แอ่วเจียงฮาย วันที่ 6 เชียงแสน เชียงของ (ไร่แสงอรุณ)
ย้อนดูวันที่ 5 ดอยแม่สลอง-เชียงแสน คลิ๊กเลย
วันพุธ 19 ธ.ค.55
หลังจากเมื่อคืนนอนหลับสบาย เกือบเจ็ดโมงเช้าก็ตื่นมาชมวิวที่หน้าห้องพัก
ชอบกำแพงป้ายเมืองจังเลย ดูมีอารยธรรมดี
ช่วงที่ผมไปกำลังปรับปรุงเส้นทางกันอยู่ อยากให้ทำเสร็จเร็วๆจัง แล้วปรับพื้นที่ตรงประตูทางเข้าให้สวย มันเป็นหน้าตาของเมืองเลยนะครับ รูปข้างบนผมเดินหามุมถ่ายให้ดูไม่น่าเกลียด ของจริงจะเป็นอย่างนี้
ก่อนไปวัดพระธาตุจอมกิตติ ขอไหว้เจ้าพ่อประตูป่าสักก่อนครับ อยู่ทางด้านขวามือก่อนออกประตูข้างบนนั้นแหละครับ
วัดป่าสัก อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 1 กิโลเมตร เขตตำบลเวียง พระเจ้าแสนภูทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1838 และให้ปลูกต้น สักล้อมกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้ชื่อว่า วัดป่าสัก ทรงตั้งพระพุทธโฆษาจารย์เป็นสังฆราชจำพรรษา ณ อารามแห่งนี้ ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงมณฑปยอดระฆัง ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตร เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจาก เมืองปาฏลีบุตร วัดป่าสักเก็บค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
ข้างในวัดร่มรื่นมาก ภายในสะอาดตาดีจัง
สำหรับวัดป่าสักไม่มีคำบรรยายครับ ผมชอบมันเงียบสงบดี ภายในดูร่มรื่นแถมสะอาดมาก ยิ่งมารู้ประวัติความเป็นมาด้วยแล้วยิ่งทำให้น่าสนใจขึ้นไปอีก ผมลาด้วยพระพุทธรูปที่วัดป่าสักครับ
ออกจากวัดป่าสัก ผมแวะเที่ยวเข้าพิพิธภัณฑ์เชียงแสนต่อ อยู่ใกล้ๆกันครับ จากประตูกำแพงเมืองเชียงแสน ขับตรงไปทางซ้ายมือจะเป็นวัดป่าสัก ขับข้ามถนนรอบเวียงก็จะถึงพิพิธภัณฑ์แล้วครับ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน คลิ๊กเลยตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมือง เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากบริเวณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากพะเยา พร้อมทั้งให้ข้อมูลทางด้านวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีการตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีการจัด แสดงศิลปะพื้นบ้านของ ชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อ และชาวเขาเผ่าต่างๆ ได้แก่ เครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ อุปกรณ์การสูบฝิ่น เป็นต้น เชียงแสนเป็นเมืองโบราณบริเวณภาคเหนือตอนบนที่สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ของแคว้นล้านนา มีแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์ ปรากฎอยู่มาก พระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพระเจ้าเม็งรายทรงสร้างเมืองเชียงแสนขึ้นปี พ.ศ.๑๘๗๑ เพื่อเป็นที่มั่นในการควบคุมดูแลหัวเมืองต่างๆ ในแคว้นโยนก และเป็นปากประตูเพื่อติดต่อกับบ้านเมืองภายในผืนทวีปตามเส้นทางแม่น้ำโขง มีร่องรอยโบราณสถานให้เห็นอยู่ถึงปัจจุบัน
