Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
21 กันยายน 2554

Yokohama : Ramen Museum




ในปี่ 1853-1854 หลังการปิดประเทศมาอย่างยาวนานในยุค Tokukawa
กัปตัน Matthew Perry ชาวอเมริกันก็นำเรือรบเหล็กเข้ามาจอดที่ปากอ่าว
บีบบังคับให้รัฐบาล Edo ต้องทำสนธิสัญญาสัญญาเพื่อเปิดให้มีการค้าเสรี
ซึ่งหมายถึงการกำหนดให้มีการตั้งเมืองท่า เพื่อรับส่งสินค้าเข้าออกในประเทศญี่ปุ่น

หนึ่งในหลายเมืองที่ตกลงในสนธิสัญญานี้ก็คือ Kanagawa-juku
ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางการค้าสำคัญที่เชื่อต่อระหว่าง Tokyo และ Kyoto
หรือ Tokaido line แต่รัฐบาลของโชกุนมองว่านั่นเมืองนี้อยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากเกินไป
จึงขอให้เปลี่ยนมาตั้งอยู่บริเวณตรงกันข้ามกับหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แทน

นั่นจึงเป็นที่มาของการเจริญเติบโตของเมืองท่าที่สำคัญ ที่ชื่อว่า Yokohama
เป็นจุดเริ่มต้นของความเจริญทางเทคโนโลยี่แบบชาติตะวันตก ทำให้ที่นี่เป็นเมืองแรก
ที่มีหนังสือพิมพ์ โรงไฟฟ้า เมืองนี้เจริญเติบโตต่อมาอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุด
ญี่ปุ่นก็ก้าวเข้าสุ่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของสงคราม

29 พ.ค. 1945 ฝูงบิน B29 ของอเมริกาทิ้งระเบิดเพลิง เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงของเช้าวันนั้น
เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองก็กลายเป็นกองเถ้าถ่าน ประชาชนราว 7-8 พันคนเสียชีวิต



หลังจากออกจากพิพิธภัณ์ที่เชิงภูเขาไฟฟูจิ รถบัสฝ่าฝนมาตลอดทางจนมาถึงเมืองนี้
ในราวบ่ายโมงในสภาพที่ผู้โดยสารทั้งหมดหิวโซ ไกด์จึงพาไปที่ที่คนไทยไม่พลาด
ที่มาเมื่อถึงเมืองYokohama นั่นก็คือ Ramen Museum
ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากสถานีรถไฟ Shin-Yokohama

หลังไกด์เดินไปซื้อบัตรผ่านประตูราคา 300 เยนมาแจกให้แล้ว เราก็เรียงแถวเข้าไป
เสียงพนักงานต้อนรับเป็นภาษาไทย แสดงถึงความเป็นสถานที่ยอดนิยมเป็นอย่างดี
แม้กระทั่งหน้าเวบไซต์ยังมีภาษาไทยเป็นหนึ่งใน 5 ภาษาเชียวนะ

ระบบนั้นเป็นการกดคูปองเลือกชนิดและเครื่องเคียงที่ตู้อัตโนมัติที่หน้าร้านแล้วรับคูปอง
เราเลือกร้านที่คนรอน้อยที่สุด แล้วรีบเข้าไปรอคิวทันทีโดยไม่มีการลังเลใจ
แบบว่าตายเอาดาบหน้า ด้วยความเชื่อว่าไม่มีร้านไหนที่ไม่อร่อยอย่างแน่นอน
เมื่อถึงคิวเรายื่นคูปองที่ไกด์ให้มา พนักงานก็กดคูปองเมนูที่กำหนดไว้ โดยที่เราไม่ต้องตัดสินใจ

