การบรรลุธรรมของนางยักษิณีและองคุลิมาล ช่วงนี้อยู่ในระหว่างเรียนบาลี ในบทเรียนพระอาจารย์ท่านจะเอาพระไตรปิฏกมาสอน วันนี้ พระอาจารย์นำเรื่อง เรื่องความเกิดขึ้นของนางกาลียักษิณี ท้ายเรื่องของเรื่องที่พระอาจารย์นำมาสอนความถึงพร้อมของนางยักษิณีได้บรรลุธรรมอยู่ในโสดาปัตติผล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเมื่อนำมาผูกโยงกับเรื่องนางยักษิณีกับพระองคุลีมาร ซึ่งคำที่พระพุทธองค์ได้ตรัสคือ กรณีของนางยักษิณี พระศาสดาได้ตรัสกะนางยักษิณีผู้มายืนอยู่แล้วว่า เหตุไร? เจ้าจึงทำอย่างนั้นก็ถ้าพวกเจ้าไม่มาสู่เฉพาะหน้าพระพุทธเจ้าผู้เช่นเราแล้วเวรของพวกเจ้าจักได้เป็นกรรมตั้งอยู่ชั่วกัลป์ เหมือนเวรของงูกับพังพอน ของหมีกับไม้สะคร้อและของกากับนกเค้า เหตุไฉน พวกเจ้าจึงทำเวรและเวรตอบแก่กัน? เพราะเวรย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวรหาระงับได้ด้วยเวรไม่
กรณีขององคุลิมาล องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถา ดูกรสมณะ ท่านกำลังเดินไป ยังกล่าวว่า เราหยุดแล้ว และท่านยังไม่หยุด ยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่าไม่หยุด ดูกรสมณะ ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความนี้กะท่าน ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุดแล้วเป็นอย่างไร? พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร องคุลิมาล เราวางอาชญาในสรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่าหยุดแล้วในกาลทุกเมื่อ ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราจึงหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด แม้ว่าทั้งสองได้บรรลุธรรมอยู่ในโสดาปัตติผล ก็ตามแต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรซึ่งวันที่เรียนผู้เขียนได้ถามคำถามนี้กับ พระอาจารย์ว่า อะไรคือความแตกต่าง พระอาจารย์ตอบว่า องคุลิมาล ท่านได้สร้างบารมีถึงพร้อมที่จะบรรลุอรหันต์ในชาตินั้นเต็มที่แล้วแต่ในขณะที่นางยักษิณียังต้องบำเพ็ญตนเพื่อสร้างสะสมบารมีต่อไปเพื่อให้ถึงอรหันตมรรคอรหันตผลในลำดับต่อไป และที่แน่ ๆ คือ นางยักษิณีปิดประตูส่งอบายภูมิแน่นอนแล้ว แล้วพระอาจารย์ถามกับนักศึกษาว่า แล้วพวกท่าน ๆ หละสร้างบารมีสะสมบารมีกันมาแล้วแค่ไหนอย่างไร? ก่อนจบบล๊อคขอนำการเปล่งอุทานของพระองคุลิมาลมาแปะไว้ที่นี้ด้วยด้วยเห็นว่าเป็นคำอุทานที่ยังร่วมสมัยอยู่ [๕๓๔] ครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่เสวยวิมุติสุข เปล่งอุทานนี้ใน เวลานั้นว่า
ก็ผู้ใด เมื่อก่อน ประมาทภายหลัง ผู้นั้น ไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่างดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ
ฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่างดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ
ฉะนั้นภิกษุใดแลยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวายในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ
ฉะนั้นขอศัตรูทั้งหลายของเรา จงฟังธรรมกถาเถิด ขอศัตรูทั้งหลายของเราจงขวนขวายในพระพุทธศาสนาเถิด ขอมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นศัตรูของเราจงคบสัตบุรุษผู้ชวนให้ถือธรรมเถิด ขอจงคบความผ่องแผ้วคือขันติความสรรเสริญคือเมตตาเถิดขอจงฟังธรรมตามกาล และจงกระทำตามธรรมนั้นเถิด
ผู้ที่เป็นศัตรูนั้นไม่พึงเบียดเบียนเราหรือใครๆ อื่นนั้นเลย ผู้ถึงความสงบอย่างยิ่งแล้วพึงรักษาไว้ซึ่งสัตว์ที่สะดุ้งและที่มั่นคง
คนทดน้ำ ย่อมชักน้ำไปได้ช่างศร ย่อมดัดลูกศรได้ ช่างถาก ย่อมถากไม้ได้ ฉันใด บัณฑิตทั้งหลายย่อมทรมานตนได้ ฉันนั้น
คนบางพวก ย่อมฝึกสัตว์ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บ้าง เราเป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาคทรงฝึกแล้วโดยไม่ต้องใช้อาญาไม่ต้องใช้ศาตรา เมื่อก่อนเรามีชื่อว่าอหิงสกะ แต่ยังเบียดเบียนสัตว์อยู่ วันนี้เรามีชื่อตรงความจริง เราไม่เบียดเบียนใครๆ เลย เมื่อก่อน เราเป็นโจรปรากฏชื่อว่าองคุลิมาล ถูกกิเลสดุจห้วงน้ำใหญ่พัดไป มาถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว เมื่อก่อนเรามีมือเปื้อนเลือดปรากฏชื่อว่า องคุลิมาล ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะจึงถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพเสียได้
เรากระทำกรรมที่จะให้ถึงทุคติเช่นนั้นไว้มากอันวิบากของกรรมถูกต้องแล้ว เป็นผู้ไม่มีหนี้บริโภคโภชนะ
พวกชนที่เป็นพาลทรามปัญญาย่อมประกอบตามซึ่งความประมาท ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลายย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์อันประเสริฐ
ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงอย่าประกอบตามซึ่งความประมาท อย่าประกอบตามความชิดชมด้วยสามารถความยินดีในกาม เพราะว่าผู้ไม่ประมาทแล้วเพ่งอยู่ ย่อมถึงความสุขอันไพบูลย์
การที่เรามาสู่พระพุทธศาสนานี้นั้นเป็นการมาดีแล้วไม่ปราศจากประโยชน์ ไม่เป็นการคิดผิด บรรดาธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงจำแนกไว้ดีแล้วเราก็ได้เข้าถึงธรรมอันประเสริฐสุดแล้ว (นิพพาน)
การที่เราได้เข้าถึงธรรมอันประเสริฐสุดนี้นั้นเป็นการถึงดีแล้ว ไม่ปราศจากประโยชน์ ไม่เป็นการคิดผิด วิชชา ๓เราบรรลุแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเรากระทำแล้วดังนี้. น้านนท์ |
นนท์_บางกะปิ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง ทำความรู้จักตัวเอง Group Blog All Blog
| ||||||||||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |