รู้ทัน เข้าใจ อยู่อย่างปลอดภัยกับโรคเบาหวาน



รู้ทัน เข้าใจ อยู่อย่างปลอดภัยกับ
โรคเบาหวาน






โรคเบาหวานเป็นอีกหนึ่งโรคเรื้อรังอันตรายที่มักพบร่วมกันกับโรคความดันโลหิตสูง องค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่าในปีนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 285 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 6.4 ของจำนวนประชากรทั่วโลก และคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยจะพุ่งขึ้นเป็น 438 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 7.8 ของจำนวนประชากรทั่วโลก

ในประเทศไทย จากการเก็บข้อมูลของกรมการแพทย์ตั้งแต่ปี 2548 - 2552 จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี อีกทั้งพบผู้ป่วยที่อายุน้อยลง ๆ ผศ. นพ. วราภณ วงศ์ถาวราวัฒน์ อายุรแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านระบบต่อมไร้ท่อ (เบาหวาน) ให้ความรู้เรื่องเบาหวานไว้ดังนี้

เบาหวานคืออะไร

“เบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากไม่อาจนำแป้ง และน้ำตาลที่บริโภคเข้าไปมาใช้ได้ เนื่องจาก ประการแรก ตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ หรือได้ไม่มากพอ โดยอินซูลินนี้มีหน้าที่ช่วยส่งผ่านน้ำตาลที่อยู่ในรูปของกลูโคสในกระแสเลือดไปสู่ระบบเนื้อเยื่อต่าง ๆ เพื่อนำไปเผาผลาญ และแปลงเป็นพลังงาน ประการที่สอง เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ (ไขมัน ตับ กล้ามเนื้อ ฯลฯ) มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน” ผศ. นพ. วราภณกล่าว

ด้วยความผิดปกติทั้งสองประการข้างต้น ส่งผลให้มีน้ำตาลตกค้างอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมาก และหากไม่มีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องก็จะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ มากมาย

โดยทั่วไป โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น2 ประเภท ได้แก่ เบาหวานประเภทที่หนึ่ง และเบาหวานประเภทที่สอง ซึ่ง ผศ. นพ.วราภณอธิบายต่อว่า “เบาหวานประเภทที่หนึ่งนั้นพบค่อนข้างน้อยประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยเบาหวานไทย เบาหวานประเภทนี้เกิดจากการที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย ผู้ป่วยจำเป็นต้องพึ่งการฉีดอินซูลินอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดภาวะขาดอินซูลิน และระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจนกระทั่งหมดสติ และเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ โรคเบาหวานประเภทที่หนึ่งมักจะพบในเด็กและวัยรุ่น มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ภาวะภูมิต้านทานทำลายเซลล์ที่สร้างอินซูลินในตับอ่อน นอกจากนี้ ระดับน้ำตาลที่สูงเรื้อรังจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังต่อไป

ส่วนโรคเบาหวานประเภทที่สองเป็นชนิดที่พบได้บ่อยคิดเป็นร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานไทยโดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป “เบาหวานประเภทที่สองเกิดจากการที่ตับอ่อนของผู้ป่วยไม่สามารถสร้างอินซูลินให้เพียงพอ และร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน” ผศ. นพ. วราภณกล่าว “เบาหวานประเภทนี้มักไม่พบอาการอันตรายอย่างเฉียบพลันเหมือนแบบแรก แต่หากไม่มีการควบคุมให้ดีก็จะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่เป็นอันตรายอย่างเฉียบพลันได้เช่นกัน”

คุณเป็นเบาหวานหรือไม่

การตรวจสอบว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ทำได้โดยการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย และ ได้ผลดี การวินิจฉัยโรคเบาหวานสามารถทำได้โดยอาศัยเกณฑ์การวินิจฉัยดังนี้
มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
มีอาการของโรคเบาหวาน ร่วมกับระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ตามมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
มีระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ณ 2 ชั่วโมง ภายหลังทดสอบความทนต่อน้ำตาลกลูโคส 75 กรัมที่รับประทานเข้าไป
มีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1c) มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 6.5 ขึ้นไป


“หากผลการตรวจหลังงดอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ปรากฏว่ามีน้ำตาลอยู่กระแสเลือด 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เดี๋ยวนี้ก็ถือว่าเริ่มผิดปกติ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเบาหวานเต็มขั้น หากไม่รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ๆ เป็นที่มาของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อประกอบกับภาวะ น้ำหนักเกิน ไขมันสูงและความดันโลหิตสูง ย่อมส่งผลเสียต่อโครงสร้าง และการทำงานของหลอดเลือดทำให้ อวัยวะต่าง ๆ ค่อย ๆ เสื่อมหน้าที่ลง” ผศ. นพ. วราภณกล่าว

อยู่กับเบาหวานอย่างสบายใจ

สำหรับการดูแลและรักษาโรคเบาหวานนั้น ผศ. นพ. วราภณอธิบายว่าการรักษาเบาหวานประเภทที่สอง หากโรคยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ก็สามารถอาศัยการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกำลังกายได้ แต่ถ้าเป็นมากขึ้นก็ต้องให้รับประทานยาควบคู่กันไป ส่วนในรายที่ใช้ยาเม็ดแล้วไม่ได้ผลก็ต้องพึ่งยาฉีดอินซูลินเช่นเดียวกับผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่หนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้การฉีดอินซูลินด้วยตนเอง เพราะต้องฉีดเองที่บ้านเป็นประจำทุกวัน

เป้าหมายในการรักษาโรคเบาหวานอยู่ที่การควบคุมน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต ไขมันในเลือด และน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้ ก็เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และอายุที่ยืนยาวขึ้นของผู้ป่วยนั่นเอง

“หากผู้ป่วยปรารถนาจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ป่วย และผู้ดูแลควรมีความเข้าใจว่าเป้าหมายการรักษาคืออะไร และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ ถ้าทำได้ก็จะสามารถอยู่กับเบาหวานอย่างสบายใจ และสบายกายมากขึ้น
ผศ. นพ. วราภณกล่าวปิดท้าย
อาการของเบาหวานที่ต้องสังเกต

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง คุณอาจมีอาการดังต่อไปนี้
ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
กระหายน้ำ เนื่องจากสูญเสียน้ำมากจากการปัสสาวะ
อ่อนเพลีย และน้ำหนักลดเนื่องจากร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ไม่ได้
หิวบ่อย รับประทานเก่งขึ้น
คันตามตัว ติดเชื้อได้ง่าย เป็นเชื้อรา ตกขาวบ่อย
ตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
ขาชาอันเนื่องมาจากปลายประสาทเสื่อม

ใครบ้างที่เสี่ยงเบาหวาน!

คุณมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภทที่ 2 รวมทั้ง โรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง และ โรคหลอดเลือดสมอง หากคุณ
อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป
มีประวัติครอบครัวโรคเบาหวาน
เป็นผู้มีน้ำหนักเกิน หรือมีดัชนีมวลกายมากกว่า 25
มีความดันโลหิต หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง (เป็นโรคใดโรคหนึ่ง ความเสี่ยงต่ออีกโรคก็เพิ่มขึ้น) มีระดับไขมันในเลือดสูง
สตรีที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือน้ำหนักบุตรแรกคลอดมากกว่า 4 กก.
ไม่ออกกำลังกาย ดื่มสุรา และ/หรือสูบบุหรี่
ปรับนิสัย เปลี่ยนอาหาร รับมือความดัน และเบาหวาน

กุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ควบคุมและอยู่กับโรคได้อย่างมีความสุข ได้แก่ การควบคุมเรื่องการรับประทานอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเรามีคำแนะนำ ดังต่อไปนี้