เสียค่าเข้าไปชมคนละ 20 บาท
สำหรับพิพิธภัณฑ์จะเป็นอาคารใหญ่ติดแอร์ชั้นครึ่ง เดินชมเป็นวงกลมโดยวนทางขวามือ โซนแรกจัดแสดงเกี่ยวพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ปูนปั้นแกะสลัก
ตามด้วยโซนหลักศิลาจาลึกหลายสมัย ถัดไปการทำเครื่องปั้นดินเผา
ต่อมาโซนการจับปลาบึกรวมถึงเครื่องมือจับปลาต่างๆในแม่น้ำโขง
โซนการสร้างบ้านเรือน การใช้ชีวิตสมัยนั้น
ถึงตรงนี้ด้านหลังจะเชื่อมไปยังอีกอาคาร จะแสดงการจำลองทอผ้า-การปักผ้าของเผ่าต่างๆ
เดินกลับมาอาคารเดิม ขึ้นไปชั้นสอง (ครึ่งชั้น) จะแสดงพระพุทธรูปต่างๆ เสร็จแล้วลงกลับลงมาทางออกจะมีร้านขายของที่ระลึกจัดจำหน่ายพวกตุ๊กตาชาวเขาเผ่าต่างๆ สมุดดินสอ ของกระจุกกระจิก ถุงผ้า เยอะครับ ซึ่งจะจัดแสดงเกี่ยวกับชุดเผ่าต่างๆ แล้วเดินกลับมายังอาคารใหญ่ ภายในจัดแสงสีดีครับ มีข้อความให้อ่าน บอกละเอียดเรื่องราวเป็นมาต่างๆ ให้ความรู้ดี ถ้าใครไม่ชอบอ่านเดินผ่านๆไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ครบแล้วครับ แต่ถ้าใครสนใจชอบทางด้านนี้ผมว่าอยู่ไม่ต่ำกว่าครึ่งวันแน่ครับ
แนะนำอยากให้ทางพิพิธภัณฑ์จัดวิทยากรมาบรรยายเป็นรอบๆให้ความรู้กับคนที่เข้ามาชม อาจจะทำให้น่าสนใจมากขึ้น ขนาดผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่พอลองอ่านแต่ละจุดยังหมดเวลาไปเกือบชั่วโมง เรียกว่าอ่านเพลินเลย ด้วยของที่นำมาแสดงมันมีคุณค่าและประวัติศาสาตร์อยู่ในตัวเลยสามารถสะกดผมให้อยู่ในพิพิธภัณฑ์อย่างไม่น่าเบื่อ สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์แนะนำเข้าไปชมได้ครับ ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็ผ่านไปได้เลย ออกจากพิพิธภัณฑ์ ด้านตรงกันข้ามจะเป็นศูนย์ข้อมูลเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถามข้อมูลได้ครับ ศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณเชียงแสน โทร.0-5377-7030 หยุดวันเสาร์และอาทิตย์
จากพิพิธภัณฑ์เลี้ยวซ้ายขับตรงไปจะออกประตูเมืองเชียงแสน ตรงไปหน่อยจะเป็นสี่แยกวงเวียนตรงไปจะเป็นเส้น 1016 ผ่านทะเลสาบเชียงแสน (ประมาณ 2 ก.ม.) ตรงไปแม่จัน เลี้ยวซ้ายจะไปเชียงของ ส่วนผมเลี้ยวขวาครับ ขับไปประมาณ 5 ก.ม. (ช่วงที่ผมไปกำลังขยายถนนเป็นสี่เลน) เลี้ยวซ้ายไปหน่อยก็ถึงพระธาตุจอมกิตติ ในโปรแกรมที่ผมวางไว้ก่อนไปว่าจะไปเที่ยวทะเลสาบเชียงแสน แถมห่างจากตัวเมืองเชียงแสนแค่ 2 ก.ม.เอง ตั้งใจว่าจะไปแต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นผมขี้เกียจขับไปก็ไม่รู้ เลยอดไปชมทะเลสาบเชียงแสนเลย เสียดายจัง
