หลังจากนอนหลับสบาย กันที่ Liverpool

วันนี้เราต้องออกกันแต่เช้าเช่นเคย
เพราะเราจะไป Cotswolds กัน จาก Liverpool เราจะขับรถย้อนลงมา อีก 3-4 ชม

เพื่อมาเที่ยว หมู่บ้านชนบทอังกฤษกัน เรารู้จัก Cotswolds จากในพันทิปนี่แหละ

เราอยากมาเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ชนบทๆของอังกฤษมานานแล้ว ฝันเป็นจริงซะที

ออกมาจากโรงแรมก็แวะหาไรกินข้างทางกันไปค่ะ มื้อนี้ฝากท้องไว้กับ subway อีกแล้ว

เช้าวันนี้การขับรถเป็นวันที่3 เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นละ








นมที่นี่ถูกกว่าน้ำเปล่า อีกแน่ะ 60 เพนนี ยังไม่ถึง ปอนด์เลย ซื้อมากิน เพราะชอบแพ็คเกจ น่ารักดี อิอิ

ส่วนน้ำเปล่า ขวดเล็กๆ แค่นี้ แพงจริง  70 กว่าบาท

อีกเรื่องที่อยากจะบอก คือ เวลาเช่ารถดูสภาพรถโดยรอบก่อนก็ดีเนอะ บ้านเราลืมดู
แต่มาเห็นเอาหลังจากใช้มา เป็นวันที่2 ตรงประตูมีรอยบุบอ่ะ ดีนะที่ทำประกันไว้แต่แรก
ซึ่ง รอยนี้มันไม่ได้เกิดจากเรานะ ถ้าไม่ได้ทำประกัน เราอาจต้องรับผิดชอบก็ได้







หลังจากใช้เวลาตรงจุด service นี้เกือบ ชั่วโมง เราก็ออกเดินทางกันต่อ ไปยังหมู่บ้านแรก 
ทิวทัศน์ข้างทางขอบอกว่า ...ฟินหนักกว่าเดิมอีก ถนนแถบนี้สวยมากๆ  
The Cotswolds ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศอังกฤษ มีหมู่บ้านเล็กๆ กว่า 80 หมู่บ้าน

  แต่วันนี้ เราปักหมุด ไปที่ 2 หมู่บ้านพอ เริ่มต้นด้วยหมู่บ้านแรก   Bourton on the water

หาที่จอดรถนานมากกกกก  วนเข้าไปจอดที่ลานจอดเสียตังค์ก็ไม่มีทีท่าจะว่าง เลยออกมาจอดริมถนน

ความน่ารักสุดของหมู่บ้านนี้ คือ มีลำธารเล็กไหลผ่านหมู่บ้าน มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด








วันที่เราไป เป็นวันอาทิตย์ ที่นี่เลยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว คึกคักมาก








บ้านแถวนี้  แถบ Cotswolds ทั้งหมด จะสร้างด้วยหินสีน้ำผึ้งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่  ดูน่ารักอบอุ่นๆ

Bourton  เป็นเหมือนหมู่บ้านนักท่องเที่ยว  จึงมีร้านค้า ร้านอาหาร  ร้านของฝาก ของที่ระลึก  มากมาย  รวมถึงทัวร์ไทย

หลายคณะ ที่มักมาเที่ยวที่นี่  ได้ยินเสียงคนไทยเยอะเชียว




















โชคดีที่มีแดดบ้าง เพราะวันนี้อากาศหนาวมากๆ เราแทบไม่อยากเอามือออกจากกระเป๋าเลย

คนเยอะมากๆๆ  หาจังหวะที่ถ่ายแบบไม่มีคน แทบไม่มีเลย

แต่จังหวะนี้ได้    ชอบสะพานหินแบบนี้จัง

เราอยากนั่งอยู่ตรงนี้นานๆ  อยู่ได้ทั้งวันนะ  แต่มันมีอีกหมู่บ้านรอเราอยู่ 

ถ่ายกะป้ายซะหน่อย 

เก็บบรรยากาศมาฝากเนอะ เผื่อใครสนใจอยากไปเดินเล่นที่นี่บ้าง

ร้านขายของที่ระลึก

ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ ในหมู่บ้านนี้เยอะมาก  แล้วบรรยากาศก็น่านั่งไปซะทุกร้าน