เลือกรับประทานอาหารจำพวกแป้งจากธัญพืชที่ไม่ขัดสี ในปริมาณที่พอเหมาะ
พยายามงดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นหวาน มัน หรือเค็ม
รับประทานผัก และผลไม้ที่ไม่หวานจัดเพื่อเพิ่มกากใยอาหาร
ควบคุมน้ำหนัก
งดสูบบุหรี่ และงดดื่มสุรา
ออกกำลังกายเป็นประจำในแบบแอโรบิควันละ30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามคำแนะนำของแพทย์
รับประทานยาเพื่อควบคุมความดันโลหิต หรือเบาหวานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ระวังอย่ารับประทานยาใด ๆ เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะยากลุ่มที่เป็นเสตียรอยด์ ยาฮอร์โมน หมั่นศึกษาหาความรู้ในการดูแลตนเอง
ทำจิตใจให้สงบ และผ่อนคลายความเครียด ไม่โกรธ หรือโมโหง่าย

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
https://www.bumrungrad.com/th/betterhealth/2553/30th-anniversary/living-with-hypertension-and-diabetes



ข่าวดี! แพทย์เผย… ตำรับยาพื้นบ้าน “น้ำต้มใบชะพลู” พิชิตเบาหวาน! (diabetes) [lnwHealth]




มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าเหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน เนื่องจากมีสารแอนติออกซิแดนต์ แคลเซียม วิตามินเอและซีในปริมาณที่สูงมาก ที่สำคัญคือ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ดี



ข่าวดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะตอนนี้สมุนไพรไทยหาง่ายอย่าง “ชะพลู” นั้นมีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าเหมาะสำหรับคุณ เนื่องจากมีสารแอนติออกซิแดนต์ แคลเซียม วิตามินเอและซีในปริมาณที่สูงมาก ที่สำคัญคือ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ดีเลยทีเดียว

โดยตำรับยาพื้นบ้านแก้เบาหวานนั้น แค่เตรียมชะพลูทั้งห้า (ทั้งต้นจนถึงราก) 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำ 3 ขันยกขึ้นตั้งเตาเคี่ยวจนเหลือ 1 ขันรับประทานครั้งละครึ่งแก้วกาแฟก่อนอาหาร 3 มื้อ เพียงเท่านี้ก็สามารถลดระดับน้ำตาลได้แล้ว…



ประโยชน์ของใบชะพลู

1.ประโยชน์ของใบชะพลู ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ (ใบ)
2.สรรพคุณของใบชะพลู มีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ใบ)
3.ใบชะพลูมี เบต้าแคโรทีน ในปริมาณมากซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เป็นต้น (ใบ)
4.ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง (ใบ)
5.สรรพคุณใบชะพลู ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ชะพลูสดทั้งต้นประมาณ 7 ต้น นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่น้ำพอท่วมแล้วต้มให้เดือดสักพัด แล้วนำมาดื่มเป็นชา (ทั้งต้น)
6.ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ (ราก)
7.ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน (ใบ)
8.ช่วยทำให้เสมหะงวดและแห้ง (ดอก,ราก)
9.สรรพคุณชะพลู ช่วยในการขับเสมหะบริเวณทรวงอก ลำคอ (ใบ,ราก,ต้น)
10.ช่วยในการขับเสมหะทางอุจจาระ (ราก)
11.ช่วยในการขับถ่ายเนื่องจากมีเส้นใยในปริมาณมาก (ใบ)
12.ช่วยแก้อาการบิด ด้วยการใช้รากประมาณครึ่งกำมือ ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก)
13.ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก,ทั้งต้น)
14.ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ดอก,ราก)
15.รากชะพลูเป็นหนึ่งในส่วนผสม ของตำรับสมุนไพรพิกัดยาตรีสาร ซึ่งช่วยบำรุงธาตุ บำรุงโลหิต แก้คูถเสมหะ
16.เมนูใบชะพลู ก็ได้แก่ แกงคั่วไก่ใบชะพลู แกงคั่วหอยขมใบชะพลู หมูห่อใบชะพลู ไข่น้ำใบชะพลู ยำตะไคร้ใบชะพลู เมี่ยงปลาเผาใบชะพลู ผัดป่าใบชะพลู แกงอ่อมใบชะพลู ยำปลาทูใบชะพลู เป็นต้น