ถ้าใครไม่อยากเดินขึ้นบันได สามารถขับรถขึ้นเขาไปไหว้พระธาตุได้ครับ พระธาตุจะอยู่บนเขา ทางขึ้นเขาไม่ชันมากขับได้สบายๆ ขึ้นไปถึงจะเจอวัดจอมแจ้งก่อน สองวัดจะอยู่บนเขาเดียวกัน ระหว่างทางขึ้นจะมีบันไดนาค 339 ขั้น เป็นทางเดินขึ้นไปไหว้พระธาตุจอมแจ้งได้ครับ
ผมขับรถขึ้นไปอีกไม่ไกลก็มาถึงลานจอดรถ นี่ไงครับบันไดนาค ที่เดินขึ้นมา ไม่สูงเท่าไหรเนอะ
จอดรถได้ก็แวะเข้าไปไหว้พระธาตุจอมแจ้งก่อนครับ พระธาตุจอมแจ้งจะตั้งอยู่บนเขาด้านหน้าจะเห็นวิวเมืองเชียงแสนและแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน
วัดพระธาตุจอมแจ้ง แห่งอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายนี้ ตั้งอยู่บนดอยน้อย ใกล้กับพระธาตุจอมกิติ ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าอีกทีเพราะสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้องกัน เป็นรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับวัดพระธาตุจอมกิติ วัดพระธาตุจอมแจ้งซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงพระเจดีย์อยู่องค์เดียว อยู่ด้านหลังอุโบสถของวัดพระธาตุจอมกิติได้ใจความว่า พระเจ้าสุวรรณคำล้าน เจ้าเมืองเชียงแสนให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๐๓๐ ตรงกับรัชสมัยของพระยอดเชียงราย จากเรื่องที่มาเกี่ยวพันกันตรงนี้จึงจะต้องขอเล่าพระธาตุจอมกิติอีกครั้งหนึ่ง แม้จะเคยเล่าไปแล้วแต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน เพราะคราวนี้มีพระธาตุจอมแจ้งเข้ามาเกี่ยวข้อง และพระธาตุจอมแจ้งนี้ก็ได้บรรจุอัฐิธาตุไว้ด้วยเช่นกัน แต่คงไม่ใช่พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ น่าจะเป็นพระอรหันต์ธาตุ (ไม่แน่ใจข้อมูลเท่าไหรครับ)
หลังจากไหว้พระธาตุจอมแจ้งเสร็จก็เดินไปไหว้พระธาตุจอมกิตติ
ประวัติพระธาตุจอมกิตติ ตามตำนานกล่าวว่า กษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกองค์ที่ ๒๔ คือ พระเจ้าพังคราช พร้อมด้วยโอรส คือ พระเจ้าพรมมหาราช ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากพระเถระเจ้าชาวโกศล เมืองสุธรรมาวดี นามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ รวม ๑๖ องค์ พระเจ้าพังคราชจึงทรงโปรดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็นขนาดใหญ่ ๑ องค์ ขนาดกลาง ๒ องค์ ขนาดเล็กอีก ๒ องค์ ประธานแก่พระยาเรือนแก้ว เจ้าเมืองไชยนาราย์ ซึ่งพระยาเรือนแก้วได้สร้างเจดีย์ประดิษฐานไว้ ณ. ดอยจอมทองที่เหลืออีก ๑๑ องค์ ทรงโปรดให้นำพระโกศแก้ว พระโกศเงิน มารองรับพระบรมธาตุ พระราชทานให้พระเจ้าพรหมมหาราชนำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยน้อย