5555


โดย: pooliko (some dance to remember ) วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:22:43:42 น.  

 
เพื่อนเคยไปทำงานเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่มัลดีฟ

เล่าว่า เช้า ๆ เขาไปให้อาหารปลากัน ... ถ่ายลงทะเล
เวลาล่ามไก่ไว้ จะมัดขาทั้งสองให้ติดกัน

จำได้แค่นี้ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:21:00:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]