ที่มา : โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร




7 สมุนไพรพื้นบ้าน...แก้เบาหวานและความดัน





โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง เพราะร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากอาหารไปใช้ได้ตามปกติ มีสาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายเกิดความบกพร่องจากการที่ตับอ่อนเกิดการหลั่งอินซูลินผิดปกติ ซึ่งตัวอินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดไปสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ เพื่อสร้างพลังงาน เมื่อร่างกายมีอินซูลินไม่เพียงพอก็จะทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นนั่นเอง

โรคแทรกซ้อนผู้ป่วยเบาหวาน

ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะมีการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา เช่น โรคความดัน โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย อาการชา ปลายประสาทเสื่อม ตาพร่ามัว เกิดต้อหิน ต้อกระจก ซึ่งโรคที่มักเป็นคู่กันกับโรคเบาหวานคือความดันโลหิต ในปัจจุบันการรักษาเบาหวาน และความดันโลหิต แพทย์จะให้ยามารับประทานเพื่อช่วยประคองและรักษาอาการ

ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตล้วนแสวงหาวิธีที่จะรักษาโรคนี้ การใช้สมุนไพรถือเป็นแนวทางการรักษาอีกทานหนึ่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีรายงานการศึกษาว่ามีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันในเลือด ทำให้การไหลเวียนของหลอดเลือดดีขึ้น ซึ่งสมุนไพรที่นิยมในการนำมารักษาโรคเบาหวาน และความดันโลหิต คืออะไรนั้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสมุนไพรแก้เบาหวานและความดันกันเลยค่ะ
สมุนไพรพื้นบ้านแก้เบาหวานลดความดัน

1 มะระขี้นก เป็นไม้เลื้อยและเป็นผักพื้นบ้านของไทย อาจจะนำมาลวกจิ้ม กินเป็นผักจิ้มน้ำพริกก็อร่อยดี มีวิตามิน เอ และ ซี สูง มีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือด และชะลอการเกิดต้อกระจกได้

2 ใบย่านาง มีสรรพคุณเป็นยาเย็น เมื่อทานเข้าไปจะทำให้ร่างกายเย็นลง ทำให้ระบบในร่างกายสามารถผลิตอินซูลินมาเผาผลาญน้ำตาลได้เป็นปกติ จึงเป็นสมุนไพรแก้เบาหวานได้นั่นเอง

3 กระเทียม มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตลงได้ ควรรับประทานกระเทียมหัวแก่ หากรับประทานสดจะได้รับคุณประโยชน์มากกว่ากระเทียมที่ปรุงสุกแล้ว

4 ตะไคร้ เป็นสมุนไพรแก้เบาหวานและความดันที่เรารู้จักกันดี เพราะนิยมนำมาประกอบอาหาร ซึ่งตะไคร้จะมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะ ขับลม และยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย

5 ผักตำลึง ในผักตำลึงมีประโยชน์มากมาย เป็นยาพื้นบ้านใช้รักษาเบาหวาน สามารถใช้ได้ทั้ง ราก เถา ใบ ซึ่งมีสูตรหลากหลาย แม้กระทั่งชาวเบงกอลในอินเดียก็ใช้ตำลึงเป็นยาประจำแก้โรคเบาหวาน

6 ผักเชียงดา มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย เถาสีเขียว มีรสขมอ่อน ๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เป็นผักที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นผักเพื่อเพิ่มพละกำลัง ทั้งยังสามารถใช้เป็นยาลดน้ำหนักได้ เนื่องจากว่าผักเชียงดาช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการไปสร้างเป็นไขมันสะสม ซึ่งมีการศึกษาผู้ป่วยจากโรคเบาหวานที่ใช้ผักเชียงดาในการรักษา สามารถลดปริมาณการใช้ยาแผนปัจจุบันได้ และบางรายสามารถใช้ผักเชียงดาอย่างเดียวในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