หรือดอยจอมกิตติที่พระเจ้าสิงหนวัตนิ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกได้เคยบรรจุพระบรมสารีริธาตุ ทั้ง ๑๑ไว้ด้วยกัน ในปี ๑๔๘๓ ในระยะต่อมาเจดีย์พระธาตุทรุดโทรมมากเจ้าฟ้าเฉลิมเมือง เจ้าเมืองเชียงแสน ได้ร่วมกับศรัทธาชาวเมืองบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นอีกครั้งในปี ๒๒๓๗ การเดินทาง จากอำเภอเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข ๑o๒o ผ่านอำเภอพญาเม็งรายใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๑๗๔ ผ่านปากทางเข้าน้ำตกตากควัน บ้ายไชยพัฒนา เข้าเขตอำเภอเวียงเชียงรุ้ง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑o๙๘ ผ่านบ้านเนินสมบูรณ์ ปากทางแยกเข้าอำเภอเวียงชัย ปากทาง เข้ากิ่งอำเภอดอยหลวง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๒๗๑ มุ่งตรงสู่อำเภอเชียงแสน ผ่านวัดพระธาตุผาเงา เข้าถนน บายพาส เข้าถนนเชียงราย เชียงแสนไปอีก ๒ กิโลเมตร ถึงทางเข้าพระธาตุจอมกิตติ ฝั่งซ้ายมือรวมระยะทางทั้งสิ้น ๑๑๗ กิโลเมตร
ไหว้พระธาตุเสร็จได้เวลาขับกลับเข้าตัวเมืองเชียงแสน ผมขับวนเล่น ดูบ้านเมือง วัดวาอาราม ถนนหนทาง ขับไปเรื่อยๆ รถไม่ค่อยเยอะ ขับสบายใจดีครับ แล้วก็มาถึงวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเชียงแสน คือวัดพระธาตุเจดีย์หลวง
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง อำเภอเชียงแสน เป็นวัดที่เก่าแก่ของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านนาไท เมื่อ พ.ศ. 1887 (ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 ) หลังจากนั้นพระเจ้าแสนภูได้เสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่แทนพระราชบิดา คือ พระเจ้าชัยสงครามซึ่งเสด็จมาประทับยังเมืองเชียงราย พร้อมทั้งนำอัฐของพระราชบิดา คือพ่อขุนเม็งรายมหาราชที่เสด็จสวรรคตที่เชียงใหม่กลับมายังเมืองเชียงรายด้วย พระพุทธรูปบนฐานที่ยกสูงขึ้นไปนั้นมีหลวงพ่อเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน
พระธาตุเจดีย์หลวงได้ชื่อมาจากพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดซึ่งสูงถึง 88 เมตร มีฐานกว้าง 24 เมตร เป็นพระเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ภายในวัดนอกจากพระเจดีย์หลวงแล้วยังมีพระวิหารซึ่งเก่าแก่มากพังทลายเกือบหมดแล้วและเจดีย์ธาตุแบบต่างๆ อีก 4 องค์ โบราณสถานแห่งนี้แม้ว่าจะปรักหักพังไปมากแล้วแต่ได้รับการบูรณะอย่างดีให้สมกับเป็นวัดที่สำคัญของเมืองหิรัญนครเงินยางภายในสมัยอาณาจักรล้านนาไทย
ยอดเจดีย์หักเนื่องจากแผ่นดินไหว เมื่อ 24 มีนาคม 2554 ไม่นานนี้เองครับ ส่วนยอดรูปข้างบนที่เห็นสีขาวทางวัดได้สร้างขึ้นมาใหม่
