|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
1 พฤศจิกายน 2554
|
|
|
|
Thailand Mega Flood 2011 : ทรัพย์สมบัติทางใจจะไม่ถูกทำลายอย่างเด็ดขาด
หลังจากที่ผมบอกว่าคงจะหยุดเขียนไปซักพักหลัง blog สุดท้าย ซึ่งอาทิตย์ต่อมาก็ป่วยจนลุกไม่ขึ้น ต้องไปนอนรักษาตัวอยู่หนึ่งอาทิตย์ นอนดูข่าวทีวี อ่านเรื่องข่าวน้ำท่วมอยู่คนดียวโดยที่ไม่ได้คุยกับใคร แต่ก็เตรียมตัวยกของขึ้นที่สูง และเอารถไปจอดที่ห้างสรรพสินค้า
หลังจากหายป่วยกลับมาอยู่บ้าน แต่น้ำก็ไล่ต้อนเข้ามาเขยิบมาจ่อหน้าประตู กรุงเทพมหานครมากขึ้นทุกที ความกดดันมากขึ้น ชนิดที่ว่าเปิดทีวีทิ้งไว้ มือจับ iPad เปิดโปรแกรม tweetdeck ที่รวมTwitter และ facebook เข้าด้วยกัน อ่านจบ เปิดห้องโต๊ะข่าวของ Pantip วนไปวนมาจนหมดวัน
จนรู้สึกได้ว่าเครียดมากที่สุดในชีวิต บ้านเราจะโดนน้ำท่วมไหม สูงแค่ไหน เมื่อไหร่ หรือว่าเราจะรอด ? ทุกวินาทีมีแต่ข้อมูล เรื่องทำงานไม่ต้องพูดถึง น้ำท่วมหน่วยงานอื่นที่อยู่ข้างนอกไปหมดแล้ว
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของเดือนตุลาคม น้ำทะลักเข้ามาในเขตกรุงเทพจนได้ คำพูดของรัฐบาล ดูจะไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป ทุกคนต้องช่วยตัวเอง การกลายเป็นผู้ประสบภัยคงไม่ใช่สิ่งที่น่าประทับใจเป็นแน่ เพราะหากบ้านน้ำท่วม แต่ที่ทำงานไม่หยุด แล้วคนกรุงจะอพยพไปไหน
หลังจากจมปลักในความทุกข์ หลับฝันเลอะเทอะแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับการสะดุ้งตื่นกลางดึกมาเป็นอาทิตย์ จนสามวันก่อนผมก็เจอกระทู้
ข้อความจากคนญี่ปุ่นชาวเมืองอิชิโนะมากิที่ประสบภัยสีนามิเพื่อให้กำลังใจชาวไทย
ผมกด play เพื่อดู MV ประกอบบทเพลง Himawari ที่แปลว่าดอกทานตะวัน ตอนต้นนั้นเป็นภาพชาวเมือง Ishinomaki จังหวัด Miyagi ถือป้ายที่เขียนข้อความ ให้กำลังใจเป็นภาษาไทยที่แปลออกมาแปลกๆ ชวนขำ เช่นรักใหญ่ประเทศไทย อะไรอย่างนี้ แล้วก็ตัดเข้าสู่ภาพน้ำท่วมทีเราเห็นจนชินตา
ราวหนึ่งนาทีภาพก็เปลี่ยนมาเป็นเหตุการณ์ Tsunami เมื่อเดือนมีนาคม ภาพคนญี่ปุ่นยืนมองความพินาศของเมืองที่กลายเป็นกองขยะขนาดใหญ่ ตัดกลับมาที่เมืองไทย มีการระดมเงินบริจาคในโครงการ Pray for Japan ผมนึกถึงภาพที่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ได้หลั่งน้ำตาในความซึ้งใจ
มีก้อนเล็กๆ จุกในลำคอที่รู้สึกว่า ผู้ประสบภัยในคราวนั้นยังไม่ได้ลืมเลือน ประเทศเล็กๆ อย่างเราไป ภาพตัดกลับมาที่ผู้คนในเมืองที่ประสบภัย ยืนถือแผ่นป้ายให้กำลังใจคนไทยอีกครั้ง น้ำตาผมเริ่มปริ่มอยู่ที่ขอบตาสองข้าง
ในท้ายเพลงหากสังเกตุจะพบว่า ฉากที่อยู่ข้างหลังนั้นเปลี่ยนไป จากที่ยืนถือป้ายหน้าบ้านหรือในห้อง เป็นรูปเด็กๆ ที่ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านชั่วคราว ภาพของชายหนุ่มและหญิงสาว ที่ถือป้ายอยู่หน้าบ้านที่กำลังสร้างขึ้นบนซากปรักหักพัง
น้ำตาที่เอ่อท้นของผมนั้นได้ไหลรินออกมา
ในขณะที่น้ำท่วมยังให้เวลาเราเตรียมตัวขนของขึ้นไปยังที่ปลอดภัย แต่เหตุการณ์ tsunami ของญี่ปุ่นมีเวลาเตือนภัยน้อยมาก ในขณะที่น้ำท่วมของไทยเมื่อมันผ่านไป เราก็แค่ปัดกวาดเช็ดถู แต่เหตุการณ์ tsunami ของญี่ปุ่นนั้น ไม่เหลือแม้แต่สิ่งที่เคยเป็นบ้าน
ผมโชคดีกว่าคนญี่ปุ่นมาก และได้เตรียมตัวพร้อมทุกอย่างแล้ว หากน้ำจะมา มันก็มา พออยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็อพยพ ก็เท่านั้นเอง เวลาดูซีรีย์ญี่ปุ่นในช่วงสุดท้าย เมื่อตัวเอกต้องเผชิญอุปสรรคที่สำคัญ เราจะเห็นการให้กำลังใจจากคนรอบข้าง ผมว่ามันตลก แค่นั้นจะช่วยอะไร
แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่า กำลังใจนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด สมบัตินอกกายอาจจะเสียหายได้ แต่ทรัพย์สมบัติทางใจนั้น
เราจะไม่มีวันสูญเสียมันไปตลอดกาล ...
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2554 13:15:25 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1016 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
เป็นกำลังใจให้ค่ะ