Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
7 ตุลาคม 2558

จารึกสุโขทัยหลักที่ 1 : ของจริงหรือของปลอม (6)




สมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาจึงได้มีพระดำรัสปืดการอภิปรายว่า
ข้าพเจ้าไม่กลัว เพราะคิดว่าถ้ามีคนที่สงสัยอะไร
ก็น่าที่จะให้โอกาสเขาอธิบายความเห็นของเขาด้วยเหตุด้วยผลของเขา
ซึ่งเราก็สามารถมาพิจารณาได้ภายหลัง ถึงอย่างไรก็ดี เราไม่ควรยึดถืออะไรนัก

ทุกอย่างในโลกนี้ก็ไม่เที่ยง ถ้าหลักที่ 1 นี้เป็นของปลอม อะไรก็จะมาลบ
การที่เรามีภาษาของเรา ซึ่งมีตัวเขียนของเราที่ใครสร้างขึ้นก็ตาม
มีสถาปัตยกรรมของเรา และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นของเราไม่ได้

ทรงมอบหมายให้นักวิทยาศาสตร์ประจำกรมศิลปากร และกรมทรัพยากรธรณี
ทำการวิจัยเรื่อง การพิสูจน์ศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์
โดยนำศิลาจารึกที่ทำด้วยหินทรายแป้ง ชนิดเดียวกับศิลาจารึกหลักที่ 1
คือ หลักจารึกนครชุม ศิลาจารึกวัดมหาธาตุ ศิลาจารึกภาษามคธ และภาษาไทย
กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร และพระแท่นมนังคศิลาบาตร มาเปรียบเทียบกัน

พ.ศ. 2534 ก็มีการรายงานผลว่าผู้วิจัยได้ใช้แว่นขยายรังสีอัลตร้าไวโอเลต
และรังสีอินฟราเรด กล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอน เป็นเครื่องมือสำคัญ

เมื่อเปรียบเทียบวิเคราะห์หลาย ๆ จุดบนตัวอย่างแต่ละตัวอย่าง
แล้วหาค่าเฉลี่ยพบว่า ความแตกต่างขององค์ประกอบที่ผิว
กับส่วนที่อยู่ข้างในของศิลาจารึกทั้ง 3 หลักมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน

จึงสรุปผลการพิสูจน์ว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ผ่านกระบวนการสึกกร่อน
มาเป็นเวลาหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 วัดศรีชุม
และหลักที่ 45 ศิลาจารึกวัดมหาธาตุ จึงเป็นอันยุติว่า
ศิลาจารึกหลักที่ 1 เป็นของดั้งเดิม มิใช่ทำขึ้นใหม่



แต่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วย ชัชวาล ปุญปัน ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เผยแพร่บทความโต้แย้ง ใจความโดยสรุปว่า

1. ยังไม่มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่จะสามารถวัดอายุว่า
มนุษย์ได้นำก้อนหินก้อนนั้นมาแกะสลักเมื่อใดได้โดยตรง
2. การทดสอบนี้มีข้อจำกัด ที่ไม่สามารถจะสุ่มตัวอย่างได้อย่างเพียงพอ
เพราะคงไม่มีใครกล้ากะเทาะศิลาจารึกหลักที่ 1 ออกมาหลายตำแหน่ง

3. ศิลาจารึกหลักที่ 1 คงตั้งอยู่กลางแจ้งมาตลอด เพราะสุโขทัยสมัยนั้น
ยังเป็นป่ารก หากจมดินอยู่จะไม่สามารถค้นพบได้ ต่างจากหลักอื่นซึ่งพบในสมัยหลัง
สภาพนั้นตั้งอยู่ในวิหาร จารึกหลักที่ 1 จึงมีความแตกต่างจากหลักอื่นๆ
แล้วจะนำมาเปรียบเทียบการผุผังด้วยกันได้อย่างไร

4. วิธีจะการหาร่องรอยของการผุพังอยู่กับที่แบบในงานวิจัยนี้
ที่ขาดไปก็คือไม่สามารถหาหินทรายแป้งแบบเดียวกับจารึกหลักที่ 1
แต่จารึกในสมัยรัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่ในสภาพเช่นเดียวกันมาเปรียบเทียบได้

ดังนั้นจึงมีคำถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหินทรายแป้งแบบเดียวกัน
แต่ถูกจารึกในสมัยรัชกาลที่ 4 อาจจะมีสภาพการผุผังเหมือนกันก็ได้