อุโบสถนี้ เป็นพระอุโบสถเดิม ที่แต่เหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น ทางวัดจึงได้สร้างหลังคาขึ้นมาครอบเพื่อคลุมโบราณสถาน และพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในไว้อีกที โดยที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเติมให้แตกต่างไปจากเดิมเลย เอาทริปและข้อมูลเพิ่มเติมจากเวป ทัวร์ไทยดอทคอมมาฝาก คลิ๊กเลย
การเดินทาง ขับวนๆอยู่ในเขตโบราณนั้นแหละครับ ผมก็บอกไม่ถูก ขับวนจนมึน อย่าออกจากกำแพงโบราณแล้วกันรับรองไม่หลง 555 ไหว้พระทำบุญเสร็จก็ขับกลับเข้าที่พัก เช็คเอาท์เวลา 11.40 น.หน้าไมล์ที่ 1,180 ก.ม. ออกจากที่พักก็ขับไปเที่ยวในตัวเชียงแสนต่อ เจอวัด โบราณสถานเยอะเลยครับ เสียดายปล่อยให้รกก็หลายที่เหมือนกัน
ขับวนไปเรื่อยเปื่อยก็มาเลาะริมโขงแวะวัดผ้าขาวป้าน
ออกจากวัดผ้าขาวป้าน ขับไปเรื่อยๆดูตัวเมืองเชียงแสน ท่าเรือและวัดต่างๆแวะบ้างไม่แวะบ้าง ที่เห็นก็มีวัดปงสนุก วัดกาเผือก วัดบ้านร้อง
หิวแล้ว เจอก๋วยจั๊บแวะกินกันคนละชาม สั่งเส้นเล็กแห้งไปอีกหนึ่ง อิ่มไป ร้านนี่แหละครับ เกือบลืม ร้านนี้เป็นเกสต์เฮ้าท์ด้วย ช่วงที่ผมกินมีฝรั่งแบกเป้มาถามห้อง คิดห้องละ 300 ฝรั่งต่อเหลือ 250 เจ้าของก็ให้ ดีจัง ไว้วันหน้าจะมานอนบ้างถูกดี
อิ่มเสร็จได้เวลาออกจากเชียงแสนแล้วครับ ผมออกเวลาบ่ายโมงระยะไมล์ 1,186 ก.ม.ขับไปทางเชียงของเลาะริมโขงไปเรื่อยๆ ผ่านวัดพระธาตุผาเงาเลยไปอีกประมาณ 2 ก.ม.ทางซ้ายมือจะเป็นวัดพระธาตุสองพี่น้อง
วัดพระธาตุสองพี่น้อง วัดพระธาตุสองพี่น้อง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและโบราณสถานสำคัญของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ปัจจุบันอยู่ภายในวัดพระธาตุสองพี่น้องนอกเมืองเชียงแสน จ.เชียงราย บริเวณนี้เรียกว่าเชียงแสนน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มโบราณสถานนอกกำแพงเมืองเก่า ที่ตั้งของวัดพระธาตุสองพี่น้อง บ้านเชียงแสนน้อย ต.เวียง อ.เชียงแสน ห่างตัวเมืองเชียงแสน 7 กม.สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจพระธาตุเจดีย์หมายเลขหนึ่ง มีเจดีย์ทรงปราสาทสององค์อยู่คู่กัน เรือนธาตุมีซุ้มจระนำสี่ด้านประดับลายปูนปั้นบนฐานปัทม์ มีชั้นมาลัยเถาแปดเหลี่ยม เจดีย์ทั้งสี่มุมด้านบนเป็นระฆังทรงกลม ได้รับแบบแผนจากเจดีย์เชียงใหม่ยัน จ.ลำพูน ทิศตะวันออกของเจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนา กว้าง 13 ม.ยาว 16ม. ตามตำนานกล่าวว่า พระเจดีย์องค์ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของพระยาคำฟู (พ.ศ.