BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (6)

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (6)

5. พระสมณโคมทรงกระทำความเพียรทุกรนิยาเพื่อความความหลุดพ้น
พระอินทร์เสด็จมาดีดพิณสามสาย เพื่อให้ศุภนิมิตปฏิบัติในทางสายกลาง
นางสุชาดาถวายข้าวทิพย์ พราหมณ์โสตกิยะถวายฟ่อนหญ้าคา
พระสมณโคดมทรงลอยถาดทองคำ ณ แม่น้ำเนรัญชรา

หลังจากทรงตัดพระเกศาและนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด ได้ทรงจาริกไปกรุงราชคฤห์
พระเจ้าพิมพิสารได้เสด็จออกมาเฝ้าและเชิญให้มาอยู่ด้วยกันเพื่อปกครองเมือง
สมณโคดมทรงปฏิเสธด้วยความมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ตามความตั้งใจ

พระองค์เสด็จไปศึกษาหาหนทางดับทุกข์กับอาฬารดาบส
เมื่อสำเร็จแล้วก็เสด็จไปศึกษากับอุทกดาบส แต่ก็พบว่ายังไม่ใช่หนทางที่ตามหา
พระองค์จึงเสด็จต่อไปจนถึงแคว้นมคธ พบสถานริมน้ำอันร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
จึงประทับเพื่อค้นหาทางหลุดพ้นด้วยพระองค์เอง

ในตอนนี้เองที่มีปัญจวัคคีย์ได้เข้ามาขออยู่รับใช้
โดยหวังว่าเมื่อพระองค์สำเร็จตรัสรู้จะได้อยู่สอนสั่งพวกตน
พระองค์ได้เริ่มบำเพ็ญทุกริยาอันเป็นวิธีค้นหาตามวิถีแห่งโยคีทั่วไปในตอนนั้น
ที่เชื่อกันว่าเป็นการขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงได้

ทรงกระทำหลายอย่างอันเป็นการทรมานพระวรกาย เช่น การอดอาหาร
ทรงนุ่งห่มหนังสัตว์ เปลือกไม้จนถึงเปลือยร่างกาย การบรรทมบนหนามแหลม
การปล่อยให้ร่างกายเต็มไปด้วยฝุ่นผงและโคลน เป็นเวลาทั้งสิ้นอยู่ 6 ปี
แต่ก็พบว่าก็ยังไม่ใช่หนทางแห่งการบรรลุธรรม จึงทรงหันกลับมาเสวยดังเดิม

การกระทำเช่นนี้ทำให้พวกปัญจวัคคีย์เสื่อมศรัทธาพากันละทิ้งพระองค์ไป
แต่ก็ได้พละกำลังที่จะกลับมาครุ่นคิด ถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญเพียรไป

ในเวลานั้นเองที่พระอินทร์ได้เสด็จลงมายังที่ประทับ
และทำให้ทรงพระสุบินไปว่ามีเทวดามานั่งดีดพิณสามสาย
โดยในครั้งแรกนั้นสายนั้นหย่อนเกินไปเมื่อดีดแล้วเสียงก็ไม่ไพเราะ
เมื่อเทวดาดีดพิณสายที่สองสายนั้นก็ตึงเกินไปเสียงก็ยังคงไม่ไพเราะ

จนกระทั่งเทวดาการดีดเป็นครั้งที่สามเสียงพิณนั้นก็ก้องกังวานเสนาะ
เนื่องจากสายที่สามนั้นไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป
เมื่อทรงตื่นจากบรรทมจึงได้ทรงทบทวนเรื่องนี้
ในวันนั้นเองก็เกิดเหตุการณ์สำคัญคือนางสุชาดาได้มาถวายข้าวมธุปายาส

นางสุชาดา ธิดาเศรษฐีในหมู่บ้านเสนานี ใกล้ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
ได้บวงสรวงขอบุตรชายต่อเทวดาประจำต้นไทรแล้วประสบผลสำเร็จ
จึงให้คนตระเตรียมทำข้าวมธุปายาสเพื่อนำไปเป็นพลีแก่เทวดา
ปายาส คือการหุงข้าวด้วยน้ำนม ส่วนมธุ แปลว่า น้ำผึ้ง

ข้าวมธุปายาสคือข้าวที่หุงด้วยน้ำนมเจือด้วยน้ำผึ้ง
ในคัมภีร์กล่าวถึงวิธีเตรียมทำข้าวนี้ว่า นางให้เลี้ยงวัวนมไว้ในป่าชะเอม
จำนวน 1000 ตัว แล้วให้วัวนมอีก 500 ตัว กินน้ำนมของแม่วัวทั้งหนึ่งพันตัวนั้น
จากนั้นก็ให้ให้แม่วัวอีก 250 ตัว มาดื่มกินน้ำนมของแม่วัวนมชุดก่อนหน้า

ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้วัวนมชุดสุดท้ายที่มีเพียง 8 ตัว
นำแม่วัวมารีดเอาน้ำนม และนำน้ำนมมาเคี่ยวจนข้นเป็นนมข้นหวาน
ในวันที่นางให้รีดนมนั้น ลูกวัวไม่กล้าเข้าใกล้แม่วัวเหล่านั้นเลย
พอนางสุชาดาน้อมภาชนะเข้าไปเท่านั้น น้ำนมก็หลั่งออกมาเอง

ในวันที่นางปรุงข้าวมธุปายาสนั้น ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้แก่ท้าวธตรฐ
ท้าวรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และ ท้าวเวสวัณ ก็มายืนอารักขาก้อนเส้าทั้ง 4 ทิศ
ท้าวมหาพรหม ก็นำทิพย์เศวตฉัตรมากางกั้นข้างบนกระทะเพื่อป้องกันธุลี
พระอินทร์เสด็จลงมาก่อไฟใส่ฟืน จนการนั้นสำเร็จลงได้ข้าวมธุปายาส