7 ใบชะพลู เป็นผักพื้นบ้านของไทยและเป็นสมุนไพรแก้เบาหวานและความดัน นิยมนำมารับประทานสด ในตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านสามารถนำใบชะพลูมาต้มเพื่อลดเบาหวานได้ เนื่องจากใบชะพลูมีสรรพคุณในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง มีแคลเซียม วิตามินเอและซี สูงมาก

การเลือกใช้สมุนไพรในการรักษาโรคความดันโลหิตและเบาหวาน ถึงแม้ว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วย แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องระมัดระวังคือสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลเป็นพิษต่อร่างกายถ้าหากใช้ไม่ถูกต้อง ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเลือกใช้สมุนไพรแก้เบาหวานและความดันเหล่านี้ รวมถึงการเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรเป็นสารสกัดจากสมุนไพรและผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา รับรองความปลอดภัยด้วยนะค่ะ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดเบาหวาน ไขมัน คอเลสเตอรอลแบบแคปซูล ทานง่าย ได้ผลจริง และมีคำยืนยันจากผู้ที่ลองใช้ ลองคลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

ถึงแม้ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้มีภาวะเสี่ยงโรคความดันจะเลือกทานอาหารเสริมสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินและออกกำลังกายเพิ่มเติมด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำควบคู่กับการรับประทานยา และอาหารเสริมค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://goo.gl/HJhFgU

สาขา Health Blog



newyorknurse



Create Date : 13 มิถุนายน 2560
Last Update : 22 มิถุนายน 2560 17:41:21 น. 8 comments
Counter : 2908 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเนินน้ำ, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณQuel, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณClose To Heaven


 
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะคะพี่น้อย
โหวตค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 22 มิถุนายน 2560 เวลา:20:22:11 น.  

 
ทั้ง 7 อย่าง ตำลึง ทานง่ายที่สุดครับ ต้มจิ้มน้ำพริก


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:0:10:53 น.  

 
โรคนี้กาญก็กลัวมากค่ะพี่น้อย
เพราะพ่อ อา พี่ชาย ญาติหลายคนเป็นเบาหวาน
และกาญก็ชอบกินขนมหวานด้วย แต่ตรวจเลือดประจำค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะพี่น้อย

บ้านกาญร้อนมาก ฝนไม่ตกหลายวันแล้วค่ะ
ดอกกุหลาบข้างบ้านโดนแดดร้อนๆ ดอกไม้หมด

newyorknurse Health Blog


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:2:24:23 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Health Blog ดู Blog


โดย: Quel วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:4:15:31 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่น้อย
อาม่าก็เป็นเบาหวาน ความดัน ครบสูตรค่ะ
ต้องควบคุมอาหารจริงๆ ค่ะ
พอเผลอกินขนมหวานถึงจะแค่ถ้วยเล็ก
น้ำตาลขึ้นจนน่าจกใจเลยค่ะ


โดย: ann_shinchang วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:7:41:16 น.  

 
newyorknurse Health Blog ดู Blog
อาหารแก้เบาหวานไม่อร่อยสักอย่างคต่ะพี่น้อย
ผักก็ขม ไม่ก็เผ็ดฉุน โชคดีที่ไม่เป็นนะคะ




โดย: หอมกร วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:9:14:42 น.  

 
บ้านเราถ้าเกิน 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หมอก็เตือนให้คุมอาหารแล้วค่ะ

ผักสมุนไพร 7 ชนิด หนูไม่รู้จักผักเชียงดาอย่างเดียวค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
newyorknurse Health Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:12:50:17 น.  

 
newyorknurse Health Blog ดู Blog

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ค่ะพี่น้อย


โดย: Close To Heaven วันที่: 23 มิถุนายน 2560 เวลา:13:22:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2560
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 มิถุนายน 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.