๑๘๘๑ ๑๘๘๘)ส่วนพื้นที่นี้พญาแสนภูทรงให้สร้างเมืองเวียง ปรึกษาเพื่อหาทำเลที่สร้างเมืองแห่งใหม่ (เมืองเชียงแสน) ยังปรากฏร่องรอยกำแพงเมืองคูเมือง และวัดร้างอยู่จำนวนหนึ่ง ภายในเมืองพบโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่ง แต่เดิมเคยเรียกกันว่า เจดีย์พระธาตุบำเหมือดเชียงแสนน้อย ต่อมาเปลี่ยนเป็นเรียกเจดีย์พระธาตุสองพี่น้อง คงเนื่องมาจากมีเจดีย์สององค์ตั้งอยู่ใกล้กัน โบราณสถานแห่งนี้ไม่ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรทางด้านประวัติการก่อสร้างโดยตรงรูปแบบของสถาปัตยกรรมองค์พี่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด อันมีแบบแผนเดียวกันกับเจดีย์ประธานวัดป่าสัก เมืองเชียงแสน เจดีย์องค์นี้ถูกกำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 19 หลักฐานทางด้านศิลปกรรมและด้านโบราณคดี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับการตั้งเมืองเชียงแสน อันสอดคล้องกับเรื่องราวในพงศาวดารที่กล่าวถึงพญาแสนภูได้เดินทางล่องมาตามลำน้ำกก ถึงลำน้ำโขงและตั้งมั่นเอาชัยที่เวียงเปิกสา ก่อนเดินทางเข้าเมืองเชียงแสน รวมถึงเรื่องเล่าที่ว่าเจดีย์องค์นี้อาจเป็นเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟูและพระยาแสนภู จึงได้กลายเป็นพระธาตุสองพี่น้องหรือเจดีย์สองพี่น้อง คลิ๊กเลย
มีความเชื่อกันว่าเจดีย์นี้เป็นเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟูและพระยาแสนภู
ผมอยู่ที่วัดพระธาตุสองพี่น้องไม่นานครับ ได้เวลาเข้าที่พักแล้ว ผมขับจากเชียงแสนมาถึงไร่แสงอรุณเวลา 14.15 น.หน้าไมล์ 1232 ก.ม. รวมระยะทาง 46 ก.ม. ใช้เวลาทั้งหมดชั่วโมงสิบห้านาที เวลารวมแวะพระธาตุสองพี่น้องประมาณยี่สิบนาที
เส้นทางจากเชียงแสนมาไร่อรุณ ถนนเลนเดียววิ่งสวนกัน บางช่วงมีหลุมบางแต่ก็วิ่งได้เรื่อยๆ คดเคี้ยวไปตามทาง บางช่วงแอบวิ่งเลาะริมโขง มาถึงหมู่บ้านอะไรก็ไม่รู้ จะมีสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายก็วิ่งไปเรื่อยๆ แล้วก็มาถึงไร่แสงอรุณ มาถึงก็มี "น้ำกระเจี๊ยบ" Welcome Drink คอยต้อนรับ หวานเย็นชื่นใจ แต่แก้วแอบเล็กไปหน่อย
ไร่แสงอรุณผมจองล่วงหน้าก่อนสองเดือน สำหรับห้องเดือนแจ่ม 1 สำหรับที่นี่แฟนผมเค้าขอห้องนี้โดยตรง
ไม่มีคำอธิบายสำหรับไร่แสงอรุณ บรรยากาศสุดยอดครับ คิดว่าเพื่อนๆคงพอจะทราบข้อมูลอยู่บ้านเนอะ วิวจากห้องพักผม
ตอนแรกที่ผมวางโปรแกรมไว้ กะเข้าที่พักแล้วเลยไปเที่ยวที่เชียงของก่อนแล้วค่อยกลับมานอนที่ไร่แสงอรุณ แต่ดูเส้นทางและระยะทางแล้ว เปลี่ยนใจ เดินเล่นดูบรรยากาศที่รีสอร์ทนั้นแหละ
หลังจากเดินเล่นภายในรีสอร์ทเสร็จ ประมาณสี่โมงเย็นผมก็ขึ้นไปนอนเล่นบนบ้านพัก เดินขึ้นไปเล่นเอาหอบเหมือนกัน ก่อนขึ้นผมก็สั่งอาหารมื้อเย็นไว้เลย ตอนแรกว่าจะลงมากินแต่เห็นทางขึ้นไปห้องพักแล้วเปลี่ยนใจให้เด็กเอาอาหารขึ้นมาส่งให้ดีกว่า
ห้าโมงเย็นอาหารมาส่งถึงห้อง ใส่ปิ่นโตขึ้นมา อาหารที่ผมสั่งมี 1.น้ำพริกกะปิ จานนี้เฉยๆยังไม่ค่อยโดน แต่บรรยากาศสุดๆเลยครับ