เมื่อนางไปถึงที่ใต้ต้นไทร กลับพบนักบวชมีลักษณะงามนั่งอยู่
นางเข้าใจว่าเป็นรุกขเทวดาที่แสดงตนมาจึงน้อมข้าวมธุปายาสนั้นเข้าไปถวาย
เจ้าชายสิทธัตถะจึงได้กล่าวว่า พระองค์มิใช่เทวดาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญพรต
ที่มาเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นเท่านั้น นางก็ยิ่งมีใจศรัทธาจึงได้ถวายข้าวนั้นทั้งถาด

พระองค์ได้นำข้าวมธุปายาสมาแบ่งเป็น 49 ก้อนแล้วเสวยปั้นแรกจนหมด
ที่เหลือก็เก็บไว้เป็นอาหารเสวยไปได้อีก 48 วัน หรือ 7 สัปดาห์

จากนั้นพระองค์ได้ไปนั่งอธิษฐานจิต ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
เพื่อเสี่ยงทายเรื่องที่จะสามารถตรัสรู้ได้หรือไม่ หากใช่ขอให้ถาดนั้นลอยทวนน้ำ

เมื่อปล่อยพระหัตถ์ถาดทองนั้นก็ลอยทวนไปเหนือสายน้ำไกลถึง 80 ศอก

ถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่งถาดนั้นจึงจมดิ่งหายลงไปจนถึงวังของพญานาค
กระทบกับถาดสามใบของพระพุทธเจ้าในอดีต คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมน์
และพระกัสสปะ กาฬนาคราชซึ่งหลับมาตั้งแต่สมัยอดีตพระพุทธเจ้าจึงตื่นขึ้นมา
เพราะเมื่อได้ยินเสียงถาด แปลว่าพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ใกล้จะตรัสรู้แล้ว

ครั้นวันเพ็ญเดือนหก พระองค์เสด็จดำเนินไปเพื่อบำเพ็ญสมาธิ
ระหว่างทางพบโสตถิยพราหมณ์ที่เลื่อมใส จึงน้อมถวายหญ้าคา 8 กำ
พระสมณโคดมทรงรับ เสด็จไปยังต้นโพธิ์ตรัสรู้วางหญ้าคาลง

แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากจะได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ขอจงเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วขึ้นรองรับพระสัพพัญญุตญาณในที่นี้เถิด
ทันใดนั้นแผ่นดินที่วางหญ้าคา ก็เกิดเป็นบัลลังก์แก้วบันดาลผุดขึ้น
ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะไม่ลุกขึ้นจนกว่าจะบรรลุสมโพธิญาณ

ซึ่งในทางศาสนาฮินดูถือว่าหญ้าคานั้นเป็นหญ้าศักดิ์สิทธิ์
เพราะไม่มีวันตาย หากถูกถอนหรือเผาไฟก็ยังสามารถงอกใหม่ได้
เมื่อนำไปใช้รองรับสิ่งใดก็จะทำให้กลายเป็นสถานที่อันบริสุทธิ์

ปฐมสมโพธิ์ที่เรารู้จักกันนั้นกล่าวว่าในช่วงสัปดาห์ที่ 5 หรืออชปาลนิโครธ
พระพุทธเจ้าได้ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ใต้ต้นไทรอันเป็นที่อยู่ของคนเลี้ยงแพะ
สามธิดาของพญามาร นางตัณหา นางราคา และนางอรดี เข้ามาทำลายตบะ
ด้วยการขับร้องฟ้อนรำยั่วยวนต่างๆ แต่พระองค์ก็มิได้สนใจและกล่าวขับไล่

นางมารยังคงรำยั่วยวนต่อไป ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้าทรงบรรดาลให้
ร่างกายอันงามของธิดาพญามารกลายเป็นหญิงชราน่าสังเวช
เมื่อได้เห็นร่างกายของตนเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้นก็ตกใจ พากันหนีไป
โดยจากรูปจะเห็นการเข้ามาของธิดาทางด้านขวาและแก่ชราทางด้านซ้าย

ประมาณว่าเป็นการมาล้างแค้นแทนพญามารผู้เป็นบิดาที่แพ้พ่ายไปในตรัสรู้
แต่จิตรกรรมที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์แตกต่างไปจากคัมภีร์ปฐมสมโพธิ์
โดยการยั่วยวนของธิดาพญามารนั้นเกิดขึ้นในตอนที่พระองค์ตั้งมั่นในสมาธิ
ก่อนที่จะถูกมารมาผจญเป็นด่านสุดท้ายในตอนก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้

Create Date : 10 กรกฎาคม 2557

Last Update : 15 กรกฎาคม 2557 10:40:26 น.

2 comments

Counter : 2440 Pageviews.

เดี๋ยวหนูมาใหม่ค่ะ

ป้ายบรรยายในพิพิธภัณฑ์ฯ มีค่ะ หนูไม่ได้ถ่ายมาเอง มัวแต่ตื่นเต้น เค้าให้ถ่ายรูปได้แล้ว เลยพยายามจะเก็บรูปให้ได้มากที่สุด ตอนลงภาพ งงเองสิคะที่นี้

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
ปลาทอง สมองน้อย Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 14 กรกฎาคม 2557 เวลา:22:11:49 น.

เพิ่งเคยได้อ่านรายละเอียดกว่าจะมาเป็นข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดา ถวายค่ะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 15 กรกฎาคม 2557 เวลา:15:39:58 น.