วันนี้ตั้งใจว่าจะมาลองกิน สโคน ที่นี่สักหน่อย เห็นเค้าว่าอร่อยกันหนักหนา

มาถึงอังกฤษแล้วเราต้องลองชิม สโคน ต้นตำรับกันหน่อย เราเลือกร้านนี้ค่ะ Small talk tea rooms

ร้านเล็กๆ ดูอบอุ่นๆ สั่งไปค่ะ ชุด cream tea คนละชุดซึ่งประกอบไปด้วย scone 2 ชิ้นใหญ่ๆ แล้ว ชา 1 กา

ไม่รู้ว่า ไม่ค่อยหิวหรือยังไง เจ้า สโคน ที่คิดว่าจะอร่อย ก็รู้สึกเฉยๆ ซะงั้น กินไม่หมดด้วย อันใหญ่มาก ตกชุดละ ราว 6 ปอนด์

แต่ได้เข้ามานั่งในร้านสไตล์อังกฤษๆ แบบนี้ก็ได้อีก โมเม้นนึงเนอะ

เราใช้เวลาเดินเล่นอยู่ที่ Bourton สองชั่วโมงกว่า แล้วก็ไปต่อที่ Bibury
ขับรถออกไปสักพักถึงสังเกตเห็นใบสั่งที่หน้ารถ !!!! ตรงลูกศรคือรถเราค่ะ
จอดในที่จอดได้ นะ แต่จอดเกินเวลานั่นเอง ถึงได้โดนใบสั่ง
คือไม่มีป้ายที่เห็นชัดเจนเหมือนบ้านเรานะ เราไม่เห็นมีป้ายบอก ก็จอด ไปลั้นลากันตั้งนาน
เค้าให้จอดได้ไม่เกิน 1 ชม อ่ะ

โดนไปค่ะ 25 ปอนด์ หรือ พันกว่าบาท ถ้าจ่ายช้ากว่า 15 วัน ปรับเพิ่มไปเป็น 50 ปอนด์
เรากลับถึงไทยก็รีบจ่ายผ่านเวปเลยค่ะ กลัวโดนเป็น 50 ปอนด์
แนะนำว่า ถ้าใครขับรถมาเที่ยว หมู่บ้านนี้ ไปจอดในลานจอดรถเสียตังค์ไปเลยดีกว่า มีจุดเดียวนะ
เราจะจอดกี่ ชม ก็ กดตู้ชำระเงินตามนั้น สบายใจกว่า

ต่อไปเราจะไป Bibury กันต่อค่ะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ น่าจะสัก 20 นาที จาก Bourton
หมู่บ้านนี้ มีคนขนานนามไว้ว่า The most beautiful village in England

เราเห็นด้วยมากๆ สวยจริงๆนะ เป็นหมู่บ้านที่เล็กนิดเดียว เหมือนบ้านน้อยในป่าใหญ่


พอมาถึง ความรู้สึกแตกต่าง Bourton มากๆ เพราะเงียบสงบกว่ากันเยอะเลย   คนไม่พลุกพล่าน
คราวนี้ระวังเรื่องการจอดรถมากขึ้นละ จอดก่อนเข้าถึงหมู่บ้านไกลเลย 555 แล้วคิดว่าจะพยายาม
กลับมาถึงรถก่อน 1 ชม

ระหว่างทางเดินเข้าหมู่บ้าน  

ดูสิ  คนละอารมณ์กับ bourton  เลย  นักท่องเที่ยวน้อยกว่า

เพราะคนจะมาเที่ยวที่นี่ ส่วนใหญ่ต้องขับรถมาเอง

เราจอดรถไกล เราเลยได้มีโอกาสเดินถ่ายรูปบ้านเรือนเค้า ชอบอ่ะ น่ารัก เดินไปก็อมยิ้มไป
คือปกติ ชอบอ่านหนังสือบ้านและสวน มักจะมีจัดสวนแนวอังกฤษ บ้านเรือนสไตล์อังกฤษ
หรือ รีสอร์ทสไตล์อังกฤษ ประมาณนี้เยอะมากๆ จนวันนี้ได้มาเห็นของจริง เลยอินจัด 55

