Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2563
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
18 กันยายน 2563

เส้นสี ฝีแปรง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที 6



กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
ขอเชิญร่วมฟังการเสวนาเรื่อง เส้นสี ฝีแปรง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6
ของกาลิเลโอ คีนี ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 13.30 -16.00 น.
ณ ห้องอเนกประสงค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลปะ
 
จากภาพร่างจิตรกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่จัดแสดงอยู่ในห้องจิตรกรรมในราชสำนัก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
และผลงานภาพร่างจิตรกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 ขนาดเท่าจริง
ที่จัดเก็บอยู่คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งผลงานทั้ง 2 ชิ้น
 
เป็นผลงานของของกาลิเลโอ คีนี ศิลปินอิตาเลียน ผู้ที่ได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาเขียน
ภาพจิตรกรรมเหตุการณ์สำคัญประดับโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม ใน พ.ศ. 2454
โดย ได้เชิญทั้งศิลปิน นักประวัติศาสตร์ และนักอนุรักษ์
เข้ามาร่วมนำเสนอแง่มุมต่างๆ ของภาพชุดประวัติศาสตร์ชุดนี้
 

 
ในปี พ.ศ. 2562 เป็นปีมหามงคลที่ประเทศไทยจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ดังนั้นในแวดวงนักประวัติศาสตร์ก็จะมีการจัดการสัมมนาเรื่องนี้เป็นหัวข้อหลัก
ผมก็ไปฟังมาบ้างก็พอจะเข้าใจถึงรายละเอียด ความหมาย และขั้นตอนในระดับหนึ่ง
แต่คงเขียนให้ฟังไม่ไหว เพราะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และซับซ้อนมาก
 
แต่ที่พอจะเขียนไหว ก็คงเป็นข่าวใน facebook อยู่ช่วงหนึ่งเรื่องการค้นพบ
ภาพร่างจิตรกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเป็นหนึ่งในหกภาพเขียนปูนเปียกบนผนังยอดโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม
ซึ่งเดิมนั้นเราพบเฉพาะภาพร่างขนาดเล็กที่จัดแสดงอยู่ในหอศิลป์เจ้าฟ้ามานานแล้ว
 
จนกระทั่งคุณยุทธนาวรากร แสงอร่าม ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ได้ค้นพบภาพร่างขนาดจริง รูปครึ่งวงกลมขนาด ราว 6 คูณ 10 เมตร ที่คลังกลาง
ในลักษณะที่พับไว้ จึงมีความชำรุดมาก แต่เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเป็นภาพร่างก่อนปรับแก้
เป็นภาพสุดท้ายในขนาดเดียวกัน เพื่อนำขึ้นไปฉลุลายบนโดมพระที่นั่งแล้วลงสีจริง
 
ดังนั้นจึงเป็นภาพเดียวในหกภาพที่หลงเหลือของจริงมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งการศึกษาจะทำให้เราเข้าใจถึงเทคนิคการเขียนภาพปูนเปียกของไทยในสมัยนั้น
 

 
กาลิเลโอ คินีเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของอิตาลี ตั้งแต่งานจิตรกรรมบนผืนผ้าใบ
จิตรกรรมฝาผนัง งานประติมากรรมปูนปั้นประดับอาคาร ไปจนถึงเครื่องเคลือบดินเผา
นิยมใช้ลวดลายดอกไม้ใบไม้ เลื้อยพันกันในแบบ Art Nouveau
 
ภาพเขียนที่ส่งไปร่วมงานเบียนนาเลประจำปี ที่ตรงกับรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป
 คือภาพชุด ประวัติศาสตร์ศิลปะข้ามกาลเวลา ที่อยู่ในบรรยากาศคลาสสิคของยุโรปโบราณ อันเต็มไปด้วยเทพยดาและอมนุษย์ ท่ามกลางลวดลายพันธุ์พฤกษาอ่อนหวาน
ปรากฏว่าต้องกับรสนิยมส่วนพระองค์
 
จึงได้มีการทาบทามให้กาลิเลโอ คินี ในวัย 37 ปี
เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อรับงานเขียนภาพในพระที่นั่งอนันตสมาคม
ปลาย พ.ศ. 2454 คินี่เดินทางมาถึงสยาม แต่รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคตเสียแล้ว 
เข้าสู่รัชพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
คินีพักอาศัยอยู่ที่บ้านริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ในตรอกวัดสามพระยาย่านบางลำพู
ซึ่งเป็นบ้านเดิมของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ที่ให้นายช่างฝรั่งมาใช้พำนัก
 