ฝ่ายที่เชื่อว่าจารึกไม่ได้ทำขึ้นในสมัยสุโขทัยก็ก็ยังคงมีการตั้งข้อสังเกตอยู่

เช่น ไมเคิล ไรท์ จากภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องเนื้อหาและการใช้ภาษา ก็สรุปยืนยันว่า จารึกหลักที่ 1
จะเป็นอื่นใดไม่ได้ นอกจากฝีมือปัญญาชนชาวสยามในคริสตวรรษที่ 19
ซึ่งช่ำชองพุทธศาสนาและยังคุ้นกับความคิดของนักปราชญ์ก้าวหน้าในยุโรป



นอกจากนี้ก็ยังมีสายกลาง อย่าง อ. ศรีศักดิ์ วัลลิโคดม นักวิชาการอิสระ
ก็ไม่เชื่อว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่น่าจะสร้างในสมัยพระยาลิไท
เพราะเป็นจารึกทางการเมืองพื่อใช้อ้างความชอบธรรมในการขึ้นครองราชย์สมบัติ
โดยอ้างไปถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง หรือเมื่อครั้งบ้านเมืองยังดี



อีกท่านที่เป็นสายกลาง คือ อ. พิเศษ เจียจันทรพงษ์
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑกรมศิลปากร
มีความเห็นว่า ไม่ได้ทําในสมัยพ่อขุนรามคําแหง และไม่ได้ทําในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วย

เพราะข้อความ 17 บรรทัดแรกของจารึกเขียนว่า กูชื่อนั้น พ่อกูชื่อนี้
แต่บรรทัดที่ 18 กลับจารึกว่า "เมื่อชั่วพ่อขุนรามคําแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี"
หมายถึง พ่อตายแล้ว แสดงว่าเขียน หลังสมัยพ่อขุนรามคําแหงแน่นอน
และแม้แต่ 17 บรรทัดแรกก็อาจไม่ได้จารึกสมัยพ่อขุนรามคําแหงก็ได้
เพราะการใช้สรรพนาม กู เพื่อเป็นการเล่าเรื่องก็เป็นวิธีเล่าเรื่องแบบหนึ่ง

เป็นไปไม่ได้ว่าในสมัยสุโขทัยมีการใช้สระผสมแล้ว เช่น สระ เอือ
จนกระทั่งสมัยใกล้สมัยรัชกาลที่ 4 จึงมีการใช้ สระเอือ เช่นคำว่า เมือง

แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะไม่มีทางที่คนในสมัยนั้น
จะมีความรู้ทางประวัติศาสตร์มากพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆ โดยไม่ขัดแย้งในภายหลัง
เมื่อเรามารู้จักหรือเห็นภาพสุโขทัยจากหลักฐานและข้อค้นพบภายหลัง
จนสามารถสร้างภาพให้แก่เมืองสุโขทัยได้อย่างถูกต้อง

เช่น ในจารึกบอกว่ามีลานเหมือนสนามหลวง
อาจจะใช้สำหรับประกอบพิธีอยู่ระหว่างประตูเมืองกับศูนย์กลางของเมือง
แต่ลานนี้เลิกใช้ไปหลังจากนั้น100 ปี และสร้างวัดคร่อมแทน
กว่าท่านจะเสด็จไปที่กรุงสุโขทัยก็ไม่หลงเหลือร่องรอยอะไร

และยังมีอีกหลายเรื่องที่เราเพิ่งมาค้นพบภายหลังด้วยหลักฐานใหม่ ๆ
หากรัชกาลที่ 4 ทรงทำหลักศิลาจารึกหลักนี้ขึ้นมาจริง ก็น่าสงสัยว่า
ท่านทราบเรื่องเหล่านี้มาก่อนได้อย่างไร อย่างไรก็ตามอาจมีผู้ทักท้วงว่า
ท่านศึกษามาก รู้มาก อาจจะรู้มาก่อนแล้วก็เป็นได้



Create Date : 07 ตุลาคม 2558
Last Update : 8 ตุลาคม 2558 15:47:08 น. 2 comments
Counter : 1551 Pageviews.  

 
มาอ่านต่อค่ะ

ง่ะ เราเองก็กินได้น้อยลงค่ะ เมื่อก่อนกินได้มากกว่านี้เยอะมากๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 ตุลาคม 2558 เวลา:17:44:37 น.  

 
น่าจะยังไม่จบใช่ไหมคะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 7 ตุลาคม 2558 เวลา:17:48:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]