เมื่อเข้าไปนั่งในร้าน เงยหน้าขึ้นไปดูผนัง เราจึงรู้ว่าร้านนี้คือหมายเลข 2 ชื่อร้าน Ganjya
มาจาก Saitama เป็น Shoyu ramen โดยใช้ส่วนผสมของไก่ หมู กระเทียม และขิง เป็นหลัก
สิ่งที่แปลกและแตกต่างจากราเมนทั่วไปก็คือ การแยกเส้นอุด้งและน้ำซุปที่ว่ามาคนละชาม
เวลากินเราต้องเอาเส้นมาจุ่มแล้วสูดเข้าปากซัก 2-3 คำ แล้วกินเครื่องเคียงที่อยู่ในซุปทีหนึ่ง

เป็นราเมนรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Tsukeman



คำแรกที่เข้าปาก เรารับรู้ถึงความเข้มข้นของน้ำซุปที่หนาแน่นไปด้วยกลิ่นปลาโอขูดฝอย
แต่เมื่อกินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถซดน้ำได้หมด เพราะว่ามันเค็มมาก
เป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่เมื่อกินหมดก็ต้องรีบออก เราถือคูปองไปรับน้ำอัดลมโบราณ
จากร้านขายน้ำและการแสดง ที่อยู่ส่วนกลางของพื้นที่มาหนึ่งขวด

เมื่อท้องอิ่ม โลกก็กลับมาสดใสอีกครั้ง ค่อยมีโอกาสยลโฉมที่นี่อย่างเต็มตา
Ramen Museum เป็นศูนย์อาหารที่รวบรวมเอาร้านราเมนชื่อดังทั่วประเทศ
มาไว้ในที่เดียวกัน การตกแต่งเป็นการย้อนกลับไปในในปี 1958 หรือโชวะที่ 33
ซึ่งเป็นปีที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของโลก

รอบๆ ชั้นใต้ดินและชั้นที่หนึ่งเป็นส่วนที่มีร้านราเมนเจ้าอร่อยแอบอยู่ตามซอกหลืบต่างๆ
ทั้งหมด 9 ร้าน เว้นพื้นที่ตรงกลางเป็นลานโล่ง ซึ่งเป็นส่วนจัดกิจกรรม เพดานนั้นเพนท์
คล้ายโปสเตอร์หนังย้อนยุค มีตู้โทรศัพท์ ขนม ของเล่นวางขายอยู่ในความสลัวของแสงไฟ

ชั้นที่สองจะเป็นส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมาและ อุปกรณ์ต่าง ที่อยู่ในร้านราเมน
รวมทั้งขั้นตอนการผลิตบะหมีสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกจำหน่าย เช่น
ชามราเมน และราเมนสำเร็จรูปจากบางร้านที่ทำให้เราสามารถนำกลับไปฝากคนอื่นได้


เพิ่งไปอ่าน พาไปดู Cup Noodles Museum ที่ Yokohama
เมื่อตอน Ramen Museum เปิดใหม่ๆ ก็ได้ Nissin เป็น sponser
ตอนหลังถอนตัวไป ตอนนี้มาเปิดของตัวเองแล้ว


Create Date : 21 กันยายน 2554
Last Update : 21 กันยายน 2554 14:29:20 น. 4 comments
Counter : 1857 Pageviews.  

 
ชอบกินราเมานเหมือนกันค่ะ เเต่ไม่มีโอกาสได้กินเเบบต้นตำหรับกับเค้าเลย ^^



โดย: LOVELY JAFE วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:10:00:05 น.  

 
ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลครับ


โดย: dack_chue วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:10:58:17 น.  

 

โอ๊ยยยย อุ้มชักอยากทานน้ำซุปขึ้นมาแล้วค่ะ
อ่านไปนึกภาพไป....หิวค่ะหิว


โดย: อุ้มสี วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:21:32:22 น.  

 
น่าคิดว่าบ้านเรามีอะไรหนอที่เป็นอาหารประจำชาติที่น่านำเสนอบ้าง เราว่าเยอะนะ เลือกไม่ถูก


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:22:16:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]