มีเรื่องเล่าว่าที่ท่าน้ำของบ้านหลังนี้เอง ที่คาร์โล ริโกลี ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของคีนิ
ได้เจอเด็กชายคนหนึ่งเอาชอล์กขีดเขียนรูปภาพต่างๆ อยู่ที่สะพานท่าน้ำ
ริโกลีเห็นว่าเด็กคนนี้พอจะมีแววอยู่ จึงขออนุญาตจาก ม.ร.ว.แดง พาไปดูการเขียนภาพ
ที่บนโดมพระที่นั่งอนันตสมา เมื่อเติบใหญ่เด็กชายคนนี้จะรู้จักกันในชื่อของ เหม เวชกร
 

 
กาลิเลโอ คินีรับหน้าที่เขียนภาพร่าง ภาพเขียนสีบนโดมของพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตั้งแต่ภาพรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 6 แต่ภาพสุดท้ายภาพบรมราชาภิเษกนี้มีความพิเศษ
แตกต่างจากภาพเหตุการณ์ของรัชกาลที่ 1-5

เนื่องจากคินี่ได้มีโอกาสเข้าร่วมสังเกตการณ์ในคราวเสด็จออกมหาสมาคม
ในพระบาทพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554
ณ มุขเด็จพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ภาพกลุ่มบุคคลที่เขียนขึ้นในภาพนี้จึงมีความพิเศษ

ที่มีภาพของผู้ที่อยู่ในภาพตามตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ 
เช่น สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
 
ระหว่างที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพ คินีได้เขียนภาพแนวตะวันออกไว้หลายภาพ
พ.ศ. 2556 หลังรับราชการที่กระทรวงโยธาธิการอยู่ 30 เดือน
หลังจากการออกแบบและเขียนภาพจนแล้วเสร็จไปบางส่วน ก็เดินทางกลับ
ที่อิตาลี่ คินีได้ผลิตงานศิลปะที่มีแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีนเป็นจำนวนมาก
 

 
ปีต่อมา คินีได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเวนิสเบียนนาเลอีกครั้ง โดยมีห้องแสดงงานเป็นส่วนตัว
เขาจึงเปิดการแสดงเครื่องปั้นดินเผาและภาพเขียน ทั้งส่วนที่เขานำกลับไปด้วย
และที่เขียนขึ้นใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ในชื่อนิทรรศการว่า Nostalgia di Bangkok
และกลายเป็นอาจารย์ประจำในสถาบันศิลปะแห่งเมืองฟลอเรนซ์
 
จนถึงวัย 76 ปี คินีตัดสินใจบริจาคสิ่งของสะสมจากสยามของเขาให้กับพิพิธภัณฑ์
และตั้งชื่อว่า ความทรงจำแห่งสยาม ซึ่งเป็นชื่อเดียวนิทรรศการที่เคยจัดแสดง
เมื่อครั้งได้เดินทางกลับจากสยาม กาลิเลโอ คินี ถึงแก่กรรมที่เมืองฟลอเรนซ์
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2499 อายุได้ 92 ปี
 
ปัจจุบันภาพร่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 ของกาลิเลโอ คินี
อยู่ระหว่างการอนุรักษ์ ก่อนจะนำไปจัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 พุทธศักราช 2562
แต่เท่าที่ทราบ น่าจะไม่ทันเนื่องจากอาจใช้เวลาถึง 2 ปี กว่าจะเสร็จสิ้นลง
 
ซึ่งปัจจุบันทางหอศิลป์เจ้าฟ้า ได้จัดเตรียมห้องด้านบนห้องหนึ่งสำหรับการซ่อมแซม
เนื่องจากภาพนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก โดยผู้ที่ไปเยี่ยมชมหอศิลป์เจ้าฟ้า
จะสามารถมองเห็นการทำงานอนุรัษ์ภาพดังกล่าวผ่านหน้าต่างกระจกได้
 


พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมเป็นชื่อพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง
สร้างแบบตึกฝรั่ง เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 4 แต่เล่าว่าเมื่อถึงรัชกาลที่ 5
ได้ชำรุดทรุดโทรมลง แต่มีผู้วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ที่เคยให้ความเห็นว่า
สมัยนั้นช่างไทยช่างจีนสร้างตึกแบบตะวันตก ก็อาจไม่เหมือนช่างฝรั่งมาก่อสร้าง
 
เมื่อรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสยุโรป ทรงได้เห็นอาคารและสิ่งก่อสร้างของจริง
จึงได้มีแนวพระราชดำริที่จะแสดงให้เห็นความทันสมัยต่อสายตาต่างชาติ
พระที่นั่งอนันตสมาคมคือในสิ่งก่อสร้างสมัยนั้น สร้างในสไตล์ของอิตาเลียนเรอเนซองส์
โดยฝีมือสถาปนิกชื่อดังสองคนคือ Annibale Rigotti และ Mario Tamagno
 