เค้าว่ากันว่า Bibury น่าเที่ยวที่สุดก็ช่วงหน้าร้อน เพราะจะมีแต่กุหลาบอังกฤษ บานสะพรั่งเต็มไปหมด

แต่เรามาช่วงเดือนตุลา  ก็พอจะมีกุหลาบอังกฤษให้เห็นอยู่บ้างนะ  แต่เสน่ห์ของช่วงนี้คือ  ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

เราว่าก็สวยไปอีกแบบ 

เดินเข้าไปสักพัก  เราก็เจอ โรงแรม swan  โรงแรมสุดหรูของที่นี่

ตรงนี้คือ ใจกลางหมู่บ้านแล้วค่ะ  ในภาพนี้ด้านขวามือเราจะเป็นที่จอดรถ มีไม่เยอะ  จอดได้ไม่กี่คัน    แล้วก็เต็มหมดแล้ว

อีกส่วนหนึ่งก็ไปจอดเรียงรายข้างถนน  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะ ระบุเวลารึเปล่า 

รูปนี้ ให้สาวจีน ช่วยถ่ายให้




>

อยากมีบ้านแบบนี้ซักหลัง  อิอิ 

ที่ Bibury   มีเอกลักษณ์ที่ใครมาต้องมาถ่ายรูปมุมนี้  คือ  Arlington Row 

กระท่อมหินเหล่านี้ตั้งเรียงรายกันยาวขึ้นไป   พอถ่ายรูปมาแล้ว น่ารักอ่ะ 

บ้านเรือนเหล่านี้ ก็มีผู้คนอาศัยอยู่กันตามปกตินะ  เวลาเที่ยวก็อย่าส่งเสียงดังกันเนอะ  รบกวนเจ้าของบ้านเค้า

มีนายแบบบ้าง 

ชอบรูปนี้  น่ารักดีจัง 

เก็บบรรยากาศรอบๆ  มาฝากอีกนิดหน่อย ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง Burford  

สถานีต่อไปคือ  Burford    คืนที่3 นี้เราใช้บริการ โรงแรม Travelodge  อีกแล้ว  เป็น  Travelodge  Burford   สร้างด้วยหินสีน้ำผึ้งตามสไตล์ของโซน Cotswolds  

ภายในห้องก็ตามมาตราฐาน เหมือนที่พักคืนแรก







เอาของไปเก็บในห้องเสร็จ ก็พากันออกไปเดินเล่น กะว่าหาไรกิน กันหน่อย

ระหว่างทาง .. จาก โรงแรม เดินข้ามถนนไปนิดเดียว ก็เข้าไปสู่ใจกลางเมือง Burford

เมืองเล็กๆ  น่ารักดี

Burford เป็นประตูสู่ Cotswolds เราเลือกที่นี่ เพราะเหตุผลเดียว ใกล้ bibury
บางคนอาจไม่ชอบที่ดูเงียบเกินไป แต่เรากลับชอบนะ

ดูสิ   ผู้คนแทบไม่มีเลย

นี่แค่หัวค่ำเองนะ  ซัก ทุ่มนึง

ถ่ายรูปหน้าร้าน มินิมาร์ท  ร้านเดียวของที่นี่ซะหน่อย 

มื้อนี้เราลองซื้อ มาม่าของที่นี่ไปกิน  เราเบื่อเบอร์เกอร์  อยากซดน้ำร้อนๆ ก็ยังดี

แต่มาม่าของเค้า โอยยย... ไม่อร่อยอย่างแรงงงงง  เราเป็นคนกินง่ายๆนะ แต่นี่กินไม่ลงจริงๆ อ่ะ
รู้งี้เอามาม่าจากบ้านเราไปเยอะๆก็ดีหรอก

ปิดท้าย  ค่ำนี้ ที่ Burford กับนายแบบ ที่เที่ยวมาทั้งวัน ก็ยัง แฮปปี้อยู่ตลอดเวลา  

พรุ่งนี้ เราจะพาไป  อีก 1  หมู่บ้าน ใน โซน Cotswolds  และ ไปเที่ยว Bath  กันต่อนะจ๊ะ

ขอบคุณที่ผ่านเข้ามาในบล็อค เล็กๆ แห่งนี้ ค่ะ