BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : แปร๋นท่องกรุง : ถอดรหัสความรู้เรื่องช้าง (8)

แปร๋นท่องกรุง : ถอดรหัสความรู้เรื่องช้าง (8)

หมายเลข 15 สวนขวา

ในสมัยรัชกาลที่ 2 ราชทูตที่เดินทางกลับมาจากเมืองจีนได้กราบทูลว่า
ที่นั่นพ่อค้าวาณิชที่ร่ำรวยนิยมสร้างสวนประกวดประขันกันเป็นที่สนุกสนาน
พระองค์ได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า พระมหากษัตริย์ไทยก็สมควรจะมีเช่นนั้นบ้าง
จึงโปรดเกล้าให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นแม่กอง

สร้างสวนในที่ที่มีการขยายเขตพระบรมมหาราชวังไปจนจรดวัดโพธิ์
โดยการขุดสระน้อยใหญ่ขึ้นมาถมเป็นเกาะแก่ง และสร้างตำหนักที่ประทับไว้
มีการสมโภชพระที่นั่ง การพายเรือลัดเลาะไปเที่ยวตามเกาะแก่งเก๋งแพต่างๆ
การแข่งขันไล่เรือ การออกร้านขายของที่หน้าแพ การเล่นละครใน สักวา เป็นต้น

เนื่องจากสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางขวามือของพระราชวัง จึงได้ชื่อว่าสวนขวา
ในช่วงเวลานั้นเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางมักจะหาก้อนหินมาถวายเสมอ
ต่อมาได้มีการระบาดของโรคอหวาตกโรคครั้งใหญ่ ประชากรล้มตายกว่า 20%
ศพนั้นเกลื่อนกราด ประชาชนไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน

จึงได้มีการจัดพิธีทำบุญพระนครครั้งใหญ่เรียกว่า อาพาธพระนคร
ในครั้งนั้นเหล่าประชาชนร่ำลือกันว่า เป็นเหตุมาจากการขนย้ายหินจากป่า
ที่มีผีอาศัยสิงสู่มาไว้ในพระนครเป็นตัวการทำให้บ้านเมืองได้ยากเช่นนี้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเมื่อสิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าโปรดให้รื้อออก
แล้วนำเครื่องตกแต่งอันงดงามเหล่านั้นไปประดับบรรดาพระอารามต่างๆ
เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถ ปรับที่ดินตรงนั้นราบเรียบ
ล่วงมาในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างพระอภิเนาว์นิเวศ

ในสมัยรัชกาลที่ 2 กล้องถ่ายรูปยังไม่ปรากฏในดินแดนสยาม
รูปถ่ายนั้นจึงหาได้มีไม่ การสร้างสวนขวาของเมืองโบราณ
จึงเป็นเพียงการนำเอารูปสลักศิลาอันเป็นที่นิยมในช่วงเวลานั้นมาจัด
เพียงเพื่อให้ได้กลิ่นไอบรรยากาศแบบจีน

รูปช้างนั้นอยู่ในเก๋งจีนที่ตั้งอยู่ข้างสวนขวานั่นเอง ผมจำคำถามไม่ได้
เพราะสิ่งสำคัญอันเป็นอีกหนึ่งในจุดประสงค์ที่ผมต้องการเดินทางมาที่นี่
ก็คือการตามหาแผ่นหินศิลาจำหลักลายวรรณคดีของจีนที่ประดับอยู่ที่นี่

สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อใช้ประดับรอบฐานพระอุโบสถวัดไผ่เงิน
ต่อมาทางวัดสร้างพระอุโบสถหลังใหม่
ทางเมืองโบราณจึงได้ทำการผาติกรรมมาจัดแสดงไว้ที่สวนขวาแห่งนี้

ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าสิ่งแบบนี้หาได้ยากในเมืองไทย
ที่รู้นั้นมีอยู่อีก 2 แห่ง หนึ่งนั้นคือแผ่นหินเรื่องสามก๊กที่วัดพิชัยญาติ
และอีกแห่งหนึ่งนั้นคือแผ่นหินเรื่องรามเกียรติ์ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม

แผ่นหินที่นี่เป็นวรรณกรรมจีนสามเรื่องคือสามก๊ก ห้องสินและไซฮั่น
แต่หนังสือที่ผมมีนั้น เป็นเรื่องวรรณกรรมสามก๊กในประเทศไทย
ดังนั้นแผ่นที่ว่างเปล่าหมายความเป็นเรื่องอื่นๆ ที่มิใช่สามก๊ก

หันหลังให้กับศาลาตรงหน้านับเป็นศิลาแผ่นที่ 1 จากนั้นวนตามเข็มนาฬิกา