การก่อสร้างเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2451 แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ล่วงเข้าสู่ปี พ.ศ. 2459
ภาพเขียนสีปูนเปียกที่คินีทำการศึกษา ทดลองร่างแบบ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ให้รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย คัดเลือกภาพเหตุการณ์ในรัชกาลต่างๆ
มาเขียนไว้บนโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม มีจำนวน 6 ภาพ ดังนี้
 
รัชกาลที่ 1 ภาพเมื่อเสด็จกลับจากราชการทัพในกัมพูชา
เหล่าขุนนางข้าราชการสมณชีพราหมณ์ อัญเชิญให้ขึ้นเสวยราชสมบัติ
รัชกาลที่ 2  ภาพกระบวนเสด็จพยุหยาตราทางสถลมารค
และการก่อสร้างพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
 
รัชกาลที่ 3 ภาพการเสด็จเลียบพระนครและการก่อสร้างป้อมปราการ
รัชกาลที่ 4 ภาพพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงศาสนา
รัชกาลที่ 5 ภาพการเลิกทาสและความก้าวหน้าของพระราชอาณาจักร
รัชกาล 6 ภาพการเสด็จออกมหาสมาคมในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช
 
ปรกติพระที่นั่งนี้ไม่เปิดให้เข้าชม บางท่านจึงอาจไม่มีโอกาสได้เห็นภาพจริง
ผมเองยังเคยเห็นครั้งเดียวเท่านั้น คราวจัดงานแสดงสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
แน่นอนว่าด้สนในห้ามถ่ายภาพ
 

 
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชต่างจากพระบรมราชาภิเษกอย่างไร
คงจะเคยได้ยินช่วงคราวงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลปัจจุบันว่า
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยมีพิธีบรมราชาภิเษกมาแล้ว 11 ครั้ง
ซึ่งมากกว่าจำนวนรัชกาล นั่นเพราะในคราวรัชกาลที่ 1 มีพิธีบรมราชาภิเษก 2 ครั้ง
 
ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2325 คราวที่ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติ
หลังจากนั้นราว 3 ปี เมื่อก่อสร้างพระบรามหาราชวังเสร็จสิ้นลง
พระองค์ได้ให้ผู้คนที่ยังมีความทรงจำเรื่องงานพระบรมราชาภิเษกสมัยกรุงศรีอยุธยา
จัดทำเป็นตำรา และประกอบพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นครั้งที่สอง
 
หลังจากนั้นก็มีพิธีบรมราชาภิเษกเพียงรัชกาลละ 1 ครั้ง
ที่พระมหากษัตริย์รัชกาลต่อมาจะออกทุกข์ช่วงสั้นๆ ในงานพระบรมโกศ
เพื่อจัดพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่
นั่นเพราะในอดีตแผ่นดินต้องมีผู้นำ มิฉะนั้นอาจจะเป็นช่องว่างให้ข้าศึกมารุกรานได้
 
มีพิธีบรมราชาภิเษกถึงสองคราวอีกครั้ง ในสมัยรัชกาลที่ 5
โดยจัดขึ้นเมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 15 พรรษาครั้งนึง และ 20 พรรษาอีกครั้งนึง 

เมื่อสยามได้ติดต่อกับต่างชาติชาวตะวันตก ก็มีการรับวัฒนธรรมบางอย่างมา
เช่น ธรรมเนียมการสวมพระมหาพิชัยมงกุฎ แทนที่จะทรงรับแล้วมาวางข้างพระองค์
อย่างที่มีบันทึกไว้ในคราวพิธีบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ 3
และอีกธรรมเนียมหนึ่งซึ่งมีเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 6 คือ
การออกมหาสมาคมเมื่อทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2
 
ซึ่งเป็นการสร้างความรับรู้ให้แก่สาธารณชน รวมถึงทูตต่างประเทศว่า
ประเทศนี้ได้มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่แล้ว ดังนั้นจะกล่าวได้ว่า
ภาพวาดนี้เขียนขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2
หลังงานพระเมรุของรัชกาลที่ 5 โดยมีพิธีการออกมหาสมาคมเพิ่มขึ้นมา

เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนจึงออกชื่องานว่า บรมราชาภิเษกสมโภชนั่นเอง



Create Date : 18 กันยายน 2563
Last Update : 24 กันยายน 2563 9:06:40 น. 2 comments
Counter : 1160 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtuk-tuk@korat, คุณหอมกร


 
น่าสนใจมากค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 19 กันยายน 2563 เวลา:16:07:28 น.  

 
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog
ตามหมวดเลยจ้า บล็อกนี้



โดย: หอมกร วันที่: 20 กันยายน 2563 เวลา:22:46:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]