2.สลัดใส่สตอเบอรี่ด้วยครับ จานนี้โอเค ผักสดมาก น้ำสลัดให้มาสี่อย่าง
3.คะน้าปลาเค็ม ผัดง่ายๆแต่อร่อยมาก
4.ปลาอะไรไม่รู้จำไม่ได้ ชุบแป้งทอดแล้วให้น้ำจิ้มมาด้วย จานนี้ผมชอบครับ
คืนนี้ลาด้วยภาพพาโนราม่า ที่ห้องพักเดือนแจ่ม 1 ไร่แสงอรุณ
ระยะทางจากที่วิ่งเที่ยว เชียงแสน-ไร่แสงอรุณ ทั้งหมด 66 ก.ม. ค่าเสียหายวันนี้ตอนเช้า เชียงแสน - ค่าเข้าชมวัดป่าสัก 20 บาท (2 คน) - ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เชียงแสน 40 บาท (2 คน) - ทำบุญพระธาตุจอมกิตติ 50 บาท - ซื้อของที่ 7/11 134 บาท ( 2 คน) - ค่าอาหารกลางวัน 90 บาท ตอนเย็น ไร่แสงอรุณ - ค่าอาหารมื้อเย็น 640 บาท - ค่าที่พัก 3,900 บาท รวมทั้งหมด 4,874 บาท
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2560 11:49:12 น. |
|
3 comments
|
Counter : 11162 Pageviews. |
|
|
เชียงแสน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ มีวัด โบราณสถานสถาปัตยกรรมเยอะมาก เป็นเมืองสงบ เหมาะสำหรับมาเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ เหมาะกับการมาพักผ่อน ใครชอบแนวนี้ แนะนำให้หาข้อมูลเมืองเชียงแสนก่อนไปเที่ยว จะทำให้การเที่ยวของเราน่าสนใจยิ่งขึ้น หรือจะมานั่งๆนอนปล่อยใจไปกับเมืองเงียบๆก็โอเค แต่ถ้าใครชองแสง สี เสียง ไม่ชอบของโบราณ แนะนำอย่าไปเลยครับ เพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจ ร้านกาแฟน่ารักๆ โปสการ์ดเก๋ๆ มุมถ่ายรูปฮิบ ตึกทันสมัย ผับหรูๆไม่มีหรอกครับ ถ้าใครไปเชียงแสนอยากให้เชียงแสนเป็นอย่างที่เป็น ค่อยๆโตไปตามกาลเวลาไม่อยากให้เร่งโตผิดรูป ผิดแบบ เหมือนสถานที่ดังๆทั้งหลายเลย อันนี้ฝากคนเชียงแสนด้วยครับ ว่าอยากให้เมืองโตไปแบบไหน
เชียงแสน อยากให้มีรถรางวิ่งชมรอบเมืองโบราณเชียงแสนและมีวิทยากรบรรยายไปด้วยแบบเมืองเชียงรายหรือน่าน ส่วนสถานที่สำคัญ วัด สถานโบราณต่างๆ อยากให้ปรับภูมิทัศน์ให้สะอาดและน่าสนใจมากกว่านี้ ส่วนตัวโบราณต่างๆอยากให้ไว้คงเดิม แต่เขียนประวัติว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรเพื่อให้สถานโบราณนั้นดูมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
แบ่งช่องการจารจรสำหรับให้การปั่นจักรยานชมตัวเมืองภายในโบราณเชียงแสน แสดงแผนที่สำคัญๆที่น่าแวะแต่ละจุด
ส่วนไร่แสงอรุณ เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนใครชอบอ่านหนังสือหอบไปเลยครับ เพลงอะไรที่ชอบหอบไปฟังได้เลย คุณได้เสพสิ่งที่คุณชอบแน่ เพราะสถานที่เหมาะกับทำกิจกรรมอย่างที่ผมบอก หรือแค่นั่งเล่นๆ ปล่อยอารมณ์ไปกับวิว ทิวทัศน์ธรรมชาติก็เพลินแล้วครับ อีกอย่างที่เที่ยวอยู่ห่างไกลมาก แถมถนนไม่ค่อยดีอีกต่างหาก เห็นระยะทางที่ผมบอกดูไม่ไกลวิ่งแค่ ช.ม.2 ช.มก็จริง แต่รับรองคุณไปถึงแล้วไม่อยากไปไหนต่อแน่ อิอิ